“มาหาข้าเพื่อคุยเื่ตระกูลผู้ดีอีกแล้วหรือ? ขอโทษด้วย ข้ามิค่อยสนใจเท่าใดนัก”
โม่จ้านมองหวาเอ่อร์ที่นั่งอยู่ขอบหน้าต่างด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ อีกฝ่ายทำท่าราวกับคุยกับเขา รบเร้าทั้งคืน สายตาจดจ้องอยู่บนตัวเขามิยอมละออก
“ข้าน้อยหวังว่าท่านจะยอมรับคำขอร้องของข้า” หวาเอ่อร์ผ่อนลมหายใจออก สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็เอาจริงเอาจังขึ้นมา
“คำขอร้องอันใด? ดูเหมือนว่าท่านจะมิเคยเอ่ยมันออกมา”
โม่จ้านเอนตัวอยู่บนเตียงพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย คล้ายจะมิแยแสแม้แต่น้อย
“นอกจากนั้นยามเอ่ยคำร้องต่อทหารรับจ้างผู้หนึ่ง ในขณะเดียวกันก็ควรจะบอกเื่ค่าตอบแทนด้วยจึงจะเป็ขั้นตอนที่ถูกต้องกระมัง”
ขณะมองโม่จ้านด้วยสายตาฉายแววสนอกสนใจ หวาเอ่อร์กล้ามั่นใจว่าอีกฝ่ายเข้าใจต้นสายปลายเหตุแล้ว ทว่ายังมิอาจเดาท่าทีได้
“...หวังว่าท่านจะรับภารกิจที่ข้าประกาศในกิลด์นักดาบพเนจร พาคุณชายน้อยเก๋อจือจากไป”
“์ ท่านกำลังล้อเล่นงั้นหรือ? เมื่อวานข้ายังเตรียมตัวเป็ผู้ต้องหาคดีลักพาตัวคุณชายน้อยเก๋อจือ วันนี้กลายเป็ขุนนางคนสำคัญที่ต้องรับภารกิจฝากเลี้ยงบุตรเสียแล้ว?”
โม่จ้านแสร้งแสดงท่าทีใและเอ่ยด้วยน้ำเสียงเกินจริง
“คุณชายน้อยเก๋อจือเป็จอมเวทที่เก่งกาจแล้ว เหตุใดต้องมาเกาะกลุ่มกับข้า?”
“...ขออภัย รบกวนการพักผ่อนของท่านแล้ว”
เมื่ออีกฝ่ายแสดงท่าทีปฏิเสธ ตนก็ทำได้เพียงปล่อยผ่าน หวาเอ่อร์จิตใจห่อเหี่ยว ค้อมเอวคำนับเตรียมจะจากไป
“ทว่า หากมีเหตุผลที่เพียงพอ ข้าก็พอจะพิจารณาดู”
โม่จ้านสำรวมรอยยิ้มระรื่น แทนที่ด้วยน้ำเสียงค่อนข้างเคร่งขรึม
“ยกตัวอย่างเช่นบอกเื่ที่พวกเ้าสืบพบ หรือเื่ที่เกี่ยวกับ ‘ข้า’ ”
หวาเอ่อร์ที่ชะงักฝีเท้าหันหน้ากลับมา ใบหน้าเผยรอยยิ้มยินดี เมื่อมั่นใจว่ารอบข้างไร้ผู้คนจึงรีบสาวเท้าเข้ามาในห้องอีกครั้ง จากนั้นก็ปิดประตูเข้าหากันอย่างรอบคอบ
“แม้ข้าจะถูกปลดจากตำแหน่งพ่อบ้านแล้ว แต่ก็ยังคงเรียกใช้เส้นสายในตระกูลเคอซือได้มิน้อย ทว่ามิว่าจะทำอย่างไรก็มิอาจสืบพบประวัติความเป็มาของท่าน และในทางเดียวกัน นี่ก็หมายความว่านายท่านเคอซือก็ยากที่จะสืบพบเช่นกัน”
สายตาของหวาเอ่อร์ร้อนรุ่มยิ่งนัก ทำเอาโม่จ้านรู้สึกราวกับว่าเสื้อผ้าทั้งตัวถูกแผดเผาจนเป็รู
“มิว่าท่านโม่เจ๋อเอ่อร์จะเป็คนป่าจริงหรือไม่ ทว่าท่านเป็ผู้ที่สามารถซ่อนตัวตนได้อย่างแยบยลยิ่ง นับเป็ตัวเลือกที่ดีที่สุด”
“เพราะเหตุใด?”
“การประเมินจบการศึกษาในสถานศึกษาของคุณชายน้อยเก๋อจือ้าสหายร่วมกลุ่ม สหายร่วมกลุ่มมิอาจเป็จอมเวทกับอัศวิน ทั้งยังมิอาจเป็ผู้คุ้มกันคนสนิทหรือคนในตระกูลได้ ทว่าทุกคนที่คุณชายน้อยรู้จักเป็อย่างดี รวมถึงสหายร่วมเรียนล้วนแต่ได้รับผลกระทบจากการเกี่ยวดองสายสัมพันธ์กับตระกูลเคอซือ”
“...แล้วอย่างไรเล่า?” โม่จ้านรู้สึกแปลกใจเป็อย่างยิ่ง การปลอดภัยไว้ก่อนย่อมมิผิด
“พวกเขาจะรายงานทุกความเคลื่อนไหวของคุณชายน้อยเก๋อจือให้นายท่านเคอซือทราบ ทันทีที่ภารกิจจบการศึกษาลุล่วง คุณชายน้อยจะต้องถูกเรียกกลับไปศึกษาค้นคว้าพลังเวท ทันทีที่ไร้ข้ออ้างอย่างสถานศึกษา คุณชายน้อยเก๋อจือก็จะถูกกักบริเวณ”
หวาเอ่อร์กำหมัด ภายในแววตาเต็มไปด้วยความกังวล
โม่จ้านหัวเราะเยาะมิกี่เสียง “ดูจะเป็การทำเื่เล็กให้เป็เื่ใหญ่จนเกินไปกระมัง เพื่อบุตรชายคนโตของตนถึงกับกักบริเวณบุตรชายคนเล็ก พ่อแท้ๆ จะทำเื่เช่นนี้...”
เอ่ยมาได้ครึ่งค่อนทาง ตัวโม่จ้านเองก็มิมีความมั่นใจเสียแล้ว อย่าว่าแต่ครอบครัวชนชั้นสูงและเชื้อพระวงศ์ในบทละครโทรทัศน์ เพียงดูจากเมื่อชาติก่อน เพราะความรักความแค้นในตระกูลใหญ่ก็ทำให้เกิดคดีนองเืน่าเศร้าสลดมากมายนับมิถ้วน
“เช่นนั้นจะบอกว่า จุดประสงค์ในการว่าจ้างข้าของท่านหวาเอ่อร์คือการใช้โอกาสขณะทำภารกิจสำเร็จการศึกษาพาคุณชายน้อยของท่านหนีไปกับข้า?”
โม่จ้านมิรู้ว่าควรจะเผชิญหน้าด้วยสีหน้าแบบใด ตนเดาได้ว่าหวาเอ่อร์มิพอใจกับการปฏิบัติอย่างลำเอียงของท่านลอร์ดเคอซือ อาจจะให้ตนกับเก๋อจืออ้างว่า้าสั่งสมประสบการณ์ด้วยกันเพื่อจากไปชั่วคราว ทำให้เก๋อจือได้มีโอกาสเผยพร์ด้านพลังเวทอย่างเต็มที่ ทว่าถูกผู้อื่นเป็ฝ่ายมาไหว้วานให้ล่อลวงคนเช่นนี้ ช่างเหนือความคาดหมายของตนจริงๆ
“หากเป็เช่นนั้นได้ ข้าก็จะยินดีอย่างยิ่ง” หวาเอ่อร์ยกยิ้มขมขื่นพลางถอนหายใจ
“ทว่าคุณชายน้อยจะต้องมิตกลงเป็แน่ เขาใส่ใจคนในครอบครัวอย่างมาก”
“แท้จริงแล้วคุณชายน้อยมองโลกในแง่ร้ายนัก ยามอยู่ในครอบครัวกับอยู่ข้างนอกต่างกับราวกับเป็คนละคน”
หวาเอ่อร์ปวดใจอยู่บ้าง น้ำเสียงเชื่องช้าลง
“ทุกครั้งที่ไปสถานศึกษา คุณชายน้อยจะร่าเริงเบิกบานอย่างยิ่ง ความสัมพันธ์กับเหล่าสหายร่วมเรียนล้วนแต่ดีมาก ถึงแม้เขาจะรู้ว่า ‘สหาย’ รอบกายจำนวนมากล้วนจับตาดูเขาก็ตาม”
“แม้การกล่าวเช่นนี้จะดูเกินจริงไปบ้าง ทว่าคุณชายน้อยคู่เล่อถูกนายท่านเคอซือเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ด้วยตนเอง ในขณะที่คุณชายน้อยเก๋อจือถูกคุณหญิงเคอซือกับข้าน้อยเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ มิต่างอันใดกับบุตรของข้าน้อย ทั้งๆ ที่เป็คู่แฝด มีสิทธิ์อันใดที่คุณชายน้อยคู่เล่อสามารถสืบทอดบรรดาศักดิ์ของนายท่าน แต่คุณชายน้อยเก๋อจือกลับมิอาจใช้ชีวิตของตนเองด้วยซ้ำเล่า?”
ครั้นมองสีหน้ารวดร้าวของหวาเอ่อร์ โม่จ้านพยักหน้าเห็นด้วย เื่ราวดูเกินจริงกระนั้นก็ยังเข้าใจได้ง่าย เก๋อจือมีสิทธิ์จะทำตามสิ่งที่ตน้า
“ยิ่งไปกว่านั้น การจะเป็จอมเวทขั้นสูงจำต้องสั่งสมประสบการณ์และโอกาส ใช่ว่าจะแทะตำราทั้งชีวิตหรือเสแสร้งทำทีโกงการต่อสู้แล้วจะสามารถเป็ได้” หวาเอ่อร์แค่นหัวเราะเสียงเย็น
“นายท่านเคอซือจะมิรู้ได้อย่างไร? มิมีประสบการณ์สู้รบที่เชี่ยวชาญ มิว่าจะเชิญอาจารย์ที่เก่งกาจเพียงใดก็ไร้ประโยชน์ เป็เพียงความ้าฝ่ายเดียวที่หลอกตนเองของผู้อยู่เหนือหัวเท่านั้น”
“เช่นนั้น คาดว่าข้าคงจะมิใช่คนแรกกระมัง” โม่จ้านกุมปลายคางอย่างค่อนข้างนึกสนใจ
“สามคน รวมถึงหัวหน้ากองพลเผ่าสัตว์กลายร่างผู้นั้น เพราะถึงอย่างไรก็เป็การฝ่าอันตราย ผู้มีข้อจำกัดด้านอำนาจมิ้าสร้างปัญหาใส่ตัว ผู้ไร้อำนาจก็มิอาจทำสิ่งใดได้ ท่านที่ตัวตนว่างเปล่าจึงเป็ตัวเลือกที่ดีที่สุด”
หวาเอ่อร์ชูนิ้วออกมาสามนิ้ว จากนั้นกดนิ้วสุดท้ายลง
“ยังมีอีกหนึ่งข้อสุดท้าย กิลด์อาชีพมีข้อกำหนด หลังทหารรับจ้างที่เพิ่งลงทะเบียนทำหนึ่งภารกิจสำเร็จ จึงจะสามารถเลือกภารกิจหลักได้ตามใจชอบ หากข้ามอบการไหว้วานครั้งนี้เป็ภารกิจ จะสามารถทำให้ท่านใช้โอกาสนี้กลายเป็ทหารรับจ้างได้อย่างเป็ทางการ เพียงแต่มินับรวมอยู่ในคะแนนสะสมของทหารรับจ้างเท่านั้น”
โม่จ้านใช้สายตาพินิจพิจารณามองหวาเอ่อร์ หวาเอ่อร์ยกมือทาบอกซ้าย ทำความเคารพตามมารยาทชนชั้นสูงอย่างเหมาะสม
“เื่ที่ท่านจะลงทะเบียนเป็ทหารรับจ้าง คุณชายน้อยเก๋อจือได้บอกข้าแล้ว โปรดวางใจเถิด ข้าจะยืนอยู่ฝั่งคุณชายเก๋อจือตลอดไป”
โม่จ้านใคร่ครวญครู่หนึ่ง มุมปากหยักยกขึ้น หยัดกายลุกพลางคลี่ยิ้มบาง
“ยินดีด้วย ท่านโน้มน้าวข้าได้สำเร็จ พวกเราสามารถหารือเื่ค่าตอบแทนได้หรือไม่?”
“ค่าตอบแทนของภารกิจเป็เงินหนึ่งพันเหรียญทอง เกราะอ่อนหรือเสื้อเกราะที่ทำขึ้นโดยช่างเลื่องชื่อหนึ่งชุด...”
หวาเอ่อร์ส่งมือขวาไปทางโม่จ้าน ทว่าโม่จ้านกลับเลิกคิ้วอย่างซุกซน จงใจนำมือไปไพล่ไว้ด้านหลัง
“...ค่าตอบแทนเพิ่มเติมคือฐานะที่ถูกต้องตามกฎหมายกับสมญานามของอัศวิน และการจ่ายเงินล่วงหน้า ข้าคิดว่าท่านคงจะ้า”
“อืม เช่นนี้ค่อยยังชั่วหน่อย” โม่จ้านคลี่ยิ้มตกลงแล้วจับมือกับหวาเอ่อร์ “ทำการค้าสำเร็จ ข้าจะนอนแล้ว ราตรีสวัสดิ์ท่านพ่อบ้าน”
หวาเอ่อร์ขมวดคิ้วพลางหยัดกายลุกขึ้น ภายในแววตาฉายแววสงสัยอย่างยิ่ง “ท่าน..มิถามถึงรายละเอียดของภารกิจสักหน่อยหรือ?”
โม่จ้านหัวเราะเสียงเบา “จับกลุ่มทำภารกิจสำเร็จการศึกษาของสถานศึกษาแห่งหนึ่ง จะยากสักเท่าใดกันเชียว? นอกเสียจากผู้คุมจะอยากให้ผู้เรียนจำนวนมากซ้ำชั้น และทิ้งความทรงจำที่ว่า ‘โรงเรียนสอนไม่ดี’ ไว้ให้เหล่าผู้ปกครอง รายละเอียดเป็เช่นไรค่อยถามเก๋อจือวันพรุ่งนี้ก็เหมือนกันมิใช่หรือ?”
“...ท่านโม่เจ๋อเอ่อร์ช่างมองได้ทะลุปรุโปร่งนัก”
หวาเอ่อร์หัวเราะเสียแล้ว จากนั้นก็ล้วงคริสตัลสีน้ำเงินเขียวอ่อนหนึ่งก้อนเล็กออกมาวางลงบนโต๊ะ
“นี่คือคริสตัลบันทึกเื่ราวที่สถานศึกษาใช้โดยเฉพาะ จะต้องจำขั้นตอนสำคัญทั้งหมดให้ได้ มิเช่นนั้นสถานศึกษาจะมิมีทางยอมรับ”
“เข้าใจแล้ว” โม่จ้านนอนหงายอยู่บนเตียงพลางลืมตาขึ้นมาข้างหนึ่ง
“คล้ายกับนิทานก่อนนอนของพ่อบ้านหวาเอ่อร์จะยาวเกินไปสักหน่อย”
“ขออภัย เพียงแต่นี่ถือเป็โอกาสครั้งสุดท้ายแล้ว ขอท่านโปรดดูแลคุณชายน้อยเก๋อจือให้ดี”
หวาเอ่อร์ค้อมเอวอีกครั้ง ก่อนถอยออกไปด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ภารกิจแรก...
โม่จ้านมองแสงสะท้อนของเปลวเทียนบนเพดานแล้วยกยิ้มขมขื่นออกมา หวนนึกถึงภาพเื่ราวเมื่อชาติก่อนอีกครา
ยามอยู่ต่างประเทศอย่างไร้ญาติขาดมิตร หลังผู้าุโในสถาบันเดียวกันได้ฟังเื่ฝีมือของโม่จ้านจึงแอบมาถามว่าเขาอยากจะเป็บอดี้การ์ดหรือไม่ ผลคือหลังจากเห็นฝีมือการเล็งเป้าที่ ‘พิสดาร’ ของเขา จึงแอบแนะนำเขาให้ไปเป็ครูฝึกในโรงฝึกศิลปะป้องกันตัวแห่งหนึ่งด้วยสีหน้ายากบรรยาย
เื่ราวในอดีตสลับซับซ้อน กระนั้นมิว่าอย่างไรก็มิอาจย้อนกลับ ปัญหาในยามนี้ก็เพียงจะใช้ชีวิตให้ดีต่อไปได้อย่างไร