"พวกเธอรู้กันไหมว่าจะถูกคัดเข้าบ้านไหน? ฉันหาข้อมูลมาทั่วแล้วนะ หวังว่าจะได้อยู่กริฟฟินดอร์ เขาว่ากันว่าเป็บ้านที่ดีที่สุด ดัมเบิลดอร์เองก็เคยเรียนที่นั่นนะ ถึงอย่างนั้น ถ้าได้บ้านเรเวนคลอก็คงไม่แย่เท่าไหร่หรอก..."
ภายในตู้โดยสาร เฮอร์ไมโอนี่เลิกพยายามคุยเื่หนังสือกับเดม่อนไปแล้ว และเริ่มชวนทุกคนคุยเื่อื่นแทน
ระหว่างที่เธอพูดอย่างไม่หยุดปากนั้น จู่ๆ ประตูตู้โดยสารก็ถูกเปิดออก สามเด็กชายเดินเข้ามา
คนหนึ่งมีใบหน้าซีด ผมยาวสีบลอนด์อ่อน ใบหน้าเรียวคมดูมีเสน่ห์แต่ออกแนวหยิ่งยะโส ส่วนอีกสองคนที่ยืนขนาบข้างเขา ทั้งอ้วนทั้งเตี้ย หน้าตาก็น่ากลัวราวกับลูกสมุนของเขา
"จริงเหรอ?" เด็กชายคนนั้นถามขึ้น "คนทั้งขบวนรถไฟพูดกันให้แซ่ดว่าแฮร์รี่ พอตเตอร์อยู่ในตู้โดยสารนี้ งั้นก็คงเป็เธอน่ะสิ ใช่ไหม?"
"ใช่" แฮร์รี่ตอบ พลางมองไปยังสองลูกสมุนข้างเขาอย่างไม่วางตา นึกถึงดัดลีย์ ญาติที่แสนเกลียดเข้าไส้ขึ้นมาทันที ความรู้สึกไม่ชอบใจจึงพลุ่งพล่านขึ้นมาในอก พวกนี้มาทำอะไรกัน?
"อ้อ นี่แครบ กับกอยล์" เด็กชายหน้าซีดเอ่ยแบบขอไปที "ฉันชื่อมัลฟอย เดรโก มัลฟอย"
ระหว่างพูด เขาก็มองไปรอบตู้
เมื่อสายตาเลื่อนผ่านเฮอร์ไมโอนี่ เขาแสดงสีหน้าเหยียดหยามออกมาอย่างเห็นได้ชัด เพราะจับกลิ่นของมักเกิ้ลได้อย่างไม่ต้องสงสัย แต่พอเห็นเดม่อน เขากลับลังเลไปเล็กน้อย
ส่วนเนวิลล์นั้น เขาไม่แม้แต่จะมองเลยด้วยซ้ำ
ทุกคนในตู้ต่างรับรู้ได้ถึงบรรยากาศตึงเครียดที่ก่อตัวขึ้นทันที แฮร์รี่ขมวดคิ้วอย่างไม่รู้ตัว
มัลฟอยหันไปพูดกับแฮร์รี่ว่า “เธอจะได้รู้ในไม่ช้าว่าตระกูลพ่อมดบางตระกูลมันสูงส่งกว่าคนอื่นมากนัก พอตเตอร์ เธอคงไม่คิดจะไปคบกับพวกประหลาดหรอกนะ ฉันช่วยเธอได้ในเื่นี้”
เขายื่นมือออกมาอย่างตั้งใจจะจับมือกับแฮร์รี่ แต่แฮร์รี่ปฏิเสธโดยสิ้นเชิง
“ฉันแยกแยะได้เองว่าใครคือคนประหลาด ขอบใจนะ” แฮร์รี่ตอบเ็า
ใบหน้าของเดรโกไม่แดงขึ้น แต่สีซีดของเขากลับแต้มด้วยเืจางๆ
“ถ้าฉันเป็เธอนะ พอตเตอร์ ฉันจะระวังคำพูดให้มาก” เขาพูดช้าๆ “เธอควรจะรู้จักให้เกียรติบ้าง ไม่งั้นเธออาจจะเดินตามรอยพ่อแม่ของเธอก็ได้ ถ้ายังคบกับพวกต่ำตมแบบนี้อยู่ เธอก็จะถลำไปเหมือนกัน”
เฮอร์ไมโอนี่หน้าขึ้นสีทันที ลุกขึ้นอย่างโกรธจัด
แฮร์รี่ก็โกรธเช่นกัน เขาพูดเสียงแข็งว่า “พูดอีกทีสิ!”
“โอ้ อยากมีเื่สินะ?” มัลฟอยหัวเราะเยาะ
แครบกับกอยล์เริ่มงัดข้อนิ้ว ขยับเข้าใกล้ท่ามกลางสายตาเคร่งเครียดของทุกคน
“โอ๊ะ? พูดแบบนี้ ฉันฟังไม่ได้แล้วสิ”
เดม่อนที่นั่งดูเหตุการณ์มาตลอด ลุกขึ้นด้วยรอยยิ้มบาง เฮอร์ไมโอนี่หันมามองเขาอย่างไม่พอใจ ่เวลาแบบนี้ เขายังจะยิ้มอยู่อีกเหรอ? แต่ในใจเธอก็ลังเล พวกเขาจะต่อสู้กันจริงๆ เหรอ? นี่มันผิดกฎนะ เธอเพิ่งเข้าเรียน จะให้คนอื่นมองว่าเธอเป็เด็กมีปัญหาไม่ได้เด็ดขาด!
“อะไรล่ะ? คิดว่าตัวเองแน่มากหรือไง?”
มัลฟอยมองเดม่อนอย่างดูแคลน สายตาเลื่อนไปเห็นใบหน้าหล่อเหลาของเขา แล้วก็รู้สึกหมั่นไส้อย่างไร้เหตุผล นึกถึงเหตุการณ์บนรถไฟก่อนหน้านี้ที่เดม่อนตกเป็ที่สนใจ จึงกล่าวอย่างอิจฉา
“นั่งกับพวกมักเกิ้ล นายนี่ก็ไม่ใช่พวกสูงศักดิ์อะไรนักหรอก แค่ลูกโสโครกคนหนึ่ง ถ้ากล้าล่ะก็ ลองดูสิ!”
“ใช้คำหยาบที่อีกฝ่ายไม่เข้าใจมาด่าคนอื่น นายภูมิใจมากหรือไง มัลฟอย?”
เดม่อนยิ้มเย็น กัดฟันแน่นเผยให้เห็นแววของความโเี้
เฮอร์ไมโอนี่กับแฮร์รี่ตะลึง ส่วนเนวิลล์หน้าแดงเถือก พูดอะไรไม่ออก
แครบกับกอยล์หัวเราะเยาะและเริ่มเคลื่อนตัวไปข้างหน้า แต่หยุดทันทีเมื่อเห็นเดม่อนควักไม้กายสิทธิ์ออกมา
ทันใดนั้น รอยยิ้มก็แปรเปลี่ยนมาอยู่บนใบหน้าของเดม่อนแทน
“ฉันจะจำคำพูดของนายไว้นะ แต่ว่าตอนนี้...นายต้องชดใช้”
เดม่อนไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย เขาเหวี่ยงไม้กายสิทธิ์ออกไป
“เปตริฟิคัส โททาลัส (Petrificus Totalus)!”
สามคำ สามคาถา รวดเร็วและแม่นยำ“ตุบ! ตุบ! ตุบ!”
เสียงร่างล้มของทั้งสามคนดังก้องไปทั่วตู้โดยสาร ขณะที่เสียงร่ายเวทของเดม่อนก็ทำให้ผู้โดยสารในรถไฟแตกตื่น หลายคนโผล่หน้าออกมาดู เห็นหัวของมัลฟอย แครบ และกอยล์แข็งเป็หิน
ไม่นานก็มีนักเรียนบ้านสลิธีรินจำได้ว่าเป็ลูกชายของมัลฟอย ะโขึ้นอย่างไม่พอใจ
“ใครมันกล้าใช้คาถากับคนของสลิธีรินกัน? ขี้ขลาดชะมัด!”
แฮร์รี่ที่เมื่อกี้ยังดีใจที่เดม่อนโชว์ฝีมือ ตอนนี้กลับเริ่มกังวล เขาเผลอมองหน้าเฮอร์ไมโอนี่ พวกเขาจะซวยไหมเนี่ย?
แต่เดม่อนกลับเดินออกจากตู้รถไฟอย่างสบายๆ เหยียบผ่านร่างมัลฟอย พร้อมกล่าวเสียงใสว่า
“สลิธีรินเหรอ? ตอนนี้เขายังไม่ได้เข้าบ้านเลยนี่นา?”
“นี่นาย...เป็นักเรียนปีหนึ่ง?”
พอเห็นเดม่อนยังไม่ใส่ชุดคลุม เวทมนตร์ของพวกเขาก็หยุดลงทันที
“ใช่แล้ว นี่เป็เื่ของเด็กปีหนึ่งเอง พี่ๆ คิดจะรังแกเด็กใหม่เหรอ?”
“แล้วจะทำไม! มัลฟอยยังไงก็ต้องเข้าบ้านสลิธีริน นายดูถูกเขา ก็เท่ากับดูถูกพวกเรา!”
นักเรียนปีสี่คนหนึ่งที่รู้จักตระกูลมัลฟอยเป็อย่างดีชักไม้กายสิทธิ์ออกมา “นายต้องชดใช้!”
“งั้นลองดู”
เดม่อนยิ้ม เยื้องไม้กายสิทธิ์ขึ้นอย่างสง่างาม และยืนในท่าพร้อมสู้
อีกฝ่ายใ แต่ก็โค้งคำนับกลับ แล้วตั้งท่าเต็มที่
“ดวลเวทมนตร์?! เด็กปีหนึ่งกับเด็กปีสี่!”
บรรยากาศในรถไฟแทบะเิ นักเรียนกริฟฟินดอร์พากันวิ่งออกไปบอกข่าวเสียงดัง
“เด็กสลิธีรินหน้าไม่อายมาท้าดวลเด็กปีหนึ่งแล้วววว!”
ตอนนั้นเอง เงาร่างหนึ่งพุ่งออกมาพร้อมเสียงคำราม
“เอกซ์เปลลิอาร์มัส (Expelliarmus)!”
ไม้กายสิทธิ์ของนักเรียนปีสี่กระเด็นจากมือทันที พร้อมกับเ้าของที่ลอยละลิ่วไปกระแทกผนังตู้รถไฟ
นักเรียนรอบข้างอึ้งกันทั้งตู้ ไม่มีใครคิดว่านักเรียนปีหนึ่งจะล้มเด็กปีสี่ได้ง่ายขนาดนี้!
โดยเฉพาะกับบ้านสลิธีรินที่ขึ้นชื่อเื่เวทมนตร์
เดม่อนเดินไปหยุดที่หน้าเขา มองไม้กายสิทธิ์ที่ตกพื้นด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน
“นี่เหรอ...ค่าชดใช้ของนาย?”
“แก...” เด็กปีสี่ตัวแดงซ่านด้วยความโกรธ แต่แล้วใบหน้าก็พลันเปลี่ยนเป็สีแปลกๆ
เสียงหนึ่งะโขึ้นท่ามกลางนักเรียนบ้านงูเขียว
“เขาเป็ปีหนึ่ง? ยังไม่ถูกคัดบ้าน?!”
ทันใดนั้น ความโกรธแค้นก็จางหายไปเหมือนโดนสาดน้ำเย็น สายตาทุกคู่กลับเปล่งประกายแทน
แข็งแกร่ง! มั่นใจ! มีคลาส!
ถ้านี่คือเด็กปีหนึ่ง งั้นก็คือผู้นำของเราชัดๆ!
“เขาต้องเป็สลิธีรินแน่นอน! หยุดๆ อย่าทำอะไรเขาแล้ว เขาคือพวกเดียวกัน!”
พวกเขารีบพยุงเพื่อนที่ล้มลง มองเดม่อนด้วยสายตาชื่นชม
แต่ยังไม่ทันพูดอะไรต่อ ก็มีเสียงนักเรียนดังขึ้น
“หัวหน้าชั้นมาแล้ว!”
“พวกเธอทำอะไรกัน! ห้ามเสียงดังบนรถไฟ!”
(จบบทที่ 9)
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้