ขันทีห้องเครื่องขมวดคิ้วเป็ปมแน่น ใบหน้าเ็ปเหลือแสน น้ำเสียงที่กล่าวออกมาแทบจะร้องไห้อยู่รอมร่อ “โธ่ ขาหมูอันล้ำค่า! จักรพรรดิองค์ก่อนทรงโปรดขาหมูซีอิ๊วเป็อย่างมาก!”
ขันทีห้องเครื่องลุกขึ้นยืนต่อว่าหนิงมู่ฉือยกใหญ่ “เ้านางกำนัลคนนี้นี่ มาขโมยกินก็แล้วไปเถิด! แต่เ้ากลับมาทำขาหมูตกพื้น! รู้หรือไม่ว่ามีโทษสถานใด!”
หนิงมู่ฉือก้มหน้าอย่างรู้สึกผิด ในใจเริ่มขลาดกลัวขึ้นมา รีบขอโทษโดยพลัน “ท่านกงกง ข้าไม่ได้ตั้งใจ แต่ข้าไม่ได้มาแอบขโมยกินนะเ้าคะ”
“เช่นนั้นเ้าเข้ามาในนี้ด้วยเหตุใด! มาทำท่าลับๆ ล่อๆ ในห้องเครื่อง ถ้าไม่ได้มาแอบขโมยกินแล้วเข้ามาทำอันใด!” ขันทีห้องเครื่องยกมือขึ้นสูง ก่อนจะฟาดมือลงมา อีกนิดเดียวก็จะถึงตัวหนิงมู่ฉืออยู่แล้ว
หนิงมู่ฉือรีบตอบออกไป “ข้าคือแม่ครัวจากตำหนักอ๋อง หนิงมู่ฉือเ้าค่ะ!”
ขันทีประจำห้องเครื่องได้ยินดังนั้นก็รีบลดมือลง ใบหน้าเปลี่ยนเป็แย้มยิ้ม น้ำเสียงอ่อนลงหลายส่วน “ข้าก็ว่าแล้วว่าคือผู้ใด ที่แท้คือแม่นางหนิงนี่เอง แม่นางหนิงเข้ามาแล้วเหตุใดถึงไม่ส่งเสียงเล่า”
หนิงมู่ฉือหยิบขาหมูที่ตกพื้นขึ้นมาวางบนจาน เตรียมจะใช้น้ำล้างทำความสะอาดมัน
“ท่านกงกงเข้าใจผิดถือเป็เื่ปกติ ในนี้ข้าเห็นของแห้งและของสดแค่เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น วัตถุดิบที่จะใช้ทำอาหารเพื่อต้อนรับแขกต่างแคว้นอยู่ที่ใดหรือเ้าคะ”
ขันทีประจำห้องเครื่องยิ้มขณะเดินนำหนิงมู่ฉือนางเข้าไปด้านใน ครั้นนางเห็นภาพข้างในถึงกับตกตะลึง
บนชั้นภายในห้องเครื่องเต็มไปด้วยผักสดใหม่ หัวไชเท้าที่วางอยู่สดใหม่ถึงขั้นยังมีน้ำค้างเกาะอยู่ เพียงสูดกลิ่นแค่เล็กน้อยก็ได้กลิ่นหอมของมัน แม้แต่ต้นเสี้ยนแพทย์[1] ที่พบเจอได้ยากก็ยังมี ทั้งยังมีหน่อไม้ฝรั่งที่มีราคาแพงอีกด้วย รวมถึงเนื้อสัตว์ชนิดต่างๆ จนเนื้อนกยูงกลายเป็เพียงเนื้อที่ธรรมดาที่สุด
เหล่าบรรดาขันทีทั้งหลายช่วยกันหั่นผักและล้างผัก แบ่งงานกันเป็ระบบระเบียบยิ่ง
หนิงมู่ฉืออ้าปากค้าง ทำให้ถูกขันทีหัวเราะเยาะ ใช้เสียงเล็กแหลมกล่าวว่า “แม่นางหนิงคงไม่เคยเห็นผักราคาแพงพวกนี้ เมื่อก่อนหน้าที่นี่มีเต๋อเฟยทรงเป็ผู้รับผิดชอบ หากแม่นางหนิงไม่เคยเห็นผักพวกนี้แล้วจะทำอาหารได้อย่างไร”
หนิงมู่ฉือได้ยินคำดูถูกก็ส่ายหน้าพลางยิ้มกับขันที “ในเมื่อฝ่าาทรงมีรับสั่งให้ข้ามารับผิดชอบหน้าที่นี้ ฝ่าาย่อมทรงมีเหตุผล พวกท่านดูถูกข้าก็เท่ากับสงสัยในตัวฝ่าา” นางใช้ฮ่องเต้มากดข่มคนเหล่านี้ ซึ่งน่าจะได้ผล
บรรดาขันทีได้ยินรีบหุบปากฉับอย่างว่องไว ไม่กล้าเอ่ยอันใดอีก
ครั้นได้ยินเสียงตีกลอง หมัวหมัว[2] ผู้มีประสบการณ์มากคนหนึ่งวิ่งเข้ามาในห้องเครื่อง เอ่ยด้วยน้ำเสียงร้อนรน “เร็วเข้า เริ่มทำอาหารได้แล้ว แขกจากต่างแคว้นมากันแล้ว”
ได้ยินประโยคนี้บรรดาขันทีต่างเริ่มมีท่าทีจริงจัง หนิงมู่ฉือถือรายการอาหาร เอ่ยสั่งบรรดาขันทีทั้งหลายด้วยน้ำเสียงดังกังวาลและทรงอำนาจ “ทุกคนฟังข้าให้ดี ทำตามวิธีที่ข้าบอก!”
สิ้นประโยคนี้บรรดาขันทีทั้งหลายต่างเกิดความรู้สึกไม่ยินยอม ทว่านางนำฐานะของฮ่องเต้มากดเอาไว้ นางจึงสามารถสั่งงานขันทีเหล่านี้ได้ง่ายขึ้น
ในเวลาเดียวกัน ณ ตำหนักจินหลวน
ฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินและสี่ราชชายาทรงกำลังรอคอยแขกจากต่างแคว้นที่จะมาเยือน สี่ราชชายาใช้เวลาแต่งองค์ทรงเครื่องนานเป็พิเศษ เสื้อผ้าอาภรณ์ที่สวมใส่รวมถึงเครื่องประดับที่ใช้ล้วนเป็ของที่ปกติพวกนางทำใจนำออกมาใช้ไม่ลง
จ้าวซีเหอสวมชุดชาววังสีขาว สีหน้าเรียบเฉย ท่านอ๋องซึ่งยืนอยู่ด้านข้างสวมชุดชาววังสีน้ำตาลเข้ม ท่าทางดูสดชื่นกระปรี้กระเปร่า
จ้าวซีเหอมีดวงตางดงามชวนมอง แววตาดอกท้อน่าหลงใหล จมูกโด่งสูง ริมฝีปากชมพูระเรื่อ มุมปากยกขึ้นคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มอยู่ตลอดเวลา ยามสวมอาภรณ์ชาววังสีขาว ยิ่งขับเน้นให้รูปลักษณ์ดูหล่อเหลาน่ามองมากขึ้น ทำให้นางกำนัลในวังหลวงไม่น้อยต่างหลงเสน่ห์
ฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินแววตาเจิดจ้าดั่งไฟลุกโชน ฉลองพระองค์ด้วยเสื้อคลุมัสีเหลืองทอง ความน่าเกรงขามของจักรพรรดิแผ่ปกคลุมไปทั่ว เกิดเป็ความกดดันอันไร้รูปแก่ผู้คนโดยรอบ ฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินใช้สายตาคมกริบทอดมองแขกต่างแคว้นที่กำลังเดินทางใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ยกมุมปากเป็รอยยิ้ม ก้าวนำเหล่าขุนนางตรงไปหาแขกต่างแคว้น
องค์ชายจากต่างแคว้นมีหนวดเคราขึ้นครึ้มเต็มใบหน้า สวมเสื้อผ้าอาภรณ์แบบต่างแคว้น แววตาคมราวกับมองทะลุจิตใจของผู้คน
ฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินมององค์ชายจากต่างแคว้นซึ่งกำลังนำผู้ติดตามลงจากหลังม้า จากนั้นมาคุกเข่าแสดงความเคารพแบบแคว้นของตนเองต่อหน้าเขา “กระหม่อมองค์ชายเอ่อร์ตั้นถวายบังคมฝ่าาพ่ะย่ะค่ะ ขอพระองค์ทรงพระเจริญหมื่นปีหมื่นๆ ปี”
แม้จะกล่าวแสดงความเคารพ หากแต่ความรู้สึกที่แท้จริงกลับถูกเก็บซ่อนเอาไว้ข้างใน
ฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินส่งยิ้มให้องค์ชายเอ่อร์ตั้น พร้อมกับใช้มือตบไหล่องค์ชายเอ่อร์ตั้นเบาๆ “รีบลุกขึ้นเถิด ไม่เจอกันหนึ่งปี ท่านดูแข็งแรงกำยำขึ้นนะ!”
องค์ชายเอ่อร์ตั้นได้ฟังก็ยิ้มตอบ “กระหม่อมฝึกม้ายิงธนูเป็ประจำพ่ะย่ะค่ะ จึงทำให้ร่างกายล่ำสันขึ้น ท่านข่านฝากกระหม่อมมาทักทายพระองค์ด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินยิ้มบางๆ “ท่านข่านช่างเอาใจใส่ดีจริง” ก่อนที่สายตาจะเหลือบไปด้านข้าง ซึ่งก็คือดรุณีนางหนึ่งที่มีใบหน้าสะสวย ผิวขาว ใบหน้าของสตรีนางนี้แย้มยิ้มอย่างอ่อนโยนอยู่ตลอดเวลา ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจ จึงได้ถามออกไป “สตรีงดงามผู้นี้เป็ใครหรือ”
ดรุณีน้อยเดินขึ้นมายืนต่อหน้าฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจิน ริมฝีปากแดงเอื้อนเอ่ยวจี “หม่อมฉันองค์หญิงซีเยวี่ยถวายบังคมฝ่าาเพคะ”
องค์ชายเอ่อร์ตั้นมององค์หญิงจากแคว้นตัวเองด้วยสายตาพึงพอใจ ก่อนจะตอบฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจิน “นี่คือองค์หญิงที่เป็ที่รักยิ่งของแคว้นกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ เพิ่งจะเจริญชันษาเป็สาวเต็มตัวเมื่อไม่นานมานี้ กระหม่อมจึงพานางมาเที่ยวที่นี่ด้วย”
ฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินมององค์หญิงซีเยวี่ยอย่างตะลึงงัน ทำให้สี่ราชชายาออกอาการร้อนรน ใช้สายตาไม่เป็มิตรจ้องไปยังองค์หญิงซีเยวี่ย
ฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินหัวเราะออกมา “ไม่คิดเลยว่าหญิงงามนางนี้จะเติบโตอยู่ต่างแคว้น ในเมื่อมาที่นี่แล้วก็อยู่เที่ยวเล่นให้สนุกเถิดนะ เวลาล่วงเลยมาพอประมาณแล้ว เข้าไปในตำหนักกันเถิด”
องค์ชายเอ่อร์ตั้นยิ้ม เดินนำผู้ติดตามเข้าไปในตำหนักสีทองหรูหราอร่ามตา องค์หญิงซีเยวี่ยมองสำรวจทุกสิ่งทุกอย่างภายในวังหลวงเช่นกัน เมื่อสายตาเลื่อนไปพบว่าจ้าวซีเหอกำลังมองมาที่ตัวเองพร้อมกับรอยยิ้มบางๆ นางรีบก้มหน้าลงด้วยความเขินอาย ไม่กล้าเอ่ยวาจาใดออกมา
ภายในตำหนักถูกจัดเป็ห้องสำหรับจัดงานเลี้ยง ฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินประทับตรงกลาง ด้านซ้ายคือสี่ราชชายา จ้าวซีเหอ ท่านอ๋อง อัครมหาเสนาบดีเฉิน รวมถึงขุนนางคนอื่นๆ
ส่วนด้านขวาคือองค์ชายเอ่อร์ตั้น องค์หญิงซีเยวี่ย และผู้ติดตาม
นางกำนัลเรียงแถวยกสุราร้อยบุปผาเข้ามา วางเสร็จเรียบร้อยถึงค่อยเดินเรียงแถวออกไปเช่นตอนมา
ฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินชูจอกสุราขึ้นพลางเอ่ยกับทุกคน “วันนี้แขกต่างแคว้นให้เกียรติมาเยี่ยมเยียนพวกเรา พวกเราสมควรดื่มให้เต็มที่ ดื่มให้สาแก่ใจ!”
ทุกคนชูจอกสุราขึ้นมาเช่นกัน หันไปทางฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินก่อนจะดื่มจนหมดจอก
เมื่อองค์ชายเอ่อร์ตั้นดื่มหมดจึงเอ่ยว่า “สุราร้อยบุปผาของที่ราบภาคกลางนี่ช่างสมกับคำร่ำลือจริงๆ!”
ฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินหัวเราะเสียงดัง ก่อนจะเหลือบมองไปที่เสียนเฟยเพื่อส่งสัญญาณ เสียนเฟยเห็นดังนั้นจึงกล่าวขึ้นมา “เมื่อมีสุราแล้วจะขาดการเต้นรำได้อย่างไร”
[1] ต้นเสี้ยนแพทย์ เรียกอีกอย่างว่าโคลเวอร์หนามฟัน มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Medicago polymorpha L. เป็พืชขนาดเล็ก สูงราว 60 เซ็นติเมตร ลักษณะใบเป็ใบประกอบ 3 ใบ ดอกมีสีเหลือง ผลมีหนาม สามารถนำใบมาประกอบอาหารได้
[2] หมัวหมัว คำที่ใช้เรียกหญิงที่มีอายุมากแล้วหรือใช้เรียกนางกำนัลรับใช้าุโที่เคยแต่งงานแล้ว