เสียงพายตกกระทบลงผิวน้ำดังจ๋อม ทำให้เกิดวงคลื่นกระเพื่อมออกไปจากจุดที่ลุงกับหลานกำลังซ่อนตัวดูความเคลื่อนไหวบนลานหิน
ทำเอาบรรดาเงือกสาวที่กำลังอาบแสงจันทร์สีเือย่างเพลิดเพลินพากันใ รีบกระโจนลงน้ำแล้วแหวกว่ายกลืนหายไปในสายน้ำมืดดำ
ทว่ามีเงือกสาวตัวหนึ่งที่ยังนอนอยู่บนลานหิน นางไม่ได้ะโลงน้ำตามเพื่อนๆ ไป
“โอ๊ว… ”
เปลวร้องอุทานด้วยความใเช่นกัน…
เมื่อเงือกสาวจ้องมองมายังพุ่มไม้ที่ช่วยอำพรางเรือเอาไว้ เปลวสังเกตเห็นว่านางไม่มีทีท่าว่าจะเกรงกลัวหรือใก็เลยตัดสินใจพายเรือออกมาเผชิญหน้า
“เงือก… เ้าคือนางเงือกจริงๆ ด้วย… ”
เปลวกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น…
สายตาตะลึงยังจับจ้องอยู่ที่เรือนร่างสุดงดงามสะดุดตาของเงือกสาวแสนสวย
เมื่อครีบและหางขนาดใหญ่คล้ายกับปลาเปลี่ยนเป็ขาสองข้าง รูปร่างของนางก็ดูเซ็กซี่เย้ายวนชวนให้ตะลึงงัน ทั้งสะโพกอกเอวดูราวกับนางแบบสาวเปลือยกายอยู่บนปกหนังสือแมกาซีนปลุกใจเสือป่ายังไงยังงั้น
“เ้าไม่ต้องกลัวนะพวกเราจะไม่ทำร้ายเ้า”
ลุงเดชรีบกล่าว…
เมื่อเห็นว่าเงือกสาวทำท่าคล้ายจะขยับกายหนีด้วยความกลัวมนุษย์
“พวกท่านอย่าทำร้ายข้านะ… ”
คำพูดของเงือกสาวทำเอาเปลวและลุงเดชใ
“ขะ… ข้า… ข้าให้สัญญาว่าจะไม่ทำร้ายเ้า เอ่อ… นี่เ้าพูดภาษามนุษย์ได้ด้วยหรือ… ”
เสียงตะกุกตะกักเพราะตื่นเต้น…
เปลวรีบเอ่ยถามด้วยความสงสัยขณะพายเรือเข้ามาใกล้กับลานหินกลางเวิ้งน้ำที่เงือกสาวกำลังขยับกายเปลี่ยนท่าจากนอนหงายขึ้นมานั่งพับเพียบ
“ใช่… ข้าพูดภาษามนุษย์ได้… ”
เงือกสาวตอบเสียงแหบหวาน
“ข้าเคยได้ยินเื่ราวเกี่ยวกับพวกเ้ามานานแล้ว… วันนี้ข้าเพิ่งได้เห็นของจริงเป็บุญตา… ”
ขณะที่กล่าว…
ดวงที่ไม่อาจระงับความตื่นเต้นของลุงเดชจ้องมองเรือนร่างเปล่าเปลือยตรงหน้าั้แ่ศีรษะลงมาจรดปลายเท้าที่เพิ่งแปรสภาพมาจากหางปลา
ผิวพรรณของเงือกสาวนางนี้ขาวเนียนอมชมพู นอกจากปทุมถันคู่งามเป็ทรงสวยน่ามอง อีกสิ่งที่ทำเอาหัวใจของลุงเดชเต้นระส่ำก็คือที่กึ่งกลางกายของนางมีกลีบสวาทนูนเด่นออกมาให้เห็น
สองกลีบทั้งโหนกทั้งนูนคล้ายกับหลังเต่าโอบล้อมไว้ด้วยเส้นไหมสีดำระยับกำลังเบ่งบวมตามธรรมชาติเมื่อฤดูผสมพันธุ์วนเวียนมาถึงอีกรอบ
ยิ่งมองยิ่งปลุกกระตุ้นความเป็ชายของลุงเดชให้แข็งตัวขึ้นมาอย่างไม่อาจเก็บกลั้นความรู้สึกทางเพศเอาไว้ได้
“แล้วเหตุใดเ้าจึงไม่กลัวมนุษย์… ”
เปลวถามด้วยความรู้สึกสงสัย…
เพราะว่าเงือกสาวตัวนี้ไม่ว่ายน้ำหนีไปเหมือนเพื่อนๆ ของนางที่พากันกระโจนลงไปในน้ำทันทีที่เห็นมนุษย์
“อันที่จริงข้าก็กลัวมนุษย์เช่นกัน… เพราะว่าชนเผ่าเงือกของข้าถูกมนุษย์ใจร้ายอย่างพวกท่านเข่นฆ่าจนถึงจุดที่ใกล้จะสูญพันธุ์เต็มที… ”
เงือกสาวกล่าวน้ำเสียงเศร้า…
คำพูดนี้คือสาเหตุที่ทำให้นางต้องทำใจกล้าเพื่อเผชิญหน้ากับมนุษย์
“ถ้ากลัว… แล้วเหตุใจเ้าจึงไม่หนีไป… ”
ลุงเดชถามขึ้นบ้าง
“ที่ข้าไม่หนีก็เพราะว่าใน่ชีวิตของเงือกอย่างข้าคงมีโอกาสได้อาบแสงจันทร์สีเืได้เพียงครั้งเดียวในชีวิต ข้าเฝ้ารอวันที่มานานแสนนาน วันที่ข้าจะได้กลายร่างเป็มนุษย์แล้วได้เสพสมกับมนุษย์ผู้ชายอย่างพวกท่าน… ”
เงือกสาวกล่าวถึงเหตุผลที่นางไม่หนี
“อะไรนะ… เอ่อ… นี่เ้าพูดจริงหรือที่ว่าอยากเสพสมกับพวกข้า”
ลุงเดชที่ดื่มยาดองสูตรโด่ไม่รู้ล้มมาเมื่อตอนเย็นรีบถามย้ำกับประโยคที่เงือกสาวเอ่ยออกมา
“จริงสิ… แล้วท่านทั้งสองอยากร่วมประเวณีกับข้าหรือไม่… ”
เงือกสาวไหวไหล่เขย่าสองเต้าอย่างมีจริตมารยาย ส่งสายตายั่วยวนขณะเอ่ยถาม
“อยากสิ… ข้าอยากสุดๆ… ”
ลุงเดชรีบตอบโดยไม่ลังเล
“งั้นก็เข้ามาสิ… จะมัวช้าอยู่ทำไม”
เงือกสาวค่อยๆ ลุกขึ้นยืน กวักมือเรียกและส่งสายตาเชื้อเชิญ
ลุงเดชไม่รอรี รีบก้าวเข้าไปหาเรือนร่างเปลือยเปล่าเย้ายวนตรงหน้าราวกับโดนมนต์สะกดของเงือกสาวเข้าอย่างจัง
“เอ่อ… ลุงแน่ใจนะว่าจะไม่มีอันตราย… ”
เปลวร้องห้าม…
