มีแขกมากมายที่มียืนชมพิธีอยู่หน้าประตู พวกเขามิได้พูดกระไร แต่สายตาจับจ้องไปที่ห้องโถงใหญ่ตลอดเวลา
การต่อสู้ระหว่างบ้านหลักกับบ้านน้อยของแทบทุกตระกูลนั้นปั่นป่วน แม้จะดูผิดศีลธรรมไปหน่อย ทว่าพวกเขากลับชอบดูเื่สนุกเช่นนี้กันมาก โดยเฉพาะเื่ขององค์ชายเจ็ดที่ถูกกล่าวขานกันว่าเป็คนชอบเอาใจพระชายา
เดิมทีคิดว่าบ้านหลักที่ไม่โดดเด่นผู้นั้น จะเป็ฝ่ายถูกข่มขู่ให้ลงจากตำแหน่ง แต่คิดไม่ถึงเลยว่านางเพียงแค่นั่งนิ่งเงียบๆ กลับตบหน้าสตรีมากความสามารถไปแล้วถึงสามฉาด
ฉาดแรกคือความใส่ใจที่หรงซิวมีให้นาง แม้ว่าจะมีสตรีคนใหม่อยู่ในอ้อมแขนของเขา ทว่าทันทีที่เห็นนาง เขาก็ไม่ลังเลที่จะเดินตรงเข้าไปหา
ฉาดที่สองคือ คำพูดที่เสียดสีนางลับหลัง มีข่าวลือว่าเดิมทีแล้วหรงซิวมิได้เต็มใจที่จะอภิเษกกับหว่านฉือ หากมิใช่รับสั่งของไทเฮา เขายังยืนกรานจะปฏิเสธ
ฉาดที่สามคืออวิ๋นอี้จงใจเน้นย้ำความแตกต่างระหว่างสถานะของทั้งสอง แม้ว่างานอภิเษกจะเอิกเกริกเพียงใด แต่สนมก็ยังเป็สนม มิมีทางที่จะได้รับการยอมรับอย่างโจ่งแจ้งจากคนในตระกูล
เก่งนี่!
ฉลาดหลักแหลม!
ไม่รู้ว่าผู้ใดพูดขึ้นมาว่าพระชายาเจ็ดเป็สตรีร้าย แเื่ต่างๆ ถึงได้คิดขึ้นได้ในทันใด ถึงเสียงร้องคำรามของสิงโตเหอตงเมื่อสองวันก่อนนั้น
ดูจากตอนนี้ เหมือนว่ามันจะเป็จริง!
พระชายาเจ็ดไม่ธรรมดาเลย!
ในขณะที่ทุกคนประหลาดใจพลางลูบเครานั่งดูสถานการณ์อย่างเพลิดเพลิน
เนื่องจากการต่อสู้ของพระชายาเจ็ดนั้นไม่เลวเลย พวกเขาจึงตั้งตารอว่าสตรีมากความสามารถจะตอบสนองอย่างไร
หว่านฉืออยากจะเหยียบอวิ๋นอี้ให้มิดเสียจริง ทว่านางเป็เพียงบ้านน้อยเล็กๆ แม้ว่าไทเฮาจะหนุนหลังนาง แต่นางจะประมาทมิได้ มิฉะนั้นนางอาจจะทำให้เสียงวิจารณ์โอนเอนไปทางอวิ๋นอี้ได้
มีมีดอยู่บนคำว่าทน [1] จะหนักหนาอย่างไรนางก็ต้องอดกลั้นไว้
นางชำนาญการแสร้งทำตัวไร้เดียงสาที่สุด ในเมื่ออวิ๋นอี้อยากจะเป็สตรีร้าย นางย่อมไม่รังเกียจที่จะช่วยสมทบ
หลังจากอวิ๋นอี้พูดจบ หว่านฉือพลันค่อยๆ ย่อตัวลงเคารพ ตอบอย่างอ่อนโยนว่า “คารวะท่านพี่เพคะ เป็น้องที่ควรจะยกน้ำชาเคารพเพคะ”
“เช่นนั้นมาเริ่มกันเลย” อวิ๋นอี้พ่นลมหายใจเบาๆ “ก่อนจะยกน้ำชา เซียงเหอ ออกมาพูดกฎหน่อยสิ”
เซียงเหอก้าวไปข้างหน้าอย่างสบายๆ กระแอมต่อหน้าทุกคน และกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า "ชาที่พระชายาโปรดที่สุดคือชาผู่เออร์เพคะ ชาผู่เออร์นี้ต้องเป็ชาที่เก็บเกี่ยวใหม่ในฤดูคิมหันต์ของทุกปี ต้นกำเนิดจะต้องมาจากเจียงหลิงบนที่ราบูเาเหลียงซาน ต้องใช้น้ำค้างในยามเช้าตรู่ของวันนั้นๆ ในยามที่พระชายาดื่มชาจะต้องใส่น้ำตาลเล็กน้อย ขจัดรสชม จะใส่น้ำตาลมากหรือน้อยไปมิได้ หากมากไปจะเลี่ยน น้อยไปจะขม หวังว่าพระชายารองจะทำได้ดีนะเพคะ”
ในใจของหว่านฉือมีคำด่าอยู่นับหมื่นคำ แต่เพราะไม่สมควร นางจึงยิ้มพลางพยักหน้า “น้องจำไว้แล้วเพคะ”
“ประเดี๋ยวสิคะพระชายารอง ข้ายังพูดไม่จบนะเพคะ!” เซียงเหอยิ้มอย่างสุภาพ และในขณะเดียวกันก็ไม่ลืมที่จะเตือนว่า “พระชายาของเราถูกฟูมฟักดูแลราวกับเป็มุกในมือมาั้แ่เล็ก นางจึงจุกจิกบ้างเป็ธรรมดา เช่นนั้นเื่เหล่านี้จึงค่อนข้างเข้มงวด หวังว่าพระชายารองจะทำความเข้าใจได้นะเพคะ”
ฝูงชนที่เฝ้าดูด้วยความกระตือรือร้นเงียบลง และแม้แต่หรงซิวก็มองดูอย่างชื่นชม
เดิมเขาคิดว่าสตรีตัวน้อยคงจะไม่ทำกระไร ทว่าเมื่อเห็นการแสดงของนางก็กลับรู้สึกว่านางจัดการได้อย่างเหมาะสมและน่าทึ่ง
หว่านฉือภายใต้ผ้าคลุมสีแดง โกรธจนร่างสั่น
ทุกคนล้วนฟังความหมายในคำพูดของนางออก นางเป็สตรีมากความสามารถ จะไม่รู้การข่มขู่ของนางได้อย่างไร!
เข้มงวดกระไรกัน เข้มงวดแค่กับนางล่ะสิมิว่า!
หว่านฉือพึมพำในใจ ในตอนที่เอ่ยปากพูดอีกครั้ง กลับยังคงรักษาท่าทางที่อ่อนโยนน่าเอ็นดูว่า “ท่านพี่มีสิ่งใดโปรดบอกได้เลยเพคะ น้องจะทำตามนั้น”
“เช่นนั้นข้าพูดต่อนะเพคะ ในเวลาที่จะชงชาให้พระชายา จะต้องล้างชุดชงชาหกรอบ พระชายาเป็คนรักความสะอาด นางทนเห็นมิได้แม้แต่เศษทรายเพียงเล็กน้อย ชาที่ชงออกมา จะต้องมีสีเหลืองสดใส รสชาติสดชื่นและกลมกล่อม ใบชาข้างในก็ควรจะมีรูปทรงที่สวยงามและมีสีสันของมันเอง” เซียงเหอพูดจบพลางปรบมือเบาๆ
เสียงปรบมือดังขึ้น สตรีรับใช้สองสามคนพลันเดินเข้าไปช้าๆ นำภาชนะที่บรรจุน้ำค้างมาวางด้านหน้า
เซียงเหอยิ้ม "พระชายารองเพคะ ของเตรียมพร้อมแล้ว เริ่มชงชาเถิดเพคะ!"
"ได้"
แม้จะมีข้อเรียกร้องมากมาย แต่หว่านฉือก็คิดว่าตนเองฉลาด นางเรียนการบริการมาั้แ่เด็ก การชงชาเป็วิชาบังคับ
อวิ๋นอี้ตั้งใจจะแกล้งนาง นางก็ไม่กลัว
ทุกการเคลื่อนไหวของนางช้าไม่น้อย ในเวลาเดียวกันนางก็ไม่ลืมที่จะคำนึงถึงข้อกำหนดที่กล่าวมา ชุดชงชาต้องล้างหกรอบ สะอาดจนไม่เห็นสิ่งสกปรกใดๆ วางใบชาอย่างระมัดระวัง เขย่าเบาๆ จนใบชาทั้งหมดอยู่ในสภาพธรรมชาติ คลี่ออก สีออกเหลือง โปร่งแสงสวยงามมาก
หว่านฉือพอใจมาก
นางระงับความไม่พอใจไว้ในใจ แสดงละครอย่างสมจริง แล้วกล่าวด้วยความเคารพว่า “ท่านพี่เพคะ ชาได้ชงเสร็จแล้วเพคะ เชิญดื่มชาเพคะ”
หว่านฉือยกจอกชาขึ้นสูง แขนทั้งสองเหยียดตรง สายตาของทุกคนจ้องอยู่ที่นาง นางรู้สึกได้จึงยืดหลังให้เหยียดตรง
ผ่านไปหลายนาทีแล้ว...
สิบห้านาทีผ่านไปแล้ว...
นอกจากความเงียบแล้ว บรรยากาศโดยรอบล้วนตึงไปหมด
ในขณะที่หว่านฉือสงสัยว่านางหลับอยู่หรือเปล่านั้น ขาที่อยู่ในแววสายตาก็ส่ายไปมาอย่างเกียจคร้าน
อวิ๋นอี้จีบปากสองคราแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า "น้องจ๊ะ สีของชาของเ้า พี่ไม่ค่อยชอบ รบกวนเ้าชงใหม่อีกรอบได้หรือไม่?"
เป็ผู้ใดก็ดูออกว่านี่เป็การจงใจกลั่นแกล้ง
ทว่าอวิ๋นอี้จะกลัวกระไรล่ะ ชื่อเสียงแย่ๆ ของนางแพร่กระจายออกไปแล้ว หว่านฉือคิดจะแย่งบุรุษของนาง ทั้งคิดจะอยู่ได้อย่างสบาย จะมีเื่ง่ายๆ เช่นนั้นได้อย่างไรกัน?
แม้ว่านางจะไม่กลั่นแกล้งนางในวันนี้ นางก็จะไม่รู้จักนาง คิดว่านางเป็ลูกพลับอ่อน [2]
จะทำเื่ที่เสียผลประโยชน์เช่นนั้นไปทำไม?
อวิ๋นอี้มิได้โง่ ด้านนอกลือกันว่านางเป็สตรีร้ายเ้าริษยา ต้องขอบคุณหว่านฉือเลยทีเดียว ในเมื่อในสายตานาง นางมีตัวตนเช่นนั้น เช่นนั้นนางก็จะเป็สตรีร้ายเ้าริษยานั่นแหละ
นางไม่อยากทำผิดต่อตนเองอีกต่อไป ไปเอาใจคนที่ไม่รู้จักความดีของนาง
พระชายาเอกรับสั่งออกไป ทุกคนล้วนฟังออกอย่างชัดเจน หว่านฉือจะทำกระไรได้อีก จะให้อาละวาดต่อหน้าผู้คนนั้นมิมีทาง นางต้องรักษาภาพพจน์ของตนเอง ทำได้เพียงกัดฟันกลืนลงท้องไป [3] นางยิ้ม แล้วพยักหน้าตอบรับ “ได้เพคะ ท่านพี่มิโปรด ข้าเพียงต้องชงใหม่ หากเพียงแต่ท่านพี่ต้องรอหน่อยนะเพคะ”
“มิเป็ไร ข้ารอได้”
“หากว่าจะรบกวนเวลาฤกษ์...”
"ยังมีเวลาอีกเยอะ" อวิ๋นอี้ยิ้มเบาๆ “ข้าบอกให้องค์ชายไปรับเ้ามาเร็วๆ น่ะ”
เวลาที่เหลือเยอะเช่นนี้ ก็เพื่อจะมาข่มขู่ข้าใช่หรือไม่!
หว่านฉือรู้ว่าไม่ว่าอย่างไร วันนี้ต้องผ่านด่านนี้ไปให้ได้ นางจึงตั้งใจทำ ชงชาใหม่หลายรอบ จนถึงรอบที่หก อวิ๋นอี้ถึงได้พอใจ
“น้องสาวฝีมือดีจริงๆ อารมณ์ก็ดี” นางชมเชยอย่างมิมีเหตุผล เมื่อเห็นแขนที่ยกขึ้นของหว่านฉือสั่นเล็กน้อย ก็หัวเราะแล้วรับจากมือนางมาจิบเบาๆ แล้ววางชาลงในถ้วย สิ่งที่นางพูดเสแสร้งและสุภาพมากขึ้น "ชงชาได้ไม่เลวเลย หากน้องมีเวลาว่าง ต่อไปรบกวนชงให้พวกเราดื่มด้วยนะ”
ชงให้หรงซิวดื่มนั้นเป็เื่ที่สมควรทำโดยธรรมชาติ แต่ชงชาให้พระชายาที่ไม่เอาไหนอย่างนางนี่ คิดว่านางเป็คนใช้หรืออย่างไร!
หว่านฉือกำมือแน่นมากจนเล็บฝังอยู่ในเนื้อ นางพยายามอดทน ดีที่จะถูกส่งตัวเข้าห้องในไม่ช้าแล้ว
นางระงับความโกรธไว้นาน ทำให้ทนไม่ไหวชั่วขณะหนึ่ง
หลังจากที่เหลียนเหอปิดประตู นางพลันกัดฟัน คว้าผ้าคลุมทิ้งลงพื้นอย่างโกรธจัด ทำให้ส่งเสียงดัง
“คุณหนู!" เหลียนเหอใ "เป็กระไรไปเ้าคะ?”
“เ้าเรียกข้าว่าอย่างไรนะ?” หว่านฉือเดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว ยกมือขึ้นตบหน้านาง มีรอยมือสีแดงปรากฏบนใบหน้าของนางในทันใด เหลียนเหอตะลึงงัน จากนั้นจึงได้พูดขึ้น "พระชายา...พระชายาเพคะ..."
"ต่อไปเรียกข้าได้เพียงพระชายาเท่านั้น!" สตรีสาวที่โกรธจัดเตือนนางอย่างดุดัน "เ้าก็ดูถูกข้าด้วยอีกคนหรือ! คิดว่าข้าเป็ตัวตลก จะรังแกข้าอีกหรือ!"
เหลียนเหอถูกเข้าใจผิด ก็คุกเข่าลงด้วยความใ รีบปฏิเสธซ้ำๆ "พระชายา! มิใช่นะเพคะ! ข้าน้อยมิกล้าเพคะ!"
หว่านฉือเตะนางออก เห็นนางขดตัวกลม ตัวสั่นอยู่บนพื้น ถึงสบายใจได้เล็กน้อย
นางสูดหายใจเข้าลึกๆ ค่อยๆ นั่งเอนหลังลงบนเตียง ครุ่นคิดอย่างใจเย็น อวิ๋นอี้ เดี๋ยวก่อนเถิด ความอัปยศที่ข้าได้รับในวันนี้ วันหนึ่งข้าจะคืนให้เ้าเป็สองเท่า!
เชิงอรรถ
[1] มีมีดอยู่บนคำว่าทน พูดถึง อักษรจีนที่แปลว่าทน 忍 มีส่วนประกอบจากอักษรจีนที่แปลว่ามีดอยู่้า (刀)ความหมายคือ จะทำการใหญ่ ใจต้องนิ่ง ต้องรู้จักอดทน
[2] ลูกพลับอ่อน 软柿子 หมายถึง คนอ่อนแอ คนที่ถูกรังแกได้ง่าย
[3] กัดฟันกลืนลงท้องไป 打碎牙齿往肚子里面咽 หมายถึง ได้รับความคับข้องใจแต่ก็ไม่สามารถพูดออกไปได้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้