กูเฟยเยี่ยนคิดว่านอกจากเื่ของการออกมาวินิจฉัยรักษาโรคแล้ว เื่อื่นๆ นั้นจะสามารถปรึกษาหารือกับกู้อวิ๋นหย่วนได้อย่างง่ายดาย แต่ใครจะไปทราบว่ากู้อวิ๋นหย่วนจะซักถามถึงสาเหตุจนถึงที่สุด มิฉะนั้นแล้วจะไม่รับปากนาง
ภายใต้ความสิ้นหวัง กูเฟยเยี่ยนจึงทำได้เพียงพูดความจริงกับเขาถึงเื่ที่หลอกลวงเทียนอู่ฮ่องเต้ ครั้นกู้อวิ๋นหย่วนได้ฟังก็โกรธมาก “นังหนู นี่เ้าปัดภาระหน้าที่ความรับผิดชอบมาให้ข้าชัดๆ ! เหอะ เ้าอย่าได้คิดว่าข้าจะช่วยเ้า! ”
เขาพูดจบก็เตรียมจะเปิดประตู กูเฟยเยี่ยนจึงกดประตูเอาไว้แล้วถามด้วยความไม่พอใจ “เช่นนั้นข้าขอถามท่านหน่อยว่าหากต้องเลือกระหว่างเทียนอู่ฮ่องเต้กับท่านแม่ทัพเฉิง ท่านจะเลือกช่วยใคร? ”
กู้อวิ๋นหย่วนตอบกลับโดยไม่แม้แต่จะคิด “แน่นอนว่าเป็ท่านแม่ทัพเฉิง เทียนอู่ฮ่องเต้ใช้ยารักษามาเป็เวลานาน เกรงว่าต่อให้เป็เทพเซียนก็มิอาจช่วยเหลือได้”
กูเฟยเยี่ยนรอคอยคำพูดนี้นี่แหละ “เช่นนั้นการที่ข้าทำเช่นนี้มันผิดตรงไหน? ”
กู้อวิ๋นหย่วนตกตะลึงราวกับไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดี
กูเฟยเยี่ยนเบิกตามองเขาพลางเอ่ยออกมาด้วยความไม่พอใจ “ท่านคือแพทย์รักษาที่ซ่อนเร้น เทียนอู่ฮ่องเต้ไม่สามารถทำอะไรท่านได้ แต่ตัวข้านั้นยากที่จะรักษาชีวิตน้อยๆ เอาไว้ได้! กฎเกณฑ์ตระกูลกู้ของพวกท่านไม่อนุญาตให้รักษาผู้คนได้ตามอำเภอใจ แต่ก็ไม่ได้ห้ามท่านช่วยคนอื่น ท่านเป็ถึงแพทย์เชียวนะ ทำไมถึงไม่มีความเห็นอกเห็นใจกันสักนิดล่ะ? ”
เมื่อแน่ใจว่าเขาไม่ใช่ท่านอาจารย์อาภรณ์ขาว กูเฟยเยี่ยนจึงไม่มีความเกรงอกเกรงใจอีกต่อไป นางไม่ชอบนิสัยคร่ำครึขี้กลัวและระแวดระวังของเขาเลย
กู้อวิ๋นหย่วนหันหน้าหนีราวกับทั้งโกรธทั้งอับอายเป็อย่างยิ่ง เขาขมวดคิ้วเป็ปมอยู่นาน ท้ายที่สุดจึงถอนหายใจออกมา “ช่างเถอะๆ ข้าฟังเ้าก็ได้! ”
วินาทีนั้นดวงตากลมโตของกูเฟยเยี่ยนเปล่งประกายสว่างไสวขึ้นในทันที นางรีบโน้มกายขอบคุณด้วยความสุข “ขอบคุณท่านมาก! ”
กู้อวิ๋นหย่วนมองรอยยิ้มสดใสตระการตาของนาง ก่อนจะเผยยิ้มออกมาเล็กน้อย แต่น่าเสียดายที่กูเฟยเยี่ยนมองไม่เห็น
กูเฟยเยี่ยนกำลังจะเปิดประตู แต่หลังจากที่ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็ได้หันหลังกลับไปตั้งใจจะมองกู้อวิ๋นหย่วนอีกครั้ง ซึ่งดูเหมือนว่ากู้อวิ๋นหย่วนจะถูกนางจ้องมองจนหวาดกลัวแล้ว เพราะเขารีบหันหน้าหนีทันที
เห็นได้ชัดว่ากูเฟยเยี่ยนยังคงสะอื้นอยู่เล็กน้อย แต่นางก็พยายามยิ้มแล้วแสร้งพูดติดตลก “แพทย์กู้ ข้าอาจจะไม่ได้พบท่านอีกแล้ว อาจจะต้องใช้เวลาอีกนาน…กว่าจะได้พบกับอาจารย์ของข้า ท่านอย่าตระหนี่สิ ให้ข้าดูอีกนิด หากท่านรู้สึกไม่ดีก็หลับตาลงสิ! ”
กู้อวิ๋นหย่วนหันกลับมามองราวกับไม่เต็มใจเล็กน้อยแต่ก็หลับตาลงอยู่ดี
กูเฟยเยี่ยนไม่คิดว่าเขาจะยินยอมอย่างง่ายดายเพียงนี้ วินาทีนั้นนางจึงยิ้มไม่ออก ทั้งๆ ที่ปรับอารมณ์ความคิดเรียบร้อยแล้วแต่เมื่อเห็นท่าทางการหลับตาของเขาแล้ว เบ้าตานางก็อดเปียกชื้นไม่ได้
เหมือนเหลือเกิน!
ท่าทางที่ท่านอาจารย์อาภรณ์ขาวหลับตาก็เงียบขรึมเช่นนี้! ทั้งเงียบขรึมและอ่อนโยนละมุนละไม แต่ก็มีเสน่ห์เฉพาะตัวที่ทำให้โลกทั้งใบมีความเงียบสงบตามไปด้วย อีกทั้งยังทำให้โลกทั้งใบไม่กล้ารบกวนเขา
ในวัยเด็กที่ร้องไห้ตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะใกับความฝัน นางก็มักจะแอบเข้าไปในห้องของท่านอาจารย์ มุดเข้าไปในผ้าห่มนอนแนบชิดเขา เมื่อตื่นขึ้นมาในรุ่งเช้าก็มักจะเห็นใบหน้าอันเงียบสงบของท่านอาจารย์อาภรณ์ขาว และนางก็สามารถลืมเลือนความหวาดกลัวทุกอย่างลงได้โดยที่ไม่จำเป็ต้องให้เขาปลอบโยนอีก
กูเฟยเยี่ยนมองจนใจลอย จนกระทั่งกู้อวิ๋นหย่วนลืมตาขึ้นมา นางถึงได้สติรีบหลบหลีกราวกับกลัวว่ากู้อวิ๋นหย่วนเห็นจุดอ่อนของตัวนางเองอีกครั้ง แต่อย่างไรก็ตามนางไม่รู้เลยว่าอันที่จริงกู้อวิ๋นหย่วนแอบลืมตามองนางมาระยะเวลาหนึ่งแล้ว
นางพูดแ่เบา “ไปกันเถอะ”
ในคราวนี้กู้อวิ๋นหย่วนเป็ฝ่ายที่กดประตูเอาไว้ หลังจากที่เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็ได้หยิบเข็มทองสามเล่มออกมายื่นให้กูเฟยเยี่ยน
“เฮ้อ…นังหนู พวกเรานั้นก็นับได้ว่ามีโชคชะตาต่อกัน ในวันนี้ข้าจะยกเว้นไว้หนึ่งวัน เข็มทองสามเล่มนี้เ้าเก็บไว้ให้ดี หากในวันข้างหน้าเ้ามีเื่ที่้าขอความช่วยเหลือก็ให้นำเข็มนี้มาหาข้า เ้าต้องจำเอาไว้ให้ดีว่ามีโอกาสเพียงแค่สามครั้งเท่านั้น ไม่สามารถใช้ในทางที่ผิดได้! ”
กูเฟยเยี่ยนรู้สึกประหลาดใจเหลือเกิน พยับเมฆหมอกที่มืดหม่นในจิตใจของนางได้จางหายไปในทันที
ต้องทราบเอาไว้ว่าหากในตอนนี้นางไปหาหัวหน้าาุโเพื่อขอจดหมายแนะนำอีกหนึ่งฉบับก็อาจจะเป็ไปไม่ได้เเล้ว นอกเสียจากว่ามีข้อต่อรองไปแลกเปลี่ยน! นางไม่นึกเลยว่าชายคนนี้…จะให้โอกาสนางด้วยตนเอง แถมยังให้สามครั้งในทีเดียวอีกด้วย!
นางไม่ได้เกิดภาพลวงตาใช่หรือไม่?
กูเฟยเยี่ยนตื่นใเพราะได้รับความเมตตาอย่างคาดไม่ถึง
กู้อวิ๋นหย่วนรออยู่สักพัก ครั้นเห็นว่านางยังไม่ขยับเขยื้อนจึงนำเข็มทองกลับมา “เฮ้อ หากเ้าไม่้า…”
เขายังพูดไม่จบกูเฟยเยี่ยนก็รีบมาคว้าเข็มทองไป “ของที่ให้ไปแล้วจะมีเหตุผลในการเก็บคืนได้อย่างไร! ท่านกลับใจไม่ได้แล้ว! ”
กู้อวิ๋นหย่วนไม่ได้กลับใจแต่กำชับด้วยสีหน้าท่าทางที่เอาจริงเอาจัง “เ้าจำไว้ให้ดีว่าไม่สามารถใช้ในทางที่ผิดได้! ”
กูเฟยเยี่ยนเก็บเข็มทองไว้อย่างระมัดระวังแล้วเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้ม “สิ่งนี้นำไปขอร้องท่านเื่อะไรก็ได้ใช่หรือไม่? ”
กู้อวิ๋นหย่วนไม่เพียงแค่เอาจริงเอาจังแต่ยังเกิดความประหม่าอีกด้วย “นอกจากทักษะทางการแพทย์แล้วสิ่งอื่นอย่าได้คิดเลย! ”
แน่นอนว่ากูเฟยเยี่ยนพูดล้อเล่น นางอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “ข้าทำอะไรท่านไม่ได้ ท่านกลัวข้าขนาดนี้ทำไม? ”
ในที่สุดอารมณ์ของนางก็ดีขึ้นมาก นางจึงไปเปิดประตูด้วยความสุข
ผู้คนด้านนอกยังคงรอคอยโดยไม่มีใครจากไปแม้แต่คนเดียว
ถึงแม้ทุกคนจะรู้แล้วว่าขาทั้งสองข้างของเฉิงอี้เฟยไม่เป็อะไรแล้วทว่าก็ยังคงไม่วางใจ หลินฟูเหรินผู้เฒ่าตรงไปถามด้วยความตื่นเต้นเป็คนแรก “แพทย์กู้ โรคกระเพาะของอี้เฟยสามารถรักษาให้หายขาดได้หรือไม่? ”
ทันทีที่กู้อวิ๋นหย่วนอธิบายถึงรายละเอียด หลินฟูเหรินผู้เฒ่าก็ดีใจจนพูดไม่ออก จากนั้นจึงถอยหลังหนึ่งก้าวแล้วคุกเข่าแก่กู้อวิ๋นหย่วน
กู้อวิ๋นหย่วนแสดงอาการตื่นตระหนกใออกมาและรีบร้อนเข้าไปประคองทันที “ฟูเหรินผู้เฒ่าอย่าได้ทำเช่นนี้เลย ข้าน้อยไม่กล้ารับ ไม่กล้ารับ! ”
ั์ตาของหลินฟูเหรินผู้เฒ่าปกคลุมไปด้วยหยาดน้ำตา นอกจาก “คำขอบคุณ” แล้วนางพูดอะไรไม่ออกอีก
กู้อวิ๋นหย่วนสุภาพถ่อมตนและนอบน้อมมาก เขากำชับข้อควรระวังบางประการ สุดท้ายจึงพูดเสริมหนึ่งประโยค “แม้ว่าท่านแม่ทัพจะหายเป็ปกติแล้ว แต่ก็ควรจะพักผ่อนบนเตียงต่ออีกสามวัน อย่าได้รีบลงจากเตียง และของบำรุงร่างกายจะต้องค่อยๆ ทานตามมาเป็ลำดับ”
หลินฟูเหรินผู้เฒ่าพยักหน้าขึ้นลง
เหมยกงกงรีบฉวยโอกาสก้าวขึ้นไปแนะนำตัวแล้วแสดงความขอบคุณแทนเทียนอู่ฮ่องเต้
กู้อวิ๋นหย่วนไม่พูดจาทำราวกับว่าเหมยกงกงคืออากาศ
เหมยกงกงลอบคิดในใจว่ากูเฟยเยี่ยนจะต้องพูดคุยกับแพทย์กู้ไว้ล่วงหน้าแล้ว ดังนั้นเขาจึงบอกใบ้เป็นัยอีกครั้ง ทว่ากู้อวิ๋นหย่วนก็ยังคงไม่พูดจาอยู่ดี
เหมยกงกงกลืนไม่เข้าคายไม่ออกจึงส่งสายตาไปสอบถามกูเฟยเยี่ยน ทว่าทางด้านของกูเฟยเยี่ยนนั้นกลับแสดงสีหน้าลำบากใจออกมา
เหมยกงกงตระหนักได้ในทันทีว่าสถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลง ในขณะที่เขากำลังจะพูดต่อ จวินจิ่วเฉินก็กล่าวว่า “แพทย์กู้ ครั้งนี้ลำบากท่านแล้ว เปิ่นหวางให้คนจัดงานเลี้ยงเอาไว้ เชิญย้ายไปที่จิ้งหวางฟู่เถอะ”
กูเฟยเยี่ยนแอบดีใจ นางรู้ว่าจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยจะช่วยนางในการทำให้จบลงด้วยดี
ซึ่งแน่นอนว่าทันทีที่จวินจิ่วเฉินเอ่ยออกมาเหมยกงกงย่อมไม่กล้ามากความแล้ว เพราะเกรงกลัวว่าจะทำให้เกิดความน่าสงสัย
กู้อวิ๋นหย่วนปฏิเสธอย่างไม่ลังเล “ข้าน้อยอาศัยอยู่ในป่าไม้มานาน คุ้นชินกับความสงบเงียบ ข้าน้อยจึงอยากกลับไปอย่างรวดเร็ว กลับไปในตอนนี้เลย ข้าน้อยน้อมรับน้ำใจของจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย แต่ข้าน้อยไม่สามารถอยู่ค้างได้เป็เวลานาน”
จวินจิ่วเฉินพยักหน้าและไม่ได้เชิญอีกครั้ง “ในเมื่อเป็เช่นนี้ก็ขอให้แพทย์กู้โปรดรอสักครู่ เปิ่นหวางจะให้คนไปจัดเตรียมม้าเร็วกับอาหารแห้ง”
กู้อวิ๋นหย่วนดีใจมากจึงโค้งคำนับ “ขอบคุณมาก! ”
เดิมทีหลินฟูเหรินผู้เฒ่าก็้าให้แพทย์กู้อยู่ต่อเพื่อตอบแทนและแสดงความขอบคุณ ทว่าเมื่อได้ยินเช่นนี้นางจึงทำได้เพียงยอมแพ้ แม้ว่าภายในใจของนางจะเป็กังวลบุตรชายที่อยู่ภายในห้อง แต่นางก็ยังคงอยู่ด้านนอกเฉกเช่นคนอื่นๆ
ด้วยเหตุนี้จวินจิ่วเฉินจึงนั่งลงดื่มชากับกู้อวิ๋นหย่วน คนอื่นๆ ล้วนยืนกันหมด
กูเฟยเยี่ยนไปยืนอยู่ข้างกายจวินจิ่วเฉินมานานแล้ว ในส่วนของเหมยกงกงนั้นแทบอยากจะลากนางมาถามคำถาม แต่น่าเสียดายที่ไม่กล้าพอ
เมื่อจัดเตรียมม้ากับอาหารแห้งเรียบร้อยแล้วจวินจิ่วเฉินจึงเป็ผู้ออกไปส่งกู้อวิ๋นหย่วนด้วยตนเอง กูเฟยเยี่ยนติดตามข้างกายเขาโดยไม่สนใจไยดีเหมยกงกง
เหมยกงกงเห็นว่าสถานการณ์ไม่ถูกต้องจึงไม่กล้ารอช้า รีบเข้าไปทูลรายงานในพระราชวังทันที…