ในตอนนีู้เี่อันไม่สนแล้วว่าลู่เป๋าเหยียนคือสามีเธอหรือไม่ เธอคิดเพียงอยากเอาทุกคำพูดที่พูดออกไปทั้งหมดเมื่อกี้กลืนกลับลงคอไปให้หมด
ให้ตายสิ เธออยากจะกัดลิ้นตายมันซะตรงนี้!
ลู่เป๋าเหยียนสีหน้าเ็า “ูเี่อัน มานี่”
ทางลั่วเสี่ยวซี ก็ถูกรูปร่างหน้าตาและบรรยากาศรอบกายของลู่เป๋าเหยียนสะกดไปชั่วขณะเป็ที่เรียบร้อย
ผู้ชายคนนี้เท่ชะมัด! หล่อจนเธอรู้สึกหน้าแดงไปหมดแล้วเนี่ย
ลั่วเสี่ยวซีผู้ซึ่งเห็นผู้ชายมาก่อนเพื่อนเสมอ จึงผลักูเี่อันพร้อมพูดว่า “ไปสิ สามีเธอกำลังเรียกอยู่นะ”
“เอ่อ...” ูเี่อันยังคงเรียกสติตัวเองกลับมาไม่ครบ ทำให้เธอสูญเสียการทรงตัวจนเซไปชนกับอกของลู่เป๋าเหยียนเข้าอย่างจัง
อืม...กลิ่นหอมอ่อนๆ เฉพาะตัวของลู่เป๋าเหยียนช่างหอมจริงๆ
เมื่อร่างนุ่มนิ่มของเธอชนกับตัวเขา กลิ่นกายหอมละมุนของเธอก็โชยเข้ามาเตะจมูก หัวใจของเขาเหมือนถูกอะไรบางอย่างมากระตุ้นจนใจเต้นแรง ความรู้สึกนี้แบบนี้ เขาไม่เคยมีมาก่อน...ลู่เป๋าเหยียนขมวดคิ้ว แล้วจึงยื่นมือมาประคองตัวูเี่อันให้ยืนขึ้น เขาไม่อยากใกล้ชิดเธอไปมากกว่านี้
ูเี่อันยืนตัวตรง กัดฟันพูดออกมาสองคำอย่างยากลำบาก “ขอบคุณ”
ลู่เป๋าเหยียนพูดเสียงเย็น “กลับบ้านกับฉัน”
ูเี่อันส่ายหัวด้วยสีหน้าหวาดหวั่น ดูจากท่าทางไม่แสดงอารมณ์ของลู่เป๋าเหยียนในตอนนี้ ใครจะไปรู้ว่าเขาคิดจะทำอะไรแผลงๆ หรือเปล่า
ลู่เป๋าเหยียนหรี่ตา “ที่ไม่ยอมกลับ เพราะเธอตั้งใจจะอยู่คุยกับผู้ชายที่นี่ต่องั้นเหรอ”
เธออยากตาย...เขาได้ยินหมดทุกอย่างจริงๆ ด้วย
“เข้าใจผิดแล้วล่ะค่ะ!” ลั่วเสี่ยวซีรีบอธิบาย “ที่จริงแล้วเจี่ยนอันไม่ได้อยากจะคุยกับเ้าหรันหรอกค่ะ ทั้งหมดฉันเป็คนวางแผนไว้เอง เจี่ยนอันบอกฉันว่า ไม่รู้จะทำความคุ้นเคยกับคุณยังไง ฉันเลยหาคนมาให้เธอฝึกซ้อมเอาไว้ เธอไม่ได้รู้สึกสนใจอะไรในตัวเ้าหรันแน่นอนค่ะ!”
“ลั่วเสี่ยวซี หยุดพูดเถอะ!”
ูเี่อันถลึงตามองลั่วเสี่ยวซี ยัยนี่เป็หมูหรือยังไงนะ เื่น่าอายขนาดนี้ยังกล้าบอกกับลู่เป๋าเหยียนอีก
“ทำไมล่ะ ที่ฉันพูดไปคือความจริงทั้งนั้น” ลั่วเสี่ยวซีรีบพูดอย่างประจบ “เอ่อ เมื่อกี้เจี่ยนอันยังบอกอีกว่า เธอไม่มีทางทำเื่ผิดต่อคุณแน่นอน คุณก็ได้ยินใช่ไหมคะ”
“...” ูเี่อันรู้สึกว่าเพื่อนเธอโง่ยิ่งกว่าหมูเสียอีก!
ในเวลานั้นเอง เ้าหรันที่ขอตัวไปห้องน้ำมื่อครู่ก็ได้เดินกลับมา หลังไปตั้งสติ เ้าหรันก็พบว่าตัวเองชอบูเี่อันจริงๆ ที่จริงเขาไม่สนว่าเธอจะทำอาชีพอะไร เมื่อกี้เขาก็แค่คิดไม่ถึงว่าเธอจะเป็แพทย์นิติเวชก็เท่านั้น
เมื่อคิดได้ดังนั้น เขาจึงเดินกลับมาด้วยความดีใจ แต่กลับเห็นลู่เป๋าเหยียนกับเสิ่นเยว่ชวน จึงถามออกไปด้วยความสงสัย “เจี่ยนอัน นี่มันเื่อะไรกันเหรอครับ”
เ้าหรันเรียกูเี่อันว่า “เจี่ยนอัน”? สายตาของลู่เป๋าเหยียนฉายรังสีความน่ากลัวออกมา
เขาดึงูเี่อันให้มายืนข้างกาย แล้วโอบเอวของเธอเหมือน้าแสดงความเป็เ้าของ มองเ้าหรันด้วยสายตาเย็น “คุณรู้จักภรรยาผม?”
บรรยากาศแบบนี้!
เมื่อเ้าหรันนึกออกแล้วว่าชายตรงหน้าตนคือใครก็ถึงกับเหงื่อตก “ผอ.ลู่ ผม... ผมคงทักคนผิดน่ะครับ ต้องขออภัยด้วย ถ้ายังไงผมขอตัวก่อนนะครับ” เื่ทีู่เี่อันแต่งงานแล้ว ยังไม่น่าใเท่าทีู่เี่อันคือภรรยาของลู่เป๋าเหยียน เขาคงต้องมีสักหมื่นชีวิต ถึงจะกล้าจีบเธอ
ลู่เป๋าเหยียนเอาชนะศัตรูได้ภายในคำพูดเดียว
ลั่วเสี่ยวซีเริ่มเพ้อหนักอีกครั้ง สายตาเธอเหมือนจะมีหัวใจสีชมพูลอยออกมา “เท่จังเลย...”
ูเี่อันเริ่มเบื่อที่จะสนใจเพื่อนเธอคนนี้เสียแล้ว ว่าแล้วก็ดิ้นเพื่อจะออกจากวงแขนของเขา “ลู่เป๋าเหยียน ปล่อยฉันนะ”
เพราะอากาศปลายฤดูใบไม้ผลิไม่ได้หนาวมาก เสื้อผ้าที่เธอใส่จึงค่อนข้างบาง การดิ้นครั้งนี้ ลู่เป๋าเหยียนรู้สึกเหมือนตัวเองได้ััผิวเธอโดยตรง
ช่างเป็ััที่ดีจนน่าหงุดหงิด!
เขายิ่งรัดเธอแน่นขึ้น พูดด้วยน้ำเสียงเย้ายวน “ถ้าเธอ้าฝึกทำความคุ้นเคยกับผู้ชายละก็ กลับบ้านซะ แล้วฉันจะสอนให้เธอเอง” พูดจบเขาก็พาูเี่อันเดินออกไปโดยไม่ฟังอะไรทั้งนั้น
ูเี่อันเพิ่งนึกขึ้นได้จึงหันกลับไป “ลั่วเสี่ยวซี...” เสียงของเธอเหมือนส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ
ลั่วเสี่ยวซีทำเป็ไม่รู้ไม่ชี้แล้วโบกมือ “กลับบ้านไปฝึกกับเขาเถอะ ซาโยนาระ~”
ลู่เป๋าเหยียนจอดรถไว้หน้าประตูทางเข้า เขาเปิดประตูแล้วทำท่าจะดันูเี่อันให้เข้าไปในรถ ูเี่อันรีบหยิบกุญแจรถออกมา ฝืนยิ้ม ”ฉันขับรถของนายมา เพราะฉะนั้นฉันกลับเองได้”
ลู่เป๋าเหยียนยกมุมปาก เผยให้เห็นความอ่อนโยนเพียงเล็กน้อย
“เธอขับรถกลับบ้านคนเดียว แล้วจะคุ้นเคยกับฉันได้ยังไง หือ?”
มือที่ถือกุญแจรถของูเี่อันถึงกับชะงักไป มุมปากที่กำลังฝืนยิ้มอยู่ถึงกับกระตุก คำว่าอ่อนโยนกับลู่เป๋าเหยียนมันช่างห่างไกล จะดูอย่างไรเธอก็รู้สึกไม่สบายใจ
ลู่เป๋าเหยียนแย่งกุญแจรถจากมือูเี่อันโยนทิ้งไปข้างหลัง แล้วดันเธอให้เข้าไปนั่งในรถและปิดประตูทันที “ปัง” เขาทำทุกอย่างด้วยความไหลลื่นและสง่างาม
ูเี่อันเกาะหน้าต่างรถ กะจะดูว่าเขาโยนกุญแจทิ้งไว้ที่ไหน กลับพบว่ากุญแจรถอยู่ในมือของผู้ชายคนหนึ่ง
เสิ่นเยว่ชวนชูกุญแจรถขึ้นมา โบกมือให้กับูเี่อัน ทำปากบอกกับเธอว่า “วางใจได้ รถคันนี้เดี๋ยวผมจัดการเอง”
“...” เธอหมดข้ออ้างที่จะลงจากรถซะแล้ว
ลู่เป๋าเหยียนเข้าไปนั่งประจำที่นั่งคนขับแล้วสตาร์ทรถ แอสตันมาร์ติน ONE 77 คันงามสะดุดตาก็ได้ทะยานออกไป เพื่อกลับบ้านพัก
ขณะที่ในผับนั้น ลั่วเสี่ยวซียังคงคิดถึงความหล่อกระชากใจของลู่เป๋าเหยียนอย่างเพ้อฝัน จึงหันไปเห็นซูอี้เฉิงโดยไม่รู้ตัว เขากำลังนั่งอยู่ที่เคาน์เตอร์บาร์ ข้างมือมีกรีนฟิลด์ค็อกเทลวางอยู่ แสงไฟละมุนของเคาน์เตอร์บาร์ ทำให้ใบหน้าของเค้าดูทรงเสน่ห์ยิ่งกว่าตอนกลางวัน
ลั่วเสี่ยวซีรู้สึกดีใจที่ได้เจอเขา แต่ขณะที่กำลังจะลุกเพียงเดินไปหาเขา ทันใดนั้นเอง
“อี้เฉิงคะ” หญิงสาวที่เมื่ออยู่ในชุดสูท Dior ก็ยิ่งทำให้ชุดดูดีมีระดับได้ปรากฏกายขึ้น เธอจับมือเขาสักครู่ แล้วจึงเอามือแนบกับอกของเขา พร้อมพูดคุยไปด้วยความสนิทสนมอย่างใกล้ชิด
เธอไม่ได้ยินว่าพวกเขาพูดอะไรกัน แต่จากรอยยิ้มและความอ่อนโยนที่ซูอี้เฉิงแสดงออกมานั้น ทำให้เธอรู้ว่า เขาต้องชอบผู้หญิงคนนี้มากแน่ๆ แฟนเก่าของเขาล้วนเป็ผู้หญิงสไตล์นี้ ต้องเป็หญิงสาวที่ทำงานเก่ง ดูดีมีระดับ เล่นเปียโน จิบไวน์ มีรสนิยม แต่เมื่อคราอยู่บนเตียงก็กลายร่างเป็จิ้งจอกผสมแมวน้อยแสนออดอ้อนสุดและเซ็กซี่
เธอคงไม่สามารถเป็ผู้หญิงแบบนั้นได้
“เสี่ยวซี” ฉินเว่ยกลับมาแล้ว เขายื่นมือมาหาเธอ “พวกเราเต้นต่อกันไหม”
“ได้สิ” เธอยิ้มหวาน ยื่นมือไปจับมือเขา แล้วเดินไปที่ฟลอร์เต้นรำ เธอและเขาต่างก็ปล่อยใจไปตามเสียงเพลงเต้นรำแนบชิดกันอย่างเร่าร้อน
เธอบังเอิญสบตากับซูอี้เฉิงอยู่เหมือนกัน ทว่าสิ่งที่สะท้อนออกมาจากสายตาของเขามีเพียงแค่ความเกลียดชังที่เธอคุ้นเคย เธอถูกเขาใช้สายตาแบบนี้มองมานับครั้งไม่ถ้วนจนหัวใจด้านชา คิดแล้วยิ้มออกมา เธอยิ่งเต้นยิ่งหยุดไม่อยู่ ถึงฉินเว่ยจะเอามือมาโอบเอวเธออย่างใกล้ชิดแค่ไหน เธอก็ไม่ปฏิเสธ
ฉินเว่ยเห็นดังนั้น ในใจคิดว่าเหยื่อสุดเซ็กซี่คนนี้ได้ติดเบ็ดเรียบร้อยแล้ว จึงโอบเธอเข้ามา “ให้ผมพาคุณกลับบ้านไหม”
ลั่วเสี่ยวซีรีบผละจากมือของฉินเว่ย เขารู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ทว่าเธอกลับกุมมือเขาอย่างสนิทสนม “ไปกันเถอะ!”
ฉินเว่ยยิ้มกว้าง รีบจูงมือพาลั่วเสี่ยวซีออกจากผับทันที
ที่นี่ทุกวันมักจะมีหนุ่มสาวแปลกหน้าที่ถ้าถูกใจซึ่งกันและกันก็จะพากันออกไป ซึ่งถือเป็เื่ปกติ ทุกคนในผับจึงผิวปากแซวฉินเว่ยกันใหญ่
มีเพียงคนเดียวที่เมื่อเห็นดังนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนไป “เพล้ง” เขาบีบแก้วที่อยู่ในมือจนแตกละเอียด
“อี้เฉิง” หญิงสาวรีบจับมือเขาขึ้นมาตรวจดู “คุณไม่เป็ไรใช่ไหม”
“ไม่เป็ไร” ซูอี้เฉิงลุกออกจากเก้าอี้ “ขอโทษด้วย ผมมีธุระคงต้องขอตัวก่อน”
ในขณะเดียวกัน ลั่วเสี่ยวซีเดินมาถึงที่จอดรถ ั้แ่เธอเดินออกมาจากผับก็หัวเราะไม่หยุด เสียงหัวเราะของเธอดังสะท้อนไปทั่วบริเวณ จนฉินเว่ยรับรู้ได้ถึงความผิดปกติ
“นายรู้ไหม เมื่อก่อนมีแต่ฉันที่นั่งมองเขาออกไปกับผู้หญิงอื่นอย่างโง่ๆ ในที่สุดวันนี้ก็ถึงตาฉันบ้าง!” ลั่วเสี่ยวซียกมือขึ้นหันมาทางฉินเว่ย “Give me five!”
ฉินเว่ยยื่นมือไปแตะมือของลั่วเสี่ยวซี “แปะ!” เธอตบลงบนมืออย่างแรงจนเขารู้สึกเจ็บ “ให้ตาย คนผอมๆ อย่างคุณไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนเนี่ย”
ลั่วเสี่ยวซียิ้มหวาน ดวงตากลมโตดั่งเมล็ดอัลมอนด์ ขนตางอนยาว ริมฝีปากสีแดงรูปกระจับแย้มยิ้ม ทั้งหมดนี้ยิ่งทำให้เธอดูงดงามจับใจ ฉินเว่ยถอนหายใจกับตัวเอง เธอคนนี้ยิ่งดูก็ยิ่งสวยจริงๆ
“คุณพักที่ไหนครับ เดี๋ยวผมไปส่ง” เขาถาม
“ไม่พาฉันกลับบ้านกับคุณแล้วเหรอ” ลั่วเสี่ยวซียิ้มถาม
ฉินเว่ยนึกถึงแผนการที่เธอวางไว้เมื่อครู่ บ่นแบบขำๆ “อย่าแกล้งทำเป็ผู้หญิงใจง่ายที่้าแค่ One Night Stand อีกเลยน้องสาว เชื่อพี่เถอะ ทีหลังมาที่แบบนี้ให้น้อยๆ หน่อย เธอไม่ใช่คนประเภทเดียวกันกับคนที่นี่”
“แมนมาก!” ลั่วเสี่ยวซีตบไหล่ฉินเว่ยเบาๆ “ต้องแบบนี้สิเพื่อนยาก ไปเพื่อน เราไปกินมื้อดึกกัน”
อันที่จริงที่เธอออกมากับฉินเว่ยก็แค่อยากยั่วโมโหซูอี้เฉิงเท่านั้น เพราะไม่ว่าเธอจะทำอะไรเขาก็เกลียดเธออยู่ดี แต่ถ้าหากฉินเว่ยจะพาเธอกลับบ้านเขาจริงๆ เธอก็ไม่มีทางยอมเด็ดขาด ไม่คิดเลยว่าตาฉินเว่ยจะเป็คนใช้ได้เลยนะเนี่ย
ถึงเื่นั้นจะอด แต่อย่างน้อยได้ไปมื้อดึกก็ยังดี ฉินเว่ยคิดพลางเปิดประตูรถให้ลั่วเสี่ยวซี
จังหวะนั้น ซูอี้เฉิงที่กำลังออกมาเอารถ ได้เห็นลั่วเสี่ยวซีกำลังขึ้นรถไปกับชายหนุ่มพอดี เขายิ้มเย็น แล้วจึงขึ้นรถกลับบ้านไป