ทันทีที่สิ้นเสียง ใบหน้าของหนิงโม่เปลี่ยนเป็สีเขียวคล้ำทันใด
เยี่ยนชีมองหน้าผู้เป็นายและเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“แม่นางเสิ่น วันนี้เราขายเต้าฮวยจนหมดแล้ว เพียงแต่ตอนที่เ้า… เสี่ยวหนิงขายเต้าฮวยเกิดเหตุไม่คาดฝันเล็กน้อย บรรดาสาวน้อยใหญ่ตามถนนเมื่อเห็นรูปโฉมของเขาก็พุ่งหาอย่างบ้าคลั่ง เขายัง… ยังถูกป้าคนหนึ่งแอบกอดและหอมแก้มขณะที่ไม่ทันตั้งตัวอีกด้วย
ในเวลานี้ สายตาเฉยเมยของใครบางคนกวาดมองมา คงเพราะยังโกรธไม่หาย ความโกรธปนความเขินอายจนส่งให้ใบหน้าหล่อเหลายิ่งแดงระเรื่อ
“ไสหัวออกไป”
“อ้อ” เยี่ยนชีส่งเสียงรับหนึ่งคำแล้วเดินเกาศีรษะออกจากห้องด้วยท่าทีหนักใจ
เฮ้อ เ้านายถูกเอาเปรียบในสถานที่แร้นแค้นกันดาร ร่างกายที่บริสุทธิ์ดุจหยกของเขากลับถูกคนทำให้แปดเปื้อนเช่นนี้
ฮือ… เ้านายผู้น่าสงสาร
“คิก...” เสิ่นม่านกลั้นขำอย่างหนัก
ดังนั้น รอยจุมพิตตรงลำคอมาจากท่านป้าคนหนึ่งหรอกหรือ? นางหยอกล้อหนิงโม่อย่างนึกสนุก
“อืม ปากช่างกว้างนัก กว้างกว่าข้าถึงสองเท่า เป็อย่างไร? เครื่องแป้งของท่านป้าคนนั้นหอมหรือไม่?”
หนิงโม่เหลือบมองนาง เมื่อเห็นรอยยิ้มเบิกบานของหญิงสาว สติของเขาก็กระเจิง เขาต้องป่วยแน่ ถึงได้รู้สึกว่ารอยยิ้มของสตรีที่หนักหนึ่งร้อยห้าสิบชั่งผู้นี้ช่างงดงาม
ความหงุดหงิดทำให้เขาถูรอยจุมพิตตรงลำคอ จากนั้นหยิบถุงเงินออกมาจากอกเสื้อและเอ่ยอย่างโมโห
“ั้แ่พรุ่งนี้ ข้าจะไม่ไปขายเต้าฮวยอีกแล้ว!”
โอ้โฮ โมโหควันออกหูเลยแฮะ
ชายหนุ่มเดินไปยังลานชะล้างด้านหลังตั้งใจว่าจะอาบน้ำ ทางที่ดีคือถูกิัชั้นนอกให้หลุดลอกออกมาเสียเลย!
คืนนั้น หลังจากคนทั้งหมดในโรงทำเต้าหู้เลิกงานกลับกันหมด เสิ่นม่านก็นั่งทำบัญชีของวันนี้ เมื่อหักค่าแรงคนงานและต้นทุนออกไปแล้วคำนวณกำไรสุทธิของทั้งวัน ได้ออกมาเป็เงินถึงสี่สิบแปดตำลึงกับสองเฉียน!
และนี่คือรายการสั่งซื้อจากตระกูลจางเพียงที่เดียว ส่วนเต้าฮวยของเสิ่นม่านวันนี้ขายดีเป็พิเศษ ได้เงินมากกว่าปกติถึงสิบตำลึง?
นี่ผิดปกติ เต้าฮวยปริมาณเท่ากัน เหตุใดจึงได้เงินมากกว่าเกือบหนึ่งเท่าของปกติ? นางหยิบรายการบัญชีไปหาหนิงโม่ที่ห้อง
ชายหนุ่มเพิ่งอาบน้ำเรียบร้อย ผมดำขลับที่เปียกชุ่มสยายปรกกลางหลัง
เมื่อเสิ่นม่านผลักประตูเข้าไปก็เห็นเขาพิงอยู่ตรงขอบโต๊ะอย่างเกียจคร้าน เสื้อผ้าบนตัวสวมใส่อย่างหลวมๆ เผยให้เห็นขอบไหปลาร้าเล็กน้อย ส่วนเยี่ยนชีที่อยู่ด้านข้างกำลังคว้ามือขาวผุดผ่องและเรียวยาวของอีกฝ่ายด้วยท่าทีรักใคร่
มาได้จังหวะไม่ดีเอาเสียเลย! เสิ่นม่านแทบจะรีบหลับตาและปิดประตูในทันใด
“อ๊า! พวกเ้าตามสบาย ข้าไม่เห็นอะไรทั้งนั้น ซอรี่...”
หนิงโม่หน้าบึ้งและชักมือออกจากมือของเยี่ยนชีทันที พร้อมกับเผยแววตารังเกียจ
“ให้นางเข้ามา!”
เยี่ยนชีไม่กระจ่างว่าเกิดอะไรขึ้น จึงได้แต่จ้องมองเขาอย่างมึนงง สีหน้าของเ้านายเปลี่ยนเร็วเหลือเกิน เมื่อครู่ยังมีความสุขดีไม่ใช่หรือ?
เขาเปิดประตูให้เสิ่นม่านเข้ามา นางหอบบัญชีไว้ในอ้อมอกและยิ้มขอขมา
“ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจจะรบกวนเวลาดีๆ ระหว่างพวกเ้า หรือจะให้ข้ามาดึกกว่านี้?”
เยี่ยนชีมึนงง จากนั้นตอบอย่างไร้เดียงสา “แม่นางเสิ่น แม้จะไม่เข้าใจว่าเ้ากำลังพูดอะไร แต่เมื่อครู่ข้าเพียงใช้กำลังภายในช่วยเสี่ยวหนิงเป่าผม”
โอ้~ ช่วยเป่าผม
ยิ่งพยายามปกปิดก็ยิ่งแย่ นวนิยายที่สวยงามมากมายต่างก็เขียนแบบนี้ไม่ใช่หรือ? สองคนนี้ช่างรู้จักเล่นกับอารมณ์ความรู้สึกจริงๆ!
เสิ่นม่านขยิบตาใส่เขาและทำสัญญาณมือโอเค “ไม่ต้องอธิบาย ข้าเข้าใจดี”
“เข้าใจกับผีน่ะสิ!” หนิงโม่ด่าจากในห้อง “มีธุระก็ถามมา ไม่มีก็ไสหัวไป!” คิดว่าเขาไม่รู้หรือว่าในหัวของนางกำลังคิดอะไรอยู่?
หลายวันมานี้สายตาวิบวับของเสิ่นม่านที่วนเวียนอยู่ระหว่างเขากับเยี่ยนชี ทำให้เขาหงุดหงิด!
เสิ่นม่านเดินต้วมเตี้ยมเข้าห้องพร้อมกับใบหน้าแฝงรอยยิ้ม จากนั้นยื่นบัญชีให้หนิงโม่
“ข้าจะมาถามเ้า เหตุใดเต้าฮวยเหมือนกัน แต่พวกเ้ากลับขายได้ราคาสูงกว่าเป็เท่าตัว หรือว่าพวกเ้าขึ้นราคา?”
ใบหน้าของหนิงโม่ยากนักกว่าจะผ่อนคลายลงได้ บัดนี้พลันมืดมนอีกครั้ง
เยี่ยนชีชิงตอบอย่างไม่ปิดบัง “อ๋อ นั่นเพราะวันนี้มีคุณหนูจากตระกูลพ่อค้าคนหนึ่ง รั้นจะจ่ายค่าเต้าฮวยในราคาสิบตำลึง แล้วยังบอกให้พวกข้าไม่ต้องทอนเงิน บอกว่าขอมอบให้เสี่ยวหนิง”
นับั้แ่หนิงโม่มอบสถานะพี่ชายให้เยี่ยนชี เ้าหมอนี่ก็เรียกเขาว่า ‘เสี่ยวหนิง’ ได้อย่างคล่องปากเหลือเกิน
หนิงโม่แอบบันทึกไว้ในใจอย่างเงียบๆ กลับเมืองหลวงเมื่อไหร่จะคิดบัญชีเก่าใหม่พร้อมกันทีเดียว!
เสิ่นม่านที่รู้ความจริง “...”
เกิดมารูปงามอันตรายนัก นางกลัวจริงๆ ว่าวันหนึ่งหนิงโม่ไปในเมืองจะถูกคนทุบจนหมดสติ แล้วลากตัวไป
ด้วยรูปร่างหน้าตานี้ หากนางเป็โจรูเาก็อยากจะปล้นไปเป็สามีหัวหน้าโจรเช่นกัน!
น่าเสียดายที่หนุ่มรูปงามชอบเพศเดียวกัน
เมื่อนึกถึงว่าใครบางคนมีรสนิยมชอบเพศเดียวกัน เสิ่นม่านก็โศกเศร้าใจอย่างน่าประหลาด
“เฮ้อ น่าเสียดายน้ำใจของคุณหนูผู้นั้นเหลือเกิน เ้ามีคนในดวงใจแล้วไม่ใช่หรือ? หรือว่าเหล่าสตรีทั้งหลายดูไม่ออกถึงความสนิทสนมเป็พิเศษของพวกเ้าทั้งคู่?”
เสียงนั้นค่อนข้างเบา มีเพียงหนิงโม่ที่ได้ยิน
กระเดือกของเขาเคลื่อนตัวขึ้นลง จากนั้นสั่งให้ห่านสมองทื่อที่ยืนอยู่ตรงประตูออกไปและปิดประตู
ห่านสมองทื่อเยี่ยนชีออกไปและปิดประตูอย่างเชื่อฟัง แต่ไม่วายแอบเงี่ยหูฟังอยู่นอกประตู
ด้านในห้อง เสิ่นม่านถาม “เ้าปิดประตูทำไม?”
หนิงโม่เงยหน้าขึ้น “เ้ามานี่”
“?”
เสิ่นม่านรับรู้ถึงสายตาคุกคามของเขาจนรู้สึกผิดปกติ “เ้าคิดจะทำอะไร?”
หนิงโม่เปลี่ยนท่านั่ง มือข้างหนึ่งยันคาง ส่วนอีกข้างหนึ่งเคาะโต๊ะ ดวงตาคู่งามช้อนขึ้น ขนตาเรียงเป็แพราวกับพัด
ชายหนุ่มรูปงามที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ ผิวพรรณขาวนวลเนียนแทบจะคั้นหยดน้ำออกมาได้ ชุดสีแดงดำคลุมบนตัวอย่างลวกๆ เผยให้เห็นแผงอกแกร่งที่ขาวสะอาด
เสิ่นม่านได้ยินเสียงกลืนน้ำลายของตนเอง
ยั่วยวน นี่คือการยั่วยวนอย่างแน่นอน!
แต่นางก็ยังขยับตัวเข้าหาอย่างไม่เอาไหน ขณะที่ก้าวเข้าไปหา ทันใดนั้นชายหนุ่มก็ลุกขึ้นและจับนางกดลงกับโต๊ะ
ในขณะที่เสิ่นม่านตกตะลึง ชายหนุ่มก็โน้มตัวทับบนร่างของนาง ใบหน้าหล่อเหลาค่อยๆ ใกล้เข้ามา ขณะที่อยู่ในตำแหน่งที่ใกล้ที่สุด กระทั่งนางสามารถรับรู้ถึงลมหายใจที่พ่นออกจากจมูกของเขา
นี่มัน…
เสิ่นม่านกะพริบตา “เ้าจะทำอะไร?”
นางเอื้อมมือไปผลักเขา แต่มือทั้งสองข้างกลับถูกจับกดไว้กับโต๊ะอย่างแ่า ชายหนุ่มที่ดูท่าทางอ่อนแอกลับมีพลังมหาศาลเกินคาด!
เขาแสยะยิ้ม ดวงตาคู่สวยจดจ้องั์ตาของนาง “เ้าสงสัยว่าข้าคือพวกตัดแขนเสื้อ [1] ไม่ใช่หรือ? วันนี้ข้าจะให้พิสูจน์สักครั้งว่าตกลงข้าคือพวกตัดแขนเสื้อหรือไม่!”
หลังจากพูดจบ เขาก็ถอนมือออกมาหนึ่งข้างอย่างคล่องแคล่ว จากนั้นถอดเข็มขัดตรงเอวของเสิ่นม่าน ทำให้กระโปรงตัวนอกร่วงหล่นอย่างลื่นไหล
เสิ่นม่าน “!”
ฉากนี้คุ้นเคยมาก! ครั้งสุดท้ายที่เขาถูกสะกดจิตก็เป็เช่นนี้ไม่ใช่หรือ?
บังเอิญนัก ในสมองของหนิงโม่ก็ปรากฏภาพเดียวกัน ในภาพนั้น เขาออกแรงถอดเสื้อผ้าของเสิ่นม่านโดยไม่สนใจสิ่งใด?!
ฉากที่คุ้นเคยเกินไปทำให้หนิงโม่ชะงักไปชั่วขณะ เสิ่นม่านเองก็ดึงสติกลับมาได้ นางรีบผลักชายหนุ่มออกและคว้ากระโปรงหนีไป
เยี่ยนชีที่เฝ้าประตูรีบเข้าห้อง เมื่อเห็นเสื้อผ้าที่หลุดลุ่ยของผู้เป็นาย และนึกถึงเสื้อผ้าไม่เรียบร้อยของเสิ่นม่านเมื่อครู่ ถึงกับต้องอ้าปากค้าง
เ้านายของเขา… เปลี่ยนรสนิยมแล้วหรือ?
-----
เชิงอรรถ
[1] พวกตัดแขนเสื้อ 断袖 เป็คำที่ใช้เรียก “ชายรักชาย”
