ตอนที่ 22
วันรุ่งขึ้นสถานการณ์ก็ยังคงดูตึงๆ อยู่บ้าง หลังจากที่เมื่อคืนนี้คุยเื่ห่างกันดู ปัณณวีร์ก็ถูกศิลาโกรธเข้าให้ ศิลาก็กลับไปนอนที่ห้องของตัวเองและบอกให้ปัณณวีร์คิดทบทวนดูอีกทีว่าที่พูดออกมานั้นไตร่ตรองดีแล้วใช่หรือไม่ หรือพูดออกมาเพราะถูกกนกพูดใส่
เช้านี้ปัณณวีร์เลยตื่นแต่เช้ามืด ออกไปตลาดเพื่อซื้อของมาทำซุปกระดูกหมูใส่ฟักเขียว เพราะต้องตุ๋นหมูเองให้เปื่อยและทำไข่ตุ๋น ต้องทำให้ทันก่อนที่ศิลาจะออกไปกองถ่าย พออาหารเสร็จปัณณวีร์ก็เข้าไปอาบน้ำเพราะตัวมีกลิ่นเหงื่อก่อนจะนำของที่ทำขึ้นไปให้ศิลาที่ห้อง
พอเปิดประตูห้องเข้ามาก็เจอเข้ากับเ้าของห้องที่ออกมาจากห้องนอนเช่นเดียวกัน ศิลาเตรียมตัวจะออกไปกองถ่ายแล้ว รอแค่ดารินมารับ เมื่อเห็นปัณณวีร์จึงทำเป็เมินใส่ ไม่สนใจเดินไปเปิดตู้เย็นหาอะไรรองท้อง
“พี่ทำอาหารเช้ามาให้ ทานก่อนไปทำงานสิ” ปัณณวีร์พูดขึ้น เอาหม้อต้มซุปเล็กๆ ที่ใส่มาไปวางไว้ที่เคาน์เตอร์ ศิลาเหลือบมองเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถามถึงเื่เมื่อคืน
“เมื่อคืนที่พี่พูดออกมา พี่คิดว่ายังไง” ปัณณวีร์เม้มปากเป็เส้นตรงก่อนจะตอบออกไป
“พี่ไม่ได้พูดเพราะถูกแม่ศิว่ามาหรืออะไร แค่อยากให้ลองพิสูจน์กันจริงๆ”
“ผมไม่เข้าใจ ทำไมต้องพิสูจน์อะไรแบบนี้ด้วย”
“แต่ตอนนี้ไม่ต้องแล้ว พี่ไม่ได้อยากให้พิสูจน์แล้ว ... พี่ขอโทษ” ปัณณวีร์เดินเข้าไปจับแขนของศิลาเอาไว้ ส่งสายตาออดอ้อนเป็การขอโทษในสิ่งที่พูดไปเมื่อคืนทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจ
“ถ้าเกิดว่าแม่พูดอะไรกับพี่อีก พี่ไม่ต้องไปฟังสิ พี่ก็รู้ว่าแม่้าให้เราเลิกกัน” ศิลาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลง เขาโกรธอีกฝ่ายได้ไม่นานจริงๆ
“เข้าใจแล้ว พี่เข้าใจแล้ว” ปัณณวีร์ยิ้มออกมาได้ก่อนจะพาศิลาไปนั่งแล้วตักน้ำซุปที่ทำมาให้ พร้อมทั้งไข่ตุ๋นปูอัด
หลังทานเสร็จดารินก็มาถึงพอดี ศิลาออกไปกอง ปัณณวีร์ตอนนี้ค่อนข้างว่างจึงอยู่ที่ห้องของคนน้องเพื่อทำความสะอาดและจัดห้องให้แม้ว่าห้องศิลาจะเป็ระเบียบอยู่แล้วก็ตามหากเทียบกับห้องของปัณณวีร์ ห้องนั้นควรที่จะได้รับการทำความสะอาดมากกว่า
[คุณกนก ผมเห็นแชทที่คุณคุยกับนับดาวแล้ว และผมก็ไม่โอเค!]
“คุณพิษณุ” กนกหน้าถอดสีเมื่ออยู่ๆ พิษณุก็โทรหาเธอ
[คุณจะให้นับดาวลองเข้าหาศิลา เข้าไปคุยกับศิลาเพราะคิดว่ายังไงลูกคุณจะชอบลูกผม แต่ผมไม่ให้! ลูกสาวผมมีค่ามากกว่าที่ต้องไปทำแบบนั้น ถ้าเกิดว่าศิลาไม่สนใจนับดาวล่ะ สุดท้ายแล้วคนที่เสียใจไม่ใช่ลูกสาวผมหรอ] เสียงปลายสายบ่งบอกถึงความโกรธและไม่พอใจอย่างมาก
“ใจเย็นๆ ก่อนนะคะคุณพิษณุ คือฉันแค่อยากให้เด็กๆ ได้ลองคุยกันเท่านั้น หากหนูดาวไม่สนใจฉันก็ไม่ได้บังคับแกนะคะ แค่ลองแนะนำดูเท่านั้นเองค่ะ” ยังไงเธอก็ยังคงอยากให้นับดาวเข้ามาทำลายความสัมพันธ์ของทั้งสองเพราะศิลากับนับดาวมีแฟนคลับที่จิ้นอยู่แล้ว สร้างข่าวสร้างกระแสได้ง่าย
[ไม่ครับ ยังไงผมก็ไม่ให้ลูกสาวผมเข้าไปยุ่งแล้ว ครั้งก่อนก็ทีหนึ่งแล้ว ลูกใคร ใครก็รัก นับดาวเป็ลูกสาวคนเดียวของผม ผมไม่้าให้เข้ามาวิ่งตามผู้ชายที่ไม่ได้ชอบเขาแบบนี้ และไม่อยากให้มาเสียใจ ขอร้องเลยนะครับอย่าดึงลูกสาวผมเข้าไปหาลูกชายคุณอีก]
“คุณพิษณุ...” ไม่ทันที่กนกจะได้พูดอะไรต่ออีกฝั่งก็กดวางสายไปแล้ว กนกถอนหายใจออกมาอย่างเซ็งๆ เธอคุยกับนับดาวเอาไว้เพื่อจะให้แทรกกลางความสัมพันธ์ของปัณณวีร์และศิลาแต่ดันถูกพ่อของนับดาวโทรมาต่อว่า รู้สึกเหมือนทุกอย่างจะไม่เป็ไปตามที่เธอ้าเอาซะเลย
“คุณกนกคะ” เลขาส่วนตัวของเธอพูดพร้อมเคาะประตูพอดี
“มีอะไร?” เธอวางมือถือไว้แล้วนั่งกอดอกแทน
“บริษัทบุญบวรรับละครของปัณณวีร์แล้วค่ะ”
“อะไรนะ!?” กนกรู้สึกหายใจติดขัดไปชั่วขณะ ไม่คิดว่ามาวินจะสามารถทำให้คณะกรรมการยอมรับละครเื่นี้ได้ หรือจริงๆ ที่ยอมรับไม่ใช่เพราะตัวละครแต่เป็เพราะ้าซื้อตัวและซื้อใจของปัณณวีร์ในระยะยาว แต่ถึงอย่างนั้นกนกก็ไม่สนใจ เธอเห็นเพียงช่องทางเล็กๆ ที่จะทำให้ศิลากับปัณณวีร์มีปัญหากัน
“บ่ายนี้ปัณณวีร์จะเข้าไปที่บริษัทค่ะ” หากจะถามว่าทำไมเธอถึงได้รู้เื่ราวของบริษัทคู่แข่ง แน่นอนว่าภายในบริษัทย่อมมีคนที่ยอมขายข่าวเพื่อแลกเงินอยู่ ไม่ว่าจะที่ไหนก็ตาม
“ถ่ายรูป ให้คนตามถ่ายรูปสองคนนี้ ถ่ายมุมไหนก็ได้ให้ดูกำกวม ดูล่อแหลมเข้าไว้” กนกเอ่ยปากสั่ง
“ได้ค่ะ”
ผ่านมาสองสามวันกนกที่เหมือนจะปล่อยให้ศิลากับปัณณวีร์อยู่ด้วยกันอย่างสบายใจก็ได้เริ่มทำบางสิ่งบางอย่างขึ้นมาอีก เธอส่งรูปของปัณณวีร์และมาวินซึ่งนั่งพูดคุยกันเื่ของบทละคร แต่มุมที่ถ่ายมานั้นเหมือนใบหน้าอยู่ใกล้กันเพียงนิดเดียว ทั้งที่ความจริงแล้วห่างกันเป็ไม้บรรทัด
คุณแม่ : สุดท้ายก็ไป ที่พึ่งอื่นให้เยอะกว่าด้วยละสิ ทำยังไงนะทางนั้นถึงได้ยอมรับเอาไว้ ดูแล้วทั้งสองเหมือนจะสนิทสนมกันมาก ลูกดูสิ
ศิลาอ่านข้อความที่ถูกส่งมาจากกนกก็หันมองปัณณวีร์ที่นั่งอ่านบทละครอยู่เพราะมีการปรับเปลี่ยนอีกเล็กน้อย ปัณณวีร์ได้งานเขาเองก็ดีใจด้วย แต่พอเห็นรูปและเห็นว่าเป็มาวินก็เริ่มจะไม่ดีใจเท่าไหร่แล้ว หากว่าต้องร่วมงานกับมาวิน
รูปที่กนกส่งมานั้น กนกอาจจะ้าให้ศิลาสนใจใบหน้าที่อยู่ใกล้กัน แต่ศิลาไม่ได้จะดูไม่ออกว่ามันเป็มุมกล้อง เพราะเขารู้ดี แต่ที่เขาโฟกัสเห็นคือสายตา สายตาที่มาวินมองปัณณวีร์นั่นต่างหาก....
"พี่วีร์ ละครเื่นี้ต้องเริ่มใหม่หมดเลยหรอ" ศิลาไม่ได้ตอบข้อความของผู้เป็แม่ เลือกที่จะเก็บมือถือไว้แล้วมานั่งข้างๆ ปัณณวีร์
"ใช่ เปลี่ยนนักแสดงใหม่หมดแล้วก็ปรับบทหน่อย ให้มันดูน่าสนใจมากขึ้น" ปัณณวีร์ตอบโดยไม่ละสายตาจากจอไอแพด มักเป็แบบนี้เสมอเวลาที่เขาตั้งใจทำงาน
"แล้วกับบริษัทใหม่โอเครึเปล่า" คนถูกถามค่อยๆ ละสายตาแล้วเบนมาทางศิลาแทน ศิลาไม่ได้อยากจะถามถึงบริษัทแต่อยากจะถามถึงคนเลยมากกว่า แต่ปัณณวีร์นึกว่าอีกฝ่ายกำลังให้เขาได้ลองเปรียบเทียบกันระหว่างสองบริษัท
"ก็ดีนะ คุยง่ายดี" ปัณณวีร์ได้เรียนรู้มาว่าแรกๆ อะไรก็จะง่ายไปหมดนั่นแหละ เหมือนกับที่เจทีเอ็นก็เหมือนกัน
"ศิ พี่ถามอะไรหน่อยสิ"
"ครับ" ศิลาพยักหน้ารับ
"รักพี่ไหม" ศิลาขมวดคิ้วเล็กน้อยเพราะมันเป็คำถามที่ไม่ต้องถามก็รู้คำตอบอยู่แล้ว
"รักสิ ทำไมถามแบบนี้ล่ะ"
ปัณณวีร์ยิ้มบางๆ "ไม่รู้สิ แค่อยากจะถามดูน่ะ"
ศิลาเขยิบเข้าไปใกล้แล้วตระกองกอดปัณณวีร์ไว้ คนถูกกอดก็ย้ายตัวเองจากโซฟามานั่งบนตักคนน้องแทนพร้อมใช้สองแขนคล้องคออีกฝ่าย
"ผมรักพี่ รักมากด้วย"
"พี่ก็รักศิเหมือนกัน อยากให้ศิรู้ไว้นะ" มือข้างหนึ่งยกมาลูบแก้มเนียนอย่างแ่เบา พอมองหน้าศิลาแล้วก็ทำให้รู้สึกสั่นไหวในใจขึ้นมา
"รู้สิ รู้อยู่แล้วและผมเข้าใจพี่เสมอ ทุกการตัดสินใจ"
"อื้ม" ปัณณวีร์โน้มใบหน้าไปจูบอีกฝ่ายก่อน ริมฝีปากแนบชิดกันและขยับจูบตอบกันไปมาเบาๆ อย่างอ่อนโยนอยู่นานสองนานกว่าจะยอมผละออกจากกัน
"พี่วีร์บอกเย็นนี้ไม่ได้กลับมาทานข้าวด้วยแล้ว มีประชุมทีมต่อ" ศิลาบอกกับผู้จัดการส่วนตัวระหว่างนั่งรถกลับ
"แล้วจะไปไหน กลับคอนโดหรือกลับบ้านดี" พอพูดถึงบ้าน ั้แ่วันนั้นที่ทะเลาะกันกับปัณณวีร์ ศิลาก็ไม่ได้กลับไปนอนที่บ้านเลย
"กลับบ้านก็ดีครับ ผมอยากจะคุยกับแม่สักหน่อย" เื่ที่ปัณณวีร์พูดในวันนั้น จนถึงตอนนี้ศิลาก็ยังคงคิดอยู่ตลอด กลัวใจปัณณวีร์เหลือเกินว่าจะถูกกนกพูดใส่บ่อยๆแล้วเขวในสักวัน
"เื่ที่ศิเล่าให้พี่ฟัง พี่ก็พอจะเข้าใจวีร์นะว่าทำไมอยากจะลองดู เพราะถ้าทำแล้วมันก็จะได้จบๆ ไป คุณกนกก็จะไม่ต้องมาคาดหวังอีกว่าตัวเองยังจะได้อุ้มหลานจากศิ แต่มันไม่ใช่วิธีที่ดีเท่าไหร่นัก การห่างกันจะทำให้ความสัมพันธ์เราค่อยๆ ห่างกันไปด้วย แม้จะบอกว่ารัก และไม่มีคนอื่นเข้ามาแต่เราจะเริ่มรู้สึกชินกับการอยู่คนเดียวหากมันนานเกินไป ไม่ฝ่ายใดก็ฝ่ายหนึ่งที่จะเปลี่ยนไป ไม่มีใครกล้าการันตีหรอกว่าจะไม่เปลี่ยนไป กาลเวลาเปลี่ยนคนก็เปลี่ยน"
จริงอย่างที่ดารินว่า ศิลาจึงไม่อยากจะทำแบบนั้นเพราะระหว่างนั้นหากมีใครเข้ามาแทรกกลางระหว่างพวกเขามันก็ง่ายขึ้น
"พี่ดา บางทีผมก็เหนื่อยแล้ว"
"ศิ..." ดารินกลัวอยู่ไม่น้อย กลัวศิลาจะออกจากวงการ การที่เขาเข้ามาเพราะอยากอยู่ในสายตาของปัณณวีร์ แต่ตอนนี้ศิลารู้แล้วว่าตัวเองคิดผิดที่เดินเส้นทางนี้ เพราะมันทำให้ตัวเขาไม่ค่อยมีอิสระในการใช้ชีวิตเลย
"แต่มาถึงตรงนี้แล้ว ผมอยากทำมันให้สุด สุดความสามารถของผมและจนกว่าผมจะรู้สึกว่ามันไปต่อไม่ได้แล้ว พี่ไม่ต้องห่วง ไม่ใช่เร็วๆ นี้หรอก" ดารินเองก็เห็นใจศิลาเพราะรู้ว่ากว่าจะมาถึงวันนี้ได้ศิลาเองก็ต้องพิสูจน์ตัวไม่น้อยเลย เธอได้แต่ภาวนาในใจว่าขอให้โลกนี้ใจดีกับคนคนนี้หน่อย
"ผมขอบอกแม่ไว้เลยนะครับ ผมไม่ชอบใคร ไม่สนใจใครและไม่ห่างกับพี่วีร์"
"นี่ลูกกลับบ้านมาเพื่อจะมาคุยเื่นี้กับแม่หรอ!? ปัณณวีร์ไปบอกอะไรลูก" กนกดีใจที่ลูกชายกลับบ้านแต่ก็ดีใจได้ไม่เท่าไหร่ต้องรู้สึกโมโหขึ้นมาอีก เธอโมโหบ่อยมากตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา
"ผมกลับมาเพื่อคุยให้เข้าใจ ผมคิดว่าแม่จะเข้าใจแล้วนะครับ แต่ไม่เลยแม่ไม่เคยเข้าใจเลย การที่ผมชอบผู้ชายมันผิดมากหรอครับ หรือว่ามันน่ารังเกียจมาเลยหรือไง"
"มันไม่ได้น่ารังเกียจ มันไม่ได้ผิดเพียงแต่แม่คิดว่าลูกต่างหากที่กำลังคิดผิด" กนกเดินเข้าไปหาแล้วค่อยๆ วางมือกับแขนศิลาเหมือนพยายามจะเกลี้ยกล่อมให้อีกฝ่ายเชื่อฟัง
"ศิไม่เคยคบผู้หญิง รู้ได้ยังไงว่าไม่ชอบผู้หญิง ที่ตอนนี้ไม่ชอบไม่สนใจเพราะศิรู้ว่าตัวศิมีแฟนไง ลองห่างกันดะ..."
"ไม่ครับ!!" ศิลาพูดเสียงดัง สายตาแข็งกร้าวอย่างต่อต้าน กนกเองยังไม่เคยเจอศิลาในโหมดนี้เลยเพราะเ้าตัวมักจะเก็บอารมณ์เก่ง
"ศิ ใจเย็นๆ" อาธิปพูดขึ้นมา ไม่อยากให้ทะเลาะกันรุนแรง
"พ่อครับ ผมใจเย็นกับเื่นี้มามากแล้วนะครับ พี่วีร์เป็เหมือนครึ่งชีวิตของผม เขาเข้ามาทำให้ผมรู้สึกว่าโลกนี้มันไม่น่าเบื่อ แต่แม่กำลังจะทำให้เขาจากผมไป รู้ไหมครับว่าผมรู้สึกเสียใจแค่ไหนที่ได้ยินพี่วีร์พูดว่าห่างกัน ห่างกันสำหรับผมก็ไม่ต่างจากเลิกกันหรอกครับ และผมก็ไม่ยอมห่างด้วย" ศิลาพูดจนหอบหายใจเล็กน้อย เพราะทั้งพูดเร็วและใส่อารมณ์
"แล้วถ้าแม่ให้ศิลาเลือกระหว่างแม่กับปัณณวีร์ล่ะ!! ลูกจะเลือกใคร!?" กนกพูดออกไปแต่ก็มาคิดตามได้ภายหลังว่าอีกแล้ว เธอให้ศิลาต้องเลือกอีกแล้ว อย่างที่ปัณณวีร์ว่าเอาไว้ว่าเธอแตกต่างจากเขายังไง
"เลือกหรอครับ" ศิลาเค้นยิ้มแล้วเบนสายตาไปทางอื่นก่อนจะหันกลับมาจ้องมองกนกนิ่ง เพียงแค่สบตากนกก็พอจะรู้คำตอบของลูกชายแล้ว
ไม่ต้องให้ศิลาพูดออกมากนกก็รู้ว่าศิลาเลือกปัณณวีร์ คนรักที่เข้ามาเติมเต็มทุกอย่างให้เขากับแม่ที่ไม่ได้ใส่ใจเขา หากให้เลือกศิลาก็เลือกได้ แต่ก็ถามกับตัวเองเสมอว่าทำไมจะต้องเลือก ทำไมเขาจะรักปัณณวีร์ไปพร้อมๆ กับมีแม่ไม่ได้
"แม่อยากให้ผมเลือกจริงๆ งั้นหรอครับ"
อาธิปมองภรรยากับลูกชายสลับกันแล้วเดินเข้าไปแทรกกลาง เพราะรู้จักนิสัยของศิลาดี แล้วก็รู้ด้วยว่าคำตอบของศิลาจะเป็ยังไง
"พอก่อนทั้งสองคน เื่นี้มันมีทางออกทำไมต้องทำให้มันเป็เื่ใหญ่ด้วย" อาธิปพูดถูก เพียงแต่คนที่เป็ทางออกของเื่นั้นไม่ยอม ทุกอย่างอยู่ที่กนกทั้งหมด เื่จะเล็กจะใหญ่จะบานปลายแค่ไหนก็อยู่ที่กนก
แค่กนกยอม ยอมที่จะเป็คนถอยให้และยอมรับ...
"เื่มันใหญ่ก็เพราะลูกชายคุณไม่ยอมถอยให้ฉันเลยไง!!"
"ผมไม่ยอมถอยหรือเป็แม่เองที่อคติไม่เลิก เป็แม่เองรึเปล่าที่ไม่ยอมรับ!" ศิลาสวนกลับในทันที
"ที่แม่ทำไปก็เพราะหวังดีทั้งนั้น! ดูให้เต็มตาซะว่าในขณะที่ลูกกลับมากินข้าวบ้าน ปัณณวีร์ไปกินข้าวกับใคร" กนกชี้ไปที่ไอแพดของตัวเองก่อนจะเดินไปเปิดภาพที่เขาให้คนตามถ่ายปัณณวีร์กับมาวินไว้ เป็เลขาที่ส่งภาพพวกนั้นมาให้
"เลขาแม่ไปเจอเขาสองคนที่ร้านอาหาร วันนี้เมื่อไม่นานนี้เอง ไปกินข้าวกันสองคนทั้งๆ ที่เพิ่งจะรู้จักกันเองไม่ใช่หรือไง ที่บุญบวรรับละครของปัณณ์วีร์คงไม่ใช่เพราะเอาอย่างอื่นให้ด้วยหรอกนะ" กนกพูดประโยคที่ดูจะรุนแรงและเป็การให้ร้ายคนอื่นออกมาเพราะความโมโห ทำเอาอาธิปหันไปมองหน้าภรรยาด้วยแววตาดุดันพร้อมเอ่ยเตือนสติ
"คุณนก!! พูดอะไรออกมา มันใช่คำพูดที่คนเป็ผู้ใหญ่มีการศึกษาพูดงั้นหรอ"
กนกสะอึกไปกับคำพูดของสามี ั้แ่คบกัน แต่งงานกันมาแทบนับครั้งได้ที่อาธิปจะพูดจาแรงๆ ใส่แบบนี้ ส่วนศิลาตอนนี้ก็มองรูปของปัณณวีร์และมาวินที่นั่งทานอาหารกันอยู่ หลายต่อหลายภาพที่ถูกส่งมานั้นทำให้เห็นอิริยาบถของทั้งสอง มาวินตักอาหารให้ปัณณวีร์บ้าง มองตอนปัณณวีร์กินแล้วยิ้มบ้าง ทำเอาศิลารู้สึกไม่พอใจขึ้นมาบวกกับความโกรธที่ยังคงอยู่จากการทะเลาะกับผู้เป็แม่
"ศิจะไปไหนน่ะ!" อาธิปะโตามหลังลูกชายที่หันหลังเดินออกไปโดยไม่บอกไม่กล่าว แต่ศิลาก็ไม่ตอบจนอาธิปต้องวิ่งตามออกไปเพราะกลัวว่าศิจะวู่วามเนื่องจากตอนนี้อารมณ์กำลังเดือดได้ที่ แถมเ้าตัวยังเป็คนที่ขี้หึงเอามากๆ ด้วย ยิ่งเวลาโกรธแล้วคนเรามักจะไม่มีสติให้คิดให้ไตร่ตรองอะไร
ปัณณวีร์กลับจากทานข้าวมา ทันทีที่เปิดประตูเข้าห้อง เสียบคีย์การ์ดเพื่อเปิดไฟ ไฟทั้งห้องสว่างขึ้นทำให้เห็นคนที่นั่งอยู่ในความมืด
"ศิ!" ปัณณวีร์ใเพราะไม่รู้ว่าศิลาจะมา "นั่งทำอะไรมืดๆ ทำไมไม่เปิดไฟล่ะ"
ร่างบางเดินเข้าไปหาคนน้องที่นั่งอยู่ตรงโซฟาด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ทันทีที่เข้าไปใกล้ก็ถูกศิลาที่ลุกขึ้นยืนคว้าต้นแขนเข้าไปหา
"โอ๊ย! ศิพี่เจ็บนะ เป็อะไรเนี่ย" ปัณณวีร์ถามเสียงสั่นเล็กน้อย
"พี่ไปไหนมา" คนถูกถามกลืนน้ำลายหนืดๆ ลงคอเพราะเสียงของอีกฝ่ายดูน่ากลัวมาก ดวงตากลมโตของปัณณวีร์สั่นไหวสื่อถึงความกลัว หากเป็ปกติศิลาคงจะใจอ่อนและโอ๋อีกฝ่ายไปแล้ว แต่ตอนนี้ความโกรธมันครอบงำ ทำให้อยากรู้มากกว่าที่บอกว่าประชุมแต่จริงๆ ไปกินข้าวกับมาวินคืออะไร
"ก็ประชะ..."
"ประชุมหรอ!? พี่ไปกินข้าวกับใครมา"
"ระ ... รู้ได้ยังไง" ศิลาหัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนจะตอบ
"รู้ได้ยังไงมันไม่สำคัญเท่าพี่โกหกผมทำไมหรอก"
"คือ คือพี่ไม่ได้อยากโกหกนะ แต่ถ้าบอกไปศิก็คงไม่ยอม"
"ใช่!" เขาไม่มีทางยอมให้แฟนไปกินข้าวกับผู้ชายคนอื่นที่มองแฟนเขาด้วยสายตาหวานเยิ้มขนาดนั้นแน่นอน แต่ที่โกรธอีกก็คือทำไมปัณณวีร์จะต้องไปด้วย
"ทำไมต้องไปกับเขาด้วย ไปกันสองคนอีกต่างหาก สนิทกันมากขนาดนั้นเลยหรอ" แม้จะไม่ตะคอกใส่แต่น้ำเสียงของศิลาก็ยังคงดูน่ากลัวและกดดันคนคู่สนทนาได้อยู่ดี
"ก็เขาชวน แล้วเขาก็เป็เ้านาย" ปัณณวีร์ตอบเสียงเบา "พี่ปฏิเสธแล้วแต่เขาก็ยังตื๊อไม่เลิก บอกว่าแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว ถือว่าเป็การเลี้ยงต้อนรับ"
"เลี้ยงต้อนรับกันสองคน?? ทำไมวะ พี่ดูไม่ออกหรอว่าเขาชอบพี่ หรือเพราะแบบนี้เลยรับละครของพี่"
ปัณณวีร์จากที่หลบสายตาของคนน้องอยู่ก็เงยหน้าขึ้นมาสบตา "นี่คิดอะไรอยู่? คิดว่าเพราะความชอบส่วนตัวเขาเลยรับละครเื่นี้งั้นหรอหรือคิดว่าพี่เอาอย่างอื่นแลกด้วยล่ะ"
ศิลาเหมือนได้สติเมื่อได้เห็นหยดน้ำตาของปัณณวีร์ที่หยดลงมาแต่เ้าตัวก็รีบเช็ดออก มันเป็ประโยคที่กนกพูดกับเขา พอได้ยินปัณณวีร์พูดต่อว่าตัวเองแบบนี้ศิลาจึงได้มีแววตาอ่อนลง
"ไม่ใช่นะ..."
"คิดเหมือนที่คุณกนกบอกสินะ จริงๆ แล้วศิอาจจะไม่รู้ตัว ว่าศิน่ะแคร์แม่มากและก็เชื่อแม่ง่ายมากเหมือนกัน" คราวนี้เป็ปัณณวีร์ที่พูดบ้าง
"ตอนนั้นที่คุณกนกบอกไม่สบาย ศิก็ดูไม่ออกตั้งนาน แค่แม่ยอมอ่อนข้อให้ศิก็คิดว่าแม่ยอมรับ ศิมองลูกไม้ของแม่ตัวเองไม่ออกด้วยซ้ำว่าที่เป็ก็เพราะจะดึงตัวศิไว้ไม่ให้เราเจอกันบ่อยๆ กว่าจะรู้ตัวก็ช้ามาก อยู่กับพี่แต่พอแม่โทรมาหาบอกว่าไม่สบายศิก็รีบไป
มันก็ดีเพราะมันคือหน้าที่ลูก แต่ศิก็อาจจะลืมไปว่าเขาไม่ได้มีแค่ศิไง แต่เลือกจะโทรหาศิ บางทีพี่ก็น้อยใจ บอกจะมาหาพี่แต่สุดท้ายก็ไม่ได้มา บอกจะมากินข้าวด้วยกันแต่ก็มากินด้วยไม่ได้ให้กินก่อน เื่วันนี้ศิก็ไม่ถามพี่ให้ละเอียดก่อนเลย ศิถามๆ แล้วก็พูดใส่อารมณ์กับพี่ เพราะอะไร เพราะทะเลาะกับแม่มาหรือเพราะถูกแม่บอกอะไรมาอีกล่ะ ศิก็เชื่อแม่ไปหมด"
ประโยคยาวเหยียดที่ปัณณวีร์พูดออกมาทำเอาเ้าตัวหอบหายใจและน้ำตาไหลมาด้วยเมื่อนึกถึง่ที่ผ่าน
"พี่ถูกคุณกนกแกล้งศิก็ทำอะไรไม่ได้ ไปเอาเื่เขาก็ไม่ได้เพราะไม่มีหลักฐานทั้งๆ ที่เราต่างก็รู้ดีว่าไม่มีใครมีอำนาจทำแบบนี้ได้นอกจากเขา พี่ต้องทำยังไงนอกจากทนล่ะ สุดท้ายก็เป็แบบนี้ ถูกบีบจนต้องเป็แบบนี้แล้วจะเอาอะไรอีกอ่ะ ไหนบอกเข้าใจไง"
"พี่วีร์ ... ผม"
"ศิไม่เชื่อใจพี่ใช่ไหม?" ปัณณวีร์ถามออกไป คบกันมานานก็ใช่ว่าความเชื่อใจจะมีมากจนไม่มีใครทำลายได้ และในบางครั้งความโกรธก็เป็ตัวที่ทำลายความเชื่อใจที่มีอยู่ให้หายไปและใช้แค่อารมณ์ในการพูดคุยและตัดสิน
"ผมเชื่อใจพี่ ผมขอโทษ"
"ศิ" ปัณณวีร์ดึงมือออกจากมือของศิลาก่อนจะเม้มปากแน่นแล้วตัดสินใจพูดออกมา "พี่ว่าพี่คิดดีแล้ว ... เราลองห่างกันดูเถอะ"
"พี่วีร์" ศิลาพูดเสียงเบาราวกับหาเสียงตัวเองไม่เจอ
"ไม่สิ พี่คิดว่าเราเลิกกันไหม อะไรๆ มันอาจจะดีขึ้นก็ได้นะ เพราะทุกวันนี้พี่มองไม่เห็นเลยว่ามันจะจบลงยังไง หากว่าแม่ของศิไม่ยอมถอยพี่จะถอยให้เอง"
"มะ ... ไม่" ศิลาพยายามจับมือปัณณวีร์ไว้แต่อีกฝ่ายก็ดึงกลับตลอดจนศิลาต้องกอดร่างบางไว้แน่น "ไม่เลิก ผมไม่เลิกนะพี่วีร์ เราจะลองห่างกันก็ได้แต่ไม่เลิก"
ปัณณวีร์กัดริมฝีปากตัวเองและกำมือแน่น ให้อีกคนกอดรัดเอาไว้แบบนั้น แม้ศิลาจะไม่ได้ร้องไห้ออกมาแต่ปัณณวีร์ก็ััได้ถึงความเสียใจของอีกฝ่าย ผ่านการกอด ผ่านน้ำเสียงและคำพูดที่พร่ำบอกว่าไม่ยอมเลิก
"ผมขอโทษ ผมขอโทษจริงๆ พี่วีร์ เรายังบอกรักกันอยู่ไม่ใช่หรอ ผมไม่เชื่อว่าพี่จะไม่รักผมแล้ว"
"คนเราเลิกกันก็ไม่จำเป็ต้องหมดรักกันหรอกนะศิ" ปัณณวีร์บอก พร้อมกับดันศิลาออกแต่ศิลาก็ไม่ยอมจะปล่อย
"ไม่เลิก ยังไงผมก็ไม่เลิก"
"แต่พี่จะเลิก!"
"ผมไม่ตกลง! พี่ถามผมสิ ถามผมว่าถ้าให้ผมเลือกระหว่างพี่กับแม่ผมจะเลือกใคร"
ปัณณวีร์กลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้เมื่อได้ยินประโยคนี้ สำหรับศิลาแล้วเขาตัดสินใจเลือกปัณณวีร์โดยไม่ต้องสงสัย เพราะยังไงแล้วความสัมพันธ์แม่ลูกศิลาคิดว่ายังไงก็ตัดกันไม่ขาด แต่สำหรับปัณณวีร์ ศิลาอยากจะรักษาคนคนนี้เอาไว้กับตัวเองไปตลอดให้ได้
เสียงกดกริ่งประตูดังขึ้นทำให้ปัณณวีร์ดันศิลาออกและอีกฝ่ายก็ยอมแต่ก็ไม่วายเดินตามติดปัณณวีร์ไปที่ประตู
"อยู่นี่จริงๆ ด้วย" พอเปิดประตูออกมาก็เจอกับศรุตที่ยืนอยู่หน้าห้อง ศรุตมาที่คอนโดเพราะอาธิปบอกให้ตามศิลามากลัวว่าศิลาจะทำอะไรรุนแรงกับปัณณวีร์เพราะความโกรธ
"พี่มาทำไม" ศิลาถาม
"พ่อเป็ห่วงเลยให้ตามมาดู"
"มาก็ดีรุต" ปัณณวีร์สบตากับศรุตก่อนจะหันไปมองศิลาที่อยู่ด้านหลัง "กลับไปกับศรุตเถอะ"
"ไม่ไป" ศิลาตอบกลับทันทีไม่ต้องคิดให้เสียเวลา "ผมจะอยู่กับพี่"
ใน่เวลาแบบนี้ศิลาไม่อยากปล่อยให้ปัณณวีร์อยู่ไกลจากตัวเองเลยเพราะเขากำลังกลัว กลัวว่าอีกฝ่ายจะหนีเขาไป
"กลับไปก่อนเถอะนะ เราอารมณ์ไม่ดีทั้งคู่ คุยกันไปก็มีแต่จะพัง"
"พี่จะไม่เลิกกับผมใช่ไหม"
"เลิก??" ศรุตขมวดคิ้วแล้วมองทั้งสองสลับกัน แต่ก็ไม่มีใครตอบอะไรเขา
"กลับไปก่อนเถอะ พี่อยากอยู่คนเดียว" ปัณณวีร์ไม่ตอบคำถามอีกฝ่าย ดันตัวศิลาออกจากห้องแล้วปิดประตูลงทันทีเพราะศิลาถูกศรุตดึงแขนเอาไว้เมื่อจะกลับเข้าไปในห้องอีก
"ให้วีร์อยู่คนเดียวก่อน ถ้าไม่อยากกลับบ้านก็ขึ้นไปนอนที่ห้อง พี่จะอยู่เป็เพื่อนเอง แล้วก็เล่าเื่ทุกอย่างให้พี่ฟังด้วย"
TBC.