หากเขาไม่ได้กำลังหิวหรือเกิดอาการเจ็บป่วย โดยปกติแล้วอาจารย์จะดูแลเื่ในชีวิตเขาน้อยมาก ยกเว้นเสียแต่ว่าเสื้อผ้าจะถึงคราวชำรุดจนไม่สามารถปกปิดร่างกายได้แล้ว ถึงจะซื้อใหม่ให้เขาหนึ่งชุด ด้านสุขอนามัยส่วนตัวนี้ยิ่งแล้วใหญ่ แต่ไหนแต่ไรมาอาจารย์ไม่เคยดูแลเลย
ตอนที่เค้าเด็กมากก็ดูแลจัดการตัวเอง ตื่นเช้าขึ้นมาทุกวันก็เช็ดถูหน้าตาอย่างลวกๆ ตอนอากาศหนาวไม่อาบน้ำและไม่สระผมสองสามเดือนเป็เื่ปกติ
ตอนอยู่วัดเฉิงหวง มารดาของอาหยุนทนดูไม่ได้แล้วจริงๆ จึงต้มน้ำให้พวกเขาสองศิษย์อาจารย์อาบอยู่หลายครั้ง แล้วยังช่วยพวกเขาซักผ้ากับซ่อมแซมเสื้อผ้าอีกด้วย อาชิงอิจฉาอาหยุนมาก แม้ครอบครัวของนางจะค่อนข้างลำบากยากแค้น แต่นางมีมารดาที่รักและทะนุถนอมคอยใส่ใจ แต่ไหนแต่ไรมาล้วนสะอาดเกลี้ยงเกลา แม้สวมเสื้อผ้าที่มีรอยปะก็ไม่มีคนคิดว่าเป็ขอทานเร่ร่อน
เส้นผมบนศีรษะของอาชิงเปียกโชกออกมา พร้อมกับหิ้วถังไม้กลับมาห้องครัว
“เสื้อผ้าค่อนข้างเหมาะกับตัวเ้าเลยนี่” หลี่ซื่อกล่าวและยิ้มอย่างอ่อนโยน เห็นว่าผมของเขายังมีน้ำหยดอยู่จึงหยิบเอาผ้าในมือเขาขึ้นมา บิดส่วนที่เปียกน้ำบนผมของเขาแล้วเช็ดให้แห้ง
“…ขอบคุณอาสะใภ้” ใบหน้ารูปไข่ของอาชิงแดงเล็กน้อย
“ไม่ต้องเกรงใจ เ้ากับผิงอันโตไม่ต่างกันมาก เสื้อผ้านี้เ้าสวมใส่ก็เหมาะพอดีตัว” หูฉางกุ้ยแอบบอกสถานการณ์ของสองศิษย์อาจารย์นี้ไว้แล้ว หลี่ซื่อค่อนข้างสงสารอาชิงอย่างมาก อายุน้อยเพียงนี้ติดตามอาจารย์ร่อนเร่พเนจรไปทั่ว เฮ้อ... ช่างเป็เด็กที่น่าสงสารผู้หนึ่งนัก
หลี่ซื่อะโเรียกหูฉางกุ้ย ให้เขาหิ้วถังน้ำร้อนไปห้องฟางเสิง ช่วยเช็ดตัวให้เขาสักหน่อย แล้วล้างผมให้สะอาดซักสองสามรอบ
หลี่ซื่อเพียงมองฟางเสิงอยู่ไกลๆ สองสามหน จึงถูกความสกปรกทั่วทั้งศีรษะของเขาทำให้ใ กลัวมากว่าบนศีรษะของเขาจะงอกพวกตัวหมัดหรือเหาขึ้นมา สิ่งเ่าั้อาจแพร่กระจายมาถึงบนผมของคนอื่นได้
นางต้มน้ำร้อนเต็มหม้อ แล้วยื่นป้าหอมอันใหม่หนึ่งชิ้นให้กับเขา หนีบหูของหูฉางกุ้ยมากำชับว่าต้องทำความสะอาดร่างกายยันเส้นผมของฟางเสิงให้สะอาด
ภายใต้การช่วยเหลือของอาชิง หูฉางกุ้ยใช้น้ำร้อนสามถัง ในที่สุดก็ทำความสะอาดั้แ่ศีรษะจรดเท้าของฟางเสิงให้สะอาดได้ ส่วนพื้นอิฐสีฟ้าทั่วทั้งห้องรับแขกนั้น ล้วนถูกน้ำร้อนราดเปียกไปรอบหนึ่ง
หลี่ซื่อดันหูฉางกุ้ยไปอาบน้ำ แล้วตนเองก็ขัดถังไม้ที่ฟางเสิงใช้หนึ่งรอบ ไม่มีตัวหมัดหรือเห็บปนเปื้อนอยู่้าอย่างแน่นอน นางถึงได้วางก้อนหินหนักในใจลงได้
วันที่สอง ยามเหม่า [1] ท้องฟ้าค่อยๆ สว่าง
ฟางเสิงเปิดเปลือกตามองหลังคาบ้านและกำแพงห้องใหม่เอี่ยม สติคล้ายล่องลอย
ใช่แล้ว นี่ไม่ใช่ในห้องที่อยู่ด้านข้างห้องโถงใหญ่และห้องสำคัญของวัดเฉิงหวง แต่นี่เป็บ้านสกุลหู ครอบครัวเกษตรกรครอบครัวหนึ่งที่มีจิตใจดีงาม มีน้ำใจไมตรี และค่อนข้างร่ำรวยมั่งคั่งเป็อย่างมาก
ฟางเสิงยกมือขึ้นมาลูบคลำหน้าอกและส่วนท้องของตนเอง แล้วลองโคจรพลังอีกครั้ง
สายตาของเขาสว่างวาบทันที ท่านหมอจางสมกับที่เป็ปรมาจารย์แก้พิษจริงๆ นี่แค่ยาไม่กี่เทียบลงไปถึงท้อง รู้สึกว่าได้รับการถอนพิษที่ตกค้างไปลางๆ ความรู้สึกอ่อนแอไร้เรี่ยวแรงและเส้นประสาทชาเ่าั้ล้วนน้อยลงสองส่วน
หากตอนแรกที่เขาถูกพิษแล้วหาท่านหมอจางเจอได้ทันเวลา บางทีเขาในตอนนี้ คงเป็สภาพอีกอย่างหนึ่งแล้วกระมัง
อาชิงหลับลึกมาก นานแล้วที่เขาไม่ได้หลับอย่างผ่อนคลายเช่นนี้
อาจารย์ป่วยหนัก เขาหวาดกลัวตลอดเวลา มักจะตื่นขึ้นมากลางดึกเสมอ แล้วยื่นมือออกไปสำรวจลมหายใจของอาจารย์อย่างระมัดระวัง
เมื่อคืนนี้ หลังอาจารย์ดื่มยาไปแล้วรู้สึกว่าท่าทางที่แสดงออกมาไม่เลว อาชิงถึงวางใจลงได้ รวมกับเครื่องนอนนุ่มๆ ที่มีกลิ่นแดดติดอยู่ อาชิงที่เคยชินกับการนอนผ้านวมทั้งแข็งทั้งมีกลิ่นแปลกๆ จึงรู้สึกว่าเหมือนกำลังอาศัยอยู่ในห่อผ้านวมของสรวง์จริงๆ เขามีความสุขจนไม่อยากตื่นขึ้นมาเลย
พระอาทิตย์หลังขุนเขาอันไกลโพ้นสาดแสงส่องทะลุชั้นก้อนเมฆและโผล่ออกมาช้าๆ
ในลานบ้านของครอบครัวหูเริ่มคึกคักขึ้น
“ผิงอัน เ้าตื่นเร็วขนาดนี้มาทำอะไร? ยังห่างจากเวลาที่ต้องไปเรียนมากอยู่เลย” เสียงนุ่มนวลของสตรีเ้าของบ้านสกุลหูลอยตามอากาศมาจางๆ
“ท่านแม่ ข้ามาหาท่านพ่อให้ช่วยตอกกล่องไม้ใบใหญ่ให้สักกล่องขอรับ” เสียงใสร่าเริงของเด็กชายมีความตื่นเต้นดีใจทะลุออกมา
“เมื่อวานเ้าเพิ่ง้าให้ตอกกล่องไม้เอง รีบร้อนเช่นนี้จะเอาไปทำอะไร?” นี่เป็หูฉางกุ้ยบุรุษผู้เป็เ้าของบ้านสกุลหู
“อื้ม ท่านพ่อ ท่านช่วยข้าตอกขึ้นมาให้เสร็จก่อนได้หรือไม่ขอรับ ท่านพี่ของข้ากล่าวแล้ว เป็ของที่ต้องใช้” เด็กชายออดอ้อน
“เจินจู้าใช้? ได้ พ่อล้างหน้าบ้วนปากเสร็จแล้วจะทำให้เลย” หูฉางกุ้ยรีบรับปากอย่างคล่องแคล่ว
ในลานบ้านเริ่มปรากฏเสียงต่างๆ ออกมา
เสียงตักน้ำ เสียงบ้วนปาก เสียงสุนัขเห่า…
“ผิงอัน เ้าทำกล่องไม้ไปทำอะไรหรือ?” เสียงเงียบเหงาเ็า มีความแหบของ่เสียงเปลี่ยนซ่อนอยู่
“พี่ชายยู่เซิง ท่านตื่นแล้ว แหะๆ ข้าจะใช้กล่องไม้เลี้ยงัดินน่ะ” เด็กชายกล่าวออกมาอย่างเอาใจสองส่วน
“…เลี้ยงัดิน? มีประโยชน์อะไรหรือ?” เสียงเยือกเย็นและเงียบเหงามีความอึดอัดใจเพราะสงสัยเล็กน้อย
“ใช้เลี้ยงไก่เลี้ยงหมู และยังเลี้ยงปลาได้ด้วย” เด็กชายตอบตามความจริง
“…สิ่งเหล่านี้เป็ท่านพี่ของเ้าให้เ้าทำอีกแล้วกระมัง?” เสียงอู้อี้เล็กน้อย
“อื้ม ใช่แล้ว พี่ชายยู่เซิง พี่สาวของข้าฉลาดหลักแหลมที่สุดแล้ว ใช่ไหมเล่า?” เด็กชายกล่าวด้วยความตื่นเต้นดีใจ
“…”
“โฮ่งๆ”
พักหนึ่งมีเสียงสุนัขเห่าขัดจังหวะการสนทนา
“เสี่ยวหวง เ้าอย่ากระโจนเข้าหาคนสิ เ้าล้วนหนักเพียงนี้แล้ว หากเ้ากระโจนเข้ามาแล้วทำคนล้มไป อีกเดี๋ยวก็จะถูกท่านพี่ดุนะ” เด็กชายว่ากล่าวสุนัข
“โฮ่งๆ”
คนฝึกวรยุทธประสาทััทั้งห้า [2] เกินคน แม้ฟางเสิงร่างกายอ่อนแอและป่วยหนัก แต่ความสามารถในการได้ยินยังดีกว่าคนทั่วไปมากนัก
เด็กชายในลานบ้านคงเป็เด็กน้อยสกุลหูที่เขาต้องให้คำชี้แนะ ฟังบทสนทนา รู้สึกว่าเป็เด็กชายที่ค่อนข้างสดใสร่าเริงมากเลยทีเดียว มุมปากฟางเสิงอดโค้งขึ้นเล็กน้อยไม่ได้
เจินจูล้างหน้าแปรงฟันเสร็จออกมาจากห้องอาบน้ำ เห็นอาชิงยืนอยู่หน้าประตูห้อง ท่าทางไม่รู้ว่าตนเองควรทำอะไร
“อาชิง เ้ามานี่” นางร้องทัก
อาชิงวิ่งเข้าไปทันที ยิ้มด้วยใบหน้าเอียงอายแล้วกล่าว “พี่เจินจู อรุณสวัสดิ์”
เจินจูหัวเราะ แล้วหาแปรงสีฟันสองด้ามที่นางซื้อมาเก็บไว้จากในตู้เก็บของ แล้วหยิบผงสีฟันหนึ่งตลับกับกระบอกไม้ไผ่สองอันออกมา
“ข้าให้ นี่เป็แปรงสีฟันกับผงสีฟัน ทุกวันที่ตื่นนอนตอนเช้า อย่าลืมไปแปรงฟันล้างหน้าในห้องอาบน้ำ ตอนนี้อาจารย์เ้าลงมาบนพื้นได้หรือไม่?” เจินจูยื่นของไปให้อาชิงและถามขึ้น
“…อ่า ยังไม่ได้กระมัง” อาชิงตอบอย่างงุนงง
“อื้ม เช่นนั้นอีกเดี๋ยวเ้าแปรงฟันล้างหน้าเสร็จแล้ว ยกอ่างน้ำไปให้อาจารย์เ้าแปรงฟันล้างหน้า น้ำสกปรกที่แปรงฟันบ้วนทิ้งไปในอ่างไม้ขอบบิ่นได้เลยนะ หลังแปรงเสร็จก็เอาน้ำสกปรกออกไปเทในห้องน้ำ และอย่าลืมใช้น้ำสะอาดล้างให้สะอาดหนึ่งรอบด้วย” เจินจูอธิบายอย่างละเอียด
จากที่นางสังเกต สองศิษย์อาจารย์นี้ไม่ค่อยสนใจสุขอนามัยส่วนบุคคลนัก ในวัดเฉิงหวงคนมากมายขนาดนั้น พวกเขานับเป็คนที่ทั้งสกปรกทั้งไม่เรียบร้อยที่สุด แม้อาจารย์ของเขาจะป่วยอยู่ตลอด ก็ไม่ใช่ว่าป่วยในระดับที่ไม่สามารถลงพื้นได้ แต่ฟังจากความคิดเห็นของมารดาอาหยุนแล้ว แต่ไหนแต่ไรมาสองคนไม่เคยเป็ฝ่ายร้องขอให้ต้มน้ำอาบหรือสระผมเลย ล้วนเป็มารดาของอาหยุนทนดูไม่ไหว จึงต้มน้ำแล้วะโเรียกพวกเขาให้ไปชะล้างสิ่งสกปรก
กล่าวโดยสรุปสั้นๆ สามารถให้ตนเองสกปรกจนกลายเป็ระดับนั้นได้ สองคนผู้นี้หากไม่ใช่พวกประสาทก็เป็จอมี้เี
อาชิงถือของใช้ล้างหน้าแปรงฟังสองชุดกลับเข้าไปในห้องอย่างทึ่มทื่อ
เนื้อหาที่เจินจูเอ่ย ฟางเสิงได้ยินแล้ว
เขาไม่ได้สนใจและใส่ใจ ลูกหลานชาวยุทธไม่สนใจเื่หยุมหยิมในชีวิต เป็เด็กชายออกจากบ้านเลี้ยงชีพด้วยตัวเองและร่อนเร่พเนจรไปทั่วทุกแห่งหน จะมีเวลาใส่ใจเื่ปลีกย่อยเช่นนี้มากที่ไหนกัน
แต่ตอนนี้อยู่ในบ้านผู้อื่นไม่สามารถทำตัวตามสบายได้ เื่ไหนควรใส่ใจก็ต้องใส่ใจสักหน่อย
ด้วยเหตุนี้สองศิษย์อาจารย์ล้วนล้างหน้าบ้วนปากแปรงฟันให้เรียบร้อยทั้งหมดแต่โดยดี
อาหารเช้าเป็โจ๊กปลาเงิน
ปลาเงินที่งมขึ้นมาครั้งก่อนมีมากพอสมควร ใส่เลี้ยงไว้ในโอ่งยังต้องลำบากดูแล เสี่ยวเฮยกินติดกันสองสามวัน ความกระตือรือร้นในการกินปลาก็ไม่ได้มากขนาดนั้นแล้ว เจินจูเลยให้หลี่ซื่อนำปลาเงินตัวเล็กช้อนขึ้นมาทั้งหมด ชำระล้างให้สะอาดแล้วทำโจ๊กปลาหนึ่งหม้อใหญ่
อาชิงมองกับข้าวบนโต๊ะ เขากลืนน้ำลายลงไปโดยไม่รู้ตัว
เช้าตรู่ทานอาหารเต็มโต๊ะเพียงนี้เหมาะสมแล้วหรือ?
เนื้อพะโล้หนึ่งถาดหั่นอย่างเป็ระเบียบ ผักกวางตุ้งผัดน้ำมันเงาวับหนึ่งจานเล็ก ผักดองหนึ่งถ้วยเล็กกับไข่ต้มสิบกว่าฟอง ตรงกลางเป็โจ๊กปลาเงินหนึ่งกะละมังใหญ่
“ท่านแม่ เช้าตรู่อยู่เลย หั่นเนื้อพะโล้ทำไมกัน เบื่ออย่างมากเลยขอรับ” ผิงอันมองบนโต๊ะแวบหนึ่ง ไม่ว่าอาหารจะอร่อยแค่ไหน แต่ทานทุกวันก็น่าเบื่อหน่ายเช่นกัน
“นี่ไม่ใช่ว่าที่บ้านมีแขกหรือ เ้าไม่ชอบทานก็ซดโจ๊กไปก็พอ” หลี่ซื่อปอกเปลือกไข่ และว่างไข่ต้มฟองอิ่มเอิบเข้าไปในถ้วยของอาชิง
“อื้ม” ผิงอันขานรับหนึ่งที หลังจากนั้นช้อนดวงตาที่เป็ประกายขึ้น “ท่านพี่ ข้าเตรียมไปได้พอสมควรแล้ว รอให้ข้าเลิกเรียนตอนบ่ายจะไปขุดไส้เดือนกลับมา”
“อื้ม เ้าตั้งใจเข้าเรียน เลิกเรียนแล้วค่อยคิดเื่อื่น ทำอะไรห้ามสองจิตสองใจ” เจินจูกลืนปลาเงินลงไป แล้วอบรมผิงอัน เ้าเด็กนี่เอาใจใส่เื่จุกจิกปลีกย่อยเหล่านี้มากเกินไปแล้ว
“ทราบแล้ว ท่านพี่ การเรียนของข้าไม่มีทางตกลงสักนิดแน่นอน” ผิงอันพึมพำอย่างไม่ยอมแพ้
“ความเย่อหยิ่งทะนงตนทำให้คนล้าหลัง ความอ่อนน้อมถ่อมตนทำให้คนเจริญก้าวหน้า เ้าน่ะ ยังขาดอีกไกล” เจินจูกล่าวโต้ตอบและสั่งสอนต่อ แล้วถือโอกาสคีบผักกวางตุ้งหนึ่งตะเกียบเข้าไปในถ้วยของเขา
ผิงอันเบะปาก ไม่กล้าบ่นพึมพำอีก พี่สาวของเขาพอได้อบรมสั่งสอนขึ้นมาก็ไม่ใช่ล้อเล่นเลย
อาชิงมองสองพี่น้องหญิงชายที่หยอกล้อกันบนโต๊ะ เขารู้สึกอิจฉามาก
ั้แ่เด็กเขาถูกทอดทิ้ง ถูกขอทานชราหนึ่งคนเก็บกลับมา คนชราเลี้ยงเขาด้วยการกินอยู่ใช้สอยอย่างประหยัดจนเขาอายุห้าปีก็มาลาลับจากโลกนี้ไป เขาติดตามหัวโจกขอทานใช้ชีวิตมา่หนึ่ง หัวโจกขอทาน้าฝึกขอทานน้อยไม่กี่คนให้เป็นักล้วงกระเป๋าแต่เขาไม่ยินยอม หัวโจกขอทานจึงทุบตีเขาอยู่พักหนึ่ง แล้วขับไล่เขาออกจากกลุ่ม
อาชิงเตร่ไปมาไม่เป็หลักเป็แหล่งด้วยตัวเองอยู่เช่นนั้น เมื่อหิวจนเกือบตาย ก็ได้พบกับฟางเสิงที่ได้รับาเ็และถูกพิษ
นับแต่นั้นมาเขาจึงตามอยู่เคียงข้างอาจารย์มาตลอด
อาหารเช้าของฟางเสิง เป็หูฉางกุ้ยยกเข้าไปแต่เช้า รอจนอาชิงกลับมาที่ห้องรับแขก อาจารย์ของเขาก็ทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว
อาชิงเก็บกวาดถ้วยและตะเกียบ หยิบวัตถุดิบยาหนึ่งห่อที่วางอยู่ข้างเตียงขึ้น แล้วไปต้มยาที่ห้องครัวอย่างรู้ตัวดีว่าควรทำอะไร
ส่วนทางนี้ เจินจูกำลังขวางหูฉางกุ้ยที่กำลังแบกจอบเตรียมไปทุ่งนา ลากเขามาถึงในห้องของตนเอง
ควักเห็ดหลินจือสีม่วงค่อนไปทางสีดำหนึ่งต้นออกมาจากบนตู้หัวเตียง นั่นเป็ของที่นางหยิบออกมาจากมิติช่องว่างไว้ล่วงหน้าั้แ่เช้าตรู่ เดิมคิดจะเก็บไว้ให้ตนเองแอบไปขายทิ้งแล้วเก็บเป็เงินส่วนตัวไว้ แต่ตอนนี้ไม่จำเป็แล้ว นับั้แ่ที่หนูขนเทารู้ว่ามันสามารถแลกเปลี่ยนพืชผลจากมิติช่องว่างได้ ในมิติ่ว่างของนางก็เก็บสะสมเม็ดทองคำและเม็ดเงินไว้ไม่น้อย แล้วยังมีไข่มุกหนึ่งเม็ดกับหยกใช้ห้อยสีเขียวมรกตอีก คิดๆ ดูแล้วหลังจากนี้ไปของเหล่านี้น่าจะมีราคาสูงมากยิ่งขึ้นนัก
เมื่อคืนนางคิดเื่ราวไม่น้อย ตัดสินใจอุทิศเห็ดหลินจือนี้ออกมา เพื่อตั้งใจจะเตรียมเงินทุนดำเนินการบางอย่างในลำดับถัดไป
“นี่ นี่คืออะไรอีก?” หูฉางกุ้ยงงงวย เขาไม่รู้จักวัตถุดิบยาสมุนไพรเลยสักนิดเดียว
“นี่คือเห็ดหลินจือไงเ้าคะ” เจินจูส่งไปให้เขาอย่างยิ้มแป้น
“เห็ดหลินจือ!” หูฉางกุ้ยดวงตาเบิกกว้าง นั่นมิใช่วัตถุดิบสมุนไพรชนิดหนึ่งที่โด่งดังและล้ำค่ามากหรือ “เ้าหามาได้เมื่อไร? ทำไมวิ่งขึ้นูเาไปอีกแล้ว? บนเขาอันตราย เ้าเป็เด็กสาวอย่าเอาแต่วิ่งเข้าไปในเขาบ่อยๆ สิ”
“…อื้ม เป็่ก่อนหน้านี้สักพักแล้วเ้าค่ะ” คิดไม่ถึงเลยว่าจุดสำคัญของเขาจะอยู่ตรงนี้ เจินจูหัวเราะ
ทันทีหลังจากนั้น นางดึงหูฉางกุ้ยเข้ามากระซิบกระซาบพักหนึ่ง
“อะไรนะ!” บิดาครอบครัวหูเสียงสูงทันทีทันใด
เชิงอรรถ
[1] ยามเหม่า คือ ่เวลา 05:00 - 06:59 น.
[2] ประสาทััทั้งห้า ได้แก่ การมองเห็น การได้ยิน การัั การรับรู้รสธรรมชาติ และการได้กลิ่น
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้