ท่ามกลางเสียงดังเอะอะของเนี่ยเฉี่ยน เนี่ยเทียนรีบหยิบกระดูกสัตว์ชิ้นนั้นออกมาอย่างรวดเร็ว วางมันลงไปบนหินเมฆอัคคีก้อนหนึ่งที่นูนโผล่ขึ้นมาจากผนังทันที
เปลวไฟจุดหนึ่งเปล่งประกายขึ้นบนกระดูกสัตว์
เนี่ยเทียนรวบรวมสมาธิ สีหน้าเผยความปิติยินดี แล้วกล่าวว่า “กระดูกสัตว์เริ่มดูดซับพลังเปลวเพลิงแล้ว!”
“ดีมากเลย!” เนี่ยเฉี่ยนเองก็ตื่นเต้นเช่นกัน
ทั้งสองล้วนสังเกตเห็นว่าเมื่อกระดูกสัตว์ัักับหินเมฆอัคคีที่ยังไม่ได้ถูกขุดออกมานั้น แสงสว่างในหินเมฆอัคคีก้อนนั้นก็พลันมืดดับลงอย่างรวดเร็ว
นี่หมายความว่ากระดูกสัตว์เป็ไปอย่างที่พวกเขาคาดการณ์ มันกำลังดูดดึงพลังเปลวเพลิงไป
เพียงพริบตาเดียว หินเมฆอัคคีที่ฝังอยู่ในผนังหินเกินครึ่งก้อนนั้น หลังจากถูกดูดเอาพลังเปลวเพลิงไปจนแห้งเหือด จึงแตกออกและกลายมาเป็ก้อนหินธรรมดาสีเทาก้อนหนึ่ง
“ตรงนั้น!” เนี่ยเฉี่ยนยื่นมือชี้ไปยังหินเมฆอัคคีก้อนที่ใหญ่ยิ่งกว่าเดิม กล่าวอย่างเร่งๆ ว่า “เร็วเข้า!”
เนี่ยเทียนไร้ซึ่งความลังเล ทำตามคำบอกของนาง หยิบกระดูกสัตว์ลงมาแล้วเอาไปแนบเข้ากับหินเมฆอัคคีก้อนที่ใหญ่กว่าทันที
“ทางนั้น! ทางนั้น! ตรงนั้นมีก้อนที่ใหญ่กว่าเดิมด้วย!”
เนี่ยเฉี่ยนมีสีหน้าตื่นเต้น พอมองเห็นว่ากระดูกสัตว์ดูดเอาพลังเปลวเพลิงในหินเมฆอัคคีไปจนหมดก็เลือกเป้าหมายใหม่ให้เขาทันที
“แครก!”
หินเมฆอัคคีก้อนแล้วก้อนเล่าในถ้ำปริแตกอย่างติดต่อกัน
กระดูกสัตว์ที่ดูดซับเอาพลังเปลวเพลิงอย่างต่อเนื่อง ไม่นานก็กลายมาเป็สีแดงสว่างจ้าอีกครั้ง ปล่อยแสงสีเพลิงมากมายต่างกันออกไป
ลูกไฟดวงเล็กๆ ปรากฏขึ้นมาในกระดูกสัตว์ ลูกไฟราวกับดวงดาวเ่าั้เปล่งประกายมีชีวิตชีวาขึ้นมาในถ้ำที่มืดมิดแห่งนี้
“ฟู่ว ฟู่ว!”
ขณะที่ลูกไฟมากมายค่อยๆ เผยตัวขึ้น เนี่ยเทียนก็เริ่มค้นพบว่า ลูกไฟเ่าั้เริ่มรวมตัวเข้าหากันอีกครั้ง
“ตรงนี้!” เนี่ยเฉี่ยนชี้ไปยังหินเมฆอัคคีที่โผล่ออกมาตรงมุมอีกก้อนหนึ่ง
“เริ่มรวมตัวกันแล้ว!”
เนี่ยเทียนเองก็เริ่มตื่นเต้นเช่นกัน หยิบเอากระดูกสัตว์ไปวางลงบนหินเมฆอัคคีก้อนนั้น
“ปุ!”
เปลวไฟสีแดงจ้ากลุ่มหนึ่งทำท่าคล้ายจะะเิขึ้นมาในกระดูกสัตว์
เนี่ยเทียนใช้จิตััจึงรู้ได้ว่าเปลวไฟที่กำลังผลาญไหม้อยู่นั้นก็คือเืหยดนั้นที่กำลังก่อตัวขึ้นเป็รูปเป็ร่าง
เมื่อเขาััได้ถึงตรงนี้ อยู่ๆ เขาก็รู้สึกถึงพลังดึงดูดแปลกประหลาดระลอกหนึ่งที่เกิดขึ้นกะทันหันในเืหยดนั้น
“เปรียะ! เปรียะ!”
ในเหมืองหมายเลขเจ็ดสิบสาม หินเมฆอัคคีแต่ละก้อนเริ่มส่งเสียงปริแตกน่าหวาดกลัว
เวลาเดียวกันนั้น ลูกไฟมากมายพลันกระเด็นออกมาจากหินเมฆอัคคี พวกมันกระโจนเข้าหากระดูกสัตว์ราวกับหิ่งห้อยนับพันนับหมื่นตัว
“ครืน ครืน ครืน!”
ที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็คือ เหมืองอื่นๆ กลางเขาก็เริ่มส่งเสียงดังะเืเลือนลั่นออกมา
หลังจากเสียงกังวานที่ดังขึ้น ลูกไฟมากมายพลันลอยมาจากหินเมฆอัคคีจำนวนนับไม่ถ้วน คล้ายถูกแรงดึงดูดแปลกประหลาดบางอย่าง พากันพุ่งดิ่งเข้ามายังเหมืองหมายเลขเจ็ดสิบสามที่เนี่ยเทียนอยู่
“นี่มันเื่อะไรกัน?”
“เกิดอะไรขึ้น?”
“เหมืองจะถล่มแล้ว รีบถอยออกไปให้หมด!”
“ทุกคนรีบถอยออกไปจากเหมืองเร็วเข้า!”
“ภัยพิบัติใหญ่มาเยือนแล้ว!”
“...”
ญาติโดยอ้อมของตระกูลเนี่ยมากมาย รวมไปถึงพวกคนงานที่กำลังขุดหาหินเมฆอัคคีอยู่ในเหมืองแต่ละแห่ง ล้วนร้องอุทานด้วยความใเสียงดังอื้ออึง
ร่างของแต่ละคนพุ่งทะยานออกไปนอกถ้ำด้วยสีหน้าหวาดผวา
“เสี่ยวเทียน แย่แล้ว กระดูกสัตว์ชิ้นนี้ร้ายกาจเกินไป มันดึงดูดเอาพลังเปลวเพลิงเร็วเกินไปแล้ว! เหมืองแห่งนี้กำลังจะถล่ม!” เนี่ยเฉี่ยนเองก็ลนลานเช่นกัน
ทว่าเนี่ยเทียนที่จับกระดูกสัตว์เอาไว้ในเวลานี้ คล้ายจะไม่ได้ยินเสียงะโของนาง
จิตััทั้งหมดของเนี่ยเทียนถูกกระชากเข้าไปในกระดูกสัตว์ ดวงตาของเขาดั่งดวงดาวมากมายเปล่งประกายวิบวับ เต็มไปด้วยความลึกล้ำที่ลึกลับอย่างหนึ่ง
“โครม โครม!”
ปากถ้ำของเหมืองหมายเลขเจ็ดสิบสามมีเศษหินมากมายร่วงหล่นลงมา พริบตาเดียวตลอดทั้งปากถ้ำก็ถูกปิดไว้แน่นสนิท
เนี่ยเฉี่ยนที่เดิมทีคิดจะห้ามให้เนี่ยเทียนเลิกใช้กระดูกสัตว์ดูดพลังเปลวเพลิงแล้วพาเขาออกไปจากถ้ำแห่งนี้ ค้นพบบางอย่างอย่างฉับพลันว่าพวกเขาไม่สามารถออกไปได้อีกแล้ว
ปากถ้ำที่ถล่มทับลงมา ระหว่างช่องว่างของก้อนหินยังคงมีลูกไฟจำนวนนับไม่ถ้วนเจาะทะลุเข้ามารวมตัวกันในกระดูกสัตว์ที่เนี่ยเทียนถืออยู่
กระดูกสัตว์ชิ้นนั้นยังคงดูดดึงเอาพลังเปลวเพลิงทั้งหมดในูเาด้วยความละโมบอย่างต่อเนื่อง ไม่มีท่าทีว่าจะหยุดแม้แต่นิดเดียว!
ส่วนจิตสำนึกของเนี่ยเทียนก็ถูกดึงไปอยู่ในโลกเปลวเพลิงลึกลับโชติ่ท่ามกลางการลุกไหม้ของเืสดหยดนั้นนานแล้ว
เมื่ออยู่ในโลกที่เขาไม่รู้จัก เขามองเห็นฟากฟ้าเต็มไปด้วยเส้นแสงเปลวเพลิงที่กำลังบิดเบือน การเปลี่ยนแปลงมากมายเกิดขึ้นอย่างไร้ที่สิ้นสุด มองเห็นเปลวไฟโหมไหม้ลูกแล้วลูกเล่าเข้ามารวมตัวกัน คล้ายจะกลายมาเป็ัเพลิงั์ตัวหนึ่ง
“อู้ อู้!”
โลกภายนอก ปราณิญญาที่เข้มข้นซึ่งโอบล้อมอยู่ทั่วเขาหลิงอวิ๋น ไม่รู้ว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงใดถึงได้ค่อยๆ มารวมตัวกันอยู่บนยอดเขาที่ไม่สะดุดตาลูกนั้น
ปราณิญญาของฟ้าดินที่ขาวสว่าง มุดลอดปากเหมืองเข้าไปยังเหมืองหมายเลขเจ็ดสิบสาม
เนี่ยเฉี่ยนที่ร้อนรนถึงขีดสุด อยู่ๆ ก็ััได้ว่าอากาศที่นางสูดดมเข้าไปทุกครั้งล้วนแฝงเร้นไว้ด้วยปราณิญญาเข้มข้น
เมื่อสังเกตอย่างละเอียด นางก็พบว่าพื้นที่ที่เนี่ยเทียนยืนอยู่ยิ่งมีปราณิญญาน่าใมากขึ้นไปอีก คล้ายว่าปราณิญญามหาศาลที่สุดในถ้ำล้วนซอกซอนตามรูขุมขน เข้าไปรวมอยู่ในร่างกายของเนี่ยเทียน
นางเบิกตากว้าง จ้องเขม็งไปที่เนี่ยเทียน ทั้งดีใจอย่างบ้าคลั่ง และทั้งตะลึงลานอย่างถึงขีดสุด
เหตุการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นในถ้ำ ช่างเกินสิ่งที่นางคาดการณ์ไว้นัก ทำให้นางไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี และก็ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรถึงจะมีประโยชน์กับเนี่ยเทียนมากที่สุด
ยามนี้ปากถ้ำมีหินถล่มลงมาปิดไว้แน่น รอยแยกระหว่างก้อนหินยังมีแสงไฟจำนวนมากลอยเข้ามารวมตัวอยู่ในกระดูกสัตว์ชิ้นนั้น
นางรู้ว่าตอนนี้ตัวเองยังไม่สามารถออกไปได้ จึงทำได้เพียงนิ่งเฉยยอมรับทุกอย่างที่เกิดขึ้นเบื้องหน้านี้
เวลาเดียวกันนั้น
ด้านหลังของูเาหลิงอวิ๋น ูเาแห่งหนึ่งที่เล็กเตี้ยกว่าเขาหลิงอวิ๋น แต่สูงตั้งตระหง่านยิ่งกว่าูเาอื่นๆ ชายชรารูปร่างผอมแห้งสวมชุดผ้าป่านเนื้อหยาบซึ่งกำลังหลอมอาวุธวิเศษอยู่ในห้องหิน พลันวางอาวุธวิเศษในมือลง
“แปลกจริง ปราณิญญาฟ้าดินเหตุใดถึงเกิดการเปลี่ยนแปลงกะทันหันเช่นนี้?” เขาพึมพำเบาๆ หนึ่งประโยค จากนั้นก็นั่งสมาธิ หลับตาลงเบาๆ
เงาร่างพร่าเลือนร่างหนึ่งลอยออกมาช้าๆ จากกลางกะโหลกศีรษะของเขาราวกับิญญาของผีร้าย แล้วบินออกไปจากห้องหิน
เงาร่างที่พร่ามัวดั่งเงาที่สะท้อนอยู่บนผิวน้ำผลุบๆ โผล่ๆ อยู่กลางอากาศ ลอยละล่องไปยังทิศทางที่ปราณิญญาฟ้าดินไหลไป จนไปถึงูเาลูกเล็กที่ตระกูลเนี่ยใช้ขุดหินเมฆอัคคี
เงามายาผลุบหายเข้าไปในเหมือง ลอยตัวลึกเข้าไปตามทางหินที่ทอดยาว
ไม่นานนัก เงามายานั้นก็มาถึงหน้าปากถ้ำหมายเลขเจ็ดสิบสามที่เนี่ยเทียนอยู่ และหายตัวเข้าไปในช่องระหว่างหินเล็กแคบ โผล่เข้ามาในถ้ำอย่างเงียบๆ
เมื่อเข้ามาด้านใน เงามายานั้นยิ่งพร่าเลือน ยากที่จะมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
“เอ๊ะ!”
เงามายาอยู่ในมุมมืดแห่งหนึ่งของถ้ำ กวาดมองรอบหนึ่งก็เพ่งสมาธิทั้งหมดไปที่ตัวเนี่ยเทียนและกระดูกสัตว์ในมือของเนี่ยเทียน
เนี่ยเฉี่ยนที่ยืนอยู่ข้างกายเนี่ยเทียนััไม่ได้แม้แต่นิดเดียว
“ครืน ครืน ครืน!”
ูเาทั้งลูกคล้ายสั่นคลอนเบาๆ หินย้อยก้อนมหึมาบนเพดานถ้ำที่เนี่ยเทียนและเนี่ยเฉี่ยนอยู่ค่อยๆ ปริแตกและร่วงหล่นลงมา
เงามายาที่อยู่ในมุมมืดเงยหน้ามองหินก้อนใหญ่ที่กำลังตกลงมา ยกมือขึ้นโบกปัดออกสองสามที
เนี่ยเฉี่ยนที่รู้สึกตัวเงยหน้าขึ้นมองหินขนาดั์ที่ตกลงมาด้วยความตะลึงพรึงเพริด ในใจร่ำร้องอย่างสิ้นหวัง
แต่ที่น่าแปลกก็คือ หินก้อนมหึมาที่เห็นๆ อยู่ว่ากำลังจะกระแทกโดนตัวนางและเนี่ยเทียนนั้น กลับเหมือนถูกพลังบางอย่างดึงรั้งออกไปจึงไปหล่นกระแทกตามมุมอื่นๆ รอบถ้ำแทน
นางที่เดิมทีควรจะถูกหินกระแทกจนร่างแหลกเหลวยังคงยืนอยู่ข้างกายเนี่ยเทียนอย่างปลอดภัย คล้ายมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ปกป้องคุ้มครองนางและหลานชายอยู่
ผ่านไปเนิ่นนาน
ไม่มีแสงไฟลอยเข้ามาจากแปดทิศทางอีก ดุจดั่งพลังเปลวเพลิงของหินเมฆอัคคีทั้งหมดในูเาถูกกระดูกสัตว์ก้อนนั้นดูดเอาไปจนเกลี้ยงแล้ว
เนี่ยเทียนยังคงถือกระดูกสัตว์ชิ้นนั้นไว้ในมือ ไม่รู้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่น่าใในถ้ำเลยแม้แต่นิดเดียว คล้ายกำลังล่องลอยอยู่ในความฝัน
แรงสั่นะเืที่เกิดขึ้นมาเนิ่นนานในถ้ำก็ค่อยๆ กลับคืนสู่ปกติ รอบถ้ำมีหินั์ที่ตกลงมากองกันเป็พะเนินสูง
แต่สถานที่ที่นางและเนี่ยเทียนยืนอยู่กลับไม่มีแม้แต่เศษหินเล็กๆ สักก้อน นี่ทำให้นางรู้สึกราวกับปาฏิหาริย์ ในใจแอบขอบคุณบรรพบุรุษตระกูลเนี่ยที่ช่วยคุ้มครอง
นานแสนนาน กระดูกสัตว์ที่อยู่ในมือของเนี่ยเทียนถึงได้กลับคืนมาเป็สีน้ำตาลแก่ดังเดิม
เนี่ยเทียนที่จิติญญาล่องลอยก็ค่อยๆ ฟื้นคืนสติกลับมา เขาเบิกตากว้าง ประโยคแรกที่พูดออกมาก็คือ “ในที่สุดเืสดในกระดูกสัตว์หยดนั้นก็ก่อตัวได้สำเร็จแล้ว!”
เงามายาที่อยู่ในที่มืด หลังจากได้ยินประโยคนี้เงาของเขาก็กระเพื่อมเล็กน้อย ราวกับผิวน้ำ จิตใจสั่นสะท้าน
------
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้