“ฮึ่ม!แกคิดว่าพ่อโง่ จนถึงขนาดเชื่อว่าแกจะคลานลอดใต้ระหว่างขาจริงๆ หรือไง? อย่าคิดเล่นตุกติกต่อหน้าพ่อนะโว้ย”เมื่อฉินเฟิงกำลังจะก้าวไปข้างหน้าอีกก้าว ชายหัวล้านก็คำรามด้วยความโกรธเกรี้ยวและปล่อยหมัดมาหาฉินเฟิง
“บ๊ะ!มืดค่ำแล้วจะะโหาพระแสงอะไร?”
นี่เป็ครั้งแรกที่ฉินเฟิงต่อสู้และเขาต้องเผชิญกับชายร่างั์สามคนที่มีกล้ามเป็มัดๆเขาจึงรู้สึกประหม่าขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ และเพราะชายหัวล้านเริ่มขยับกะทันหันฉินเฟิงจึงในิดหน่อย
หมัดนี้ค่อนข้างมีพลังถ้ามันถูกใบหน้าของฉินเฟิงเข้าคงดูไม่จืดแน่
แต่ในไม่ช้าฉินเฟิงก็คุมสติบางทีอาจเพราะว่าเขามีเพลงหมัดพยัคฆ์คำรนฉินเฟิงจึงพบว่าชายหัวล้านนี้ค่อนข้างอ้วน แม้จะดูน่ากลัวและมั่นใจในตัวเองแต่หมัดของเขากลับช้าอย่างกับเต่า และไม่มีเทคนิควิชาอะไรเลย
พูดง่ายๆก็คือช่องว่างเพียบ!
ถึงอย่างไรฉินเฟิงก็เห็นโลกนี้มามากและสามารถคุมสติได้อย่างรวดเร็ว เขายืนนิ่งและเมื่อหมัดของชายหัวล้านกำลังจะถึงตัว ดวงตาของเขาก็ส่องประกายบิดตัวปล่อยหมัดสวนทันที
ตูม!
เสียงดังก้องไปทั้งโรงงานร้าง
หลังจากปล่อยหมัดฉินเฟิงยังยืนอยู่ที่เดิม ส่วนชายหัวล้านตกตะลึง
เขาลืมความเ็ปที่ท้องและมองฉินเฟิงด้วยความใกลัว
ใครจะไปคิดว่าไอ้นี่มันจะแข็งแกร่งขนาดนี้!มันยืนโดยที่ไม่ได้ขยับ แต่ก็ยังน็อกเขาด้วยหมัดเดียว?
ชายหัวล้านคงไม่เชื่อแน่นอนหากไม่ได้เห็นด้วยตาและประสบด้วยตัวเองว่าเกิดอะไรขึ้นคนที่อยู่ตรงหน้าเขาไม่เหมือนกับนายน้อยฉินในข่าวลือ
ชายหน้าบากกับเ้าผมบลอนด์จ้องด้วยั์ตาเบิกกว้างและมองเหตุการณ์นี้ด้วยความตกตะลึง พร้อมกับอ้าปากค้าง
เรียบง่าย แต่ก็ดุดัน!
นั่นคือการประเมินฉินเฟิงของชายหน้าบากและเ้าผมบลอนด์ใครจะคิดว่าไอ้เด็กนี่มันแอบซ่อนความแข็งแกร่งมาโดยตลอด!
หมัดนี้ทำให้ชายหน้าบากและเ้าผมบลอนด์ต้องเพิ่มความระมัดระวังสายตาที่พวกมันมองฉินเฟิงไม่มีการล้อเล่นอีกต่อไป พวกมันต้องเอาจริงชายหน้าบากรีบสบตากับเ้าผมบลอนด์แบบมีเลศนัยเพื่อบอกให้รู้ว่าอาจจะต้องร่วมมือกันฆ่าไอ้เด็กนี่
ย้าก!
ทั้งสองเป็เหมือนกับหมาป่าและพุ่งเข้าหาฉินเฟิง
หลังจากเห็นผลของหมัดเมื่อครู่ฉินเฟิงก็มั่นใจขึ้นมาก เมื่อเขาเห็นคนสองคนกำลังพุ่งมาหา เขาก็ยิ้มอย่างสงบและทันใดนั้นก็เร่งความเร็วพุ่งไปข้างหน้า
ผัวะ ผัวะ!
เมื่อทั้งสามคนปะทะกันก็มีสองเสียงดังขึ้นพร้อมกัน
วินาทีต่อมามีเพียงฉินเฟิงเท่านั้นที่ยืนตรงดั่งปลายทวน
ชายหน้าบากและอีกคนโดนหมัดจากฉินเฟิงจนลงไปกองกับพื้นหมัดพยัคฆ์คำรนทั้งแข็งแกร่งและทรงพลังอย่างน่าเหลือเชื่อทำให้ทั้งสองคนรู้สึกเหมือนอวัยวะภายในเคลื่อนย้ายจากความรุนแรงของหมัด
อย่างที่เขาเรียกกันว่าสู้จบโดยที่ยังไม่ทันเริ่ม
...
“เวรเอ๊ยไอ้เวรนี่มันแกล้งทำเป็อ่อนแอ กลายเป็ว่ามันซ่อนฝีมือเอาไว้ไม่สงสัยเลยที่ทำไมมันยังอยู่ดีจนถึงบัดเดี๋ยวนี้ดูเหมือนพวกมันจะเอาชนะฉินเฟิงไม่ได้”
หม่าเต๋อหู่ที่กำลังซ่อนตัวอยู่ในความมืดตะลึงงันเมื่อเห็นอย่างนี้
สีหน้าของเขาคล้ำลงยิ่งขึ้นคืนนี้เขาจะไม่มีโอกาสย่ำยีหยุนเซียวจริงๆ เหรอ? แต่เมื่อเขานึกถึงรูปร่างสุดเซ็กซี่ของหยุนเซียวเขาก็ไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้โอกาสนี้ง่ายๆ
“แกสู้เก่งนักใช่ไหม?งั้นพ่อจะจบชีวิตแกด้วยะุปืนแล้วกันเตรียมตั๋วเที่ยวเดียวไปโลกหน้าได้เลย”
หลังจากคิดในใจรอยยิ้มเ็าก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าอำมหิตของหม่าเต๋อหู่ ปืนพกสีเงินปรากฏขึ้นในมือและเล็งปากกระบอกไปที่หลังของฉินเฟิง
ฉึก!
ทันใดนั้นก็มีมีดบินพุ่งเข้ามาปานสายฟ้าแลบ
ก่อนที่หม่าเต๋อหู่จะทันเหนี่ยวไกมีดบินก็เจาะผ่านข้อมือของเขา เขาเจ็บจนทำปืนหลุดและรีบหนีไป
ในเงามืดมีชายชราอายุประมาณครึ่งร้อยเขามีผมขาวโพลน แต่สายตายังคงสว่างไสวผิดปกติ เขาคือลุงฝูผู้คุ้มกันที่ฉินหวงแอบส่งมาปกป้องฉินเฟิง
โชคดีที่การกระทำของเขาในครั้งนี้สามารถช่วยชีวิตของฉินเฟิงไว้ได้ทันมิเช่นนั้นหากมีอะไรเกิดขึ้นกับฉินเฟิงล่ะก็ลุงฝูคงไม่รู้จะเอาหน้าไปพบกับฉินหวงอย่างไร
หลังจากถอนหายใจด้วยความโล่งอกั์ตาของลุงฝูก็ส่องประกายขึ้นเขาเห็นฉินเฟิงสู้กับพวกนักเลงทั้งสามและรู้สึกตะลึง
แม้ว่าลุงฝูจะคอยปกป้องฉินเฟิงมากว่า10 ปีแต่เขาก็ไม่รู้ว่าฉินเฟิงแอบไปเรียนวิชาต่อสู้อันทรงพลังมาั้แ่เมื่อไรยิ่งไปกว่านั้นจากท่วงท่าที่ฉินเฟิงใช้ ดูเหมือนเขาจะฝึกมาอย่างน้อย 10 ปี
นี่เป็เื่ยากที่จะคาดเดา
หลังจากลังเลอยู่ชั่วขณะหนึ่งเขาก็หยิบโทรศัพท์ออกมาโทร
“ลุงฝูเกิดอะไรขึ้นกับเฟิงเอ๋องั้นเหรอ?”
ทันทีที่ต่อสายติดเสียงที่ดูเข้มแข็งและหนักแน่นก็ดังออกมา หลังจากรับสายลุงฝูกลางดึกฉินหวงจึงเป็ห่วงเฟิงเอ๋อ
“คุณฉินโปรดวางใจคุณชายยังสบายดี แต่ลุงฝูคนนี้มีเื่สำคัญมากที่ต้องรายงานคุณฉิน”
เมื่อได้ยินว่าฉินเฟิงสบายดีฉินหวงก็โล่งอกและตอบด้วยเสียงดังฟังชัด “พูดมา”
“คุณฉินครับดูเหมือนนายน้อยจะแอบเรียนมวยแข็ง และยังเป็เพลงหมัดกำลังภายนอกขั้นสูงด้วย”
“อะไรนะ?”
ในฐานะบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองเว่ยเฉิงฉินหวงจึงผ่านประสบการณ์โชกโชนมานับไม่ถ้วน เขาไม่แม้แต่กะพริบตาเวลาซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินหลายสิบล้านแต่ตอนนี้่เขารู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่า เขาลุกพรวดออกจากโซฟาด้วยความตื่นเต้น“เฟิงเอ๋อเรียนเพลงหมัดกำลังภายนอก?”
แต่ในไม่ช้าสีหน้าของฉินหวงก็หมองลงอีกครั้งและพูดด้วยเสียงต่ำ“เป็ไปไม่ได้ ตอนที่เฟิงเอ๋อเกิด ฉันให้คนเช็คดูแล้วเป็ไปไม่ได้ที่ชีวิตนี้เขาจะสามารถฝึกวิทยายุทธ!”
“คุณฉินครับถ้าผมไม่ได้เห็นกับตาตัวเอง ผมก็อาจจะไม่เชื่อเหมือนกันแต่เขาก็ฝึกได้และเป็เพลงหมัดกำลังภายนอกในระดับเริ่มต้นภายในอึดใจเดียวเขาก็สามารถจัดการนักเลงสามคนลงได้ ดูจากการเคลื่อนไหวแล้วผมว่าเขาต้องฝึกมาอย่างน้อยสิบปีเลยทีเดียว”
ตะลึง!ตะลึงั้แ่หัวจรดเท้า!
ฉินหวงรู้ว่าลุงฝูไม่โกหกแน่และก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องโกหกอย่างนั้น ในเมื่อเขาเห็นเองกับตางั้นเื่นี้ก็ต้องเป็เื่จริงมากที่สุดเขาตื่นเต้นด้วยความดีใจจนเกือบลืมหายใจ
หลังจากเงียบไปสักพักหนึ่งเขาก็พูดอย่างมั่นคง
“ลุงฝูจากวันนี้เป็ต้นไป ผมอยากให้ลุงตามปกป้องเฟิงเอ๋อตลอด 24 ชั่วโมงถ้ามีอะไรใหม่ๆ เกิดขึ้น แจ้งให้ผมรู้ทันที!”
หลังจากวางสายเป็เวลานานความตื่นเต้นของฉินหวงก็ยังไม่สงบลงเมื่อไรก็ตามที่คิดว่าเฟิงเอ๋อแอบฝึกเพลงหมัดกำลังภายนอกในระดับเริ่มต้นฉินหวงก็ตื่นเต้นจนน้ำตาไหล
เขายืนเอามือไพล่หลังอยู่ริมหน้าต่างสไตล์ฝรั่งเศสชั้นบนสุดของคฤหาสน์จากคฤหาสน์ที่สร้างบนยอดเขาสามารถมองเห็นวิวยามค่ำคืนของเมืองเว่ยเฉิงได้เกือบทั้งเมือง
“ซู่ซูคุณรู้หรือเปล่า ตอนนี้ลูกเฟิงของเราฝึกวิทยายุทธ์ได้แล้วแถมยังเป็เพลงหมัดกำลังภายนอกในระดับเริ่มต้นด้วย ฉันรู้อยู่แล้วรู้อยู่แล้วว่าเด็กคนนี้ต้องเหมือนกับคุณ ที่สืบทอดพันธุกรรมของคุณ...ซู่ซูคุณอยู่ที่นั่นสบายดีหรือเปล่า?”
ฉินหวงผู้ผ่านประสบการณ์ชีวิตอย่างโชกโชนน้ำตาคลอน้ำเสียงมีความเศร้าแฝงอยู่ในความตื่นเต้น
ตอนแรกงานรวมญาติตระกูลฉินในอีกหนึ่งปี ฉินหวงได้ยอมแพ้ที่จะช่วยเฟิงเอ๋อขึ้นเป็ประมุขน้อยคนใหม่ของตระกูลแต่ตอนนี้เขาได้เห็นความหวังอีกครั้ง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้