เมื่อเสร็จธุระกับท่านน้ามู่เหวินแล้ว ซินเยว่กับเสี่ยวหลานก็รีบกลับมายังโรงเตี๊ยมทันที นางเข้าไปปรึกษากับมารดาเื่ที่จะบอกเสี่ยวหลานเกี่ยวกับมิติของนาง ซึ่งท่านแม่ยืนยันว่าเสี่ยวหลานเป็คนซื่อสัตย์ไว้ใจได้แน่นอน
เพราะหลังจากที่ตื่นขึ้นมาจากนอนหลับไปไม่กี่วัน ก็ได้บอกเื่ที่ข้ามีมิติกับมารดาไปแล้ว จึงอยากบอกให้เสี่ยวหลานได้รู้ เผื่อเวลาหยิบของแปลก ๆ ออกมากลางอากาศจะได้ไม่ใกลัว ในอนาคตอันใกล้เสี่ยวหลานยังต้องติดตามนางอย่างใกล้ชิด
พอซินเยว่กับมารดาเรียกเสี่ยวหลานเข้ามาพบ และอธิบายเื่มิติเรียบร้อยแล้ว ก็พาทั้งสองคนเข้ามาด้านในมิติทันที เสี่ยวหลานดูจะตกตลึงมากเมื่อได้เห็นสิ่งของแปลกๆ มากมาย หันซ้าย หันขวา สำรวจมุมนั้นมุมนี้ไปทั่ว
ส่วนมารดาของตนเคยเข้ามาหลายครั้งจนเลิกใ พอเสี่ยวหลานตั้งสติได้ซินเยว่ก็อธิบาย เกี่ยวกับวิธีการใช้งานของอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้ฟัง และพากันไปอาบน้ำเพื่อเตรียมตัวพักผ่อน
“พี่เสี่ยวหลานต้องเก็บเื่นี้เป็ความลับนะเ้าคะ หากมีผู้ใดรู้เข้าข้าอาจจะถูกกล่าวหาว่าเป็ปีศาจโดนจับไปเผาทั้งเป็แน่ ๆ”
“คุณหนูไว้ใจบ่าวได้เ้าค่ะบ่าวขอสาบานต่อฟ้าดิน ถึงจะถูกทรมานจนตายก็ไม่มีทางบอกเื่นี้กับผู้ใดเป็อันขาด”
เสี่ยวหลานยกมือขึ้นกล่าวคำสาบานต่อหน้าซินเยว่ จากนั้นก็แยกย้ายกันไปพักผ่อนเอาแรงเพื่อการเดินทางไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ในวันพรุ่งนี้ ต้นยามเหม่าก็ออกจากโรงเตี๊ยมไปที่สำนักคุ้มภัยทันที เมื่อไปถึงก็พบว่ามู่เหวินได้มานั่งรออยู่ก่อนแล้ว
“ท่านน้ามู่เหวิน” ซินเยว่เอ่ยทักทายก่อนใคร
“คุณหนูข้ามารอที่นี่เพื่อมาให้คำตอบกับท่านว่า พวกข้ายินดีจะติดตามคุณหนูขอรับ”
“อย่างที่ข้าได้บอกกับท่านน้าไว้ว่าขอเวลาให้ข้าสักสองสามเดือน เมื่อทุกอย่างพร้อมข้าจะส่งจดหมายมาให้ท่าน จากนั้นท่านก็นำจดหมายของข้าไปยื่นที่โรงรับจำนำ หลงจู๊ของที่นั่นจะมอบเงินให้ท่าน เพื่อเป็ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปเมืองเหลียงซาน” เป็ไปตามที่ซินเยว่คาดการณ์ อย่างไรเสียมู่เหวินต้องตอบตกลงแน่นอน นางจึงให้เสี่ยวหลานจัดการไว้ล่วงหน้าแล้ว
“ขอบคุณคุณหนูที่ให้โอกาสพวกข้าขอรับ ขอให้พวกท่านเดินทางโดยสวัสดิภาพขอรับ” พูดจบมู่เหวินก็ขอตัวไปร่ำลาเสี่ยวหลาน และคงบอกข่าวดีกับนางด้วย
ซินเยว่เห็นทั้งสองต่างยิ้มให้กันอย่างมีความสุข ยามนี้เหมือนนางจะได้กลิ่นความรักลอยมาเบา ๆ
“คารวะท่านฝูเ้าค่ะ” ลี่หลินหันไปทักทายหัวหน้าผู้คุ้มภัย
“ท่านคือคนที่จะเดินทางไปเมืองเหลียงซานใช่หรือไม่ ข้าให้คนเตรียมรถม้าไว้เรียบร้อยแล้ว จะใช้เวลาในการเดินทางประมาณยี่สิบวัน ส่วนค่าใช้จ่ายในการเดินทางทั้งหมด หนึ่งร้อยห้าสิบตำลึงและข้าต้องขอมัดจำครึ่งหนึ่งก่อน เมื่อส่งพวกท่านถึงเมืองเหลียงซานแล้ว ข้าถึงจะขอรับในส่วนที่เหลือขอรับ”
ลี่หลินได้ยินก็ใกับจำนวนเงิน ที่ต้องใช้จ้างสำนักคุ้มภัยในการเดินทางครั้งนี้ ถึงจะใเพียงใดนางก็รีบปรับสีหน้าให้เป็ปกติ
“นี่เงินมัดจำครึ่งหนึ่ง” ซินเยว่ยื่นถุงเงินจำนวนแปดสิบตำลึงไปให้
เมื่อเห็นว่าเป็เด็กสาววัยสิบหนาว ที่ยื่นถุงเงินมาให้หัวหน้าฝูก็ทำหน้าใเล็กน้อย แต่กลับมารดาของซินเยว่ที่มองเหมือนกำลังจับผิดอะไรนางสักอย่าง นางคงต้องเตรียมคำตอบไว้ให้ดี หากถูกมารดาถามเื่ที่สงสัยขึ้นมา
“ขอบคุณขอรับ เชิญพวกท่านขึ้นไปนั่งรอบนรถม้าก่อน อีกประเดี๋ยวก็จะได้เวลาออกเดินทางกันแล้วขอรับ” หัวหน้าฝูบอกซินเยว่กับลี่หลิน แล้วก็เดินไปตรวจดูรถม้าเพื่อป้องกันความผิดพลาด
“เ้าค่ะ เสี่ยวหลานเ้าประคองเยว่เอ๋อร์ขึ้นรถม้าด้วยเล่า” ภายหลังลี่หลินรับคำของหัวหน้าฝูแล้ว ขณะกำลังจะเดินไปที่รถม้าก็มีเสียงควบม้าดังเข้ามาใกล้ พวกเราจึงหันไปดูเมื่อทุกอย่างอยู่ในระยะสายตา ก็เห็นว่าเป็ใครที่นั่งอยู่บนหลังม้าเขาก็คือเสิ่นิเหยียนนั่นเอง
เสิ่นิเหยียนได้รับสารด่วนว่าให้รีบไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ เขาจึงควบม้าอย่างเร่งรีบพร้อมกับลูกน้องอีกสองสามคน ขณะที่กำลังจะผ่านหน้าสำนักคุ้มภัยบังเอิญเห็นหญิงสาวคนหนึ่ง ที่รู้สึกคุ้นตานางยืนอยู่กับเด็กสาวรูปร่างซูบผอม จึงชะลอม้าให้ช้าลงเมื่อเพ่งมองให้ดีก็เห็นว่า หญิงสาวคนนั้นคือซูลี่หลินแต่เข้าไม่เข้าใจว่านางมาทำอะไร ที่สำนักคุ้มภัยแต่เช้ามืดเช่นนี้ แต่เขาตาฝาดไปหรือไม่ที่เห็นนางเปลี่ยนไปเป็คนละคนกับก่อนหน้า
ตอนนี้นางงดงามมากจนเขารู้สึกใจสั่น และเด็กสาวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ถึงจะดูผอมไปบ้างแต่ก็ดูน่ารักน่าชังยิ่งนัก แต่เพราะมีภารกิจด่วนที่ต้องไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้จึงไม่สามารถเข้าไปทักทายได้ และวันนี้ทั้งวันเขาเอาแต่นึกถึงใบหน้าของสองแม่ลูกคู่นั้น
ด้านลี่หลินนางก็ย่อมเห็นว่าเป็ใครเช่นกัน แต่นางก็มองอีกฝ่ายเหมือนคนแปลกหน้าเท่านั้น เมื่อเขาควบม้าผ่านไปแล้วก็หันกลับไปขึ้นรถม้าพร้อมบุตรสาวกับสาวใช้ ยามนี้ทั้งสามคนอยู่บนรถม้าพร้อมหน้ากัน นางก็เริ่มการไต่สวนบุตรสาวทันที
“เอาล่ะอธิบายให้แม่ฟังเสียที ว่าเงินนั่นมาจากที่ใดตั้งมากมาย”
“ได้เ้าค่ะ เื่ก็มีอยู่ว่าข้าเอาเครื่องประดับที่ท่านแม่เคยเห็นในมิติ ให้พี่เสี่ยวหลานนำไปขายและทางร้านเห็นว่าสวยแปลกตาจึงให้ราคาสูงเ้าค่ะ” ซินเยว่คิดไว้แล้วว่านางไม่รอดจริงๆ ขึ้นนั่งบนรถม้าก้นยังไม่ทันอุ่นก็โดนซะแล้ว
“เป็ความจริงอย่างที่คุณหนูพูดเ้าค่ะนายหญิง หลงจู๊ยังบอกอีกว่าถ้ามีเครื่องประดับเช่นนี้อีก ให้เอาไปขายที่ร้านได้เลยเ้าค่ะ” เสี่ยวหลานพูดตามความจริงที่นางเป็คนนำมันไปขาย หลังจากซินเยว่กับเสี่ยวหลานอธิบาย เกี่ยวกับที่มาของเงินให้ลี่หลินฟังก็ได้ยินเสียงหัวหน้าฝูดังขึ้นข้างรถม้า
“พวกเราจะออกเดินทางกันแล้วขอรับ”
“เ้าค่ะ รีบเดินทางก็ดีเหมือนกัน” ลี่หลินเอ่ยตอบหัวหน้าฝูออกไป
“ออกเดินทางได้”
เพียงครู่รถม้าก็เคลื่อนไปข้างหน้าทันที และมันจะเป็การเดินทางไกลครั้งแรกของซินเยว่ หลังจากนางเกิดมาได้สิบปีในจวนตระกูลเสิ่น
‘หวังว่าพวกเราคงไม่ต้องกลับมาที่นี่อีก’
แต่สิ่งที่ซินเยว่คิดเอาไว้คงไม่เป็จริง เมื่อวันหนึ่งข้างหน้าไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์ ที่ทำให้นางกับมารดาต้องกลับมาอยู่อาศัยยังเมืองหลวงอีกครั้ง
