เมื่อได้ยินคำว่า “สถานีตำรวจ” หลิงเมิ่งก็มีท่าทีประหม่า
วันแรกของการสอบขึ้นมัธยมปลาย ซูอินมาถึงสนามสอบตรงเวลา ทำให้เธอรู้ว่าต้องเป็เื่แน่ สอบเสร็จก็ติดต่อกับ “พี่หลง” จึงรู้ว่าลูกน้องที่ส่งไปถูกตำรวจจับกุมตัว สองสามวันนี้เธอกังวลเื่นี้มาตลอด
หากเื่นี้ถูกเปิดเผย…
เมื่อคิดถึงความเป็ไปได้ แววตาของเธอก็เริ่มอยู่ไม่สุข
อู๋อู๋ซึ่งใส่ใจบุตรสาวมาก จึงง่ายที่จะสังเกตเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของเมิ่งเมิ่ง เธอรู้สึกสงสัยและมองไปที่ซูอิน จู่ๆ ก็นึกได้เื่ที่ซูอินเคยพูดเมื่อวันก่อนตอน่กลางวัน
สองสามวันมานี้จิตใจเธอสับสนวุ่นวาย ไม่คิดว่าเื่เล็กๆ แค่นั้นจะกลายเป็เื่ใหญ่ ตอนนี้เมื่อมาคิดดู เป็ไปได้ว่าเมิ่งเมิ่งอาจทำจริงๆ …
เธอมองหลิงเมิ่งอย่างไม่อยากเชื่อ เมื่อเห็นแววตาตื่นตระหนกของอีกฝ่ายก็รู้คำตอบ ในใจสับสน มองไปทางหลิงจื้อเฉิงโดยไม่รู้ตัว
เมื่อเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของทั้งสามคน ซูอินก็ยิ่งแสดงท่าทีเยาะเย้ย
“ดูท่าแล้วเื่ที่หนูถูกหลิงเมิ่งวางแผนทำร้ายจนเกือบไม่ได้ไปสอบ พวกคุณคงไม่คิดแยแสเลยสินะคะ”
“อะไรนะ”
น้ำเสียงประหลาดใจนั้นมาจากสองสามีภรรยาตระกูลซูและหลิงจื้อเฉิง
ความสับสนที่เกิดขึ้นนั้นแตกต่างจากสองคนที่อยู่ตรงหน้า ใได้ไม่นานก็มีปฏิกิริยาตอบรับอย่างรวดเร็ว
“อินอิน…”
ซูอินไม่ให้โอกาสหลิงจื้อเฉิงได้พูด เธออธิบายเื่ที่เกิดขึ้นในวันสอบ
“โชคดีมีคนผ่านมา ยืนหยัดช่วยเหลือด้วยความถูกต้อง ถ้าไม่เช่นนั้น อย่าว่าแต่เข้าร่วมสอบขึ้นมัธยมปลาย ไม่แน่ว่าก็คง…ช่างเถอะ ไม่พูดถึงเื่นี้แล้ว เที่ยงวันนั้นหนูได้พบสองสามีภรรยาคู่นี้ด้วย หนูเล่าเื่ที่หลิงเมิ่งทำ ถึงตอนนี้ ดูแล้วพวกเขาคงไม่ได้สนใจเื่นี้”
“ทำไมเป็แบบนี้!”
แววตาของเมิ่งเถียนเฟินเต็มไปด้วยความใ เมื่อรู้ว่าอินอินเคยเจอเื่อันตรายก็รู้สึกไม่สบายใจ ในขณะเดียวกันก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดเมิ่งเมิ่งที่เธอเลี้ยงดูมาตลอดสิบหกปีถึงทำเื่เช่นนี้
เธอมองหลิงเมิ่งด้วยแววตาสับสน น้ำเสียงสั่นเครือ “เมิ่งเมิ่ง เื่นี้…หนูเป็คนทำจริงๆ หรือ”
ในใจหลิงเมิ่งรู้สึกรังเกียจเมิ่งเถียนเฟิน เธอปฏิบัติต่ออีกฝ่ายในฐานะมารดาผู้ให้กำเนิดมาถึงสิบหกปี ไม่มีทางที่ในใจทางจะไม่รู้สึกผูกพัน ก่อนจะปฏิเสธโดยไม่รู้ตัว
“ไม่…ไม่ใช่หนู”
“อินอิน…ลูกเห็นแบบนั้นจริงๆ ใช่ไหม…”
เมิ่งเถียนเฟินเพิ่งเจอบุตรสาวที่ตนให้กำเนิดแค่สองครั้ง แต่อาจเป็เพราะเกี่ยวข้องทางสายเื จึงคิดว่าเด็กคนนี้ไม่มีทางโกหก เมื่อเห็นแววตาสงบของซูอิน เธอจึงกลืนคำพูดลงคอ
ไม่มีใครรู้ว่าภายใต้ท่าทีสงบนิ่งของซูอิน ก้นบึ้งของหัวใจรู้สึกโล่งอก
เนื่องจากเป็แม่ลูกกัน อู๋อู๋จึงมองไปทางหลิงเมิ่งตามหลักธรรมชาติ
แต่เธอกับเมิ่งเถียนเฟินก็เป็แม่ลูกเช่นกัน หากกับหลิงเมิ่งคนคนนี้ไม่เลือกปฏิบัติ…ซูอินเกรงว่ามันจะเกิดเื่เช่นนั้นขึ้นจริงๆ
ยังดีที่มารดาของเธอเลือกเธอ
เมื่อมีคนให้การสนับสนุนอยู่เื้ั ซูอินก็รู้สึกมั่นใจ
“เื่นี้ไม่ใช่ว่าเธออยากปฏิเสธก็ปฏิเสธได้นะ เมื่อวานแจ้งความแล้ว ตำรวจจับตัวคนทำผิดแล้ว คงมีการสอบปากคำ เื่ราวเป็มายังไงเดี๋ยวพวกเราไปถามก็คงจะรู้”
สอบวันแรกซูอินออกจากห้องสอบก่อนเวลา จากนั้นก็ไปลงบันทึกประจำวันที่สถานีตำรวจ
กลุ่มอันธพาลที่ถูกจับตอนเช้า หัวหน้ามีนามว่า “ต้าหู่” กระทำความผิดซ้ำหลายครั้ง มีประสบการณ์กับเ้าหน้าที่ตำรวจอย่างโชกโชน ให้ตายก็ไม่ยอมปริปาก เมื่อเป็แบบนั้นตำรวจจะทำอย่างไรน่ะหรือ ผ่านการฝึกอบรมมาตั้งมาก พวกเขาจะรับมืออันธพาลเหล่านี้ไม่ได้เชียวหรือ
ทุกคนถูกแยกสอบปากคำ พยายามเค้นจากคนที่จิตใจอ่อนแอที่สุดให้ยอมปริปากรับสารภาพ ไม่นานความจริงก็ปรากฏ แม้แต่การลักเล็กขโมยน้อยที่พวกเขาเคยทำก็ยอมรับสารภาพ
แน่นอนว่าซูอินไม่รู้ขั้นตอนการสอบปากคำ แต่เมื่อลงบันทึกประจำวันเสร็จเธอได้สอบถามจึงรู้ว่าทุกอย่างเป็ไปอย่างราบรื่น ทำให้เธอโล่งใจ
สองวันนี้เธอยุ่งอยู่กับการหาห้องพัก จึงแทบไม่ได้ใส่ใจเื่นี้
เมื่อนึกขึ้นได้ ก็เอาเื่นี้มาใช้ได้พอดี
เธอรู้จักคนในตระกูลหลิงดี เพราะผลประโยชน์มากมาย พวกเขาจะไม่ยอมปล่อยเธอไปง่ายๆ แน่นอน พวกเขาจะอ้างว่างานยุ่ง แล้วเลื่อนเื่นี้ออกไปอย่างไม่มีกำหนด
ยิ่งไปกว่านั้นการย้ายทะเบียนบ้านไม่ใช่เื่ง่ายสำหรับคนทั่วไป เมื่อมีตระกูลหลิงเข้ามาช่วย ก็สามารถลดอุปสรรคลงได้มาก
ซูอินกอดอก มองอู๋อู๋ด้วยแววตาสงบนิ่ง
“พูดมาถึงขั้นนี้แล้ว ใครโกหก หนูคิดว่าคุณน่าจะรู้อยู่แก่ใจ”
รูม่านตาของอู๋อู๋สั่นไหว แม้ในใจรู้ดีว่าวันนี้ต้องเอาใจซูอิน แต่ความโกรธของเธอกลับเพิ่มขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
เธอเป็คนฉลาด สามารถปะติดปะต่อเื่ราวได้ แต่ในใจกลับคิดว่าหากเมิ่งเมิ่งเป็คนทำจริง แล้วจะทำไม ซูอินไม่ได้เป็อะไรสักหน่อย
“เื่มันก็ผ่านไปแล้ว และตอนนี้เธอก็ยังอยู่ดี การที่เธอไม่เป็อะไรถือเป็สิ่งสำคัญที่สุดไม่ใช่หรือ แค่เื่ไม่พอใจเล็กน้อย ทำไมต้องทำให้ลำบากใจด้วย”
ซูอินโกรธกับทัศนคติบิดเบี้ยวของอู๋อู๋ ตอนที่เธอกำลังจะโต้กลับก็ถูกเมิ่งเถียนเฟินแย่งเสียก่อน
“พูดแบบนี้ได้ยังไง!”
คิ้วของอู๋อู๋กระตุกเล็กน้อย เธอหันไปทางเมิ่งเถียนเฟิน “แล้วคุณจะเอายังไง หรือจะให้เมิ่งเมิ่งไปสถานีตำรวจจริงๆ แล้วถูกสอบปากคำเหมือนเป็คนร้ายงั้นหรือ”
“นี่…”
การเลี้ยงดูเธอมาสิบหกปีทำให้เมิ่งเถียนเฟินลังเล
ซูอินยิ้มเล็กน้อย “ถ้างั้นก็เท่ากับว่า คุณยอมรับแล้วสินะคะ”
สติฟุ้งซ่านของเมิ่งเถียนเฟินถูกดึงกลับมา เธอมองหลิงเมิ่งเหมือนไม่อยากเชื่อ “เมิ่งเมิ่ง ลูกทำเื่นี้หรือ ทำไมทำแบบนี้ล่ะ!”
ถึงแม้จะเชื่อว่าซูอินไม่ได้โกหก แต่ลึกๆ ในใจเธอก็ไม่อยากเชื่อว่าเมิ่งเมิ่งจะทำเื่แบบนี้จริง คนนั้นก็ลูก คนนี้ก็ลูก เมิ่งเถียนเฟินคิดว่าต้องมีเื่เข้าใจผิดอย่างแน่นอน
แต่ตอนนี้ความจริงถูกเปิดเผยตรงหน้า ทำให้เธอหนีความจริงไม่พ้น
“ลูกไม่รู้หรือว่าอันธพาลพวกนั้นเป็คนแบบไหน หากไม่มีคนผ่านมาเห็นเข้า ชีวิตของอินอินอาจต้องพังไปตลอดชีวิต! เมิ่งเมิ่ง ทำไมถึงทำแบบนี้”
พูดจบสายตาของเธอหันไปมองอู๋อู๋พร้อมถาม “ที่มาเมื่อคราวก่อน อินอินบอกว่าคุณไม่ใส่ใจเธอเลย ตอนนั้นฉันไม่เชื่อ มีที่ไหนที่คนเป็แม่จะไม่รักลูก ถึงแม้ครอบครัวของเราจะยากจน แต่หลายปีที่ผ่านมา หากมีอะไรดีๆ พวกเราก็ให้เมิ่งเมิ่งก่อนเสมอ ฉันคิดมาตลอดว่าคนเป็แม่บนโลกนี้จะรู้สึกเหมือนกัน ต่อให้เป็คนเข้มงวดสักหน่อย ก็ไม่มีทางเลวร้ายจนเกินไป แต่เห็นท่าทีของคุณตอนนี้ฉันเชื่อแล้ว เกิดเื่กันอินอินขนาดนี้ คุณกลับไม่แยแส หากไม่ชอบเธอขนาดนี้ แล้วตอนแรกจะขอให้เธออยู่ที่นี่ต่อทำไม!”
เมื่อได้ฟังคำพูดนั้น อู๋อู๋ก็พูดไม่ออก
ซูเจี้ยนจวินที่นั่งอยู่ข้างๆ เมิ่งเถียนเฟินถอนหายใจยาว เขาไม่เหมือนกับภรรยาที่มองบุตรสาวของตนเองโดยเต็มไปด้วยความรู้สึกว่าอะไรก็ดีไปเสียหมด เมื่อก่อนตอนที่เมิ่งเมิ่งเป็บุตรสาวของพวกเขาก็ยังพอทน แต่ในตอนนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้ว เขาดึงสติกลับมาอย่างรวดเร็ว
“ในเมื่อเื่มาถึงขั้นนี้ ก็รีบย้ายทะเบียนบ้านเถอะ”
“หากยอมย้ายทะเบียนบ้าน ครั้งนี้หนูจะไม่เอาเื่”
ซูอินพูดเสริมถึงความ้าของตนเอง