สารภาพหรือไม่สารภาพ?
เมื่อได้ยินคำถามนี้ ปี้ลวี่ก็ใจเต้นรัว!
เดิมทีนางคิดว่าซ่างกวนคงจะพูดและถามอะไรบางอย่าง เพื่อที่นางจะได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นและจัดการกับมันได้อย่างถูกต้อง
แต่ใครจะรู้ว่าซ่างกวนจะขอให้นางสารภาพในประโยคแรก!
นางต้องจะสารภาพอะไรหรือ?
พวกเขารู้อะไรมา?
นอกจากเื่ขโมยชาแล้ว นางยังมีอะไรที่จะต้องสารภาพอีกหรือ?
ปี้ลวี่ก้มศีรษะลง หัวใจเต้นแรงตึกตัก นางกังวลและประหม่าอย่างมาก
นางควรจะสารภาพหรือไม่?
นางอดไม่ได้ที่จะแอบชำเลืองมองชายผู้สูงส่งราวกับเทพเ้าที่อยู่ไม่ไกล เพียงแวบเดียวนางก็มองไปทางอื่นด้วยความตื่นตระหนก หัวใจแทบจะเต้นไม่เป็จังหวะ
นางไม่รู้ว่าชายผู้นี้เป็ใคร แต่นางแน่ใจว่าชายผู้นี้มีฐานะสูงส่งมาก ซึ่งเป็เหตุผลว่าทำไมแม่ทัพใหญ่ถึงได้ยืนห่างๆ ด้วยความเคารพ
ต้องมีเื่ใหญ่เกิดขึ้นในโรงน้ำชา และคงไม่เกี่ยวอะไรกับการที่นางขโมยชาไปหรอกใช่หรือไม่?
“เ้าจะสารภาพหรือไม่!” ซ่างกวนถามอีกครั้ง
“ข้าไม่รู้...ข้าไม่รู้อะไรเลย!”
ปี้ลวี่โพล่งออกมา ปฏิกิริยาของปากเร็วกว่าปฏิกิริยาของศีรษะ
“ไม่รู้? ข้าคิดว่าเ้าคงเป็พวกไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาสินะ!” ซ่างกวนโกรธจัดและฟาดแส้ยาวลงด้านข้าง ในตอนที่ฟาดมันขึ้นไปในอากาศก็มีเสียง “ฟึ่บ” ดังอย่างชัดเจน
ปี้ลวี่ถึงกับสะดุ้งโหยง ปิดหูโดยไม่รู้ตัว พร้อมกับตัวที่สั่นเทา สมองของนางขาวโพลนไปโดยสิ้นเชิง นางจะไปสนใจเื่นั้นมากขนาดนั้นได้อย่างไร!
ไม่ว่านางจะฉลาดแค่ไหน อย่างไรก็เป็แค่สาวชงชาธรรมดา ถูกทำให้ใกลัวขนาดนั้น นางก็น้ำตาไหลและอุทานว่า “ซ่างกวน ได้โปรดไว้ชีวิตข้าด้วย โปรดไว้ชีวิตข้า!”
“ปี้ลวี่ เ้าเป็สตรีฉลาด เ้าคงจะรู้ว่าหากสารภาพโทษหนักจะเป็เบา แต่ถ้าปฏิเสธจะถูกลงโทษสถานหนัก!” ซ่างกวนเตือนอย่างเ็า
ใครจะรู้ว่า ทันทีที่พูดจบ ปี้ลวี่ก็ยอมจำนนทันที
นางสั่นสะท้านไปทั้งตัว ริมฝีปากและฟันก็ต่อสู้กัน “ข้าจะ…ข้า…ข้าจะ...ข้าจะสารภาพ…ข้าจะสารภาพทั้งหมด!”
เมื่อเห็นเช่นนี้ ดวงตาของหลงเฟยเยี่ยก็เปลี่ยนเป็เ็า และในที่สุดก็มองไปที่สาวชงชาอย่างจริงจัง
“พูดสิ!” ซ่างกวนรู้สึกประหม่า เขาไม่คาดคิดว่าการกดดันเช่นนี้ จะได้ผลออกมาจริงๆ
“ข้าแค่...ขะ...ข้า...”
ริมฝีปากของปี้ลวี่สั่นตลอดเวลา ผ่านไปนานก็ยังไม่สามารถพูดประโยคที่สมบูรณ์ออกมาได้
มู่ชิงอู่กระวนกระวายอย่างมาก เขาเดินเข้าไปโดยไม่สนใจสตรีที่อยู่อีกฟากหนึ่ง คว้าคอเสื้อของปี้ลวี่และพูดด้วยความโกรธว่า “พูดมาสิ!”
“ขะ...ข้าขโมย...ข้าขโมยชาจากแขก ข้า...”
คำพูดของปี้ลวี่ขาด่ แต่ก่อนที่จะพูดจบ มู่ชิงอู่และซ่างกวนก็ตกตะลึงทั้งคู่
ขโมยชา?
มู่ชิงอู่ปล่อยปี้ลวี่ด้วยความใ และในที่สุดปี้ลวี่ก็หายใจได้ตามปกติ นางคลานไปที่เท้าของซ่างกวน กอดไว้แน่นและขอร้องอย่างขมขื่น “ซ่างกวนได้โปรดไว้ชีวิตข้าด้วย! ได้โปรด! ข้าซ่อนกระป๋องชาไว้ในห้อง ยังไม่ได้เปิด ข้าจะส่งคืนให้คุณหนูรอง ข้าจะไปขอโทษนาง โปรดยกโทษให้ข้าด้วย!”
บางที ถ้าปี้ลวี่ใจเย็นกว่านี้ นางคงไม่สารภาพออกมา อย่างไรก็ตาม ด้วยความรู้สึกผิด นางไม่สามารถสงบลงได้เมื่อเผชิญกับแส้ของซ่างกวน นางไม่เคยเจอเื่น่ากลัวแบบนี้มาก่อน ความคิดของนางยุ่งเหยิง สมองก็ว่างเปล่า ทำได้เพียงสารภาพออกไปเท่านั้น
ซ่างกวนรู้สึกขายขี้หน้าเสียเหลือเกิน คิดไม่ถึงว่าการสอบสวนครั้งนี้ จะไม่พบข้อมูลเกี่ยวกับเขาหนานซาน แต่กลับเป็เื่ขายขี้หน้าเสียด้วยซ้ำ!
เขาส่ายหัว ขมวดคิ้วและมองไปที่ปี้ลวี่ ไม่รู้จะพูดอะไรดี ปีนี้เขายุ่งเกินไปและละเลยที่จะสั่งสอนทาสเหล่านี้สินะ?
ขายขี้หน้าจริงๆ!
“ซ่างกวน โปรดไว้ชีวิตข้าด้วย...โปรดยกโทษให้ข้าด้วย คราวหน้าข้าไม่กล้าอีกแล้ว ไม่กล้าจริงๆ!”
“ซ่างกวน...ท่าน...”
“หุบปาก!” ซ่างกวนที่โกรธเกรี้ยวก็ะโออกมา ปี้ลวี่กลัวมากจนเงียบทันที
ซ่างกวนกัดฟันแน่นและมองไปที่หลงเฟยเยี่ยด้วยความอับอาย
ใครจะรู้ว่าหลงเฟยเยี่ยกลับสนใจอย่างมากและถามอย่างเ็าว่า “เ้าซ่อนชาของคุณหนูรองหานไว้อย่างนั้นหรือ?”
ปี้ลวี่รู้สึกเพียงว่าน้ำเสียงที่เ็านี้ทุ้มและแหบมากจนน่าฟัง เหมือนเสียงกู่ฉินที่ทุ้มลึกและสามารถััหัวใจของผู้คนได้ นางที่ได้ยินก็รู้สึกตกอยู่ในภวังค์ และไม่รู้ว่าหลงเฟยเยี่ยกำลังถามนาง
“นิ่งอยู่ทำไม ฉินอ๋องถามก็ตอบสิ!” ซ่างกวนดุด้วยความโกรธ
เช่นนี้ปี้ลวี่จึงจะได้สติกลับมา และมองไปที่หลงเฟยเยี่ยด้วยความไม่เชื่อ
ฉินอ๋อง?
พระเ้า เขาคือฉินอ๋องหรือเนี่ย!
ไม่แปลกใจเลยที่ชายผู้นี้จะสูงส่งราวกับเทพเ้าแห่งรัตติกาล
ฉินอ๋องเป็ชายผู้ดำรงอยู่ดั่งเทพเ้า!
ปี้ลวี่ตกตะลึงอีกครั้ง จ้องมองไปที่หลงเฟยเยี่ยด้วยความงุนงง โดยไม่ตอบเป็เวลานาน
การจ้องมองแบบนี้ทำให้หลงเฟยเยี่ยนึกถึงหานอวิ๋นซีโดยไม่รู้ตัว แต่ดวงตาของสตรีผู้นั้นสวยกว่ามาก!
หลงเฟยเยี่ยรู้สึกรำคาญอย่างมาก สีหน้าของเขาก็เ็าขึ้นเรื่อยๆ
มู่ชิงอู่ที่รู้นิสัยของเขาดี จึงเอ่ยปากถามอย่างรวดเร็วว่า “ชาที่คุณหนูรอง้าให้หลิวเยวี่ยใช่หรือไม่?”
“ใช่...ไม่...” ปี้ลวี่พูดติดๆ ขัดๆ
“สรุปใช่หรือไม่?” มู่ชิงอู่เองก็รู้สึกหงุดหงิด เขาคิดว่ามันสมเหตุสมผลแล้วที่ฉินอ๋องจะเกลียดพวกสตรีที่บ้าผู้ชาย
“ข้าไม่ทราบแน่ชัดเ้าค่ะ ชานั่นเป็ชาที่คุณหนูรองของตระกูลหานนำมา และลืมเอาไปตอนที่จากไป ก่อนหน้านั้นชาวางอยู่ตรงที่นั่ง เพื่อที่จะมอบให้คุณหนูมู่ แต่คราวนี้ยังไม่ทันที่จะมอบให้ก็ออกไปแล้ว...มะ...ไม่รู้ว่าลืมให้หรือไม่” ปี้ลวี่อธิบายอย่างรวดเร็ว
เมื่อได้ยินเช่นนี้ มู่ชิงอู่ก็ใและรีบถามว่า “ของอยู่ที่ไหน?”
ด้วยความกลัวว่ามู่ชิงอู่ไม่เชื่อ ปี้ลวี่จึงพูดย้ำว่า “ข้าไม่เคยแตะต้องมันเลย มันอยู่ในห้องของข้าเ้าค่ะ” มู่ชิงอู่ทั้งประหลาดใจและดีใจ คิดไม่ถึงว่าสอบสวนมาตั้งนานเื่จะกลายเป็แบบนี้
ต้องรู้ว่า ทั้งเขาและหวังเฟยต่างล้มเลิกความคิดที่จะตามหาชาพิษไปแล้ว ใครจะรู้ว่าจะมาพบในเวลาสำคัญเช่นนี้!
ตามการคาดเดาของพวกเขา ชาที่คุณหนูรองมอบให้หลิวเยวี่ย น่าจะถูกวางยาพิษได้มากที่สุด
หากตรวจพบพิษในชากระป๋องนี้ ความลึกลับทั้งหมดของพิษงูหมื่นตัวก็จะคลี่คลาย
เหตุการณ์ครั้งนี้ควรเรียกว่าเป็ความโชคดีในความโชคร้าย!
มู่ชิงอู่มองไปที่ฉินอ๋องและเห็นว่าสีหน้าของเขาดีขึ้นกว่าเดิมมาก
ซ่างกวนที่กำลังฟังอยู่ด้านข้าง แม้จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เขาก็ฉลาดมากและส่งคนไปหาชาทันที
ส่วนปี้ลวี่ก็หวาดกลัวจนสารภาพเื่ชาออกมา นางไม่ใช่สายลับอย่างแน่นอน
ซ่างกวนไม่กล้าถามฉินอ๋อง ดังนั้นเขาจึงมองไปที่มู่ชิงอู่และถามว่าจะจัดการอย่างไร
“คุมขังชั่วคราว อยู่ระหว่างการพิจารณาคดี!” มู่ชิงอู่พูดอย่างจริงจัง การพิจารณาคดีที่เขากำลังพูดถึงไม่ใช่คดีปล้นทรัพย์ แต่เป็คดีของพิษงูหมื่นตัว หากพบว่าใบชามีพิษ ปี้ลวี่ก็จะเป็พยาน
แน่นอนว่าซ่างกวนไม่รู้ความหมายที่ซ่อนอยู่ในคำพูดของเขา
ในไม่ช้าใบชาที่ปี้ลวี่แอบซ่อนไว้ก็ถูกค้นออกมาและนำมามอบให้
มันคือกระป๋องทรงกระบอกสีขาว สูงมากกว่าห้าชุ่น ไม่มีฉลากใดๆ และถูกปิดผนึกไว้อย่างดี
ทันทีที่มู่ชิงอู่เห็นช่องที่ปิดผนึก เขาก็รู้ดี เขาจำได้ว่าหลิวเยวี่ยให้ชาดีๆ มากมายแก่เขา ซึ่งทั้งหมดต่างถูกผนึกไว้เช่นนี้
แม้ว่ามู่ชิงอู่แทบรอไม่ไหวที่จะนำชาไปให้ปรมาจารย์ด้านยาพิษตรวจสอบ แต่เมื่อเห็นว่าฉินอ๋องไม่พูดอะไรสักคำ เขาทำได้เพียงอดทนไว้ ท้ายที่สุด สิ่งสำคัญคือการตามหาหวังเฟย!
เขารับมันมาด้วยตัวเอง ตรวจดูฝากระป๋อง และตรวจสอบให้แน่ใจว่ามันมีใบชาอยู่ก่อนนำไปให้ฉินอ๋อง
ซ่างกวนรู้สึกสงสัยอย่างมาก คิดว่าฉินอ๋องคงจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ใครจะรู้ว่า หลงเฟยเยี่ยกลับไม่พูดอะไรเลย
เขาวางกระป๋องชาลงข้างๆ และเปิดกระป๋องด้วยมือเรียวสวย ประสานนิ้วเข้าหากัน ท่าทางที่ดูเกียจคร้านและลึกลับนั้น ทำให้คนยากที่จะเข้าใจ
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง หลงเฟยเยี่ยก็มองไปที่ซ่างกวน “สอบสวนต่อ”
“ท่านอ๋อง คนที่เหลือทั้งหมดเป็คนจากเขาหนานซาน ถูกขังไว้ด้วยกัน พวกเขาทั้งหมดอยู่ที่นั่นตอนที่หวังเฟยถูกลักพาตัวไป มีคนเสิร์ฟชาคนหนึ่งเป็ผู้นำทาง สาวชงชาสองคน และองครักษ์อีกสิบห้านายที่ผลัดเปลี่ยนดูแลของพื้นที่เขาหนานซาน” ซ่างกวนรายงานตามความเป็จริง
หลงเฟยเยี่ยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นส่งกระป๋องชาในมือให้กับฉู่ซีเฟิงที่อยู่ข้างๆ และพูดอย่างเ็าว่า “นำกลับไปและทดสอบอย่างระมัดระวัง”
หลังจากพูดจบ เขาจึงจะลุกขึ้น “ในเมื่อมีคนมากมาย ข้าจะไปที่นั่นด้วยตัวเอง”
จากการคาดการณ์แล้ว แม้ว่านักฆ่าจะมีความสามารถในการซุ่มโจมตีในโรงน้ำชาอย่างเงียบๆ แต่ก็ต้องมีคนแจ้งพวกเขา มิฉะนั้น พวกเขาจะรู้ได้อย่างไรว่าหานอวิ๋นซีและมู่ชิงอู่จะไปเขาหนานซาน? ต้องมีสายลับอย่างแน่นอน เขาไม่มีทางเชื่อว่าจะสอบสวนไม่ได้!
ในตอนที่หลงเฟยเยี่ยกำลังสอบปากคำด้วยตัวเอง บริเวณรอบๆ ูเาหวงซานนั้น คนของโรงน้ำชาเทียนเซียงและกูหยวนล้วนแล้วแต่ไม่กล้าที่จะพักผ่อนและค้นหาอย่างเร่งรีบ
อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครคิดว่านักฆ่าจะซ่อนตัวอยู่ในถ้ำหน้าผาในเหวลึก
หานอวิ๋นซีนอนอยู่บนพื้น ใบหน้าหน้าซีดเซียว เหงื่อออกเต็มตัว พึมพำกับตัวเองด้วยความงุนงงราวกับกำลังฝันร้าย
ทันใดนั้น นางก็กรีดร้องและลุกขึ้นนั่งทันที พร้อมกับลืมตาขึ้น
ในความฝัน นางตกลงไปในเหวลึก ทันทีที่ล้มลงกับพื้น นางก็ตื่นขึ้นมาทันที พร้อมกับเหงื่อที่ไหลพลั่ก
หานอวิ๋นซีรวบรวมสติและตระหนักได้ว่านางอยู่ในถ้ำมืด นางตกมาจากหน้าผาอย่างนั้นหรือ? ตกลงมาแล้วไม่ตายหรือไร? แล้วทำไมถึงมาอยู่ที่นี่?
นางจำไม่ได้ด้วยว่านางสลบไปตอนไหน ความจำของนางยังคงอยู่ใน่เวลาที่ตกจากหน้าผา
ความเป็มืออาชีพทำให้นางมองหากระเป๋ายาของตัวเองโดยทันที โชคดีที่มันยังอยู่!
“ฟื้นแล้วหรือ!"
ทันใดนั้นก็มีเสียงสตรีที่เ็าดังขึ้น หานอวิ๋นซีรู้สึกเพียงว่าเสียงนั้นค่อนข้างคุ้นเคย เพียงแต่นางก็ไม่ได้คิดอะไรมากและรีบหันไปมอง
จึงได้เห็นสตรีสองคนยืนอยู่ข้างหลัง คนหนึ่งมีผ้าพันแผลที่แขน นางคือนักฆ่าหญิงที่ลักพาตัวนางและอีกคนคือคนที่กำลังพูด แม้ว่าจะมองเห็นใบหน้าไม่ชัด แต่พอจะมองออกว่า สตรีในชุดดำยังอายุน้อยอย่างมาก และสตรีในชุดเขียวอายุไม่น้อยแล้ว
นางตื่นตัวในทันทีและถามด้วยความโกรธว่า “พวกเ้าเป็ใครกันแน่? ลักพาตัวข้ามาทำไมกัน?”
“อวดดีจริงๆ! ท่านป้าของข้ายังไม่ได้สะสางบัญชีกับเ้าเลยนะ!” สตรีในชุดดำเดินเข้ามาอย่างโกรธเกรี้ยว
ถ้าไม่ใช่เพราะคำสั่งของเ้านายให้ไว้ชีวิตหานอวิ๋นซี นางคงฆ่าสตรีผู้นี้ไปนานแล้ว
นังสารเลวคนนี้คิดว่าตัวเองมีความสามารถในการวางยาพิษ แต่คิดไม่ถึงว่านางจะกล้าวางยาพิษ รนหาที่ตายชัดๆ!
“ถ้าแน่จริงก็ถอดหน้ากากออกแล้วให้ข้าดูว่าหน้าตาเ้าเป็อย่างไรสิ! มิฉะนั้น ข้าก็จำไม่ได้หรอกว่าข้าติดหนี้อะไรเ้า!” หานอวิ๋นซีตะคอกอย่างเ็า
“เ้ากล้าดีอย่างไรมาเถียงกลับ!”
สตรีในชุดดำเดินเข้ามาในขณะที่พูด ทันใดนั้นก็ตบนางอย่างแรง ใครจะรู้ว่าหานอวิ๋นซีจะยกมือขึ้นมาขวาง เข็มพิษที่ซ่อนอยู่ในมือของนางแทงเข้าที่ฝ่ามือของสตรีชุดดำ
“โอ๊ย!” สตรีชุดดำร้องลั่นและเตะเท้าไป “นังสารเลว!”
“ถ้าฉลาดพอก็ปล่อยข้าไปสิ มิฉะนั้น ข้ารับประกันได้เลยว่าในครึ่งชั่วยาม เ้าจะต้องถูกวางยาพิษตาย!” หานอวิ๋นซีพูดอย่างเ็า แม้ว่าจะตกอยู่ในเงื้อมมือของพวกนาง แต่หานอวิ๋นซีก็ไม่ปล่อยให้รังแกได้ง่ายๆ!
สตรีในชุดดำเหลือบมองที่ฝ่ามือของนางและพูดด้วยความไม่พอใจ “ก็แค่พิษเล็กๆ กล้าดีอย่างไรเอามาหลอกข้า!”
ใครจะไปรู้ว่าหานอวิ๋นซียิ่งไม่พอใจมากขึ้นไปอีก นางพูดด้วยน้ำเสียงเสียดสีว่า “แล้วคนวางยาพิษ มีอะไรถึงกล้ามาอวดดี?”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมาทั้งสตรีชุดดำและสตรีชุดเขียวก็ใ หานอวิ๋นซีรู้เื่ “คนวางยาพิษ” จริงหรือ?
