Chapter 7
ติ๊ด ๆ
โทรศัพท์เครื่องสีดำที่ทำหน้าที่แทนนาฬิกาปลุกส่งเสียงเรียกคนตัวเล็กที่นอนหลับสนิทให้ตื่นจากความฝัน คนที่เพิ่งนอนไปไม่กี่ชั่วโมงเพราะเมื่อคืนต้องโหมทำรายงานให้เสร็จยกมือขึ้นลูบใบหน้าของตัวเองเบา ๆ ใกล้อยากนอนต่ออีกสักหน่อย แต่เขากลัวจะเผลอหลับยาว ใกล้จึงบังคับตัวเองด้วยการหยัดกายลุกขึ้นนั่งด้วยความงัวเงีย
มือเรียวเอื้อมไปคว้าโทรศัพท์เครื่องสีดำที่ส่งเสียงร้องมากดปิด เปลือกตาสีอ่อนปิดลงอีกครั้ง ก่อนคนตัวเล็กจะสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ ใกล้หวังว่าออกซิเจนที่ถูกโกยเข้าปอดจะทำให้รู้สึกสดชื่นได้บ้าง
เพราะใกล้รู้สึกเพลียมาก ๆ เลย...
นอนเกือบสิบโมงเช้า
แต่ต้องตื่นเที่ยง
ชีวิตเด็กมหา’ ลัยก็แบบนี้แหละ
ครืด ~
ทว่าเสียงสั่นครืดทำให้ใกล้ต้องลืมตามองที่หน้าจอโทรศัพท์ เขาต้องรีบตื่นจากอาการงัวเงียเมื่อเห็นชื่อที่ปรากฏอยู่บนจอแก้ว การคุยกับรุ่นพี่ด้วยเสียงสะลึมสะลือคงไม่ดี
“ครับ พี่เดียร์”
[วันนี้ใกล้ไม่เข้ามาซ้อมใช่ไหมจ๊ะ?]
“ใช่ครับ เมื่อวานใกล้ซ้อมเล่นจนจบเพลงไปหลายรอบแล้วครับ”
[เล่นได้คล่องแล้วใช่ไหมจ๊ะ?]
“ครับพี่เดียร์”
[ถ้าใกล้จะเข้ามาซ้อมวันไหนอีกก็บอกพี่นะ เดี๋ยวพี่ให้รุ่นน้องเตรียมขิมไว้ให้จ้ะ]
“โอเคครับ เดี๋ยวใกล้ขอดูตารางเรียนแล้วบอกพี่เดียร์อีกครั้งนะครับ พอดี่นี้มีพรีเซนต์งานหลายวิชาเลย แต่ใกล้จะพยายามหาเวลาว่างไปซ้อมอีกสักครั้งสองครั้งก่อนถึงวันงานโอเพนเฮาส์ครับ”
[โอเคจ้ะ ใกล้...พี่ขอโทษที่ต้องรบกวนเรานะ แต่ว่ารุ่นน้องบอกว่าเพลงนี้เล่นยากมาก ไม่มีใครเล่นได้เลย]
“ไม่เป็ไรครับพี่เดียร์ ใกล้เต็มใจช่วยครับ”
[เราใจดีกับพี่ตลอดเลย ไว้พี่จะพาไปเลี้ยงข้าวหลังจบงานนะ]
ใกล้หัวเราะ ก่อนเอ่ย “ไม่เป็ไรครับ แต่ถ้าพี่เดียร์อยากพาไปเลี้ยงข้าวจริง ๆ ใกล้ก็ขอบคุณล่วงหน้าเลยครับ”
[จ้า...พี่ไม่กวนเราแล้ว ไว้เจอกันที่มอนะใกล้]
“ครับ ~'”
ใกล้วางสายจากรุ่นพี่ เขาเอาโทรศัพท์วางไว้ข้างโคมไฟเหมือนเดิม พี่เดียร์เป็รุ่นพี่ที่สนิทของใกล้ เพราะตอนเด็ก ๆ เขาเคยเรียนดนตรีไทยที่โรงเรียนสอนดนตรีเดียวกับเ้าตัว พ่อส่งเขาไปเรียนดนตรีไทยเพราะอยากให้เล่นระนาดได้ ทว่าใกล้ไม่ค่อยชอบเล่นระนาดจึงบอกพ่อไปตามตรง พ่อเลยให้เขาลองเลือกเครื่องดนตรีเอง เมื่อใกล้ได้ยินเสียงขิมที่พี่เดียร์เล่นอยู่ในห้องหนึ่ง ความไพเราะของเครื่องดนตรีชนิดนี้ทำให้ใกล้ตกหลุมรักได้ทันที หลังจากนั้นใกล้ก็เลือกเรียนขิมและได้อยู่คลาสเดียวกับพี่เดียร์มาตลอด
แต่พอใกล้ขึ้นมัธยมปลายก็ต้องเลิกเรียนดนตรีไทยที่โรงเรียนนั้นไป เพราะเขาต้องเอาเวลาทั้งหมดมาทุ่มให้กับการเรียน แต่ใกล้ยังคงเล่นขิมอยู่ที่บ้านอย่างสม่ำเสมอ เขาไม่ได้เจอกับพี่เดียร์มาสักพักใหญ่ ๆ แต่เรายังติดต่อกันตลอด จนกระทั่งเข้ามหา’ ลัย เราจึงได้เจอกันบ่อยขึ้น
คณะศิลปกรรมศาสตร์ที่พี่เดียร์เรียนจัดการแสดงหลายอย่างในงานโอเพนเฮาส์ แต่สาขาของพี่เดียร์มีโชว์ร้องเพลงในห้องประชุมขนาดใหญ่ เ้าตัวได้รับเลือกให้ร้องเพลง ‘ดั่งฝันฉันใด’ ในบทเพลงนี้มีเสียงขิมบรรเลงร่วมด้วย เพราะรุ่นน้องปีหนึ่งไม่สามารถเล่นได้ เมื่ออาทิตย์ที่แล้วเ้าตัวจึงโทรมาขอความช่วยเหลือจากเขา
ใกล้ตกลงช่วยรุ่นพี่โดยไม่คิดมาก เขาคิดว่ามันไม่ได้หนักหนาอะไร เพียงแค่ต้องซ้อมเล่นบ่อย ๆ เมื่อวานใกล้พอมีเวลาว่างหลังจากเลิกเรียน เขาจึงไปซ้อมเล่นขิมที่คณะของพี่เดียร์
ใกล้เลยไม่ได้เห็นพระจันทร์ตอน 17.30 เลย...
คนตัวเล็กลุกออกจากที่นอนแล้วเดินตรงไปที่ห้องน้ำอย่างไม่อิดออด ใกล้ถอดเสื้อแขนยาวและกางเกงนอนขาสั้นออกก่อนจะโยนใส่ตะกร้าหวาย เขารู้ว่าตัวเองใช้เวลาอาบน้ำค่อนข้างนาน เพราะฉะนั้นใกล้จะมัวแต่นั่งง่วงอยู่บนเตียงไม่ได้
หลังจากใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวสักพัก คนตัวเล็กที่สวมชุดสูทสีกรมก็เดินมาหยิบเล่มรายงานที่พิมพ์เสร็จั้แ่เมื่อคืน ดวงตาเรียวรีเหลือบมองต้นกระบองเพชรสองต้นตั้งอยู่ข้างกันบนโต๊ะทำงานของเขา
รอยยิ้มบางปรากฏบนใบหน้าหวาน ใกล้เคลื่อนนิ้วไปจิ้มที่หนามเล็ก ๆ ของต้นกระบองเพชรที่คุณพระจันทร์มอบให้ ก่อนเอ่ยด้วยเสียงแ่เบา
“เมื่อวานไม่ได้เจอกันเลย...คิดถึงคุณศศินจะแย่”
หลังจากฝากความคิดถึงผ่านตัวแทนอย่างเ้าต้นกระบองเพชร หัวหน้ากลุ่มที่ต้องนำพรีเซนต์อย่างเขาก็รีบคว้ากุญแจรถและกระเป๋าหนังออกมาจากห้อง ใกล้อยากไปถึงมหา’ ลัยเร็ว ๆ เขาและเพื่อนจะได้ซ้อมพรีเซนต์ร่วมกันก่อน
ใกล้ออกมาจากลิฟต์แล้วเดินไปที่ลานจอดรถใต้คอนโด เขารีบสาวเท้าไปหารถ Audi A5 สีขาวที่จอดอยู่ ในจังหวะที่มือเรียวเปิดประตูรถก็มีเสียงแจ้งเตือนจากไลน์ดังขึ้น ใกล้จึงล้วงหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงหลังจากขึ้นรถมาแล้ว
ไลน์ ~
MaMay : ใกล้ เราถึงมอแล้วนะ ให้เราสั่งโกโก้เย็น (ไม่หวานเลยสักนิด) ไว้รอเลยดีไหม?
MaMay : ใกล้ออกมาจากคอนโดหรือยัง?
Ppie : เราจอดรถแล้ว กำลังไปที่ตึกเรียน
อ่า...วันนี้ใกล้ใจไปมหา’ ลัยสายสุดสินะ
glaijai : เดี๋ยวเราไปสั่งเองก็ได้เมย์ เราเพิ่งออกจากคอนโดเอง
MaMay : โอเค ๆ ถ้างั้นใกล้มาสั่งเองดีกว่า
glaijai : เดี๋ยวเราขอขับรถก่อนนะ
Ppie : ขับรถดี ๆ นะใกล้
MaMay : ไม่ต้องรีบนะ ยังเหลือเวลาอีกหลายชั่วโมงเลย
glaijai : send a sticker
ใกล้กดส่งสติกเกอร์รูปกระต่ายดุ๊กดิ๊กที่มีหัวใจสีแดงหลายดวงลอยอยู่รอบ ๆ ตัวไปให้เพื่อนสนิททั้งสองคน ก่อนจะวางโทรศัพท์ไว้ข้างกายแล้วตั้งใจขับรถ
วันนี้...
หลังจากพรีเซนต์งานเสร็จแล้ว
ใกล้จะรีบไปหาคุณพระจันทร์นะ
:)
เพราะ่บ่ายของวันนี้รถค่อนข้างติด ใกล้จึงมาถึงมหา’ ลัยช้ากว่าที่คิดไว้ เขาเลี้ยวรถเข้าไปจอดใต้ตึกเรียนแล้วรีบไปหาเพื่อนสนิทที่นั่งรออยู่ในร้านกาแฟ ทันทีที่มาถึงก็เห็นเมย์กับพายกำลังคุยเล่นกันอยู่
“คุณหัวหน้ากลุ่มมาแล้ว~” พายเอ่ยด้วยเสียงสดใสเมื่อเขาเดินไปหยุดอยู่ที่โต๊ะ
“รถติดมากเลย”
“เหลือเวลาอีกสี่สิบนาทีก่อนพรีเซนต์ ใกล้อยากกินอะไรก่อนไหม? ....ยังทันนะ”
“เดี๋ยวเราค่อยกินข้าวหลังจากพรีเซนต์เสร็จดีกว่า”
“พูดแบบนี้...แสดงว่าไม่ได้กินมื้อเช้ากับมือกลางวันก่อนออกจากคอนโดใช่ไหม?”
ใกล้ส่งยิ้มแห้ง ๆ ให้พายที่หรี่ตาแล้วชี้นิ้วใส่เขา “เรา...รีบน่ะ กลัวมาไม่ทัน”
“ใกล้...พยายามกินข้าวเช้าหน่อย ถ้าเป็โรคกระเพาะแล้วมันหายยากนะ ทุกวันนี้เราก็เป็อยู่ ไม่หายขาดสักที” เมย์บ่นด้วยเสียงดุ ๆ
“เดี๋ยวพรุ่งนี้เราจะตื่นมากินแต่เช้าเลย...” เพราะเพื่อนสนิททั้งสองคนส่ายหน้าเหมือนไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูด ใกล้จึงหย่อนก้นนั่งลงตรงหน้าเพื่อนแล้วยกนิ้วก้อยขึ้นมา “สัญญาเลย”
“ถ้าใกล้ใจยอมเกี่ยวก้อยสัญญาเมื่อไหร่...แสดงว่าเ้าตัวจะพยายามทำให้ได้”
ใกล้ยิ้มแล้วพยักหน้าหงึกหงัก “ใช่”
“สัญญาแล้วนะใกล้ใจ” พายเอานิ้วก้อยของเ้าตัวมาเกี่ยวไว้กับนิ้วก้อยของเขา
“อื้อ เราสัญญา”
“สัญญากันเสร็จแล้ว งั้นก็ไปรอพรีเซนต์งานที่ห้องกันได้แล้ว”
คนตัวเล็กลุกขึ้นยืนเต็มความสูงหลังจากเมย์พูดจบ ใกล้หยิบเล่มรายงานออกมาจากกระเป๋าหนังแล้วส่งให้เพื่อนช่วยเช็กความเรียบร้อย พายรับไปก่อนจะเลิกตาโตเล็กน้อย
“โอ้โห...งานเนี๊ยบมาก ดูดีั้แ่หน้าปกเลย”
“เื่งาน...คุณหัวหน้าไม่ค่อยปล่อยผ่านหรอก ต้องเป๊ะทุกกระเบียดนิ้ว”
“เมย์ก็พูดเกินไป” .ใกล้พูดปนหัวเราะ “เราแค่พยายามทำให้ดีที่สุดแค่นั้นเอง”
“มาตรฐานคำว่า ดีที่สุด ของใกล้คือสูงมาก ๆ เลยจ้า”
ใกล้หลุดหัวเราะเมื่อโดนเพื่อนสนิทแซว ก่อนเอ่ย “ไปกันได้แล้ว เดี๋ยวเข้าห้องสายนะ”
เมย์กับพายพยักหน้าให้เขา พวกเราเดินมารอลิฟต์ได้สักพักก็เห็นนิวกับทศเพิ่งออกมาจากร้านกาแฟ ทั้งสองคนกำลังเดินมาทางเรา แต่ใกล้ไม่ได้สนใจอะไร เขารับเล่มรายงานจากพายมาถือไว้แล้วเงยหน้ามองลูกศรที่ปรากฏอยู่เหนือประตูลิฟต์ ทว่าเสียงร้องเตือนของพายเรียกความสนใจจากเขาได้เป็อย่างดี
“ใกล้ ระวัง!”
ใกล้หันไปมองพายที่เบิกตาโตคล้ายใ เขารู้ได้ในทันทีว่ากำลังเกิดบางอย่างขึ้นจากทางด้านซ้ายของตัวเอง แต่ยังไม่ทันหันกลับไปมองก็รู้สึกเหมือนมีของเหลวอุณหภูมิร้อนซึมผ่านเนื้อผ้ามาััที่ผิวกาย
คนตัวเล็กสะดุ้งเล็กน้อยเพราะรู้สึกร้อนวูบบริเวณหน้าอกข้างซ้าย แต่ใกล้ยังมีสติจึงยกเล่มรายงานที่อยู่ในมือขึ้นเหนือศีรษะเพื่อไม่ให้เลอะของเหลวร้อน ๆ นั้นไปด้วย เมื่อพายคว้าแขนเขาไว้แล้วดึงให้เข้าไปยืนประชิดเ้าตัว ใกล้จึงหันกลับไปมองทางด้านซ้ายเพื่อหาที่มาของคราบสีน้ำตาลที่เปื้อนอยู่บนเสื้อเชิ้ตสีขาวของเขา
ทศ...กับแก้วกระดาษสีขาวที่มีของเหลวสีน้ำตาลหยดย้อนอยู่บริเวณปากแก้ว
เมื่อเห็นเช่นนั้น...สิ่งแรกที่ต้องทำคือตั้งสติ ใกล้นิ่งเงียบทั้งที่ในใจแทบหมดความอดทน มือเรียวส่งเล่มรายงานสภาพสมบูรณ์ให้พาย เมย์กัดฟันกรอดขณะจ้องเขม็งใส่นิวและทศ
ทันทีที่พายรับเล่มรายงานไป ใกล้จึงถอดเสื้อสูทสีกรมตัวที่ใส่คลุมด้านนอกออก เพื่อไม่ให้เปื้อนคราบกาแฟไปด้วย เพราะแค่เสื้อเชิ้ตตัวในเลอะก็แย่มากพอแล้ว มือเรียวจับสะบัดเสื้อสูทเพื่อเช็กความเรียบร้อยอีกครั้ง ก่อนจะหลุบตามองเสื้อเชิ้ตสีขาวที่เปื้อนคราบกาแฟ ตอนนี้ใกล้รู้แล้วว่าคนที่โดนน้ำร้อนลวกรู้สึกอย่างไร
คงรู้สึกแสบร้อนแบบนี้สินะ...
“กูขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจ”
“มึงตั้งใจไอ้ทศ! กูเห็นมึงให้นิวแกล้งผลักให้มึงมาชนใกล้”
“เมื่อไหร่มึงจะเลิกใส่ร้ายกูวะเมย์”
“กูเนี่ยนะใส่ร้ายมึง?”
“เออ มึงนั่นแหละ มองโลกในแง่ร้ายตลอด”
“หุบปากไปเลยอีนิว! มึงนั่นแหละตัวดี”
“เมย์ใจเย็น...มีเื่ในมหา’ ลัยไม่ดีหรอก” พายพยายามห้ามเมย์ที่กำลังเดือดจัด
แม้ใกล้จะไม่เห็นเหตุการณ์ั้แ่แรกด้วยตาตัวเอง เขารู้ตัวในตอนที่โดนกระทำเลย แต่ใกล้พอจะไตร่ตรองเื่ราวต่าง ๆ ได้ด้วยตัวเอง
เขามองทศที่ถือแก้วกาแฟอยู่ เ้าตัวพยายามสู้สายตากับเขา แต่ไม่นานก็หลบตา ใกล้คิดว่าทศวางแผนกับเพื่อนสนิทเพื่อแกล้งกลุ่มเขาจริง ๆ แต่อาจจะผิดแผนไปสักหน่อย ความจริงแล้วทศกับนิวคงอยากให้กาแฟร้อน ๆ เลอะที่เล่มรายงานมากกว่า เพราะใกล้สังเกตจากแววตาเป็กังวลของทศ และนิวที่พยายามมองไปที่เล่มรายงานในมือของพาย
ใกล้ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เพราะรู้สึกเอือมระอากับอีกฝ่าย จากที่ใกล้ดูพฤติกรรมของทั้งสองคนแล้ว เขาคิดว่ารับมือด้วยได้ไม่ยาก ใกล้จะไม่มีทางเอาคืนทั้งสองคนด้วยการแก้แค้นเหมือนในละคร เพราะมันทำให้เสียเวลาและไร้ประโยชน์ เมื่อวิเคราะห์ดี ๆ นิวและทศมีความคิดไม่ต่างจากเด็ก
วิธีรับมือกับคนที่ไม่รู้จักโต
คือการเป็ผู้ใหญ่ที่ตักเตือนเด็กเกเรให้สำนึกผิด
เขามองทั้งสองคนด้วยสายตาเรียบนิ่งแล้วเดินเข้าไปหาอย่างใจเย็น ก่อนเอ่ย “รายงานเราไม่เลอะกาแฟอย่างที่นิวกับทศ้าหรอก”
“...”
“การอ้างว่าไม่ได้ตั้งใจ...มันทำให้นิวกับทศดูโตแค่ตัว แต่สมองไม่ได้โตตามไปด้วยเลย”
“...”
“เราจะไม่เอาคืนด้วยการแกล้งกันเหมือนเด็ก ๆ หรอกนะ”
“…”
“เพราะเราไม่ชอบมีเื่เลยพยายามอดทน ทั้งที่รู้ดีว่าทศกับนิวคอยแกล้งเรามาตลอด” ใกล้จ้องเขม็งใส่ทั้งสองคน ก่อนเอ่ยต่อ “แต่ครั้งนี้มันเกินไปจริง ๆ ...เกินจากที่คนปกติเขาทำกัน”
“…”
“ถ้าทศกับนิวยังแกล้งเรากับเพื่อนไม่เลิก เราคงต้องเล่าเื่ทุกอย่างให้อาจารย์ที่ปรึกษาฟัง และอย่าคิดว่าอาจารย์จะไม่เชื่อนะ เพราะเราจะเล่าถึงสาเหตุที่ทำให้เราแยกตัวออกมาจากกลุ่มด้วย”
“…”
“เราจะเล่าเื่ ทศ นิว และอรไม่ช่วยทำงาน รวมถึงเล่าเื่เหตุการณ์ในร้านเหล้าวันนั้นที่ทำให้เราตัดสินใจเลิกยุ่งกับทุกคน...การเล่าเื่พวกนี้คงจะทำให้อาจารย์เชื่อว่าเด็กในที่ปรึกษาของตัวเองทั้งสองฝ่ายมีปัญหากันจริง ๆ ”
“...”
“เราคิดว่าคงเคลียร์กันเองไม่ได้ เพราะทศกับนิวไม่ยอมหยุดสักที...ถ้าให้อาจารย์ช่วยเคลียร์ปัญหาให้น่าจะดีกว่า”
“กะ กูไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ เว้ย...มือมันอ่อนไปหมดตอนเข้าใกล้มึง”
“ถ้าทศไม่อยากเดือดร้อน...ก็อย่ามามือไม้อ่อนใกล้ ๆ เราอีก”
ใกล้พูดพร้อมจ้องหน้าทั้งสองคน ทศกับนิวดูเป็กังวลอย่างเห็นได้ชัด ทั้งคู่คงคิดว่าเขาจะยอมและปล่อยผ่านไปเหมือนทุก ๆ ครั้ง การยกเอาเื่นี้มาพูดขู่จึงทำให้อีกฝ่ายตั้งรับไม่ทัน
คนตัวเล็กเดินกลับมาหาเพื่อนสนิท เมย์กำลังโทรคุยกับใครบางคนด้วยสีหน้าร้อนใจ ส่วนพายพรมนิ้วไปบนจอแก้วก่อนเงยหน้ามองเขาด้วยแววตาผิดหวัง
“มีอะไรกันหรือเปล่า?”
“ใกล้ เราไลน์ไปขอยืมเสื้อของเพื่อนที่อยู่ต่างคณะให้แล้ว เรากะจะให้มันเปลี่ยนเสื้อกับใกล้ก่อน พอเราพรีเซนต์เสร็จค่อยเปลี่ยนกลับคืน แต่วันนี้เพื่อนดันพรีเซนต์เวลาเดียวกับพวกเราเลย”
“...”
“ของเราเพื่อนก็ไม่น่าจะมาถึงมอทันก่อนเราพรีเซนต์อะ”
ใกล้มองเมย์กับพายสลับกันก่อนส่งยิ้มให้เพื่อนทั้งสองคนที่แสดงสีหน้าเป็กังวล เขาคิดวิธีแก้ปัญหากับเื่เสื้อที่เลอะกาแฟไว้แล้ว ใกล้จึงไม่กังวลสักเท่าไหร่ แต่ไม่แปลกที่เพื่อนจะเป็กังวล เพราะวันนี้มีอาจารย์พิเศษหลายท่านมาดูพรีเซนต์ด้วย
เขาคิดว่าถ้าอธิบายให้อาจารย์ฟังว่าเกิดอะไรขึ้น พวกท่านคงเข้าใจ แต่เพราะเวลาที่มีเหลืออยู่ ใกล้คิดว่าควรหาวิธีแก้ปัญหาก่อนจะเดินเข้าไปขอความเห็นใจจากอาจารย์แล้วขึ้นพรีเซนต์ด้วยเสื้อเปื้อนกาแฟ
“กลุ่มเราพรีเซนต์เป็กลุ่มที่สี่ใช่ไหม?” ใกล้ถามพลางดูนาฬิกาที่ข้อมือ
“ใช่ ๆ ”
“งั้นเราต้องไปแล้ว...เมย์กับพายขึ้นไปรอที่ห้องก่อนเลยนะ เราจะรีบตามไปให้เร็วที่สุด”
“ใกล้จะไปไหน?” เมย์เอ่ยถาม
“เราจะไปซื้อเสื้อตัวใหม่ที่ร้านตรงข้ามมอ เหลือเวลาอีกยี่สิบนาที...เราว่าทัน”
“เออ เราก็ลืมไปเลยว่าตรงข้ามมอมีร้านขายชุดนักศึกษาอยู่”
“ใกล้จะฝากเสื้อสูทไว้กับเราก่อนไหม?”
“ไม่เป็ไร เดี๋ยวเราเอาติดไปด้วย ถ้าเปลี่ยนเสื้อแล้วจะได้แต่งตัวให้เรียบร้อยทีเดียวเลย”
“โอเค ๆ ”
“งั้นใกล้รีบไปเถอะ เดี๋ยวตอนอาจารย์เช็กชื่อ เราจะบอกไปก่อนว่าใกล้ไปเข้าห้องน้ำ อาจารย์จะได้ไม่เช็กสาย”
“เราไปก่อนนะ”
ใกล้พยักหน้าก่อนหมุนตัวเตรียมจะเดินไปที่ประตูทางออก นิวกับทศรีบหลบสายตาเขาแล้วหันหน้าเข้าหาประตูลิฟต์ คนตัวเล็กส่ายหน้าน้อย ๆ พลางถอนหายใจ
คนทำผิดแล้วไม่สามารถรับผิดชอบได้
ก็จะมีอาการแบบนี้แหละ...
ใกล้กึ่งเดินกึ่งวิ่งออกมาจากหน้าลิฟต์ เขาหลุบตามองคราบกาแฟที่เปื้อนอยู่บริเวณหน้าอกข้างซ้าย มือเรียวปลดกระดุมเสื้อเม็ดแรกเพื่อแหวกดูรอยแดง ๆ บนผิวตัวเอง ใกล้คิดว่าหลังจากพรีเซนต์เสร็จคงต้องแวะไปที่ร้านขายยาซะแล้ว เขาเงยหน้ามองทางข้างหน้าเป็ระยะ เพราะกลัวจะเดินชนคนอื่น ก่อนจะก้มมองที่เสื้อเปื้อนคราบสีน้ำตาลอีกครั้ง
แต่เป็ในตอนนี้ที่มีรองเท้ายี่ห้อ Vans สีดำของใครบางคนเข้ามาในกรอบสายตาของเขา ใกล้หยุดเดินเมื่อเ้าของรองเท้าคู่นี้ก้าวเข้ามาใกล้ เขายังคงก้มหน้ามองพื้นอยู่ คิ้วเรียวขมวดเล็กน้อยก่อนจะขยับไปทางด้านซ้ายเพื่อให้พ้นจากเ้าของรองเท้าคู่นี้ ทว่าอีกฝ่ายก็ยังขยับตามเขามาอีก เหมือนเ้าของรองเท้าคู่นี้ตั้งใจขวางทางเขาเลย แต่เพราะใกล้ไม่แน่ใจจึงลองขยับไปทางด้านขวา
รองเท้า Vans สีดำ
ก็ยังขยับตามมาอยู่ดี
ใกล้ตัดสินใจเงยหน้ามองคนที่คิดจะขวางทางเขาในเวลาเร่งรีบแบบนี้ เป็ในวินาทีนี้ที่รอยยิ้มของคุณพระจันทร์ช่วยปลอบประโลมรอยแดงที่บริเวณหน้าอกข้างซ้ายของเขา
ตึก ตัก ตึก ตัก
รอยยิ้มนี้...ล้อเล่นกับหัวใจดวงน้อย ๆ ได้เสมอเลย...
“เดินไม่มองทางเลย”
“...”
“คุณใกล้รีบไปไหนคะ?”
คำลงท้ายน่ารัก ๆ แบบนั้น
คุณพระจันทร์ไม่ได้เอาไว้ใช้กับผู้หญิงน่ารัก ๆ ที่เ้าตัวเอ็นดูเหรอ...
“เอ่อ...”
“แล้วเสื้อเลอะอะไรมาคะ?”
พันลี้...ช่วยเราหน่อย
ช่วยเปลี่ยนคำลงท้ายที
ก่อนที่เราจะคุยกับพันลี้ไม่รู้เื่
“เสื้อเราเลอะกาแฟน่ะ...พอดีเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย”
คุณพระจันทร์ขมวดคิ้วขณะมองที่เสื้อของเขา เ้าตัวยกมือขึ้นจับที่กระดุมเสื้อเม็ดแรกของตัวเองแล้วขยับมันเล็กน้อยคล้ายอยากสื่อบางอย่าง “คุณใกล้เปิดเสื้อให้ลี้ดูหน่อย”
“ปะ เปิดเสื้อเหรอ?” ใกล้ทวนถามพร้อมเลิกตาโต
“ค่ะ...ลี้ขอดูรอยแดง ๆ หน่อย”
คนตัวเล็กส่ายหน้าอย่างแรงเพื่อปฏิเสธ ตอนนี้มีความร้อนวิ่งผ่านใบหูของเขาแล้วมาหยุดรวมตัวกันอยู่ที่แก้มทั้งสองข้าง “มะ ไม่เอาหรอก เราไม่ให้ดู”
“กาแฟที่หกใส่...ร้อนมากเลยใช่ไหมคุณใกล้?” คุณพระจันทร์ถามด้วยสีหน้าและน้ำเสียงจริงจัง
“ก็...” คนโดนถามนึกย้อนไปถึงความรู้สึกตอนโดนของเหลวอุณหภูมิร้อนััที่ผิวครั้งแรก “…ร้อนอยู่นะ”
“ที่คุณใกล้รีบเดิน เพราะจะไปหาหมอใช่ไหม?”
“เปล่า...”
“แล้วอยากไปหาหมอไหม? ...เดี๋ยวลี้พาไป”
สายตาและน้ำเสียงของคุณพระจันทร์ทำให้ใกล้คิดถึงตอนที่เ้าตัวพูดคำว่า ‘ดื้อนัก’ ขึ้นมา ใกล้จ้องลึกเข้าไปในแววตาจริงจังที่แฝงความรู้สึกบางอย่างไว้ ก่อนจะละสายตาออกจากคนตรงหน้า
“เราไม่เป็อะไรมาก ไม่ต้องไปหาหมอหรอก”
“ลี้...”
ใกล้หันมองทางเ้าของเสียง ผู้หญิงหน้าตาน่ารักคนหนึ่งกำลังเดินถือถุงพลาสติกใบเล็กมาหยุดยืนข้างคุณพระจันทร์ เธอมองเขาแล้วกะพริบตาปริบ ๆ คล้ายสงสัยบางอย่าง ใกล้ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็ใคร แต่เขาเดาว่าเ้าตัวน่าจะสนิทกับพันลี้
ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากัน ก่อนเอ่ยออกไป “เราต้องรีบไปซื้อเสื้อเปลี่ยนน่ะ...เราขอตัวก่อนนะ”
“เดี๋ยว...”
ขวับ!
คนตัวเล็กชะงักฝีเท้าเมื่อโดนมือหนารั้งแขนไว้ เขากลืนน้ำลายลงคอแล้วหันไปมองคุณพระจันทร์ เ้าตัวสบตากับเขาชั่วครู่ ก่อนจะปล่อยให้เขาเป็อิสระ
“ใกล้จะไปซื้อเสื้อที่ไหน?”
“ร้านตรงข้ามมอ”
“จำเป็ต้องเปลี่ยนเสื้อเลยใช่ไหม?”
ใกล้พยักหน้าหงึกหงึก “ครับ วันนี้เรามีพรีเซนต์”
“พรีเซนต์ตอนกี่โมงคะ?”
คนโดนถามหลุบตามองที่นาฬิกาข้อมือ “ตอนนี้เหลือเวลาอีกสิบนาทีเอง”
“ถ้าใกล้ออกไปซื้อเสื้อ...ลี้ว่าไม่น่าจะกลับมาทัน” พูดพลางจ้องมองเขา ก่อนเอ่ยต่อ “คุณใกล้ยืมเสื้อลี้ก่อนดีไหม?”
“...”
“ถึงเสื้อของลี้จะตัวใหญ่ แต่ถ้าใส่สูททับข้างนอกอีก ลี้ว่าน่าจะพอใช้ได้”
“...”
“เอาแบบนี้ดีไหม?”
ใกล้ใช้เวลาตัดสินใจอยู่สองนาที เขาคำนวณระยะทางไปและกลับระหว่างร้านขายชุดนักศึกษากับมหา’ ลัย ก่อนเอ่ยออกไป “เรารบกวนหน่อยนะพันลี้”
“ไม่รบกวนหรอก” พันลี้ตอบแล้วหันไปมองผู้หญิงตัวเล็กที่ยืนอยู่ข้าง ๆ “เธอ...ถือของไปคนเดียวได้ไหม?”
“ดะ ได้สิ”
“ถ้าไม่ได้ก็เอาวางไว้ตรงประตู เดี๋ยวเราโทรให้ไอ้ไทป์มาหิ้วขึ้นไปบนห้องเรียนให้”
“ของแค่นี้เอง...เราถือได้”
“โอเค”
“พันลี้จะไปไหนเหรอ?”
“เราจะพาคุณใกล้ไปเปลี่ยนเสื้อ”
“อ๋อ”
“ขอโทษนะ...ตอนนี้เราไม่อยากทิ้งให้คุณใกล้อยู่คนเดียว”
ประโยคคำพูดนี้ของคุณพระจันทร์ทำให้โลกหยุดหมุนไปชั่วขณะ ทุกอย่างเคลื่อนขยับช้าลงจนแทบหยุดนิ่ง ทว่ามีเพียงสิ่งเดียวที่ฝืนโลกแล้วะโโลดเต้นอย่างบ้าคลั่ง
ตึก ตัก ตึก ตัก
คงจะมีเพียงสิ่งเดียวที่ฝืนทุกกฎบนโลก
สิ่งนั้นคือ...หัวใจดวงน้อย ๆ ของใกล้ใจ
“ไม่เป็ไร ลี้พาเพื่อนไปเปลี่ยนเสื้อเถอะ”
“อือ”
คนตัวสูงตอบรับคนข้างกายแล้วพยักหน้าให้เขาก่อนจะเดินนำไปที่ลานจอดรถ ใกล้จึงเดินตามพันลี้ไปห่าง ๆ เพราะอยากให้หัวใจที่เต้นเร็วแรงสงบลงก่อน ทว่าเ้าของแผ่นหลังกว้างหันกลับมามองเขาแล้วก้าวเท้าช้าลง
“คุณใกล้...”
ใกล้ก้าวไปยืนขนาบข้างกับคุณพระจันทร์ ก่อนเอ่ย “ครับ?”
พันลี้ส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนมือหนาจะเคลื่อนมาคว้ามือเขาไว้ เ้าตัวส่งยิ้มให้แล้วพาจูงมือเดินไปยังลานจอดรถ ใกล้ลอบมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของคุณพระจันทร์ ตอนนี้เ้าตัวไม่ได้ยิ้มหรือแสดงสีหน้าใด ๆ แต่กลับทำให้ใกล้ใจเต้นแรงมากกว่าเดิม
ดวงตาเรียวรีหลุบมองมือของเราที่จับกันอยู่ เขาเผลอยิ้มออกมาตอนที่อีกคนกุมมือให้แน่นกว่าเดิม ตอนนี้ใกล้ไม่แปลกใจที่หลายคนอยากอยู่ใกล้พันลี้ เพราะความอ่อนโยนและเอาใจใส่ของเ้าตัวทำให้คนที่ได้อยู่ใกล้รู้สึกปลอดภัย เขายังคงมองมือของตัวเองที่จับอยู่กับคุณพระจันทร์
ใกล้คิดว่า...
การเดินทางจากโลกไปสู่ดวงจันทร์คงไม่ง่าย
แต่คงไม่ยาก...
ถ้าคนนำทางคือ...คุณพระจันทร์
คนตัวสูงพาเขามาหยุดยืนที่รถคันโปรดของเ้าตัว ใกล้เคยเห็นรถเบนซ์สปอร์ตสีขาวมุกจากที่ไกล ๆ ตลอด พอได้เห็นในระยะใกล้แบบนี้ รถคันนี้ดูเท่ไม่ต่างจากเ้าของเลย
:)
“เดี๋ยวคุณใกล้รอตรงนี้ก่อนนะคะ”
พันลี้พูดก่อนจะปล่อยมือเขา เ้าตัวล้วงหยิบกุญแจรถออกมาจากกระเป๋าหลังกางเกงแล้วเปิดประตูรถค้างไว้ก่อนจะโน้มตัวเข้าไปทำอะไรบางอย่าง แต่ไม่นานเ้าตัวก็หันมาพยักหน้าเป็เชิงบอกให้เข้าไปหา
“...”
“วันนี้ลี้มีนัดไปดูบอลที่ห้องเพื่อน แล้วพรุ่งนี้ลี้มีเรียนเช้า...ก็เลยเอาเสื้อนักศึกษาติดรถมาอีกตัว เผื่อนอนค้างที่ห้องเพื่อน”
“อ๋อ...”
“ลี้เก็บของในรถเรียบร้อยแล้วค่ะ คุณใกล้เข้าไปเปลี่ยนเสื้อในรถได้แล้ว”
คนตัวเล็กที่เดินเข้าไปใกล้คุณพระจันทร์เบิกตาโต ก่อนเอ่ย “เปลี่ยนในรถเลยเหรอพันลี้? เราว่าไปเปลี่ยนที่…”
“ถ้าเอาเสื้อไปเปลี่ยนในห้องน้ำคงไม่ทันแน่ ๆ …” คนตัวสูงที่พูดแทรกขึ้นเอานิ้วเคาะที่หน้าปัดนาฬิกาของเ้าตัวพลางจ้องมองเขา “เหลือเวลาอีกไม่มากแล้วนะคะ คุณใกล้รีบเข้าไปเปลี่ยนเสื้อเถอะ”
ใกล้ละสายตาจากคุณพระจันทร์เพื่อมองไปยังรถคันโปรดของเ้าตัว รถของพันลี้ติดฟิล์มกระจกมืดสนิทไม่ต่างจากรถปอร์เช่สีขาวที่ขับไปส่งคอนโดเลย เขาคิดว่าถ้าเข้าไปเปลี่ยนเสื้อในรถคงไม่มีใครมองเห็นหรอก แต่เพื่อความมั่นใจ ใกล้จึงเดินเข้าไปใกล้รถของคุณพระจันทร์
แม้กระจกหน้ารถดูโปร่งแสงกว่ากระจกด้านข้างมากพอสมควร แต่เพราะพันลี้จอดรถหันหน้าเข้าหากำแพงจึงทำให้เขาคลายความเป็กังวล ใกล้ก้าวถอยหลังออกมาจากรถสีขาวมุกอีกหน่อย เพื่อดูว่าคนอื่นที่เดินผ่านจะเห็นเขาที่อยู่ภายในรถได้ชัดแค่ไหน ทว่าเสียงหัวเราะเบา ๆ ของอีกคนทำให้เขาหยุดทุกการกระทำ ใกล้หันมองคนข้างกายที่กำลังอมยิ้มอยู่
“กลัวคนอื่นเห็นตอนเปลี่ยนเสื้อเหรอคะ?”
“อื้อ” ใกล้กลัวคนอื่นเห็นจริง ๆ นั่นแหละ ตอนเด็ก ๆ ใกล้ยอมอาบน้ำเองเพราะไม่อยากให้พี่เจี๊ยบเห็นร่างเปลือยเปล่าของตัวเอง ขนาดพี่เจี๊ยบยังไม่เคยเห็นเขาโป๊เลย ใกล้คงไม่ยอมให้คนอื่นเห็นหรอก “เราว่ายอมเสียเวลาหน่อยดีกว่า ไปเปลี่ยนในห้องน้ำน่าจะดีกว่านะพันลี้”
“คุณใกล้ไม่ต้องกลัวนะ...ถ้าลี้ยังยืนอยู่ตรงนี้ จะไม่มีใครได้เห็นคุณใกล้ทั้งนั้น”
“...”
คงเป็เพราะแววตาและน้ำเสียงจริงจังที่ทำให้ใกล้เชื่อประโยคคำพูดของคุณพระจันทร์ ใกล้ไม่ได้ตอบอะไร เขาก้มหน้าแล้วสูดลมหายใจเข้าลึกจนสุดปอด ก่อนจะหันไปมองประตูฝั่งคนนั่งที่ถูกเปิดกว้างอยู่ เสื้อนักศึกษาพับเรียบร้อยวางอยู่บนเบาะ มือเรียวหยิบเสื้อนักศึกษาแล้วขึ้นไปนั่งแทนที่
“ข้างหน้าเป็กำแพง เพราะฉะนั้นไม่มีใครเห็นแน่นอน” คนตัวสูงจับประตูรถไว้แล้วโน้มตัวลงมาเล็กน้อย ก่อนเอ่ยต่อ “กระจกฝั่งคนขับก็มีรถอีกคันจอดบังอยู่ ส่วนกระจกด้านหลัง...คุณใกล้ตัวเล็กแค่นี้ เบาะคงบังมิดแล้ว ไม่มีใครเห็นหรอกค่ะ”
“แล้ว...” เหมือนอีกคนอ่านใจเขาออก พันลี้อมยิ้มแล้วเคลื่อนมือมาลูบศีรษะเขาเบา ๆ
“กระจกฝั่งนี้...เดี๋ยวลี้ยืนบังให้ค่ะ”
ใกล้พยักหน้ารับหงึกหงัก คนตัวสูงก้าวถอยหลังออกไปเล็กน้อย ก่อนจะปิดประตูรถให้เขา ใกล้ยังไม่กล้าถอดเสื้อที่เปื้อนกาแฟในทันที เขายอมรับว่าระแวงเล็กน้อย
ใกล้ไม่ได้ระแวงคุณพระจันทร์
แต่ใกล้ระแวงคนอื่นที่เดินผ่านมาบริเวณนี้
แต่เป็ในตอนนี้ที่คุณพระจันทร์หันหลังแล้วถอยมายืนประชิดกระจกรถ เมื่อพันลี้ช่วยยืนบังให้อย่างสุดความสามารถ ใกล้จึงรีบถอดเสื้อของตัวเองออก ก่อนจะเปลี่ยนใส่เสื้อของพันลี้อย่างรวดเร็ว
ใกล้มองชายเสื้อที่ยาวเลยสะโพกพลางคิดว่าเสื้อของคุณพระจันทร์ตัวใหญ่กว่าที่คิดไว้ มือเรียวรูดซิปกางเกงออกแล้วจับชายเสื้อสอดเข้าไปในกางเกง ใกล้ใช้เวลาแต่งตัวหลายนาทีกว่าจะเรียบร้อย เขาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ขณะติดกระดุมเม็ดสุดท้ายของเสื้อสูทสีกรม
รอดแล้วนะใกล้ใจ…
แต่ก่อนจะลงจากรถคันโปรดของคุณพระจันทร์ที่แอบเฝ้ามองมาแสนนาน ใกล้เลยขอเก็บภาพภายในรถของเ้าตัวสักหน่อย เมื่อกวาดสายตาไปโดยรอบจึงทำให้เห็นถึงไลฟ์สไตล์และความชอบของคุณพระจันทร์ผ่านสิ่งของที่อยู่ภายในรถ
แว่นกันแดดแบรนด์ดังที่วางอยู่บนคอนโซล
ซองบุหรี่ยี่ห้อหนึ่งที่วางอยู่บริเวณเกียร์รถ
รองเท้าสตั๊ดสีเหลืองที่วางอยู่ตรงปลายเท้าของเขา
และกลิ่นน้ำหอมประจำกายที่ฟุ้งอยู่ภายในนี้
ใกล้อมยิ้มให้กับทุกอย่างที่รวมกันเป็คุณพระจันทร์ เขาคิดว่าวันนี้โลกใจดีเกินไปแล้ว เพราะนอกจากส่งคุณพระจันทร์มาช่วยปลอบประโลมาแที่เพิ่งได้รับ โลกใบกลม ๆ ยังทำให้เขาได้รู้จักตัวตนของคุณศศินเพิ่มขึ้นอีกนิด
และโลกยังทำให้ใกล้เชื่อว่า...
ต่อให้ระยะทางยาวไกลแค่ไหน
แต่ถ้าเรามีความพยายามและไม่หยุดก้าวเดิน
สักวันเราจะไปถึง...
ใจของอีกคน
:)
เขาเคาะกระจกรถเพื่อส่งสัญญาณให้คนตัวสูงที่ยืนพิงประตูรถอยู่ เมื่อคุณพระจันทร์ได้ยินเสียงเคาะกระจกของเขา เ้าตัวก็หันกลับมาก่อนจะเปิดประตูรถให้ ใกล้รีบคว้าเสื้อเปื้อนกาแฟที่วางอยู่ข้างกายแล้วลงจากรถทันที
“โอเคแล้วใช่ไหมคะ?”
ใกล้พยักหน้ารับหงึกหงัก “ถ้าไม่เจอพันลี้...เราต้องแย่แน่ ๆ เลย”
“…”
“ขอบคุณนะ”
“เปลี่ยนจากคำขอบคุณเป็พรีเซนต์งานให้เต็มที่ได้ไหมคะ?”
ใกล้ว่าจะไม่ยิ้มแล้ว แต่อดไม่ได้เลย เขาพยักหน้ารับแล้วส่งยิ้มให้คุณพระจันทร์ “เราจะพรีเซนต์งานให้เต็มที่เลย”
“คุณใกล้...” รอยยิ้มของคุณพระจันทร์ค่อย ๆ เลือนหายไป ก่อนเอ่ยต่อ “อย่าลืมทายาด้วยนะ”
คนตัวเล็กกะพริบตาปริบ ๆ ดวงตาเรียวรีหลุบมองที่บริเวณหน้าอกของตัวเองอีกครั้ง “เดี๋ยวพรีเซนต์เสร็จแล้ว เราจะรีบไปซื้อยามาทาเลย”
“ค่ะ”
ใกล้รู้ดีว่าโอกาสที่จะได้อยู่ใกล้กับดวงจันทร์ดวงเดิมไม่ได้มีมาบ่อย ๆ เขารู้สึกใจหายทุกครั้งที่ต้องบอกลา แต่เพราะต้องรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตัวเอง ใกล้จึงจำใจเอ่ยออกไป “เราคงต้องไปแล้ว”
“...”
“ไว้เจอกันนะพันลี้”
เวลาที่ใกล้ใจได้อยู่ใกล้ชิดกับคุณพระจันทร์หมดลงแล้ว…
“ใกล้ต้องไปพรีเซนต์งานชั้นไหน?”
“ชั้นแปด”
“ลี้มีเรียนชั้นเจ็ด”
“...”
“เดี๋ยวเราค่อยแยกกันดีไหมคะ?”
“...”
“ขึ้นลิฟต์ไปด้วยกันก่อน”
…แต่คุณพระจันทร์ที่แสนใจดีช่วยต่อเวลาให้ใกล้ใจอีกหน่อย
#ใกล้แค่พันลี้
ดวงตาเรียวรีเหลือมองนาฬิกาที่ข้อมือของตัวเอง สิ่งเดียวในโลกที่ไม่สามารถหยุดยั้งได้คือเวลา แม้ใกล้จะอยากจะเข้าคลาสให้ทันเวลา แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมองตัวเลขที่ปรากฏอยู่เหนือประตูลิฟต์แล้ว เขาต้องยอมรับว่าคงเข้าคลาสไม่ทันเวลา ใกล้พอจะเดาได้ั้แ่แรกว่าคงเข้าห้องไม่ทันเวลาเริ่มพรีเซนต์ แต่เพราะรู้ดีว่ากลุ่มของตัวเองพรีเซนต์เป็กลุ่มที่สี่ และอาจารย์ให้เวลาในการพรีเซนต์กลุ่มละสิบห้านาที ดังนั้นใกล้มั่นใจว่าไปพรีเซนต์ร่วมกับเพื่อนในกลุ่มทันแน่นอน
ครั้งนี้คงโดนอาจารย์เช็กสาย
แต่ไม่เป็ไรนะใกล้
คนเรามีผิดพลาดกันได้...
ใกล้พูดปลอบใจตัวเองแค่ภายในใจ ไม่แปลกที่คนเคร่งเื่กฎระเบียบและการเรียนของสาขาอย่างเขาจะเป็กังวล ทุกคนในสาขาธุรกิจการบินจะทราบเป็อย่างดีว่าเื่ของเวลาสำคัญที่สุด แม้ครั้งนี้ใกล้จะรู้ว่าตัวเองทำพลาดไป หากเป็แต่ก่อนเขาคงจะโกรธตัวเอง ทว่าในตอนนี้ใกล้ไม่คิดแบบนั้นอีกแล้ว
เพราะหัวใจที่เต้นอยู่คอยย้ำเตือนกับเขาเสมอว่า...เราเป็มนุษย์ มีหัวใจ มีความรู้สึก และมีข้อบกพร่องเกิดขึ้นได้เสมอ เื่ใด ๆ ที่เราพยายามทำอย่างสุดความสามารถแล้ว หากผลลัพธ์ไม่เป็ไปตามที่คาดไว้ เราทำได้เพียงแค่ยอมรับและให้อภัยตัวเอง
อย่างที่เคยสัญญาไว้กับพี่เจี๊ยบ…
ใกล้คิดว่าการให้อภัยตัวเองไม่ใช่เื่ง่าย เมื่อก่อนเขาไม่สามารถทำได้เช่นกัน แต่เมื่อเขาถอยออกมามองตัวเองจากที่ไกล ๆ ใกล้จึงรู้ว่าบางครั้งปัญหาไม่ได้เกิดจากเขาเพียงคนเดียว เขาไม่ได้เป็คนที่ทำผิดจนไม่น่าให้อภัย ทุกสิ่งรอบกายและทุกอย่างในโลกที่อยู่เหนือการควบคุมส่งผลให้เกิดปัญหาและข้อบกพร่องในชีวิต
ดังนั้น
สิ่งเดียวที่ทำได้คือ...
ให้โอกาสตัวเองได้เป็คนที่ดีขึ้นจากความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในชีวิต
“คุณใกล้คงเข้าไม่ทันเวลาเริ่มคลาสใช่ไหมคะเนี่ย?”
ใกล้ละสายตาจากเลขสองที่ปรากฏอยู่เหนือประตูลิฟต์ ก่อนเอ่ย “อื้อ ไม่ทันแล้ว แต่ไม่น่าจะเลทเกินห้านาทีหรอก”
“แต่ไม่เป็อะไรใช่ไหมคะ?”
“เราคงโดนอาจารย์เช็กสายน่ะ”
คนตัวสูงเลิกคิ้ว ก่อนเอ่ย “สายไม่ถึงห้านาทีอาจารย์เช็กสายเลยเหรอคะ? ...ของลี้อาจารย์ให้สายได้ห้านาทีหลังจากเวลาเริ่มคลาส แต่ถ้าหลังจากนั้นแล้วถึงจะเช็กสาย”
“สาขาของเราค่อนข้างเคร่งเื่เวลา...อาจารย์จะเช็กสายทันทีหลังจากเวลาเริ่มคลาส หากมาสายครบสามครั้ง จะถูกปรับเป็ขาดเรียนหนึ่งครั้ง”
“โอ้โห...โหดเหมือนกันนะคะ”
“แต่เรายังไม่เคยเข้าสายหรือขาดเรียนสักครั้งเลย...ครั้งนี้มันสุดวิสัยจริง ๆ ”
ใกล้เพิ่งรู้ตัวว่าเผลอขมวดคิ้วยุ่งก็ตอนที่อีกคนส่งนิ้วยาวมาจิ้มที่หว่างคิ้วของเขา คุณพระจันทร์ออกแรงดันขึ้นเล็กน้อย หัวคิ้วที่ขมวดเข้มจนเป็ปมจึงคายออก
“อย่าคิดมาก...” คุณพระจันทร์เผยรอยยิ้มสดใส ก่อนเอ่ยต่อ “เราพยายามกันเต็มที่แล้ว”
“...”
“เื่ที่ผ่านไปแล้วก็ไม่ต้องคิดมาก เพราะเวลาผ่านไปแค่นาทีเดียวก็เป็อดีตแล้วค่ะคุณใกล้”
“…”
“ปล่อยให้อดีตทำงานอยู่ใน่เวลาของมัน คุณใกล้ไม่ต้องแบกมันไว้แล้ว ตอนนี้แค่ทำปัจจุบันให้ดีก็พอ”
ก้านนิ้วยาวถูกเ้าของดึงกลับไปไว้ข้างกาย ใกล้เผยยิ้มบางแล้วพยักหน้ารับ เขาหลุบตามองรอยแดงบริเวณหน้าอกที่ยังรู้สึกแสบร้อนอยู่ ก่อนจะมองเสื้อเชิ้ตสีขาวที่เปื้อนคราบกาแฟในมือ
คนตัวเล็กเงยหน้ามองคุณพระจันทร์ ก่อนเอ่ย “เสื้อของพันลี้...”
“เจอกันเมื่อไหร่ก็ค่อยคืน ลี้ไม่ได้รีบใช้ค่ะ”
เขาอยากจะขอไลน์พันลี้ไว้จังเลย แต่ก็กลัวจะรุกล้ำความเป็ส่วนตัวของอีกฝ่ายจนเกินไป แต่เพราะใกล้กลัวว่าจะไม่มีโอกาสอีกจึงตัดสินใจเอ่ยขอไลน์คุณพระจันทร์ “งั้นเรา...”
“ฝากพี่ดอมมาให้ลี้ก็ได้ค่ะ”
“…”
“พี่ดอมคงได้เจอลี้บ่อยกว่า”
ใกล้ส่งยิ้มเจื่อน ๆ ให้อีกคน เขาไม่รู้ว่าพันลี้อ่านใจออกไหม แต่เหมือนเ้าตัวอยากจะเบรกเขาเลย ใกล้พยักหน้ารับ ก่อนเอ่ย “เดี๋ยวเราฝากพี่ดอมไปให้นะ”
“โอเคค่ะ”
รับปากไปก่อน เดี๋ยวค่อยหาวิธีเอาไปคืนด้วยตัวเองอีกที...
ติ๊ง!
เสียงร้องเตือนที่ดังขึ้นทำให้ใกล้เงยหน้าขึ้นมองตัวเลขที่ปรากฏอยู่เหนือประตูลิฟต์ เลขเจ็ดสีแดงที่เด่นชัดอยู่ช่วยย้ำเตือนให้รู้ว่าเวลาระหว่างเขากับคุณพระจันทร์หมดลงแล้วจริง ๆ ครั้งนี้ไม่มีใครต่อเวลาความสุขให้ได้แล้ว ประตูลิฟต์เปิดออกเองอัตโนมัติ คนตัวสูงหันมาส่งยิ้มให้เขาก่อนเอ่ย
“ลี้ไปก่อนนะคะ”
ในวินาทีสุดท้ายที่เราจะแยกจากกัน ใกล้จึงเอ่ยออกไป “วันนี้...สู้ ๆ นะพันลี้”
“ลี้สู้อยู่แล้ว...คุณใกล้ก็ต้องสู้เหมือนกันนะ”
“ครับ”
ใกล้ยิ้มขณะมองคุณพระจันทร์ที่เดินออกไปจากลิฟต์ ภาพตรงหน้าพาเขาย้อนนึกไปถึงวันนั้นที่เราได้เจอกันในลิฟต์โดยบังเอิญ และวันนี้คงเป็เช่นนั้น ใกล้คงได้แต่มองแผ่นหลังกว้างที่ห่างไกลออกไปเรื่อย ๆ
แต่ใกล้คงลืมไปว่าวันนี้เป็ปัจจุบัน และวันนั้นคืออดีต ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้เสมอ คนตัวสูงหยุดยืนตรงหน้าประตูลิฟต์ที่กำลังเลื่อนปิด ก่อนจะหมุนตัวกลับมา เป็ในตอนนี้ที่เราได้สบตากันอีกครั้ง พันลี้อมยิ้มก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ตั้งใจพรีเซนต์งานนะคะคุณใกล้”
ใกล้หลุดยิ้มออกมา เขายกมือขึ้นทำท่าโอเค ก่อนเอ่ย “โอเคครับ ใกล้จะพรีเซนต์งานอย่างตั้งใจเลยนะ”
คนตัวสูงพยักหน้ารับเบา ๆ แล้วยกมือขึ้นโบกไปมาเพื่อบอกลา เพียงไม่กี่นาทีอีกคนก็โดนประตูลิฟต์ที่เพิ่งปิดสนิทบดบัง ใกล้จ้องมองคนในเงาสะท้อนที่ยิ้มกว้างอย่างไม่เก็บกลั้น
ใกล้จำได้ว่าเขาเคยเห็นตัวเองร้องไห้ผ่านเงาสะท้อนตรงหน้า ตอนนั้นเขารู้สึกเ็ปและโดดเดี่ยวจนแทบไปต่อไม่ไหว ทว่าวันนี้คุณพระจันทร์ได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง...และสร้างความทรงจำดี ๆ ให้เขา
ต่อไปนี้...ทุกครั้งที่ใกล้ต้องอยู่ในลิฟต์คนเดียว
เขาจะไม่หวนนึกถึงเื่แย่ ๆ ในวันนั้นอีก
แต่ใกล้จะคิดถึงคุณพระจันทร์แทน...
#ใกล้แค่พันลี้
คนตัวเล็กใช้มือดันประตูบานใหญ่ให้เปิดแง้มออกเล็กน้อย ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องเรียนอย่างเงียบ ๆ เพื่อไม่ให้รบกวนเพื่อนกลุ่มอื่นที่พรีเซนต์งานอยู่บนเวที
“กลุ่มไหนแล้ว?” ใกล้ถามเสียงแ่ขณะนั่งลงข้าง ๆ พาย
“เพิ่งกลุ่มที่หนึ่งเอง”
“โอเค ๆ ”
“ใกล้...” เมย์ที่นั่งถัดจากพายชะเง้อหน้ามองเขา “เมื่อกี้ตอนอาจารย์เช็กชื่อ เรากับพายเดินไปบอกอาจารย์ให้แล้วนะว่าเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย ใกล้เลยโดนกาแฟหกใส่เสื้อ ใกล้เลยต้องไปซื้อเสื้อเปลี่ยน เราคิดว่าบอกความจริงไปเลยน่าจะดีกว่า”
“อาจารย์ว่าอะไรไหม?”
“ไม่ว่านะ อาจารย์บอกว่าดีแล้วที่ตัดสินใจไปเปลี่ยนเสื้อก่อน เพราะวันนี้อาจารย์พิเศษมาดูการพรีเซนต์หลายท่านเลย”
“เอ้อ...อาจารย์บอกว่าหลังจากพรีเซนต์เสร็จให้ใกล้ไปพบด้วยนะ”
คนฟังขมวดคิ้วครุ่นคิด อาจารย์ที่ปรึกษาเรียกเขาไปพบทำไมนะ แต่ใกล้ก็พยักหน้าตอบรับเพื่อนไป “โอเค ๆ ”
ใกล้นั่งฟังเพื่อนร่วมชั้นพรีเซนต์งานไปสักพัก็ถึงกลุ่มของตัวเอง วันนี้เขายอมรับว่าตื่นเต้นนิดหน่อยเพราะเป็วิชาหลักของสาขา และมีอาจารย์ที่ปรึกษาเป็ผู้สอน แต่ทว่าเสียงและภาพรอยยิ้มของคุณพระจันทร์ที่ยืนอยู่หน้าลิฟต์ทำให้รู้สึกชื้นใจขึ้นมาบ้าง
‘ตั้งใจพรีเซนต์งานนะคะคุณใกล้’
คงเป็เพราะเขาเตรียมตัวมาอย่างดี และได้กำลังใจดี ๆ จากคุณพระจันทร์ด้วย จึงทำให้การพรีเซนต์ครั้งนี้ผ่านไปได้ด้วยดี หลังจากพรีเซนต์เสร็จ ใกล้เลยไปพบอาจารย์ที่นั่งจ้องคอมพิวเตอร์ด้วยสีหน้าคร่ำเครียด
“อาจารย์ครับ...” คนตัวเล็กเอ่ยด้วยเสียงแ่เบา ก่อนที่อีกฝ่ายจะละลายตาจากคอมพิวเตอร์เพื่อมองเขา “อาจารย์เรียกพบผมใช่ไหมครับ?”
“ใช่ ๆ เดี๋ยวรออาจารย์สักครู่นะ อาจารย์ขอจัดการข้อมูลในระบบก่อน”
“ได้ครับ” ใกล้ตอบรับ ก่อนจะถอยห่างออกมาจากโต๊ะทำงานของอาจารย์ เมย์กับพายที่เพิ่งเก็บของเสร็จเดินมาหาที่หน้าห้อง
“อาจารย์เรียกพบเื่อะไรเหรอใกล้?”
“ยังไม่รู้เลย อาจารย์ขอเคลียร์งานก่อน”
“อ๋อ”
“ใกล้ใจ...”
“ครับ อาจารย์” คนตัวเล็กเดินเข้าไปยืนบริเวณโต๊ะของอาจารย์อีกครั้ง
“คุณได้รับเลือกให้เป็หัวหน้าฝ่ายต้อนรับในงานโอเพนเฮาส์ใช่ไหม?”
“ใช่ครับ”
“พอดีว่า...ทางสาขาของเราเพิ่งทำชุดมาสคอตเป็ตัวนักศึกษาใส่ชุดสูทของสาขามา อาจารย์คิดว่าถ้าให้ฝ่ายต้อนรับใส่ยืนทักทายน้อง ๆ ที่เข้ามาชมงานโอเพนเฮาส์คงจะดีนะ”
“อ๋อ...”
“คุณว่ายังไงดี?”
“ดีนะครับอาจารย์ ชุดมาสคอตคงทำให้ซุ้มของเราเป็ที่สนใจด้วยครับ”
“งั้นคุณก็เตรียมหาคนใส่ไว้ด้วยนะ งานก็ใกล้เข้ามาแล้ว อาจารย์ว่าคงขอความร่วมมือจากเพื่อนในฝ่ายไม่ยากหรอก”
อาจจะไม่ยากครับ
แต่ก็ไม่ง่ายเลย...
“เดี๋ยวผมจะรีบดำเนินการในส่วนนี้นะครับอาจารย์”
“โอเค ไว้ใกล้ ๆ วันแล้วคุณค่อยทำเื่เบิกชุดมาสคอตแล้วกันนะ เพราะตอนนี้ชุดเก็บอยู่ที่ห้องคณะ”
“ได้ครับ อาจารย์”
“ค่ะ...” อาจารย์พยักหน้ารับพร้อมส่งยิ้มบางให้เขา ก่อนจะขมวดคิ้วคล้ายเพิ่งนึกบางอย่างขึ้นมาได้ “วันนี้คุณเข้าสายนี่ใกล้ใจ?”
“ครับอาจารย์”
“เพื่อนบอกว่ากาแฟหกใส่เสื้อเหรอ? ...ไปทำท่าไหนกาแฟถึงหกใส่เสื้อได้”
ใกล้เหลือบมองเมย์กับพายที่เดินมายืนขนาบข้าง เขารู้ว่าเพื่อนอยากให้พูดความจริงไป แต่เพราะใกล้คิดว่ามันยังไม่ถึงเวลา สองคนนั้นอาจจะยอมหยุดแล้ว เขาไม่อยากเป็ที่จับตามองของอาจารย์ “เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยครับ มีคนเดินมาชนก็เลยโดนกาแฟของเขาหกใส่เสื้อครับ”
“อ๋อ...แต่คุณไม่เป็ไรใช่ไหม?”
“ครับอาจารย์”
“ดีแล้ว…เื่ที่อาจารย์เรียกคุณมาพบก็มีเท่านี้แหละ เราคุยกันเข้าใจแล้ว งั้นอาจารย์ไม่รบกวนเวลาของคุณแล้วค่ะ”
ใกล้ส่งยิ้มให้อาจารย์ที่ปรึกษาที่ค่อนข้างสนิทกัน ก่อนจะเอ่ย “งั้นผมกับเพื่อนขอตัวก่อนนะครับอาจารย์”
“ค่ะ”
คนตัวเล็กยกมือขึ้นไหว้อาจารย์ด้วยกิริยาสุภาพและนอบน้อมก่อนจะพยักหน้าให้เพื่อนเป็เชิงชวนออกมาจากห้องเรียน ทันทีที่ออกมายืนอยู่ที่หน้าประตูลิฟต์ เมย์กับพายก็บ่นพึมพำกันสองคน
“สองคน...บ่นอะไรกัน?”
“เสียดายที่ใกล้ไม่ได้บอกความจริงกับอาจารย์ไป”
“ถ้าบอกเื่นี้กับอาจารย์ไป คงไม่ใช่แค่นิวกับทศที่เป็ที่จับตามองของอาจารย์ แต่เราก็คงโดนจับตามองไปด้วย เพราะอาจารย์คงจะไม่เข้าข้างใคร แต่คงคอยพิจารณาด้วยตัวเองมากกว่า”
“เฮ้อออ...คนพวกนี้ไม่น่ารอดเลย”
“จริง ใกล้เสียทั้งเวลาเสียทั้งเงิน แต่พวกนั้นไม่โดนอะไรเลย”
“เราเสียแค่เวลา...แต่ไม่ได้เสียเงินหรอก” ใกล้พูดพลางอมยิ้ม เพื่อนทั้งสองคนหรี่ตาใส่เขาก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ ๆ เพื่อจับผิด
“หมายความว่ายังไงใกล้ใจ ~”
“บอกพวกเรามาเดี๋ยวนี้เลยว่าไปเอาเสื้อตัวนี้มาจากไหน?”
คนโดนถามอมยิ้ม ก่อนเอ่ย “เสื้อของพันลี้”
“O_O”
“พันลี้ให้เรายืม...มันอาจจะตัวใหญ่ไปหน่อย แต่พอใส่เสื้อสูททับก็ใช้ได้ใช่ไหมล่ะ?”
“จะ จริงดิ...” พายทวนถาม ดวงตาเบิกกว้าง ก่อนจะหลุดยิ้มออกมาคล้ายเขินอาย “เขินแทนเลยเนี่ย”
“แล้วไปยืมเสื้อพันลี้ได้ไง?”
“ลิฟต์มาช้าจัง…”
“ไม่ต้องเปลี่ยนเื่เลยใกล้”
ใกล้หัวเราะ ก่อนเอ่ย “งั้นเมย์กับพายพาเราไปส่งที่ชั้นสี่ก่อน เดี๋ยวเราจะเล่าให้ฟังระหว่างทาง”
“โอเค ๆ งั้นลงบันไดเลื่อนเลย อยากฟังเร็ว ๆ แล้ว”
คนตัวเล็กโดนเพื่อนทั้งสองคนหิ้วแขนทั้งสองข้างไปที่บันไดเลื่อน ใกล้หัวเราะขณะก้าวเท้าไปยืนบนขั้นบันไดสีดำที่เลื่อนไปอย่างช้า ๆ ก่อนจะเล่าเื่ที่คุณพระจันทร์กับเขาบังเอิญเจอกันหน้าประตู ใกล้ไม่อยากเล่าถึงตอนที่เข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในรถให้ทั้งสองฟังสักเท่าไหร่ เพราะแค่คิดถึงยังทำให้หน้าร้อนเลย
แล้วนี่ต้องนึกไปด้วย...เล่าไปด้วยเลยนะ
เขินจะแย่...
แต่สุดท้ายเขาก็ต้องเล่าให้เพื่อนทั้งสองคนฟังทั้งหมด ตอนนี้เมย์กับพายเลยยิ้มหัวเราะแล้วผลักกันไปมาระหว่างเดินไปส่งเขาตรงหน้าต่างบานใหญ่
“เขินอะพาย”
“จริง พันลี้น่ารักมากกกก”
ใกล้ส่ายหน้าน้อย ๆ ขณะอมยิ้ม ก่อนเอ่ย “เราคงไม่ต้องเขินแล้ว เพราะเมย์กับพายเขินแทนไปแล้ว”
“ฮ่า ๆ ”
เมย์ที่ยิ้มขำยกมือขึ้นดูนาฬิกา ก่อนเอ่ย “อีกสองนาทีจะห้าโมงครึ่งแล้ว พระจันทร์ของใกล้ใจใกล้มาปรากฏตัวแล้วสินะ”
“อื้อ”
“วันนี้เราสองคนขออยู่ดูคุณพระจันทร์ที่แสนน่ารักของใกล้ด้วยได้ไหม?”
“ได้สิ...” ใกล้ชี้นิ้วไปที่เพื่อนทั้งสองคน ก่อนเอ่ยเสียงเข้ม “แต่ห้ามตกหลุมรักเด็ดขาด”
“จ้า...หวงเก่งจริง ๆ เลย”
คนโดนแซวหัวเราะเบา ๆ เขาแกล้งดุเพื่อนสนิทไปอย่างนั้น ก่อนจะหย่อนก้นนั่งลงที่เก้าอี้ตัวเดิม ส่วนเพื่อนสนิททั้งสองคนก็นั่งตรงข้ามกับเขา ดวงตาเรียวรีหลุบมองนาฬิกาที่ข้อมือก่อนจะเริ่มนับถอยหลัง
5
4
3
2
1
17 : 30 น.
ใกล้มองลงไปที่ลานจอดรถ ทว่าเขาเพิ่งสังเกตว่าไม่มีรถของพันลี้จอดอยู่แล้ว และคุณพระจันทร์เหมือนจะไม่มาทำหน้าที่เป็พระจันทร์ดวงเดิมให้ได้เฝ้ามองอย่างในทุกๆ วัน เพราะเขาไม่เห็นวี่แววที่อีกคนจะมาปรากฏตัวเลย
“สงสัยวันนี้คุณพระจันทร์จะอู้งาน ไม่ยอมมาทำหน้าที่ของตัวเอง”
“อ้าว...พอเราสองคนมาแอบมองด้วย คุณพระจันทร์ก็อู้งาน ไม่ยอมมาปรากฏตัวเลยเหรอ?”
“เราลองรอกันอีกสักพักไหม?” ใกล้ถาม
“ได้ ๆ วันนี้พวกเราไม่ได้รีบไปไหน”
เขากับเพื่อนสนิทอยู่รอคุณพระจันทร์กันอีกสักพักจนท้องฟ้าเริ่มมืด ใกล้จึงตัดสินใจเอ่ยออกไป “เราว่าวันนี้คุณพระจันทร์คงไม่มาจริง ๆ แล้วแหละ...ไว้ค่อยมาแอบมองคุณพระจันทร์ด้วยกันใหม่นะ”
“ได้สิ”
คนตัวเล็กลุกขึ้นยืนเต็มความสูงด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะคว้ากระเป๋าหนังของตัวเองเพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน ใกล้เดินลงบันไดเลื่อนลงมาชั้นล่างกับเพื่อนสนิทพลางคิดว่า...
ดีแค่ไหนที่เราได้เจอกันก่อน
ไม่อย่างนั้นความรู้สึก ‘คิดถึงจะแย่’
คงเล่นงานใกล้ใจจนแย่แน่ ๆ เลย...
#ใกล้แค่พันลี้ ☾
X : @SP251566
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้