ตอนที่ 29
แม้จะเค้นถามยังไงแต่ศรุตก็ไม่ยอมเล่า ปัณณวีร์จึงถอดใจ เอาไว้ไปถามจากน้ำหนึ่งก็ได้ เพราะเห็นสีหน้าลำบากใจของศรุตแล้วก็ยิ่งทำให้ปัณณวีร์สงสัยว่าทั้งสองทะเลาะอะไรกัน ศิลากลับมาที่พร้อมไวน์ขวดหนึ่งและแก้ว ทั้งสามนั่งดื่มไวน์ริมสระน้ำไปพูดคุยกันไปเกือบจะเที่ยงคืน อาธิปกับกนกขึ้นไปนอนแล้วให้เด็กๆ เขาอยู่กันเอง ส่วนศรุตก็ออกไปข้างนอก บอกจะออกไปหามื้อดึกกินแต่ความจริงคือไม่อยากจะอยู่เป็ก้างขวางคอศิลากับปัณณวีร์ซะมากกว่า
“ปีนี้ผ่านไปเร็วมากเลย แล้วก็เป็ปีที่เจออะไรมากมายเหมือนกัน” ปัณณวีร์วนแก้วไวน์เบาๆ และมองไวน์แดงในแก้วที่ไหลวนไปตามทิศทางที่ปัณณวีร์หมุน
“นั่นสิครับ รู้ไหมว่าก่อนหน้านี้ตอนที่เราทะเลาะกัน ผมเคยเผลอคิดอะไรไร้สาระด้วยนะ ว่าที่เป็แบบนี้เป็เพราะอาถรรพ์ 3 ปีรึเปล่า” ปัณณวีร์หันมามองและพบว่าศิลามองมาที่ตัวเขาอยู่ก่อนแล้ว
“จริงป่ะเนี่ย”
“จริง ก็เขาว่ากันว่าคู่รักที่คบกันมานานก็มักมีอาถรรพ์ 3 ปี 5 ปี 7 ปี”
“ไม่คิดว่าจะเชื่อเื่พวกนี้ด้วย”
“ตอนนั้นมันคิดไปเรื่อย คิดไปต่างๆ นานา” ปัณณวีร์ขำเล็กน้อย ไม่บ่อยนักที่ศิลาจะเชื่อเื่ความเชื่อแบบนี้ “พี่ขำผมหรอ เป็เพราะพี่นั่นแหละ”
คนพี่ได้แต่กลั้นขำเอาไว้ “ไม่ขำๆ”
ปากบอกไม่ขำแต่สีหน้ากับการแสดงออกชัดเจนจนศิลามันเขี้ยว แย่งแก้วไวน์มาแล้วเอาวางไว้ข้างตัวก่อนจะหย่อนตัวเองลงไปในน้ำแล้วดึงปัณณวีร์ลงมาด้วย ปัณณวีร์ถึงกับเหวอไปเพราะศิลาทำอย่างรวดเร็วไม่ทันตั้งตัว
“ศิ! เปียกหมดเลย” ดีที่พวกเขาวางมือถือไว้ที่โต๊ะ ไม่งั้นคงได้มาทดสอบ ที่ว่ากันน้ำได้นั้นจริงหรือไม่
"ใครใช้ให้พี่หัวเราะผม ต้องโดนซะบ้าง" ศิลาจับแขนปัณณวีร์ไพล่ไว้ข้างหลังดันอีกฝ่ายติดกับขอบสระและตามไปติดไม่เว้นช่องว่างให้ได้หนี
"ศิทำอะไร เดี๋ยวมีคนมาเห็นนะ" แม้ศรุตไม่อยู่ ใช่ว่าในบ้านจะไม่มีใครอยู่เลย
"พี่คิดอะไร คิดว่าผมจะทำอะไรพี่ในสระน้ำหรอ จริงๆ แล้วพี่ก็ลามกนะเนี่ย" ศิลาแซวกลับบ้าง แม้ใจเขาก็คิดอกุศล อยากจะทำเหมือนกันแต่ก็คงจะเป็วันนี้ไม่ได้เพราะมันโจ่งแจ้งเกินไป
"ไม่ต้องมาพูดดีเลย พี่รู้นิสัยเรา อื้อออ!" พูดยังไม่ทันได้จบประโยคดีด้วยซ้ำ ปัณณวีร์ก็ถูกศิลาปิดปากด้วยอวัยวะส่วนเดียวกัน ศิลาทำเพียงเอาปากแตะปากเขาและขบเม้มเบาๆ เท่านั้นก่อนจะผละออกเล็กน้อย ดวงตาเรียวดุจเหยี่ยวจ้องมองมาด้วยความขี้เล่น ทำเอาปัณณวีร์อยากจะจิ้มให้ตาบอดซะจริง
"ฉวยโอกาส เกิดคุณกนกมองดูอยู่จะทำยังไง" ปัณณวีร์พูดขึ้น
"นอนไปแล้วแหละครับป่านนี้ เมื่อกี้แค่ทดลองดู"
"ห้ะ!?"
ริมฝีปากหยักยกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยแล้วพูดขึ้น "ขอจูบหน่อยครับ"
ศิลาปล่อยมือของปัณณวีร์ให้เป็อิสระ มือซ้ายยกขึ้นมาลูบบริเวณท้ายทอยอีกฝ่ายเบาๆ แล้วค่อยๆ โน้มใบหน้าลงประทับริมฝีปาก ขยับใบหน้าให้ได้องศาพอดี ปัณณวีร์เงยหน้าขึ้นเล็กน้อยเป็ฝ่ายเผยอปากให้ศิลาส่งลิ้นเข้ามาได้ง่ายๆ สองมือกอดเอวหนาเอาไว้แนบชิด
ทั้งสองมอมเมากันด้วยไวน์ไม่พอ ยังตามมาด้วยรสจูบที่ดูจะอ่อนโยนดุจสายน้ำที่ค่อยๆ ไหลไป แต่ไม่นานก็แปรเปลี่ยนเป็คลื่นที่ซัดเข้าหากัน กว่าจะยอมผละออกจากกันก็นานสองนาน หากไม่ติดว่าที่นี่คือที่บ้านและยังมีพ่อกับแม่อยู่ ศิลาคงจะรังแกคนพี่ตรงนี้ให้รู้แล้วรู้รอดไป
"ใจเย็น" เมื่อเข้ามาในห้องนอน ทันทีที่ล็อกประตูเสร็จ ปัณณวีร์ก็ถูกดึงมาอยู่ในอ้อมกอด ลำคอขาวถูกอีกฝ่ายรุกจนต้องเอียงคอให้
"พี่ยั่วผมก่อน" ศิลาผละออกปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของอีกฝ่าย ใบหน้าหล่อแดงก่ำเล็กน้อย คงเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่ดื่มไป ก่อนหน้าที่อยู่ในสระว่ายน้ำดันถูกปัณณวีร์ปลุกความอ่อนไหวขึ้นมาโดยการใช้เข่าตัวเองถูไถไปมาใต้น้ำ
"ติดง่ายชะมัด" ปัณณวีร์พูดแล้วยิ้มอย่างท้าทาย ก่อนจะถูกศิลาดันไปที่เตียงแล้วล้มลงนั่ง ร่างสูงยืนอยู่ตรงหน้า ใบหน้าหวานอยู่ตรงหน้าท้องของศิลาพอดี เมื่ออีกฝ่ายถอดเสื้อออกก็เผยให้เห็นมัดกล้ามเป็ลอนเรียงตัวสวยจนน่าัั
ไม่ต้องรอให้บอก ปัณณวีร์ยื่นมือไปลูบไล้มันทันที และเงยหน้าสบสายตาร้อนแรงแต่แฝงด้วยความอ่อนโยนที่มองมาอยู่ก่อนแล้ว ศิลาถอดเข็มขัดออกพร้อมกับปลดกระดุมกางเกง ปัณณวีร์ส่งมือไปช่วยดึงมันลง
"ทำให้ผมหน่อย ... ใช้ปากของพี่" ศิลาใช้นิ้วหัวแม่มือลูบไล้ที่กลีบปากบางเบาๆ
"จะทำกันข้ามปีหรอ" ปากพูดแต่มือนั้นััความเป็ชายของอีกฝ่ายไปแล้ว
"ก็ทำข้ามปีทุกปีไม่ใช่หรอ" ศิลาเอ่ยเสียงเบาก่อนจะส่งเสียงครางต่ำออกมาเมื่อปัณณวีร์ใช้ริมฝีปากและลิ้นปรนเปรอให้เขา
ศิลามองอีกคนที่อยู่กลางลำตัวสร้างความกระสันให้ตนเองก็อดใจไม่ไหว จับหัวเล็กขยับเข้าออกเองตามจังหวะที่้า
"แค่กๆ ไอ้เด็กนิสัยไม่ดี" ปัณณวีร์หายใจแทบไม่ทัน เมื่อเป็อิสระก็ตีเข้าที่หน้าขาอีกฝ่ายทันที
"พี่ชอบผมรู้" ศิลาดึงอีกฝ่ายขึ้นมาก่อนจะถอดเสื้อผ้าออกจนหมด "ผมทำให้พี่บ้าง"
ร่างบางถูกดันให้นอนราบกับเตียง ขาเรียวถูกจับแยกออกจากกันก่อนศิลาจะแทรกตัวอยู่ตรงกลาง ใช้มือชักรูดปลุกส่วนอ่อนไหวของอีกฝ่ายบ้าง และอีกข้างก็ไม่ปล่อยให้ว่าง ส่งนิ้วเข้าไปในช่องทางคับแคบเพื่อเตรียมความพร้อมไว้รอ
"อ๊ะ! อื้มม" ปัณณวีร์ถูกเล่นทั้งหน้าและหลังก็บิดกายไปมา ดวงตากลมเต็มไปด้วยความปรารถนาที่ไม่อาจจะควบคุมได้
เมื่อปรนเปรอปลุกปั่นความ้าของกันและกันเสร็จสรรพจนศิลารู้สึกว่าทนไม่ไหว อยากจะรังแกคนพี่เต็มทนแล้งจึงได้จับปัณณวีร์ให้อยู่ในท่าหมอบคลาน สะโพกกลมยกสูงขึ้น ใบหน้าซบอยู่กับหมอนนิ่ม
"สวยมาก พี่สวยมากจริงๆ" ศิลาพูดขึ้น มือหนาลูบบั้นท้ายกลมแล้วบีบคลึงอย่างสนุกมือ
"ใส่มาสักที"
"ใจเย็นสิครับ" ราวกับถูกเอาคืนเมื่อความ้ามันมากล้น ปัณณวีร์เร่งเร้าให้อีกฝ่ายเติมเต็ม สิ้นสุดคำพูดศิลาก็ตอบสนองความ้าของคนใต้ร่าง สอดแก่นกายใหญ่ที่สวมเครื่องป้องกันแล้วเข้าไปช้าๆ
"อะ...อื้ออ~" มือเรียวเล็กกำผ้าปูที่นอนจนยับเมื่อถูกสิ่งใหญ่โตรุกรานเข้ามา ไม่นานนักก็เข้ามาจนสุดสร้างความคับแน่นจนต้องบีบรัดเอาไว้
"อย่ารัดแรง ซี๊ดด" ศิลาก้มลงไปจูบแผ่นหลังขาวขึ้นมาเรื่อยๆ ถึงหลังคอ และมาที่ใบหู ส่วนอ่อนไหวของปัณณวีร์
"อ้ะ! ศิ" ศิลาขยับเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆ เพิ่มขึ้นอีกจนเมื่อััได้ว่าปัณณวีร์ผ่อนคลายไม่ได้เกร็งอย่างตอนแรกแล้วก็เริ่มบทรักที่สร้างเสียงหยาบโลนและน่าอาย
"อย่าครางดังสิครับ อื้มมส์~ เดี๋ยวพ่อกับแม่ได้ยิน" ศิลาเอ่ยแกล้ง ห้องของกนกอยู่อีกฝั่ง แน่นอนว่าถ้าไม่ออกมาข้างนอกและไม่มาใกล้ๆ ห้องเขาก็คงไม่ได้ยิน ปัณณวีร์รีบเอามือปิดปากตัวเองไว้ยามถูกกระแทกกระทั้นก็แทบเก็บเสียงไว้ไม่อยู่
ศิลาจับใบหน้าหวานให้หันมารับจูบแทน ขณะที่่ล่างก็ยังคงทำหน้าที่ได้ดี ปัณณวีร์จึงได้ครางอื้ออึงในลำคอ
"อย่ารัดแน่น ผมจะเสร็จ" ผ่านไปนานสองนานศิลาผละริมฝีปากออกมาพูด ใบหน้าของทั้งคู่อยู่ห่างกันไม่มากนัก ััได้ถึงลมหายใจของกันและกัน
"ถ้าเสร็จก่อนพี่ พี่ให้รอบเดียวนะ" ราวกับถูกแกล้ง ศิลางับเข้าที่ปากล่างของปัณณวีร์แล้วกัดอย่างมันเขี้ยวแต่ก็ไม่ได้กัดแรง ก่อนจะส่งมือไปเล่นกับส่วนอ่อนไหวของปัณณวีร์แทน
ปัณณวีร์พยายามปัดป่ายมือของอีกฝ่ายออกเพราะศิลาเก่งเกินไป เพียงััไม่นานก็ทำให้เขาอยากจะปลดปล่อย บวกกับช่องทางด้านหลังที่ถูกกระแทกอย่างแรง จนสุดท้ายปัณณวีร์ก็ปลดปล่อยออกมาก่อน
"อะ อ่าาห์!" ร่างบางหอบหายใจหนัก ศิลาก็หยุดขยับกายก่อนจะยิ้มขำแล้วเกลี่ยปอยผมให้คนพี่
"เหนื่อยแล้วหรอ แต่พี่เสร็จก่อนผมนะ เพราะงั้นผมทำกี่รอบก็ได้ใช่ไหม"
"หนิ! เบาๆ ลงบ้างก็ได้" ปัณณวีร์มองตาเขียว เมื่อถูกเอาคืน ศิลาก้มลงไปจูบที่แก้มขาวก่อนที่คนพี่จะหันหน้าหนีซุกลงกับหมอน
"งั้นผมต่อเลยก็แล้วกัน" ศิลาไม่ปรานีอีกคนเลย ปัณณวีร์ซุกหน้ากับหมอนได้ไม่นานก็ต้องเงยหน้าขึ้นเพื่อกอบโกยเอาอากาศหายใจ
บทรักร้อนแรงข้ามปีใหม่นี้ยังคงดำเนินต่อไป และต่อไปแม้ปัณณวีร์จะรู้สึกเหนื่อยและหมดแรงแล้วก็ตามแต่ก็ยังคงมีความสุขและสนุกอยู่ เพราะถึงแม้เอ่ยปากห้ามให้หยุด ศิลาก็คงไม่หยุดอยู่ดีจนกว่าเ้าตัวจะพอใจ
ช่างเป็คนที่เอาแต่ใจจริงๆ ปัณณวีร์เองก็ได้แต่คิดในใจ...
เช้าวันปีใหม่ กว่าปัณณวีร์กับศิลาจะตื่นก็สายแล้ว แต่เพราะวันนี้ไม่มีงาน ทั้งสองจึงไม่รีบตื่น ถือเป็วันหยุดพักผ่อน อาธิปนั่งแต่งสวนถาดอยู่ที่โต๊ะข้างบ่อปลาของศิลา มีกนกนั่งดูอยู่อย่างเพลิดเพลินและช่วยบ้างบางครั้ง ศรุตลงมาจากห้องเห็นภาพพ่อแม่มีเวลาอยู่ด้วยกันแบบนี้ก็ยิ้มออกมา ตรงเข้าไปที่ห้องครัวแล้วชงกาแฟเอง
เมื่อคืนกว่าจะกลับเข้าบ้านมาก็เกือบตีสอง ศรุตยืนเหม่อคิดถึงเื่เมื่อคืนนี้ที่เขาไปหาน้ำหนึ่งมา แต่อีกฝ่ายก็ไม่ยอมคุยด้วยสักคำ ทำเอาศรุตไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน ได้แต่ถอนหายใจอยู่อย่างนั้นจนไม่ได้สนใจว่าตอนนี้ตัวเองกดกาแฟเกินมา
“ล้นหมดแล้ว เหม่ออะไร” เสียงของศิลาดังขึ้น ศรุตจึงได้สติแล้วกดหยุดเครื่องพร้อมเอาผ้ามาซับส่วนที่หกออกมา
“นอนน้อย” ศรุตตอบแค่นั้น
“ตามจีบพี่น้ำหนึ่งหรอ” ศิลาเปิดตู้เย็นเอาน้ำผลไม้ออกมารินใส่แก้วเพื่อจะเตรียมไปให้ปัณณวีร์ที่ยังคงหลับอยู่
“ไม่ใช่ละ” ศรุตขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ก็เห็นข่าวหนิ บอกว่าเมื่อคืนไปหาเขาถึงคอนโด แถมยังมีออกมาอีกว่าก่อนหน้านี้ก็ตามเขาอยู่บ่อยๆ งั้นมันคืออะไรล่ะ” เพราะ่นี้ศรุตไปหาน้ำหนึ่งบ่อยจริง แต่อีกคนไม่สนใจเลย น้ำหนึ่งเองก็เป็ดารา ไม่แปลกหากว่าจะมีนักข่าวคอยทำข่าวซุบซิบ นักข่าวสมัยนี้หูตาเป็สับปะรดจะตายไป
“ช่างเถอะๆ แล้ววีร์ยังไม่ตื่น?”
“เมื่อคืนหนักไปหน่อย” คำพูดสองแง่สองง่ามของศิลา ศรุตแทบอยากจะตีกระบาลน้องชาย
“ให้มันน้อยๆ หน่อย ว่าแต่จะไปเที่ยวฝรั่งเศสด้วยกันไม่กลัวเป็ข่าวหรอ ตอนนี้มีแต่คนจับตามองนะว่าศิลาดาราดังมีแฟนจริงรึเปล่า”
“ไปถึงฝรั่งเศสคงไม่มีนักข่าวตามไปหรอกมั้ง”
“ตอนไปกับตอนกลับคือลงเครื่องที่ไทยไงอย่าลืม” ศรุตบอกด้วยความเป็ห่วง ยิ่งดังเท่าไหร่ความเป็ส่วนตัวยิ่งน้อยลงเท่านั้น
“ผมก็อยากจะเปิดอยู่แล้ว การไปเที่ยวกับพี่วีร์ไม่ใช่ว่าจะมองได้มุมเดียวหนิ อยู่ที่ว่าใครจะคิดยังไง ผมไม่บอกซะอย่างใครจะรู้ดีไปกว่าตัวผมเอง”
“แบบนั้นจะยิ่งเป็กระแส” ศรุตมีสีหน้าเป็กังวลแทน
“ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าถ้ามีข่าวลือออกมาแบบนี้ กระแสสังคมจะเป็ยังไง อย่างน้อยถ้าไปในทางไม่ดีต่อพี่วีร์ก็ปฏิเสธไป แต่ถ้ามันไปในทางที่ดีกับเราสองคนก็ปล่อยให้คลุมเครือไป แบบนี้เวลาเปิดตัวจะได้ไม่ใกันไงครับ”
“เอางั้นจริงหรอ”
“อีกไม่กี่เดือนผมก็จะหมดสัญญากับบริษัทแล้วนะครับ” เมื่อถึงตอนนั้นศิลาคิดเอาไว้แล้วว่าเขาจะลดงานในวงการลง แล้วเริ่มทำงานทางอื่นทำเพราะไม่อยากใช้ชีวิตเป็คนสาธารณะตลอด แม้มันจะรายได้ดีและมีชื่อเสียงก็ตาม
“จะไม่ต่อสัญญา”
“ครับ ผมคุยกับคุณแม่ก่อนหน้านี้แล้ว”
“เอาเถอะ พี่เคารพในการตัดสินใจของเรา ยังไงพี่ก็สนับสนุนศิอยู่แล้ว” ไม่ว่าน้องชายจะทำอะไร ศรุตพร้อมจะเห็นด้วยเสมอ เพราะเชื่อว่าทุกสิ่งอย่างที่ศิลาตัดสินใจทำนั้นแปลว่าอีกคนได้คิดมาอย่างดีแล้ว
“ขอบคุณครับ”
"พี่จะเข้าไปก่อน ศิค่อยตามเข้าไปนะ"
"ครับ" ปัณณวีร์ลงจากรถของดาริน ทั้งสองมีบินตอนตี 1 ซึ่งตอนนี้ก็เป็เวลาเพิ่งจะห้าทุ่ม ดารินมองตามจนปัณณวีร์เดินเข้าไปข้างใน
"จะให้เป็ข่าวพี่ก็ไม่อะไรนะ แต่อย่าทำอะไรที่มันเกินเลยในที่สาธารณะจนมันไม่สามารถแก้ข่าวได้ล่ะ เพราะยังไงศิก็ยังมีงานมีสิ่งที่ต้องรับผิดชอบอยู่" ดารินเอ่ยเตือนทั้งในฐานะผู้จัดการส่วนตัวและพี่สาวคนหนึ่งที่ห่วงน้องชาย
"ครับ ไม่ต้องห่วง" ศิลารู้ดีว่าอยู่ข้างนอกเขาต้องวางตัวยังไง เพราะมันไม่ได้ส่งผลแค่กับเขาแต่ยังมีปัณณวีร์
ดารินพยักหน้า ดาราหนุ่มใส่หมวกใส่แมสเสร็จสรรพก่อนจะลงจากรถแล้วเดินไปเปิดเอากระเป๋าด้านหลัง ตามปัณณวีร์เข้าไป ทั้งสองเลือกเดินทางไปก่อน มีเวลาไปเที่ยวด้วยกันก่อนถึงวันงาน 2 วัน หลังจากจบงานก็เตรียมบินกลับเลยเพราะต้องรีบกลับมาทำงานต่อ ศิลายอมเคลียร์งานใหม่เพื่อจะได้ไปกับปัณณวีร์เพราะมันคือความฝันหนึ่งของอีกฝ่ายเลยก็ว่าได้ที่จะได้ไป แถมยังเป็ประเทศที่ปัณณวีร์ชอบและอยากไปเที่ยวด้วยอีกต่างหาก
บนเครื่องทั้งสองก็เลือกซื้อตั๋วชั้นเฟิร์สคลาสเพื่อความเป็ส่วนตัวมากหน่อย พอขึ้นเครื่องมาปัณณวีร์ก็กินยาแก้แพ้ทันทีเพราะเขาเป็คนที่ขึ้นเครื่องบินแล้วจะรู้สึกคลื่นไส้และนอนหลับยากมาก การกินยาแก้แพ้ของเขาก็ทำให้ทั้งหายแพ้และง่วงไปในตัวเลย ระยะเวลาในการเดินทางนานแสนนาน ปัณณวีร์ตื่นขึ้นมาก็กิน กินเสร็จก็หาอะไรทำเพื่อให้ให้ว่างจนเกินไปจะทำให้เวียนหัว นอนเล่นเกมซบไหล่ศิลาอยู่นานเท่าไหร่ไม่รู้ เผลอหลับไปนานมากตื่นขึ้นมาก็เหลืออีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะถึงปารีส ทั้งคู่จะแวะเที่ยวกันที่ปารีสก่อน ก่อนจะขึ้นเครื่องไปเมืองคานส์
"พี่นอนพักก่อนดีกว่า ตอนเย็นแล้วเราค่อยออกไปหาอะไรทาน"
"ได้ เอางั้นก็ได้" ปัณณวีร์ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงขนาดใหญ่ทันที เป็การเดินทางที่ยาวนานและเหนื่อยเอามากๆ แค่ทิ้งตัวลงปัณณวีร์ก็พร้อมหลับในทันทีเพราะมาถึงที่นี่ก็เป็เวลาเช้าอยู่ ศิลาเห็นดังนั้นก็ไม่อยากกวน เขาเอากระเป๋าลากไปเก็บเข้ามุมไว้ก่อนจะเดินไปนั่งที่โซฟายาวติดกระจก เห็นวิวข้างนอกเป็สถาปัตยกรรมตึกที่สวยงาม
ฟาร์มโคนมที่ตอนนี้เชวงมีแพลนจะขยายเพิ่มเพราะนมโคเป็ที่้าของสหกรณ์เพิ่มมากขึ้น แต่เพราะอายุที่มากแล้วทำให้เขาต้องคิดและตัดสินใจใหม่ ชายวัยกลางคนนั่งลงที่เก้าอี้หินอ่อนข้างบ้านเมื่อรู้สึกเหนื่อยๆ หน้ามืด
"คุณลุง" อ้นขับรถมาจอดพร้อมเรียกชื่อของเ้าบ้านด้วยรอยยิ้มก่อนจะลงจากรถ "ผมเข้าเมืองมา เลยซื้อกับข้าวมาฝากครับจะได้ไม่ต้องทำ"
"ขอบใจมากนะอ้น จริงๆ ไม่ต้องซื้อมาเยอะหรอก ลุงกินไม่เยอะ"
"ก็เก็บไว้อุ่นกินพรุ่งนี้ได้ครับ ว่าแต่เป็อะไรรึเปล่าครับ" อ้นเอ่ยถามเพราะว่าเห็นแต่ไกลๆ แล้วตอนที่เชวงนั่งลงและจับโต๊ะไว้เหมือนคนไม่มีแรง
"่นี้งานเยอะ ลุงทำงานหนักไปหน่อยไม่มีอะไรหรอก" เชวงยิ้มให้
"งานเยอะหรอครับ งั้นผมมาช่วยดีกว่าเพราะ่นี้ที่ไร่ก็ไม่ค่อยได้เก็บชาแล้ว บางลงไปเยอะแล้ว"
"ยังมีต้องตากชาแห้งอีก ไม่รบกวนๆ"
"รบกวนอะไรกันล่ะครับ ผมอยู่ว่างๆ ก็เบื่อ อีกอย่างผมน่ะชอบรีดนมวัว" อ้นหัวเราะปนและนั่งพูดคุยกับเชวงต่อสักพักใหญ่ก่อนจะกลับไร่ของตัวเองไปแล้วส่งข้อความคุยกับปัณณวีร์ เขาบอกเล่าเื่ของเชวงให้ปัณณวีร์อยู่ตลอดๆ
"ทำหน้าเครียดอะไรครับ" ศิลาถามขึ้นในขณะที่ทั้งสองนั่งอยู่ในห้องพักของโรงแรมและสั่งซื้อเที่ยงขึ้นมาทานข้างบนก่อนเพราะปัณณวีร์เพิ่งจะตื่น
“อ้นทักมาบอกเื่พ่อนี่แหละ พ่ออ่ะดื้อชอบทำงานหนัก” ปัณณวีร์เองก็ไม่รู้จะห้ามยังไงเหมือนกัน
“คงเป็งานที่ท่านรักแหละ”
“ก็จริง เพราะเป็ฟาร์มที่รักพ่อเลยไม่หยุดทำมัน” ปัณณวีร์ได้แต่ถอนหายใจจนศิลาที่มองอยู่พูดขึ้น
“เอาจริงๆ ผมว่างานที่ฟาร์มของพ่อพี่ก็สนุกดีนะ เป็ส่วนตัวด้วย ผมชอบ” ศิลาไม่ได้พูดเพียงเพื่อปลอบใจปัณณวีร์ แต่เขาพูดเพราะตัวเขาเองชอบที่นั่นจริงๆ ั้แ่ตอนที่ไปครั้งแรกพร้อมศรุต และก็เมื่อปีที่แล้วที่ไปมาด้วย
ปัณณวีร์เองก็มองอย่างไม่อยากจะเชื่อเท่าไหร่นักเพราะคนอย่างศิลาที่เป็คุณชายรักความสะอาดจะชอบอะไรแบบนั้น
“จริงๆ ถ้าเกิดว่าผมไปทำฟาร์มกับพ่อพี่ดีไหม”
“เดี๋ยวๆ นี่จะออกจากวงการไปเป็หนุ่มบ้านไร่จริงดิ มันไม่ได้สนุกเหมือนที่ไปทำเล่นๆ คราวก่อนหรอกนะ” ปัณณวีร์เคยอยู่และเคยช่วยงานที่ฟาร์มมาั้แ่เด็กๆ เขารู้ดีว่าถ้าทำจริงๆ มันคงจะเหนื่อยไม่น้อยเลย
“ผมไม่ได้อยากทำเพราะมันสนุกอย่างเดียวซะหน่อย ผมชอบบ้านพี่ ชอบบรรยากาศ ชอบความเป็ส่วนตัว ไม่ต้องมีเพื่อนบ้านมายุ่งวุ่นวายอะไรและผมดันชอบใช้ชีวิตธรรมดาๆ แบบนั้นแล้วสิ รู้สึกว่าใช้ชีวิตหรูหราเบื่อแล้ว” ศิลาอยากเปลี่ยน อยากลองทำอะไรที่ไม่เคยทำดูบ้าง
ตัวเขาโชคดีที่เกิดมาในครอบครัวที่รวยและมีทุกอย่างให้เขา แต่ใช่ว่าทุกอย่างมันจะเพอร์เฟคไปซะหมด เพราะนามสกุล เพราะหน้าตาทางสังคมทำให้ตัวเขาเองทำอะไรได้ไม่มากนักดั่งใจ้า พอไปอยู่ที่ฟาร์มของปัณณวีร์กลับรู้สึกเป็อิสระจริงๆ เพราะที่ผ่านมาตัวเขาอยู่ในกรงมาตลอด กรงทองที่มันใหญ่ ใหญ่มากจนบางครั้งก็ไม่ได้รู้สึกเลยว่าตัวเองกำลังอยู่ในกรง
“ศิจะไปอยู่กับพี่ได้จริงๆ หรอ” ปัณณวีร์ถามอีกครั้ง
“ได้สิ ผมบอกพี่แล้วไง ไม่ว่าที่ไหนขอแค่ตรงนั้นมีพี่อยู่ ผมก็อยู่ได้ทั้งนั้นแหละ หรือพี่จะให้ผมไปอยู่ช่วยงานพ่อพี่ก่อนก็ได้นะ แล้วพี่ก็ทำตามความฝันของพี่ต่อก่อน พี่อยากจะกลับเมื่อไหร่ก็ค่อยกลับมาไง เพียงแต่ต้องมาหาผมบ่อยๆ ก็พอ” ศิลาพูดติดตลกไม่อยากให้ปัณณวีร์ทำหน้าเครียดและดูจริงจัง
“ทำแบบนั้นพี่จะดูเห็นแก่ตัวน่ะสิ เพราะความฝันของพี่ ถึงได้ทิ้งพ่อเอาไว้แบบนั้น”
“อย่าคิดแบบนั้นเลยครับ” ศิลาจับมือทั้งสองข้างของปัณณวีร์ขึ้นมากุมไว้แน่น “เพราะทุกคนรักพี่จึงอยากสนับสนุนพี่ต่างหาก ไม่ใช่ว่าพี่เห็นแก่ตัวซะหน่อย”
“สปอยพี่เกินไปแล้ว” ปัณณวีร์เบะปากเล็กน้อย นอกจากพ่อของเขาแล้วก็มีศิลานี่แหละที่สปอยและตามใจเขาอยู่ตลอด
“มาทานข้าวดีกว่า อาหารเย็นหมดนะ” คนพี่พยักหน้าเบาๆ ก่อนจะลงมือทานมื้อเที่ยงกัน
ทางด้านของศรุต คาดคิดเอาไว้แล้วว่าการไปเที่ยวครั้งนี้ของศิลาต้องเป็ข่าว แม้จะเป็เพียงข่าวซุบซิบกันแต่เขาก็ต้องเตรียมการรับมือเอาไว้ก่อน แฟนคลับของศิลาต่างก็พากันสงสัยมากขึ้นแล้วว่าศิลปินที่ชอบและรักนั้นอาจจะมีแฟนอย่างที่สงสัยกันมาจริงๆ รึเปล่า เพราะไปเที่ยวครั้งนี้ไม่มีบอดี้การ์ดและผู้จัดการส่วนตัวตามไป จะเห็นก็แต่ตอนที่ศิลาลงรถของผู้จัดการส่วนตัว แล้วก่อนหน้ามีคนเห็นว่าปัณณวีร์ลงมาก่อน ซึ่งไม่รู้ว่าเป็ใครเช่นเดียวกัน คนที่ตามถ่ายรูปก็เป็คนที่ชอบตามดาราดังเพื่อแอบถ่ายมาขายภาพให้กับนักข่าว
“นี่ศิลาจะใช้โอกาสนี้เปิดตัวปัณณวีร์รึยังไงกัน แบบนี้ตอนกลับรับรองได้เลยว่าแฟนคลับไปรอที่สนามบินแน่ๆ” กนกพูดขึ้น
“ไม่ได้ใช้เปิดตัวครับ แค่ใช้หยั่งเชิงดู ตอนนี้ทุกคนก็ยังไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วผู้ชายคนนั้นเป็วีร์ อีกอย่างคือแฟนคลับก็คงจะตีความไปกันเองทั้งนั้นว่าอาจจะเป็แฟน หากว่าดูแล้วเป็ในทางลบเราก็ปฏิเสธออกไปได้หนิครับ แค่ลงรถคันเดียวกัน จะบอกว่าเป็ใครก็ได้” ศรุตตอบกลับ
“ยังไงแม่ก็ยังห่วงอยู่ดี จะไม่พลาดแน่นะ พวกแอนตี้แฟนที่รอเหยียบก็มีเหมือนกัน” มีคนรักก็มีคนเกลียดเป็เื่ธรรมดา กนกห่วงแค่ว่ามันจะถูกเปิดเผยก่อนเวลาที่ควรจะเป็เท่านั้น
“เราอย่าเพิ่งกังวลไปก่อนเลย เชื่อเถอะว่าศิกับวีร์เขาวางตัวดี ไม่อย่างนั้นจะแอบคบกันมาได้ถึงตอนนี้หรอ” อาธิปเดินมาบีบไหล่ให้กนกเบาๆ
“แม่คิดว่าควรให้ศิลาเช็กอินหรืออะไรก็ได้ ให้แฟนคลับรู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน ไม่อย่างนั้นจะดูเหมือนปกปิด หากว่ามีประเด็นขึ้นมาก็ยังตอบได้ว่าไปอะไรกับใคร”
“พ่อเห็นด้วยนะ” อาธิปเสริม
“เื่นั้นไม่ต้องห่วงนะครับ ศิคงอยากจะอวดอยู่แล้วแหละว่าตัวเองอยู่ไหน” มีหรือที่น้องชายเขาจะไม่สร้างสถานการณ์จงใจให้คนอื่นรู้ว่าตัวเองมีแฟนแล้ว แม้ไม่เปิดเผยแต่ก็ไม่ได้ปิดมิดชิดเท่าเมื่อก่อน เป็การเปิดที่ค่อยๆ เปิดออกทีละเล็กทีละน้อย...
TBC.