“เื่ด่วนงั้นหรือ เื่ด่วนก็อย่าไปโทษสาวน้อยคนนี้เลย สรุปเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” อี้ไท่เฟยแสร้งทำเป็ใ
ฮองเฮาแสร้งทำเป็ไม่ได้ยิน และยังคงสอนองค์หญิงฉางผิงต่อไปว่า “ในเมื่อฉินหวังเฟยกับฉินหวังออกไปข้างนอก เช่นนั้นเ้าก็ควรไปหาเสด็จพ่อของเ้า ขอให้เสด็จพ่อเ้าช่วยตามฉินอ๋องกลับมา เสด็จพ่อของเ้าไม่มีทางหาฉินอ๋องไม่เจอหรอก”
ฮองเฮาพูดพลางมองไปที่อี้ไท่เฟยอย่างมีนัย “ไท่เฟย เ้าว่าอย่างนั้นหรือไม่”
คนหนึ่งเอาฉินอ๋องมาขู่ อีกคนก็เอาฮ่องเต้มากดดัน คนรับใช้ทั้งหมดที่ฟังอยู่ ณ ที่นี้ต่างหัวใจเต้นระรัวขึ้น แต่องค์หญิงฉางผิงกลับมีความรู้สึกตื่นตัวและประหลาดใจ “จริงด้วย! ข้าจะไปหาเสด็จพ่อ คราวนี้เสด็จพ่อต้องช่วยข้าได้แน่ๆ!”
อี้ไท่เฟยรู้นิสัยของฮองเฮาดี ด้วยสถานะของนาง นางไม่เคยพูดอะไรหุนหันพลันแล่น วันนี้ที่นางกล้าอ้างถึงฮ่องเต้ แสดงว่าเื่ขององค์หญิงฉางผิงต้องเป็เื่ใหญ่ อย่างน้อยนางก็มีความมั่นใจเต็มเปี่ยมว่าเื่นี้สามารถทำให้ฮ่องเต้ที่ยุ่งอย่างมากนั้นช่วยออกหน้าให้นางได้
“เสด็จแม่ ไปกันเถอะ เรารีบไปหาเสด็จพ่อกัน!” องค์หญิงฉางผิงตื่นเต้นมากจึงลากฮองเฮาออกไป
ขณะนี้ อี้ไท่เฟยก็ร้อนรนขึ้นมา ถ้าเป็ปกติแล้ว นางคงไม่สนใจมากนัก เมื่อถึงเวลาก็แค่หาข้ออ้างเพื่อพาหานอวิ๋นซีออกมา
อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้หานอวิ๋นซีถูกขังอยู่ในห้องฟืน อดอยากจนเกือบตาย ถ้าเื่นี้ถูกเปิดโปงและเกิดเป็เื่อื้อฉาวในครอบครัว นางจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน!
เมื่ออี้ไท่เฟยกำลังจะพูด มู่หรงหว่านหรูก็กล่าวว่า “ฮองเฮา องค์หญิงฉางผิง ช้าก่อน!”
ฮองเฮาที่คาดการณ์ไว้แล้ว ก็ดึงองค์หญิงฉางผิงให้หยุด เมื่อเป็เื่ของวังหลัง นางพยายามไม่รบกวนฮ่องเต้ นี่คือเหตุผลหลักที่ทำให้นางเป็ที่โปรดปราน
มู่หรงหว่านหรูรีบก้าวไปข้างหน้าและโค้งคำนับ “ฮองเฮา องค์หญิงฉางผิง ความจริงแล้วฉินหวังเฟยกลับมาตังแต่เมื่อคืน เพียงแต่วันนี้หมู่เฟยเพิ่งกลับมาจากข้างนอกจึงไม่รู้เื่นี้ เป็หม่อมฉันที่ไม่ได้ไปรายงาน เป็ความผิดของหม่อมฉันทั้งหมด”
เมื่อมีมู่หรงหว่านหรูที่กำลังหาทางลง อี้ไท่เฟยก็ไม่อายอีกต่อไป รีบพูดว่า “กลับมาแล้วงั้นหรือ? ทำไมไม่บอกให้เร็วกว่านี้ล่ะ? เื่ขององค์หญิงฉางผิงเป็เื่เร่งด่วน หากเกิดอะไรขึ้นมาจะทำอย่างไร?”
“เป็ลูกที่ประมาทเลินเล่อเอง” มู่หรงหว่านหรูก้มหน้าลงด้วยความรู้สึกผิดบนใบหน้า
อี้ไท่เฟยไม่แม้แต่จะเปิดโอกาสให้ฮองเฮาและองค์หญิงฉางผิงได้คุยกัน นางรีบพูดว่า “ฮองเฮา ฉางผิง โปรดนั่งรอสักครู่ ข้าจะไปหานางด้วยตัวเอง”
องค์หญิงฉางผิงไม่เต็มใจมากนัก ทว่าฮองเฮากลับขยิบตาให้นางแล้วสั่งให้ปิดปาก “เช่นนั้นก็รบกวนไท่เฟยด้วย”
อี้ไท่เฟยหันหน้ามาและยิ้มอย่างมีมารยาท แต่หลังจากที่นางและมู่หรงหว่านหรูเดินออกไป ใบหน้าก็ราวกับแช่น้ำมาอย่างไรอย่างนั้น ทั้งน่าเกลียดและน่ากลัว!
หากเมื่อครู่ไม่ใช่เพราะมีมู่หรงหว่านหรูอยู่ นางคงไม่สามารถหาทางลงได้ และไม่รู้ว่าจะต้องเสียหน้าขนาดไหน
“สรุปแล้วมันเกิดอะไรขึ้น!” อี้ไท่เฟยที่เดินอย่างรีบร้อน พลางถามด้วยความโกรธเกรี้ยว
“หมู่เฟย เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่าพี่สะใภ้จะรู้เื่นี้ก็ไม่รู้เพคะ?” มู่หรงหว่านหรูกระซิบ ถ้าเป็ไปได้ นางอยากให้ฮองเฮาและองค์หญิงฉางผิงเข้าเฝ้าฮ่องเต้ด้วยซ้ำ ด้วยวิธีนี้ นางจะได้มีเวลาลงมือ
อย่างไรก็ตาม เช่นนี้เื่การตายของหานอวิ๋นซีจะกลายเป็ปัญหาใหญ่อย่างแน่นอน ถึงเวลานั้นคนที่จะมีปัญหามากที่สุดคือนาง
ในไม่ช้า พวกนางก็มาถึงห้องฟืน หานอวิ๋นซีกลั้นหายใจเฮือกสุดท้าย นางเหนื่อยอย่างมาก เปลือกตาหนักอึ้งจนเกือบจะหลุด แต่สุดท้ายนางก็ลืมตาไว้ จ้องมองไปที่ประตู
นางที่กำลังรอคอย ไม่เพียงแต่โอกาสที่นางจะมีชีวิตรอดเท่านั้น แต่ยังเพื่อโอกาสที่นางจะได้ต่อสู้กับมู่หรงหว่านหรูดอกบัวขาวนั่นอีกด้วย
เมื่อเห็นอี้ไท่เฟยและมู่หรงหว่านหรูปรากฏตัวที่ประตู รอยยิ้มก็ปรากฏบนริมฝีปากสีซีดของนาง จากนั้นก็หลับตาลงช้าๆ
เมื่อเห็นเช่นนี้ อี้ไท่เฟยและมู่หรงหว่านหรูต่างตกตะลึง!
“ทหาร! ทหาร! เรียกหมอ เร็วเข้า!” อี้ไท่เฟยร้องอุทาน เวลาสำคัญเช่นนี้ หานอวิ๋นซีจะเป็อะไรไปไม่ได้เด็ดขาด
มู่หรงหว่านหรูรู้สึกเสียใจมาก นางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องช่วยหานอวิ๋นซีอย่างรวดเร็ว จับจุดชีพจรของนาง แล้วเทน้ำอุ่นให้นางด้วยตัวเอง
ในไม่ช้า หมอหลวงหลี่ หมอหลวงของจวนฉินอ๋องก็รีบมา เมื่อเห็นเช่นนี้ ก็จับชีพจรอีกครั้งและรู้ว่านางหิวและหมดแรงไป เขารีบหยิบยาออกมาและขอให้มู่หรงหว่านหรูป้อนให้หานอวิ๋นซี จากนั้นจึงกดจุดฝังเข็มหลายจุดบนมือของนาง…
หลังจากการช่วยเหลือ ในที่สุดนางก็ฟื้นขึ้นมา
อี้ไท่เฟยถอนหายใจด้วยความโล่งอก นางกำลังจะลงโทษหานอวิ๋นซี แต่ใครจะไปรู้ว่าจะลงเอยด้วยการช่วยเหลือฉุกเฉิน และหัวใจของมู่หรงหว่านหรูก็รู้สึกอึดอัดอย่างมาก ไม่สามารถแสร้งทำเป็ห่วงใยได้ ทำได้แค่เพียงนิ่งเงียบ
ใบหน้าของหานอวิ๋นซีเต็มไปด้วยความมึนงง ทว่าในดวงตากลับซ่อนประกายไว้ อันที่จริงนางไม่ได้เป็ลมหรอก ตอนที่พวกเขารีบเข้ามาช่วยนาง นางก็กำลัง “มอง” ด้วยสายตาเ็าเช่นกัน!
เมื่อเห็นว่านางฟื้นแล้ว หมอหลวงหลี่ก็รีบขอให้มู่หรงหว่านหรูป้อนน้ำหวานให้หานอวิ๋นซีอีกครั้ง หลังจากคอยดูแลอย่างระมัดระวังมาระยะหนึ่ง สุดท้ายหานอวิ๋นซีก็มีแรงกลับคืนมาเล็กน้อย
หัวใจของอี้ไท่เฟยที่แขวนอยู่ก็กลับมาเป็ดังเดิม จากนั้นนางจึงถามว่า “หานอวิ๋นซี ฉางผิง้าอะไรจากเ้า?”
หานอวิ๋นซีส่ายหัว ท่าทางราวกับไม่มีแรงที่จะพูด
อี้ไท่เฟยโกรธเคืองอย่างมาก ทว่าหากปล่อยความโกรธออกไปคงไม่ดี ดังนั้นนางจึงได้แต่อดทนไว้ “ถ้าอย่างนั้น ตอนนี้เ้าออกไปพบนางได้หรือไม่?”
หานอวิ๋นซีไร้เรี่ยวแรงจนนางไม่แม้แต่จะส่ายหัวได้ สายตาก็เบนไปมองที่หมอหลวงหลี่
หมอหลวงหลี่ที่ลำบากใจเล็กน้อย “ไท่เฟย หากไม่ใช่...ไม่ใช่เื่เร่งด่วนละก็ ควรปล่อยให้หวังเฟยพักผ่อนและต้มโจ๊กลูกเดือยให้ก่อนจะดีกว่า”
“เื่ด่วน!” อี้ไท่เฟยะโ “เ้าจะใช้วิธีใดก็ได้ รีบทำให้นางลุกขึ้นเดี๋ยวนี้!”
“ไท่เฟย เอ่อ...เอ่อ ความสามารถของข้าทำได้เพียงเท่านี้!” หมอหลวงหลี่ใกลัว
“หมู่เฟย เช่นนั้นให้ข้าพาพี่สะใภ้ไปนอนในห้องข้าก่อนจะดีกว่าหรือไม่ แล้วบอกฮองเฮาว่าพี่สะใภ้ไม่สบาย ให้พวกเขามาหาข้า” มู่หรงหว่านหรูออกความคิด
อี้ไท่เฟยเองก็ทำได้เพียงแค่ตอบตกลง “รีบพาไปเถอะ เร็วเข้า อย่าให้ถูกจับผิดได้!”
อี้ไท่เฟยที่กำลังจะหันกลับไป ก็หันมองหานอวิ๋นซีด้วยสายตาเตือนอีกครั้ง และรีบเดินออกไป
“พี่สะใภ้ หลายวันนี้ทำให้ท่านทุกข์ทรมานแล้วล่ะ ไปที่ห้องข้ากันเถอะ”
แวบหนึ่งของการคิดแผนร้ายฉายวาบในดวงตาของมู่หรงหว่านหรู แล้วเปลี่ยนให้คนรับใช้พาหานอวิ๋นซีออกไป
มู่หรงหว่านหรูอาศัยอยู่ที่หลานเยวี่ยน ซึ่งเป็ลานเล็กๆ ที่อยู่ไม่ไกลจากลานดอกโบตั๋นของอี้ไท่เฟย มู่หรงหว่านหรูไม่ได้พาหานอวิ๋นซีไปที่ห้องนอนของนาง และได้จัดเตรียมห้องเปล่าๆ ไว้ห้องหนึ่ง
หานอวิ๋นซีถูกวางลงบนเตียง เมื่อผ้าม่านกำลังจะถูกปิดลง ฮองเฮาและองค์หญิงฉางผิงก็มาถึง
หานอวิ๋นซี้ายืนขึ้นและทำความเคารพ ฮองเฮาก็รีบปรี่เข้ามาห้ามนางไว้ นางนั่งลงบนเตียงและจับมือของหานอวิ๋นซี “ไม่ต้อง ไม่ต้อง แค่ลมหนาวเบาๆ ก็ทำให้ป่วยเช่นนี้ได้ ข้าว่าร่างกายเ้าควรพักผ่อนให้มากสักหน่อยแล้วล่ะ!”
“ขอบพระทัย...ฮองเฮาที่เป็ห่วง” หานอวิ๋นซีตอบอย่างอ่อนแรง
องค์หญิงฉางผิงยืนอยู่ข้างๆ อดไม่ได้ที่จะเรียกเสด็จอาหญิง ทว่ากลับพูดด้วยน้ำเสียงออกคำสั่ง “เสด็จอาหญิง ขะ...ข้ามีเื่ด่วน ท่านต้องรีบเข้าวังไปกับข้า”
หานอวิ๋นซีที่เหลือบมองไปและเห็นอี้ไท่เฟยยืนอยู่ข้างๆ ด้วยใบหน้ามืดมนและคับข้องใจอย่างมาก
นางเองก็ไม่รู้ว่าทำไมอี้ไท่เฟยถึงโกรธแม่ลูกคู่นี้ขนาดนั้น แต่นางรู้ว่าโอกาสที่นางจะสร้างความประทับใจให้ไท่เฟยได้มาถึงแล้ว
ฉินอ๋องผู้เ็าท่านนั้น อย่างไรก็เป็เพราะตอบแทนบุญคุณเท่านั้น ไม่สามารถดูแลนางได้ตลอดเวลา หากถึงวาระที่จะต้องออกจากจวนหลังนี้ นางก็ควรพยายามให้หนักขึ้นเพื่อจะได้เป็ที่ยอมรับจากนายหญิงที่มีอำนาจเหนือกว่า
และในเวลานี้ ก็ถือเป็โอกาสอันดี!
หานอวิ๋นซีไม่ตอบองค์หญิงฉางผิง แต่มองอี้ไท่เฟยอย่างเชื่อฟัง และมันก็หมายความว่า อี้ไท่เฟยมีหน้าที่ตัดสินใจในเื่นี้
ขณะเดียวกัน องค์หญิงฉางผิงเริ่มรู้สึกคันอีกครั้ง นางกระวนกระวายและไม่ได้สนใจอะไรมากนัก จึงรีบอ้อนวอนว่า “อี้ไท่เฟย ท่านตอบตกลงเถอะ ให้เสด็จอาหญิงเข้าวังไปกับข้า ข้าสัญญาว่านางจะปลอดภัยอย่างแน่นอน เสร็จแล้วจะส่งกลับมาหาท่านทันที”
โดยปกติแล้ว ฮองเฮาจะไม่ปล่อยให้องค์หญิงฉางผิงอ้อนวอนอี้ไท่เฟยเสียเท่าไร แต่เมื่อเห็นท่าทางกังวลขององค์หญิงฉางผิงแล้ว นางก็รู้ว่าอาการคันของบุตรสาวคงกำเริบขึ้นอีกครั้ง
ด้วยความจนปัญญา ฮองเฮาเองก็ทำได้เพียงเกลี้ยกล่อม “อี้ไท่เฟย ปล่อยให้เป็เื่ของเด็กๆ เถอะ”
เดิมทีอี้ไท่เฟยคิดว่าหานอวิ๋นซีจะใช้โอกาสนี้ทำตัวอวดดี แต่ใครจะรู้ว่าลูกสะใภ้ตัวน้อยคนนี้จะเห็นแก่หน้าตาของนาง และขอให้นางเป็คนตัดสินใจ
ทันใดนั้น อี้ไท่เฟยก็ไม่ได้รู้สึกคับข้องใจมากนัก กลับรู้สึกว่าฮองเฮาและองค์หญิงฉางผิงมาที่นี่เพื่ออ้อนวอนนาง
นางมองไปที่หานอวิ๋นซี หัวใจเองก็สั่นสะท้านแล้วคว้าโอกาสนี้ไว้ นางไม่มีทางปล่อยให้ฮองเฮากับองค์หญิงฉางผิงพาหานอวิ๋นซีออกไปง่ายๆ
“อวิ๋นซี อะแฮ่ม...เ้าว่าร่างกายของเ้าป่วยมากเช่นนี้ หากมีลมพัดอีกระหว่างทางไปวังอาการก็จะยิ่งแย่ลง เช่นนั้นข้าจะอธิบายกับฉินอ๋องอย่างไรล่ะ เขาจะไม่โทษข้าที่เป็ถึงแม่สามีแต่ดูแลเ้าไม่ดีหรอกหรือ”
นี่...อี้ไท่เฟยเป็ห่วงลูกสะใภ้ั้แ่เมื่อไรกัน
สีหน้าของฮองเฮาเปลี่ยนเป็มืดมนเมื่อได้ยินเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าอี้ไท่เฟยฉวยโอกาสรังแกผู้อื่น!
คนฉลาดอย่างหานอวิ๋นซี รับรู้ได้ว่าอี้ไท่เฟยกำลังคิดอะไรอยู่ นางจึงรีบพูดว่า “มู่เฟยพูดตลกแล้ว นิสัยของฉินอ๋องข้ารู้ดี เขาเชื่อฟังท่านและฮ่องเต้ เขาเคารพท่านขนาดนี้ จะไปกล้าโทษท่านได้อย่างไรกัน? ความห่วงใยของมู่เฟย ข้าจะจดจำไว้เสมอ”
จุ๊จุ๊ ฟังจากคำพูดของหานอวิ๋นซีนั้นทรงพลังกว่าไม่น้อย นี่กำลังเปรียบเทียบอี้ไท่เฟยกับฮ่องเต้ต่อหน้าฮองเฮา มันไม่เพียงแต่เป็การดูิ่ฮ่องเต้ แต่เป็การยกยออี้ไท่เฟยด้วย
หานอวิ๋นซีไม่รู้จริงๆ ว่าเมื่อครู่ฮองเฮาเองก็ยกฮ่องเต้มาขู่อี้ไท่เฟยเช่นกัน แต่ต้องบอกว่าคำพูดของนางนั้นัักับหัวใจของอี้ไท่เฟยมากกว่า ดีกว่าประโยคประจบประแจงปกติของมู่หรงหว่านหรูเสียด้วยซ้ำ
มู่หรงหว่านหรูที่อยู่ข้างๆ ก็รู้สึกกระวนกระวายใจเมื่อได้ยิน หานอวิ๋นซีนางคิดจะทำอะไร?
ฮองเฮาเม้มปากแน่นด้วยความโกรธ จะพูดก็พูดไม่ออก องค์หญิงฉางผิงไม่มีเวลาที่จะฟังการตบตีกันที่นี่ ความคันบนใบหน้าทำให้นางทนไม่ไหวอีกต่อไป
“อี้ไท่เฟย หากอาการของนางแย่ลง ข้าจะรับผิดชอบเอง! ขอเพียงให้นางไปวังกับข้าก็พอ!” องค์หญิงฉางผิงพูดอย่างร้อนรน
อย่างไรก็ตาม อี้ไท่เฟยกลับทำตัวอืดอาด มองไปที่หานอวิ๋นซี แล้วถอนหายใจเบาๆ “เฮ้อ...เช่นนั้น...”
“เสด็จแม่!” องค์หญิงฉางผิงร้องไห้ออกมา คว้ามือของฮองเฮาไว้ “เสด็จแม่ ท่านช่วยข้าพูดหน่อยสิ เร็วเข้า!”
อกของฮองเฮาแทบจะะเิออก แต่นางก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพูดว่า “อี้ไท่เฟย ฉางผิงมีเื่ด่วนจริงๆ เราได้เตรียมรถม้าไว้ข้างนอกแล้ว ข้าสัญญาว่าจะไม่ทำให้อาการของอวิ๋นซีแย่ลง หมอหลวงกู้เองก็อยู่ที่นั่นเช่นกัน ข้าจะสั่งให้หมอหลวงกู้คอยดูอวิ๋นซี เ้าให้อวิ๋นซีไปกับเราเถอะ”
ต้องยอมรับว่าอี้ไท่เฟยไม่ใช่คนดีจริงๆ แม้แต่ฮองเฮาทำเช่นนี้ นางยังคงมีท่าทางลังเล
ในที่สุด องค์หญิงฉางผิงก็ร้องเสียงดังว่า “อี้ไท่เฟย ข้าขอร้องท่านล่ะ! ขอร้องท่าน ได้โปรด!”
ดีจริงๆ นี่คือคำว่า “ขอร้อง” ที่อี้ไท่เฟย้า นางจึงพยักหน้า “อวิ๋นซี เ้าไปวังกับฮองเฮาเถอะ”
“เพคะ” หานอวิ๋นซีพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
ฮองเฮารีบส่งคนมาอุ้มหานอวิ๋นซีทันทีและให้นางนั่งอยู่นอกเกี้ยว ก่อนที่จะขึ้นไปบนเกี้ยวอี้ไท่เฟยก็ขยิบตาให้หานอวิ๋นซี แต่น่าเสียดายที่หานอวิ๋นซีแสร้งทำเป็ไม่เห็น
นางคาบโสมฝานที่อี้ไท่เฟยมอบให้ไว้ในปาก พลางคิดในใจว่า อี้ไท่เฟย มู่หรงหว่านหรู พวกเ้ารอข้ากลับมาก่อนเถอะ!