“ฮ่าๆๆ พวกแกอยากหนีงั้นเหรอ? งั้นก็หนีเลยเซ่มันก็แค่เด็กที่ขนยังไม่ขึ้นไม่ใช่หรือไง? เราอยู่ในยุคไหนแล้ว?แกคิดว่าถ้าตัวเองเป็จอมยุทธ์แล้วจะทำอะไรก็ได้เลยงั้นเรอะ?ทำไมไม่เหาะขึ้น์ให้ฉันดูวะ? ฮึ่ม...สุดท้ายแล้วที่แกฝึกอย่างยากลำบากมากว่าสิบปีก็มาตายด้วยปืนของฉันอยู่ดี”
“พวกงี่เง่าเอ๊ย...ตอนนี้เราอยู่ในยุคแห่งความก้าวหน้าของเทคโนโลยีพวกแกทุกคนมันโคตรโง่เลย แกยังคิดว่าเราอยู่ในยุคาเย็นกันอยู่หรือไง? พวกแกทุกคนใช้หมัดเพื่อต่อยและเท้าเพื่อเตะ แถมยังดึงดาบออกมาด้วย?เวร แถมยังทาผงเรืองแสงสีเหลืองอีกเหรอเนี่ย? แกนี่มันโคตรอินดี้จริงๆเลยว่ะ”
ปังปัง ปัง!
อวี่ติ่งเทียนยิงขึ้นฟ้าอีกสามนัดครั้งนี้ฝูงชนทั้งหมดหยุด พวกเขากลัวมากจนไม่กล้าแม้แต่จะหายใจเสียงดัง
“ฉันขอประกาศไว้เลยว่าตอนนี้ประมุขตระกูลอวี่ตายแล้วพี่ชายคนโตอวี่ฮั่วเทียนก็ตายแล้ว และน้องสามอวี่ต้าสุ่ยก็ตายแล้วเหมือนกันตอนนี้ตระกูลอวี่ได้ตกเป็ของฉันแล้ว จากนี้ไปจงอย่ากังวลและติดตามฉันเพื่อพิชิตดินแดนในใต้หล้า ฉันจะดูแลพวกแกอย่างดีเอง”
อวี่ติ่งเทียนยินดีกับตัวเองอย่างยิ่งเขามองไปยังฉินเฟิงและหัวเราะเสียงดัง “ส่วนไอ้เด็กนี่ มันมีฝีมือดีใช้ได้อายุขนาดนี้ก็สามารถจัดการพี่ชายของฉันได้แล้ว แต่ช่างน่าสงสาร น่าสงสารจริงๆไอ้บ้าอย่างแกพยายามฝึกฝนวิทยายุทธ์ แต่ทำไมไม่ฝึกการยิงปืนวะ? ฉันอยากจะให้แกรู้ตอนนี้ว่าไม่ว่าความสามารถของแกจะเก่งกาจแค่ไหนแต่เมื่ออยู่ต่อหน้าปืนของฉัน แกมันก็...”
อวี่ติ่งเพียงยังไม่ทันพูดคำว่า“ไม่มีอะไร” เืก็พุ่งกระฉูดออกมาจากหัว มีดบินไม่พลาดเป้าเจาะทะลุศีรษะของเขาร่างกายที่สูงตรงของเขาล้มทั้งยืนแม้ว่าเขาจะตายั์ตาของเขาก็เบิกกว้างและตายด้วยความข้องใจ
แม้ในระหว่างที่ตายเขาก็ยังไม่เข้าใจว่าตายได้อย่างไร
“ชิ...ฉันต้องเสียแต้มสำราญ 50 แต้มเพื่อฆ่าไอ้ขยะนี่ซะได้น่าเสียดายฉิบ” ฉินเฟิงไม่แม้แต่จะมองอวี่ติ่งเทียนที่ตาย เขาถอนหายใจและส่ายหัว
เขามองไปที่ระบบราชันเ้าสำราญและพบว่ายอดแต้มสำราญของเขาเหลือศูนย์เขาเพิ่งใช้ 50 แต้มสุดท้ายเพื่อซื้อมีดบินไม่พลาดเป้าฆ่าอวี่ติ่งเทียนเป็อีกครั้งที่เขาอยากจะได้แต้มสำราญ 3,000 แต้มเพื่อที่จะได้รีบซื้อวิชาดาบวายุแล้วเขาจะได้ปามีดเมื่อไรก็ได้ตาม้า...และอาจจะเป็มีดที่ไร้ทั้งรูปร่างและเงาอีกต่างหาก
ฉินเฟิงค่อนข้างโชคดีเขามากำจัดตระกูลอวี่ในตอนที่กำลังขัดแย้งภายในกันอยู่พอดีไอ้บ้าอวี่ติ่งเทียนนั่นช่วยเขาได้มากอย่างไรก็ตามฉินเฟิงมั่นใจในความสามารถของตัวเองมากยิ่งขึ้นถ้าเขาไม่มีความสามารถอย่างแท้จริง เขาคงจะถูกอวี่ฮั่วหลงฆ่าไปนานแล้ว
ฉินเฟิงไม่ได้รู้สึกเห็นอกเห็นใจเมื่อมองตระกูลอวี่ที่ถูกฆ่าล้างบางหมดแล้วบทสรุปนี้เป็การกระทำของตัวมันเองเขาไม่ได้เหลือบมองคนพวกนั้นแม้แต่นิดเดียวและกระโจนหายไปในยามค่ำคืน
ในสวนที่ใหญ่โตของตระกูลอวี่อันธพาลมากกว่าร้อยคนยืนกระจัดกระจายกันพวกเขายืนอยู่ตรงนั้นเหมือนิญญาออกจากร่าง ใครจะรู้ว่าพวกเขากำลังคิดอะไรอยู่
ทันใดนั้นในค่ำคืนที่มืดมิดมีกลุ่มคนเร่งเข้ามาในบ้านตระกูลอวี่กลุ่มคนพวกนี้ใส่เสื้อกล้ามสีแดงและกางเกงสีดำ พวกเขามีคนเกือบร้อยคนในความมืดนี้พวกเขาดูเหมือนงูสีดำขนาดใหญ่ที่รีบเลื้อยเข้ามาอย่างรวดเร็ว
ในไม่ช้าพวกเขาก็เข้ามาที่สวนของตระกูลอวี่
“พี่ใหญ่เปียว คนพวกนี้มันบ้ากันไปหมดแล้วเหรอ?” เมื่อคนชุดแดงเข้ามาในสวนพวกเขาก็รู้ว่ามีบางอย่างแปลกไป สมาชิกทุกคนของตระกูลอวี่ยืนอย่างเซ่อซ่าแม้ว่าพวกเขาจะโดนอัดพวกเขาก็ไม่รู้ว่าจะตอบโต้ยังไง
“มีคนมาถึงที่นี่ก่อนพวกเราตระกูลอวี่อาจจะไปยั่วยุใครบางคนที่ไม่สามารถหาเื่ได้ ทั้งตระกูลมันเลยโดนฆ่า”สายตาของชายที่ชื่อพี่ใหญ่เปียวเต็มไปด้วยความใเขามองดูสมาชิกหลักของตระกูลอวี่และพบฉากที่ยากที่จะเชื่อ
เขาทั้งตัวสูงใหญ่และเต็มไปด้วยหนวดเคราถ้าฉินเฟิงออกไปช้ากว่านี้ หรือถ้าพี่ใหญ่เปียวมาถึงเร็วกว่านี้พวกเขาอาจจะเจอกันและจะต้องร้องไห้เข้ากอดกันอย่างแน่นอน
ค่ำคืนที่ดึกดื่นพี่ใหญ่เปียวนำสำนักสีชาดซึ่งมีเกือบร้อยคนเข้าไปในบ้านตระกูลอวี่เขาคือจางเปียวที่หลบหนีจากเมืองเว่ยเฉิงหลังจากเป็แพะให้ฉินเฟิงเขามาที่เมืองจิ้นเฉิงและเข้าร่วมกับสำนักสีชาดเขาอาศัยความสามารถของตัวเองและมิตรภาพเพื่อให้ได้รับความสนใจจากพี่ใหญ่ของสำนักสีชาดและไม่ถึงเดือนเขาก็กลายเป็รองหัวหน้าของสำนักสีชาดแล้ว
“ตระกูลอวี่โดนฆ่าล้างบางหมดแล้วพี่น้องรีบฉวยโอกาสนี้บดขยี้อำนาจของตระกูลอวี่ที่ยังเหลืออยู่ซะ...เก็บคนที่ตั้งใจยอมแพ้และเข้าร่วมสำนักสีชาดของเราส่วนใครไม่ตั้งใจก็ฆ่าทิ้งซะ” ภายใต้คำสั่งของจางเปียวลูกน้องหลายคนของเขาก็ตื่นเต้นมากขึ้น
ตอนแรกพวกเขาคิดว่าคืนนี้จะเป็การต่อสู้ที่ดุเดือดแต่ใครจะคิดว่าก่อนที่พวกเขาจะมาถึง ได้มีคนกำจัดตระกูลอวี่ไปเรียบร้อยแล้วแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เห็นการต่อสู้ที่ดุเดือดเืพล่านของฉินเฟิง แต่พวกเขาก็ได้ตื่นเต้นที่จินตนาการมัน
ตระกูลอวี่ไม่ง่ายที่จะโดนกำจัดทิ้งฉินเฟิงจึงกลายเป็จอมยุทธ์ลึกลับในหัวใจของเหล่าผู้คนทั้งหลาย
...
เมื่อฉินเฟิงกลับมาที่โรงพยาบาลชั้นหนึ่งของเมืองเว่ยเฉิงซึ่งอีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะเช้าแล้ว เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ดูสะอาดสะอ้านไม่มีใครรู้ว่านี่คือาาปีศาจฉินที่ไปแกว่งกระบี่ในบ้านตระกูลอวี่ด้วยตัวเองและฆ่าคนโดยไม่กะพริบตา
เขาเปิดประตูห้องผู้ป่วยหนักที่แม่หลินอยู่ทันใดนั้นฉินเฟิงก็เห็นหลินเป้ยเป้ยกำลังนอนอยู่บนเตียงติดกันแสงจันทร์สาดแสงบนใบหน้าที่น่ารักของเธอ เธอทั้งสงบและอ่อนโยนผสมกับความเ็า
“ฉินเฟิง เธอมาแล้ว” แม่หลินไม่ได้นอนหลับ เธอพูดออกมาทันที
“คุณน้าหลิน” ฉินเฟิงรู้สึกกระดากใจ เขาไม่รู้จะสู้หน้าแม่หลินอย่างไร
“ฉินเฟิง มานั่งสิ” แม่หลินชี้ไปที่ข้างเตียงของเธอฉินเฟิงลังเลก่อนที่จะนั่งลง
เมื่อเธอเห็นฉินเฟิงนั่งที่ข้างเตียงของเธอแม่หลินก็ปล่อยลมหายใจยาวออกมา เธอดูแก่ขึ้นไปอีก 10 ปีทันทีใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความทุกข์ระทม “ฉินเฟิง คนที่ชื่อลุงฝูบอกน้าหมดแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นคนพวกนั้นเทียบไม่ได้แม้แต่กับสัตว์เดรัจฉานน้าไม่อยากเชื่อเลยว่าพวกเขาจะทำแบบนี้กับเป้ยเป้ย...เป็ความผิดของน้าเองที่ตามใจเป้ยเป้ยมากเกินไปน้าไม่ควรให้เธอออกไปข้างนอกเวลากลางค่ำกลางคืนเลยน้ามีลูกสาวแค่คนเดียวและอายุก็ยังน้อย ถ้าเป้ยเป้ยไม่ตื่นขึ้นอีกเลยและใช้วัยสาวที่เหลือบนเตียงคนไข้นะ...น้าจะทำอย่างไรดี?”
แม่หลินเป็แค่ปุถุชนคนธรรมดาและเธอก็ประสบกับเื่ใหญ่แบบกะทันหัน เธอร้องไห้กระซิกฉินเฟิงแตะหลังของแม่หลินและกล่าวอย่างแข็งขัน “คุณน้าหลินไม่ต้องห่วงหรอกครับผมจะหาหมอที่ดีที่สุดในประเทศเราจะต้องรักษาเป้ยเป้ยและปลุกเธอขึ้นมาได้อย่างแน่นอนและคุณน้าไม่ต้องห่วงเื่เงิน อิทธิพลและบริษัทของตระกูลฉินเรากว้างใหญ่ดังนั้นมันจึงไม่มีปัญหาสำหรับเรา”
เมื่อฉินเฟิงรีบกลับมาที่โรงพยาบาลลุงฝูยังคงปกป้องประตูของห้องผู้ป่วย ผลของหลินเป้ยเป้ยถูกแจ้งออกมาแล้วการกระทบกระเทือนในสมองทำให้เกิดเืคั่งในสมอง ชีวิตของเธอปลอดภัยแต่ไม่รู้ว่าจะตื่นขึ้นมาเมื่อไร...และเธออาจจะนอนอยู่บนเตียงเป็เ้าหญิงนิทราไปตลอดชีวิต