ตอนที่ 30
การเดินเที่ยวชมบ้านเมืองและสถานที่ต่างๆ ของฝรั่งเศสเป็อะไรที่ปัณณวีร์ตื่นเต้นมาก เพราะดูในรูปยังไงก็ไม่เหมือนมาเห็นด้วยตาตัวเอง ซ้ำทั้งบรรยากาศก็ดีสุดๆ ปัณณวีร์ไม่เคยได้ััอากาศหนาวแบบนี้เลยที่เมืองไทย
“หนาวไหม” ศิลาถามขึ้น
“อื้อ แต่พี่ชอบนะ”
“ถ้าได้กอดกันก็คงจะดี” ร่างสูงเขยิบเข้ามาใกล้อีกหน่อยแล้วพร้อมกับจะยื่นมือไปกอดเอวของคนพี่
“หนิ! ถึงจะอยู่ต่างประเทศก็ต้องระวังตัวเอาไว้นะ” ปัณณวีร์จับมืออีกฝ่ายมาก่อนและตีเบาๆ อย่างมันเขี้ยว
“กลัวพี่หนาวไป”
“ไม่ต้องเลยยย” ศิลายิ้มกว้างเมื่อโดนจิ้มจมูก ทั้งสองเดินเคียงกันๆ ไปตามถนน เพื่อเดินเล่นรอเวลาไปทานมื้อเย็น ซึ่งร้านอาหารที่จองเอาไว้นั้นก็เป็ร้านที่อยู่ตรงข้ามกับหอไอเฟล มองเห็นได้อย่างเต็มตา แต่ราคาก็แพงอยู่เหมือนกัน แต่เพราะนานๆ ทีจะมา ไม่ได้มาบ่อย ทั้งสองจึงยอมเสียเงินตรงนี้เพื่อซื้อบรรยากาศ
เช้าวันต่อมาที่เมืองไทยตื่นมาพร้อมกับข่าวซุบซิบในอินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับศิลาที่แอบไปเที่ยวกับบุคคลปริศนาที่ลงจากรถคันเดียวกันเพียงแต่คนคนนั้นลงก่อน ดารินนั่งอยู่ในห้องทำงานของศรุตเพื่อมาปรึกษาว่าจะเอายังไงต่อ ดูเหมือนแอนตี้แฟนของศิลาจะตามติดยิ่งกว่าแฟนคลับหรือนักข่าวซะอีก สามารถถ่ายรูปปัณณวีร์ได้ แต่ก็ไม่เห็นหน้าจึงเป็ปริศนาอยู่ตอนนี้ หากถามถึงอีกสองคนที่หนีเที่ยวกันอยู่ปารีสตอนนี้ก็คงยังไม่ตื่น เพราะเวลาที่นู่นช้ากว่าประเทศไทย บวกกับรูปมื้ออาหารเย็นที่ศิลาอัพลงและเช็กอินว่าอยู่ที่ไหนนั่นอีก รูปที่ถ่ายให้เห็นแก้วไวน์ฝั่งตรงข้าม บ่งบอกว่าศิลาไม่ได้ไปกินข้าวเพียงคนเดียว แต่เื่ที่เป็ข่าวนี้ก็ไม่ได้เกินความคาดหมายเท่าไหร่นัก
“หากเราช้าจะยิ่งเป็กระแสนานนะคะ” ดารินเป็ห่วงกลัวจะกระทบกับงานและบริษัทต่างๆ ที่ศิลาเป็พรีเซ็นเตอร์ ตัวเธอไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่นักที่จะลองดูกระแสสังคมว่าจะยังไงหากมีข่าวลือแบบนี้ออกมา
“ก็เ้าตัวเขา้าแบบนั้น ไว้รอศิลากลับมาค่อยให้มาชี้แจ้ง ไม่ต้องกังวลหรอกนะครับ” ศรุตพูดด้วยรอยยิ้ม ทำเอาดารินถอนหายใจยาวๆ ในเมื่ออีกฝ่ายตัดสินใจแล้วเธอก็ไม่อยากขัดเพราะรู้ดีว่าขัดไปศิลาก็ไม่ฟังเพราะถ้าจะฟังก็คงจะฟังก่อนจะตัดสินใจแล้ว
“จริงๆ เลยเด็กสองคนนี้”
“เด็กอะไรกันครับพี่ดา โตกันขนาดนี้แล้ว” ศรุตขำเบาๆ บางทีดารินก็เหมือนแม่มากกว่าผู้จัดการส่วนตัวซะอีก
“งั้นพี่ขอตัวก่อนดีกว่า ตอนบ่ายมีพาเด็กไปแคสติ้งงานต่อ ต้องไปเตรียมตัวซะหน่อย”
“เดี๋ยวครับพี่ดา ผมมีเื่อยากจะขอคำปรึกษาหน่อยน่ะครับ” ดารินเลิกคิ้วมองเล็กน้อย
“เื่อะไรคะ มาปรึกษาพี่แบบนี้ถ้าให้พี่เดาคงจะเป็เื่ของสาวๆ สิท่า”
ศรุตยิ้มและเกาท้ายทอยแก้เขินที่ถูกอีกฝ่ายอ่านออก “ก็ ... ครับ”
“ไหนว่ามาสิ จะถามว่าจะซื้ออะไรเป็ของขวัญให้ดีหรอ”
“ไม่ใช่ครับ จะถามว่าเราควรจะง้อเธอยังไงครับ”
“ง้อ??” นั่นยิ่งทำให้ดารินแปลกใจ เพราะศรุตนั้นถือว่าเป็เสือผู้หญิงมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เจอผู้หญิงมานักต่อนัก มีหรือเื่ง้อผู้หญิงแค่นี้จะต้องมาถามเธอ “เื่นี้ต้องมาถามพี่ด้วยหรอคะ”
“ครับ ก็ผมลองทำมาทุกวิธีแล้ว แต่เธอก็ไม่หายโกรธเลย ไม่รู้ว่าจะทำยังไงแล้ว” ใบหน้าหล่อที่ดูคล้ายกันกับศิลาของผู้บริหารหนุ่มดูเคร่งเครียดจริง หากใครไม่รู้ว่าคุยเื่อะไรกันอยู่ก็คงคิดว่าเป็เื่งานอย่างแน่นอน
“ง้อยากหรอ แล้วเราไปทำอะไรให้เขาโกรธล่ะ ปกติแล้วถ้าไม่ใช่เื่ที่หนักหนาอะไรคงไม่โกรธหนักแล้วก็ง้อยากหรอก ใช่ไหม”
ศรุตนิ่งไปแล้วเม้มปากเบาๆ “ก็ประมาณนั้น ผมไปทำให้เธอโกรธมากจริงๆ”
“งั้นก็คงต้องพยายามหน่อยถ้าอยากให้หายโกรธ แต่ผู้หญิงคนไหนนะที่ทำให้รุตตามง้อขนาดนี้ แสดงว่าคนนี้ต้องไม่ทำธรรมดาแน่ๆ ใช่ไหม”
“ครับ”
ดารินมองคู่สนทนาแล้วคิดกับตัวเองว่าจะถามออกไปดีไหม ยิ่งเห็นกิริยาของอีกฝ่ายก็ยิ่งทำให้อยากรู้จึงได้เอ่ยถามเสียงเบา แม้ว่าจะอยู่ในห้องสองคนก็ตาม “ผู้หญิงคนนั้นคงไม่ใช่น้ำหนึ่งหรอกใช่ไหม?”
คนถูกถามเก็บอาการไม่อยู่ เบิกตากว้างเล็กน้อยและกำลังจะอ้าปากถามแต่ก็เหมือนนึกได้ว่าเผลอแสดงอาการมากไปจึงทำเป็ปกติ แต่ก็หลบสายตาที่จับจ้องอยู่ของดารินไม่ทันแล้ว เธอจึงพูดต่อ
“แสดงว่าใช่”
“พี่ดา...”
“ข่าวซุบซิบกันว่าศรุตตามจีบน้ำหนึ่งคงจะจริง”
“ผมไม่ได้ตามจีบเธอ แต่ตามขอโทษต่างหากล่ะ”
“ขอโทษหรอ ไปบ่อยจนคนเข้าใจผิดแล้ว เื่ใหญ่หรอ ปกติน้ำหนึ่งกับรุตก็ทะเลาะหรือเถียงกันอยู่บ่อยๆ”
“ครั้งนี้มันมากกว่านั้นน่ะสิครับ”
“ขนาดนั้นเลย” ศรุตพยักหน้ารับ “แล้วมันเื่อะไรล่ะ มาปรึกษาพี่ก็ต้องเล่าให้พี่ฟังคร่าวๆ สิว่าไปทำอะไรให้เขาโกรธมา”
“เห้ออ...บอกไม่ได้น่ะสิ” ศรุตรู้สึกน้ำท่วมปากอย่างบอกไม่ถูก จะพูดเื่นี้กับใครก็ไม่ได้ ได้แต่เก็บไว้กับตัวเองและรู้สึกผิด
“อ้าวว แล้วแบบนี้พี่จะให้คำปรึกษาได้ยังไงล่ะ”
“ช่างเถอะครับ ผมตามขอโทษเธออีกหน่อยคงจะหายโกรธ ขอบคุณพี่มากครับไม่รบกวนเวลาแล้ว” เหมือนถูกไล่ทางอ้อม ดารินจึงพยักหน้าแล้วออกจากห้องไปทำงานของตัวเอง ปล่อยคนไม่พูดนั่งทำหน้าเครียดต่อไป
นิทรรศการงานภาพยนตร์ถูกจัดขึ้นที่เมืองคานส์ ปัณณวีร์กับศิลาเดินทางมาถึงก็ได้มีเวลาเที่ยวเล่นชมความสวยงามของเมืองอยู่หน่อยก่อนจะเตรียมตัวไปงาน ซึ่งงานในวันนี้ก็มีคนดังมากมาย ทั้งดารา ผู้จัด ผู้กำกับที่มีชื่อเสียงมากันไม่น้อย สำหรับปัณณวีร์แล้วเขาดีใจที่ได้มีโอกาสมาเพื่อมาเรียนรู้เพิ่มเติม ที่ได้มากกว่าการเรียนรู้เทคนิคต่างๆ จากนิทรรศการนี้แล้วยังได้รู้จักคนอื่นๆ ที่มาร่วมงานอีกด้วย ได้พูดคุยและแลกเปลี่ยนความรู้ความชอบกัน
“ไม่คิดว่าพี่จะเก่งอังกฤษขนาดนี้ ไม่ค่อยเห็นพี่ได้ใช้เท่าไหร่” ศิลายื่นแก้วแชมเปญให้คนพี่หลังจากสนทนากับคนที่เข้ามาดูงานตัวเดียวกันเสร็จ
“แน่นอนสิ แค่ที่ไทยไม่ค่อยได้ใช้ อาจจะมีติดขัดบ้างไม่ได้คล่องอะไรมาก”
“ใครว่าล่ะครับ เก่งที่สุดเลย” คนถูกชมยิ้มแล้วยกแชมเปญขึ้นดื่มเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถาม
“เบื่อไหม สำหรับศิแล้วงานแบบนี้อาจจะน่าเบื่อไปหน่อย”
“ไม่เลย ผมเห็นพี่เดินดูนั่นดูนี่แล้วดูมีความสุขก็ยิ้มตามแล้ว”
“ตามใจพี่เกินไปแล้ว ไว้คราวหน้าอยากไปไหนพี่จะตามใจเลย” ศิลายิ้มก่อนจะตอบ
“แน่นอนว่าพี่ก็ต้องตามใจผมกลับอยู่แล้ว”
“ทำดีหวังผลจริงๆ นะ”
“ใครบ้างไม่ทำดีหวังผล พี่หิวไหมทางด้านนู้นมีของว่างนะ” ปัณณวีร์มองตามแล้วตาโตเพราะกำลังรู้สึกหิวอยู่พอดีจึงรีบพยักหน้าก่อนจะจูงมือศิลาไปด้วยกัน
ทั้งคู่ไม่ได้อยู่จนงานเลิก ออกมาก่อนเพราะดูจนหนำใจแล้ว ส่วนใหญ่งานพวกนี้ผู้กำกับหรือผู้จัดดังๆ มักจะมาหาเหล่าดารานักแสดงและหาคอนเนคชั่นกันซะมากกว่า ดูงานเพียงแค่ 30-40 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น และศิลาก็มีคนเข้ามาพูดคุยและแลกนามบัตรมากเช่นเดียวกัน ยิ่งพอรู้ว่าเป็คนเอเชียเขายิ่งดูชอบและสนใจ บอกว่ากำลังมีโปรเจคใหญ่ที่จะสร้างภายในปีนี้และเกี่ยวกับคนทางเอเชีย คาแรกเตอร์ของศิลาอาจจะไปถูกใจเขาเข้าจึงได้เข้ามาหาซึ่งปัณณวีร์มองว่ามันคือโอกาสที่ดีเลยทีเดียว
“ถ้าได้ร่วมงานกับเขาจริงนะ รับรองว่าศิต้องดังมากแน่ๆ โกอินเตอร์เลยนะ”
“เหมือนจะดีใจ แต่ก็เหมือนไม่ดีใจ” ศิลาบอกออกไปขณะที่นั่งรถกลับโรงแรม
“ทำไมล่ะ”
“ผมกลัวว่าความสามารถผมจะไม่ถึง อีกอย่างก็กลัวว่ามันจะพาผมห่างจากพี่” ปัณณวีร์คลี่ยิ้มให้แล้วลูบหลังมืออีกฝ่าย
“เด็กน้อย ถ้ามีโอกาสเข้ามาก็ต้องรีบคว้าเอาไว้สิ อย่าให้พี่รู้สึกว่าตัวพี่ดึงรั้งศิไว้ไม่ให้ไปข้างหน้า มันจะเป็เครื่องพิสูจน์ไงศิเองมีความสามารถแค่ไหน”
“รู้ครับ แต่ตอนนี้เขาก็แค่เกริ่นๆ เท่านั้น ไม่ได้ตกลงสักหน่อยว่าจะเอาผม ดารานักแสดงเอเชียหลายคนที่ดังและเก่งกว่าผมมีเยอะแยะ เอาไว้เขาติดต่อมาค่อยว่ากันอีกที” ปัณณวีร์พยักหน้าหงึกๆ ก่อนกอดแขนอีกฝ่ายแล้วซบลงกับไหล่ เพราะอยู่ในแท็กซี่ที่ไม่มีใครรู้จักพวกเขา ปัณณวีร์จึงทำตามใจได้
เมื่อมาถึงโรงแรมทั้งสองก็รีบอาบน้ำเตรียมตัว เพราะวันนี้มีบินตอนตีสอง เป็การมาที่ดูเร่งรีบ ศิลาเช็กข่าวลือของตัวเองอยู่ตลอดเวลา รู้สึกว่ากระแสยังคงไปในทางลบซะมากกว่าทางบวกเพราะเหล่าแฟนคลับเขาหลายคนยังไม่อยากให้มีแฟน บ้างก็บอกว่าหากเปิดตัวว่ามีแฟนก็คงจะเลิกตาม ซึ่งศิลาเองก็ไม่ได้สนใจตรงนี้มากอยู่แล้ว
ไม่ใช่เขาไม่ใส่ใจแฟนคลับที่คอยสนับสนุนเขามาตลอด แต่จะให้ทำยังไงในเมื่อเขาก็เป็มนุษย์คนหนึ่ง มีความคิดความรู้สึก จะรักใครบ้างมันก็ไม่แปลก หากว่าพวกเขาเ่าั้จะเลิกติดตามเลิกสนับสนุนเขาเพียงเพราะเขาเลือกเส้นทางเดินของชีวิตตัวเองไม่เป็ไปตามที่พวกเขา้าศิลาก็ไม่สนใจ เพราะสุดท้ายแล้วคนที่เขาอยากอยู่ด้วยไปตลอดคือคนที่เขารักและต้องรักเขาที่เป็เขา
“กลับไปจะบอกว่าไง” ปัณณวีร์เอ่ยถาม ทางแบรนด์สินค้าหรือว่าละครที่ติดต่อมาก่อนหน้านี้ยังไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร จะมีก็แต่กลุ่มแฟนคลับของศิลาที่ออกมาเคลื่อนไหว
“ถ้าบอกว่าผมมีแฟนตอนนี้จะเร็วไปไหม”
“รออีกหน่อยเถอะ เื่นี้มันส่งผลกระทบวงกว้างนะ ไหนจะบริษัทอีกอ่ะ ใกล้แล้วอีกไม่กี่เดือนก็หมดสัญญาแล้ว” ถึงตอนนั้นปัณณวีร์จะไม่ห้ามอีกคนเลย ไม่ว่าศิลาอยากทำอะไร อยากบอกใครเขาก็พร้อมเสมอ เพราะศิลาทำเพื่อเขามามากพอแล้ว อดทนเพื่อเขามาตลอด
“ได้ ผมเชื่อพี่” ศิลายิ้ม
“น่ารักมาก” คนน้องยื่นหน้าเข้ามาใกล้หวังจะได้รางวัล ปัณณวีร์เห็นแล้วก็อดที่จะไม่ให้ได้ยังไง จึงจุ๊บริมฝีปากหยักเบาๆ แล้วรีบผละออกทันทีแม้จะอยู่บนเครื่องก็ตาม กลัวพนักงานจะเดินมาเห็นเข้า
“นอนเถอะครับ ยายังไม่ออกฤทธิ์หรอ” ศิลาจับมือปัณณวีร์เอาไว้
“อื้ออ เริ่มง่วงแล้วแหละ ศิก็นอนด้วยนะดึกมากแล้ว”
“ครับ” ปัณณวีร์ซบไหล่อยู่อย่างนั้นจนหลับไป ศิลาจึงจัดท่าให้นอนดีๆ จะได้ไม่ปวดคอพร้อมห่มผ้าให้และปรับเบาะ ก่อนที่ตัวเองจะนอนบ้างเช่นเดียวกัน
ศิลากับปัณณวีร์กลับมาถึงไทยก็เป็เวลา่เย็นแล้ว ทั้งสองรีบออกจากสนามบินทันที คราวนี้ออกมาพร้อมกันเพียงแต่ขึ้นรถคนละคันกลับ ศิลาขึ้นรถของดารินที่มารับ ส่วนปัณณวีร์ขึ้นรถของศรุต ที่แยกกันเพราะว่ากระแสของแฟนคลับตอนนี้ดูจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก พรุ่งนี้จึงจะแก้ข่าวกันก่อน
“พี่บอกแล้วว่าแฟนคลับเราไม่ยอมหรอก” ดารินพูดขึ้นและมองกระจกหลังอยู่บ่อยครั้ง
“แล้วยังไงครับ”
“ศิ”
“ผมรู้ว่าผมต้องแคร์พวกเขา แต่ผมก็อยากให้พวกเขาแคร์ผมบ้าง” ศิลาหันบอกตามตรง ซึ่งดารินก็ไม่มีอะไรจะโต้แย้ง เธอถอนหายใจเบาๆ แล้วพยักหน้า
“โอเค พี่เข้าใจๆ แต่ตอนนี้พี่ว่าเรามีปัญหา”
“ปัญหา?” ดารินมองที่กระจกหลังอีกครั้งก่อนจะตีไฟเลี้ยว ชิดขวาเพื่อกลับรถ รถเก๋งคันสีดำที่ดูจะตามมาั้แ่ออกจากสนามบินก็ขับตาม
“พี่ว่ามีคนขับรถตามเรา” พูดจบเสียงโทรศัพท์ของศิลาก็ดังขึ้น เ้าตัวกดรับทันทีเพราะคนที่โทรมาเป็ปัณณวีร์
“ครับ”
[ศิ ทางนั้นมีคนขับรถตามไหม]
“มีครับ พี่ดาบอกเมื่อกี้”
“พี่เห็นรถคันนี้ขับตามมาั้แ่สนามบินแล้ว ไม่รู้แฟนคลับหรือพวกแอนตี้แฟนกัน” ดารินบอกออกไปเพราะคิดว่าปลายสายคงถามเื่ที่กำลังเจออยู่
[ทางนี้ก็มี แต่ศรุตสลัดหลุดไปแล้ว ทางนั้นเป็ไงบ้าง]
“ไม่มีทางให้สลัดหลุดเลย”
“ข้างหน้ามีสะพานกลับรถ” ดารินบอก
“งั้นแค่นี้ก่อนนะครับพี่วีร์ ผมจะไปขับให้ดีกว่า”
[โอเค แล้วเจอกันที่คอนโดนะ]
“ครับ” ศิลาวางสายไป บอกให้ดารินชะลอรถและจอดข้างทาง รถที่ตามมาก็ชะลอความเร็วลงเช่นเดียวกัน ศิลากับดารินลงรถแล้วสลับฝั่งกันอย่างเปิดเผย ก่อนจะเคลื่อนออกไปทันที
ศิลาเร่งความเร็วได้ไม่มากนักเพราะ่นี้รถค่อนข้างเยอะ เมื่อขับเข้าใกล้สะพานกลับรถก็ทำเหมือนจะไปทางนั้น แน่นอนว่าก่อนทางขึ้นรถติดยังกับอะไร ศิลาให้โอกาสที่รถเลนข้างๆ ยังไม่ขยับรถมา ตีไฟเลี้ยวออกไปทันทีก่อนที่รถคันนั้นจะเคลื่อนรถมาปิดทางเข้าออก เมื่อพ้นออกมาได้ศิลาก็รีบเร่งความเร็วแล้วหาจุดกลับรถต่อไปเพื่อกลับเข้าสู่เส้นทางหลัก ส่วนรถคันที่ตามแม้ว่าจะไม่ได้ขึ้นสะพานกลับรถไปแต่กว่าจะเบี่ยงออกมาได้ก็กินเวลาไม่น้อย ทำให้ตามศิลาไม่ทันแล้ว เห็นรถดาราหนุ่มอีกทีก็อยู่ถนนคนละฝั่งกันแล้ว
“น่ากลัวจริงๆ ตามแบบนี้มันละเมิดสิทธิส่วนบุคคลนะ” ปัณณวีร์พูดขึ้น กว่าศิลาจะมาถึงคอนโดก็ช้ากว่าเขาเป็ชั่วโมง
“คิดว่าเป็พวกแอนตี้แฟนที่อยากจะตามถ่ายรูปเอาข่าวไปขายมากกว่า” ดารินเอ่ยขึ้น มีให้เห็นไม่น้อยเลยพวกที่ชอบตามดาราแล้วแอบถ่ายรูป เอาไปขายให้พวกนักข่าวหรือว่าลงเพื่อปั่นกระแส
"ไม่ไหวจริงๆ เลย พรุ่งนี้ศิก็อัพโซเชียลชี้แจงก็แล้วกันว่าที่ไปด้วยกันคือใคร ไปดูงานนิทรรศการแบบนี้ใครๆ ก็อยากไปกัน" ศรุตบอก
“ได้ครับ”
“ในโซเชียลตอนนี้ติดแฮชแท็กกันใหญ่เลยว่าเห็นศิลาเดินออกจากสนามบินมากับผู้ชายคนหนึ่ง”
“ดังจริงๆ พ่อคุณ ไปไหนมาไหนมีแต่คนถ่ายรูปไว้” ศรุตเอ่ยแซวน้องชาย
“แล้วเื่คนที่ขับรถตามจะยังไง” ปัณณวีร์ห่วงว่าจะมีครั้งต่อไป ลำพังตัวเขาไม่อะไร กลัวก็แต่ตามติดศิลา
“เื่นั้นไม่ต้องห่วงไปน้องวีร์ เราเคยเจอมาแล้วคนที่ชอบแอบขับรถตามเพื่อตามถ่ายรูปศิ แต่น้องวีร์นั่นแหละที่น่าห่วง หากว่าศิบอกออกไปว่าคนที่ไปฝรั่งเศสด้วยครั้งนี้เป็ใคร คนเชื่อก็อาจจะมีว่าแค่ไปด้วยกันเพราะรู้จัก เพราะเป็พี่น้อง แต่มันก็ต้องมีคนที่ไม่เชื่อเหมือนกัน คงจะต้องตามน้องวีร์แทนศิแน่ๆ เพราะตามง่ายกว่า”
“พี่ไม่ต้องทำอะไรครับ ทำตัวปกติไปใครจะตามก็ตามครับ เพราะข้างนอกเราก็ไม่ได้เจอกันอยู่แล้ว” ศิลาบอก ไม่อยากให้ปัณณวีร์รู้สึกคิดมากและกังวล
“อื้ม ได้”
“งั้นพักผ่อนกันเถอะ กลับละ” ศรุตบอกเพราะไม่อยากจะอยู่เป็กขค ดารินเองก็ตามมาติดๆ เช่นเดียวกัน
หลังจากศิลาชี้แจงไปในอินสตาแกรมว่าคนที่ไปด้วยนั้นคือปัณณวีร์ อย่างที่ดารินบอก มีคนเชื่อและคนไม่เชื่อ แต่ในเมื่อเ้าตัวออกมาบอกแบบนี้แล้วจะให้ทำยังไงได้ ไม่เพียงออกมาชี้แจงแต่ศิลายังคงทิ้งท้ายประโยคที่ว่า หากวันหนึ่งผมจะมีคนรักจริงก็อยากให้ทุกคนเคารพการตัดสินใจของผม เพราะผมก็เป็คนธรรมดาที่รักเป็ โกรธเป็ ทำเอาสาวๆ ต่างพากันมั่นใจแล้วว่าข่าวลือที่ศิลามีแฟนอาจจะจริงก็ได้
“คณะกรรมการบริษัทหลายคนติดต่อพี่มาแล้วนะ บอกว่าทำไมศิถึงชี้แจงแบบนั้น มันสองแง่สองง่าม คิดได้สองทางว่าศิไม่ได้มีแฟนจริงกับมีแฟนแต่ยังไม่เปิดตัว” เป็รอบที่เท่าไหร่ของวันแล้วก็ไม่รู้ที่ศรุตนั่งถอนหายใจทิ้ง
“ก็้าให้มันคลุมเครือ เวลานั้นจะได้ไม่ถูกมองว่าโกหก” ไม่ได้โกหกเพียงแต่ยังไม่ได้บอกความจริงก็เท่านั้น
“จริงๆ เลย แล้วทางงานละครว่าไงบ้างไหม” ศรุตกลัวว่าจะผลกระทบกับละครมากกว่างานไหน เพราะหากว่ามีข่าวเป็เกย์หรือคบผู้ชายแล้ว แน่นอนว่ามักจะไม่ค่อยมีนางเอกคนไหนอยากจะเล่นด้วยเพราะอ้างว่าไม่อินกันทั้งนั้น
“ยังปกติดีอยู่ครับ ไม่มีใครติดต่อมาว่าอะไร”
“ก็ดีแล้ว”
“แย่แล้วๆ” เสียงดารินกึ่งเดินกึ่งวิ่ง เปิดประตูเข้ามาโดยไม่ได้ขออนุญาตเพราะความรีบ
“มีเื่อะไรครับพี่ดา” ศรุตเป็คนถาม
“มีคนโพสต์รูปของศิกับวีร์ค่ะ ดูสิคะ” เธอส่งโทรศัพท์มือถือให้ทั้งคู่ดู เป็รูปในห้องทำงานที่ออฟฟิศของปัณณวีร์เมื่อหลายเดือนก่อน ตอนที่เ้าตัวเผลอหลับไปแล้วติดต่อไม่ได้ ศิลาจึงขับรถไปหา
รูปที่ลงเป็รูปที่ทั้งคู่ใบหน้าใกล้กันมาก และรูปที่กำลังจูบกันอยู่ ศิลาหน้าเครียดขึ้นมาทันทีเพราะไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าถูกตามและแอบถ่ายรูปไว้ ไม่โพสต์ลงั้แ่ตอนนั้นคงเพราะรอเวลาและรอโอกาส
“ให้ตายสิ” ศรุตกุมขมับทันทีเพราะมันคือเื่ไม่คาดฝัน ศิลาเองก็เช่นเดียวกัน เพราะเขาเพิ่งจะชี้แจงไปแต่กลับมีคนปล่อยภาพออกมาแบบนี้
“วันนี้พี่วีร์มีออกกองด้วยน่ะสิ” ศิลาว่า
“คงไม่เป็ไรหรอก แต่ตอนนี้เราจะทำยังไงก่อน ไม่ถึงชั่วโมงติดอันดับความนิยมแล้ว” ศรุตเช็กความเคลื่อนไหวในโซเชียลดู
“พี่ว่าอยู่เงียบๆ ก่อนดีกว่าค่ะ เราอย่าเพิ่งทำอะไรไป รอดูสถานการณ์ก่อน ทางที่ดีบอกน้องวีร์อย่าเพิ่งให้สัมภาษณ์นักข่าวช่องไหนเด็ดขาดนะคะ”
“นักข่าวเดี๋ยวนี้ยิ่งเร็ว กลัวจะไปหาถึงกองน่ะสิ” ศิลานึกห่วงขึ้นมา ไม่รู้คนพี่จะรู้ข่าวรึยัง
ทางด้านของปัณณวีร์กำลังยุ่งอยู่กับการเปลี่ยนฉาก จึงไม่ได้จับมือถือขึ้นมาเช็กข่าวอะไรเลย อย่าว่าแต่ตัวปัณณวีร์ ทีมงานคนอื่นก็ยุ่งเช่นเดียวกัน ร่างสูงของผู้สนับสนุนคนใหม่เดินเข้ามาพร้อมจับแขนปัณณวีร์ที่กำลังดูเทคที่ถ่ายก่อนหน้าอยู่ให้ออกไปกับตัวเอง ทุกคนในกองต่างก็ดูจะชินแล้วกับการที่มาวินมาหาปัณณวีร์บ่อยๆ แล้ว เพราะมาวินนั้นเปิดเผยว่าตนเองดูชอบพอคุณผู้จัดั้แ่แรก
“อะไรของคุณครับเนี่ย”
“บอกให้เรียกพี่ ยังเรียกคุณอยู่ได้” มาวินยอมรับว่าชอบอีกฝ่ายที่รูปร่างหน้าตาและความสามารถ แม้จะรู้ว่ามีแฟนแล้วแต่เขาก็อยากจะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันอยู่ไม่ได้คิดอยากจะแย่งมาเป็ของตัวเองแต่อย่างใด เป็เพียงพี่น้องกันก็ดี
“เฮ้อ! ช่างเื่นี้ก่อน นี่ยังไม่ได้เห็นข่าวใช่ไหม” พอเห็นปัณณวีร์ทำหน้างงก็ได้คำตอบ “ยังจริงด้วย อ่ะดูซะ”
มาวินยื่นมือถือให้ซึ่งตอนนี้อยู่ที่หน้าข่าวที่ถูกสำนักข่าวเขียนข่าวไปนักต่อนักแล้ว ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้รู้ความเป็มาของรูปเลย หากว่ารูปที่เห็นเป็เื่เข้าใจผิดกันก็คงจะเสื่อมเสียไม่น้อย แต่ว่าเื่นี้เป็เื่จริงก็ทำให้เสียหายเช่นเดียวกัน
“นี่มันอะไรกันน่ะ ใครเป็คนปล่อยรูป” ปัณณวีร์ยังคงมึนงง แม้จะรู้ว่าอาจจะถูกแอบถ่ายแต่ก็ไม่คิดว่าจะเข้าในออฟฟิศของเขาได้ ได้แต่นึกโทษตัวเองที่ระบบรักษาความปลอดภัยไม่เข้มพอ
“ใครปล่อยไม่สำคัญเท่าจะทำยังไง จะมาทำงานต่อจากนี้คงจะยากแล้ว”
ปัณณวีร์ขมวดคิ้วคิดหนัก “ขอบคุณที่มาบอกนะครับ ยังไงช่วยอะไรผมหน่อยได้ไหมครับ อย่าให้คนนอกเข้ามาในกองถ่ายได้ไหมครับ ไม่งั้นวุ่นวายแน่ๆ วันนี้ก็ต้องถ่ายทำต่อไป”
“เอาเถอะ เดี๋ยวพี่จะจัดการให้ วันนี้ทำงานทำแผนที่วางไว้ให้ดีก็พอ ในส่วนของพรุ่งนี้ค่อยว่ากัน ยังไงก็เหลือไม่เยอะแล้ว”
“ขอบคุณนะครับ” ปัณณวีร์รู้สึกว่าโชคดี ในความโชคร้ายก็ยังเจอคนที่เข้าใจและช่วยเหลืออยู่
ถึงจะบอกว่าทำงานตามปกติไม่มีใครเข้ามารบกวน แต่ปัณณวีร์ก็รู้สึกว่าไม่ค่อยมีสมาธิเอาเสียเลย เป็ห่วงทางด้านของศิลามากกว่าเพราะว่าผลกระทบกับอีกฝ่ายมากกว่าตนเอง
“น้องวีร์ พี่เห็นข่าวแล้ว สู้ๆ นะคะ” ผู้กำกับเอ่ยขึ้นกับปัณณวีร์ระหว่างที่เก็บของเตรียมกลับกัน
“ขอบคุณนะครับพี่วรรณ”
“มันไม่ใช่เื่น่าอายหรือเสียหายอะไรเลย เพียงแต่ความคิดคนส่วนใหญ่ถูกปลูกฝังมาผิดๆ พี่เอาใจช่วยเพราะพี่เองก็สนับสนุนกลุ่ม LGBTQ อยู่เสมอ อีกอย่างหากว่า่นี้ต้องเก็บตัวก่อนเพราะกลัวถูกตามก็ได้นะ เรามาประชุมกันอีกที พี่คิวว่างอยู่แล้ว” เธอลูบไหล่ให้กำลังใจรุ่นน้องในวงการ
“ครับ เอาไว้ผมคุยกับคุณมาวินก่อนแล้วเราค่อยนัดประชุมกันอีกทีนะครับ”
“ได้เสมอ”
ปัณณวีร์ยิ้มอย่างขอบคุณ “ขอบคุณมากๆ ครับ”
“พี่วีร์คะ มีกลุ่มแฟนคลับของศิลามารออยู่ข้างหน้าเต็มเลยค่ะ บอกว่าไม่พอใจที่พี่แย่งศิลาของพวกเขา ที่ไม่เข้ามาเพราะคุณมาวินเอาป้ายมาวางไว้ว่าหากใครฝ่าฝืนเข้าไปรบกวนการถ่ายทำจะแจ้งความดำเนินคดีทันที” ชารีบวิ่งเข้ามาบอก
“จริงๆ เลยแฟนคลับพวกนี้ จะรักจะชอบก็ไม่มีขอบเขตเอาซะเลย” วรรณถอนหายใจแล้วส่ายหน้าเบาๆ ชาเองก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“แต่ทางออกจากบ้านมีทางเดียวน่ะสิ” ระยะห่างจากรั้วของบ้านและตัวบ้านนั้นห่างกันราวๆ 50 เมตร
“มีอีกทางนะคะ แต่พี่ต้องปีนกำแพงทางด้านหลังบ้านค่ะแล้วเดี๋ยวชาเอารถออกไปรอรับ รถพี่เอาไว้ที่นี่ก่อนแล้วค่อยมาเอาค่ะ” ชาเสนอทางออกที่ก็ไม่ได้ยากไปหรือว่าง่ายไปซะทีเดียว
“ปีนกำแพงหรอ” ปัณณวีร์ถามซ้ำแล้วมองไปยังกำแพงนอกบ้านที่สูงลิ่วแล้วหันกลับมามองชาและวรรณสลับกันซึ่งทั้งคู่ต่างก็เห็นด้วย เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายออกไปทางด้านหน้าแล้วเจอกับแฟนคลับที่คลั่งศิลปินเกิน
“ใช่ค่ะ ไปค่ะเดี๋ยวชาช่วยหาที่ปีนให้”
TBC.