ตอนที่ 21
“ศิลา ไปส่งแม่ที่บ้านหน่อยนะลูก ่นี้แม่รู้สึกไม่ค่อยสบาย ไม่อยากขับรถเองเลย” เป็อีกวันที่กนกหาเื่ดึงตัวลูกชายให้อยู่กับตัวเอง
“เมื่อเช้าแม่ขับมาเองหรอครับ ทำไมไม่ให้คนขับรถมาส่งถ้ารู้ว่าไม่สบาย เป็อะไรมาจะแย่เอานะครับ”
กนกทำหน้าเศร้าลงพร้อมกับพูดขึ้นว่า “นี่ศิลาไม่อยากไปส่งแม่ใช่ไหมหรือเห็นว่าเป็ภาระ”
“ไปกันใหญ่แล้วครับ ที่ผมบอกเพราะเป็ห่วง”
“่นี้แม่ไม่รู้เป็อะไร รู้สึกเหนื่อยง่าย” กนกเอามือทาบที่อกไว้เหมือนกับว่าแค่พูดก็เหนื่อยแล้ว
“ไปหาหมอดีไหมครับ”
“ไม่ ... ไม่เป็ไรหรอก คงเพราะแม่ทำงานหนักไป” กนกรีบปฏิเสธออกไป เพราะรู้ดีว่าตัวเองนั้นแข็งแรงไม่ได้เป็อะไรอย่างที่ว่าเลย
“งานที่บริษัทแม่ควรวางมือนะครับ พักผ่อนอยู่บ้านกับพ่อได้แล้ว ให้พี่รุตเข้ามาดูแลต่อก็ยังได้เพราะทำงานหนักแบบนี้เลยไม่มีเวลาดูแลสุขภาพ”
ศิลาพูดไปเพราะอยากให้ผู้เป็แม่พักผ่อนจริงๆ แต่กนกกลับคิดอีกแบบ คิดว่าที่ศิลาบอกแบบนี้เพราะถ้าไม่มีเธอในบริษัท ก็ไม่มีใครจะมาขัดขวางการทำงานหรือยุ่งกับปัณณวีร์ได้ กนกลอบกำมือไว้ด้านหลังแต่ริมฝีปากระบายยิ้มออกมา
“นั่นสินะ แม่ก็คิดอยู่เหมือนกัน” ศิลาไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาจึงกลับพร้อมกับกนกและขับรถให้เธอ มาถึงบ้านก็ได้อยู่ทานข้าวกับที่บ้านก่อน เพราะมีทั้งอาธิปและศรุตอยู่ กนกจึงไม่สามารถดึงตัวศิลาให้อยู่ที่บ้านในวันนี้เนื่องจากศิลาไม่ได้ไปนอนที่คอนโดจะห้าวันแล้วหลังจากวันนั้นที่เธอแกล้งเป็ลม ด้วยงานของศิลาเองก็ยุ่งแน่นอนว่าไม่ได้เจอหน้าปัณณวีร์เลย จะมีก็แต่คุยแชทกัน โทรหากัน
“นึกว่าจะอยู่กับแม่ซะอีก” ปัณณวีร์เก็บจานที่ตัวเองเพิ่งจะทานข้าวไป ่นี้เขาไม่ได้ทำงาน จะมีก็แต่รอให้ทางมาวินติดต่อมาแต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีวี่แวว ทำให้่เวลานี้ของปัณณวีร์ทั้งเหงา ทั้งน่าเบื่อที่ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง เทียบกับตอนแรกที่เริ่มทำละครแล้ว ตอนนั้นยังมีลู่ทางให้เขามากกว่าตอนนี้ซะอีก เพราะอะไรนั้นปัณณวีร์เองก็พอจะรู้ หากไม่ใช่ว่ากนก้าจะบีบให้เขาไม่มีที่ไปต้องกลับไปอ้อนวอนเจทีเอ็น
“ขอโทษนะครับ แม่ไม่ได้วีนเหมือนก่อนหน้านี้ แถมตอนนี้ยังไม่ค่อยสบายก็เลยไม่อยากจะมีเื่ทะเลาะกันอีก” ปัณณวีร์ได้แต่นึกในใจว่าศิลาเป็นักแสดงซะเปล่า แต่กลับดูการเล่นละครของกนกไม่ออก
“ขอโทษทำไม ก็ดีแล้วไม่ใช่หรอจะได้ไม่มีเื่ปวดหัว” ศิลามองแผ่นหลังบางที่ยืนล้างจานอยู่ เขาลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปกอดปัณณวีร์จากด้านหลังเพราะััได้ถึงความรู้สึกน้อยใจ ไม่พอใจจากน้ำเสียงของอีกคน
“ขอโทษเพราะ่นี้ไม่ได้ให้เวลากับพี่เลย”
“ก็งานยุ่งหนิ ไหนจะแม่อีกพี่เข้าใจ” แม้ปากจะบอกว่าเข้าใจแต่เอาจริงๆ แล้วปัณณวีร์ก็แอบที่จะรู้สึกน้อยใจไม่ได้ ั้แ่ที่กนกรู้เื่ของพวกเขาก็ทำให้เจอกันน้อยลง อยู่ด้วยกันได้น้อยลงเพราะถูกกีดกันอยู่บ่อยๆ คิดว่าไม่รู้เลยยังจะดีซะกว่า
“ผมรู้สึกได้ว่าพี่น้อยใจ” ศิลาวางคางเกยที่ไหล่ของคนพี่ และกระชับกอดแน่นขึ้น
"เปล่าซะหน่อย"
"พี่วีร์ เราคบกันมากี่ปี พี่รู้สึกยังไงทำไมผมจะไม่รู้ละ" ศิลาจับตัวของคนพี่ให้หันมามองหน้าสบตากัน
"ขอโทษ พี่ว่างงานเกินไปเลยคิดอะไรไปเรื่อย" ปัณณวีร์บอกออกไปก่อน เพราะเมื่อก่อนทำงานยุ่งกันทั้งสองคนจึงไม่ได้รู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่มีเวลาให้
“ไม่เป็ไรเลยครับ แล้ว...บริษัทบุญบวรติดต่อพี่กลับมารึยัง” ศิลาก็อยากให้ปัณณวีร์ทำละครให้แค่ช่องตัวเอง แต่ก็เข้าใจอีกฝ่ายจึงไม่อยากจะเอ่ยปากขอร้องให้ปัณณวีร์หนักใจ ลึกๆ แล้วศิลาก็เผลอไปบ้างที่คิดตามที่กนกบอก หากว่าให้ปัณณวีร์เลือกเขาจะเลือกอะไร
ศิลาสลัดความคิดที่ผุดขึ้นมาในหัวทิ้งแล้วสนใจคนตรงหน้า
“ยังเลย คิดว่าคงไม่มีใครอยากได้เื่นี้แล้วแหละ”
“พี่ลองเสนอเื่ใหม่ไหมครับ แล้วให้พี่รุตเอาเข้าที่ประชุม” ปกติแล้วปัณณวีร์จะเสนอละครให้กนกโดยตรง เพราะหากว่าเธอชอบแน่นอนว่าในที่ประชุมเธอก็สามารถทำให้คณะกรรมการเห็นด้วยได้
“คุณกนกเขาไม่เอาแล้วแหละพี่ว่า” ปัณณวีร์เปลี่ยนคำเรียกจากที่เมื่อก่อนเคยเรียกว่าแม่ แต่ตอนนี้ไม่กล้าที่จะเรียกแม่เหมือนเดิมแล้วจึงเรียกเหมือนคนอื่นๆ กัน และคิดว่ากนกเองก็ไม่ได้อยากให้เรียกแบบนั้นแล้วเหมือนกัน
ปัณณวีร์แกะแขนของศิลาที่กอดตัวเองไว้อยู่ออกแล้วเดินไปนั่งที่โซฟา ทำเอาศิลามองตามแล้วค่อยเดินไปนั่งด้วย
“พี่โกรธแม่ไหม” ปัณณวีร์หันมองคนถาม ศิลาใช้น้ำเสียงนุ่มนวลเช่นเดิมเหมือนที่คุยกัน ไม่ได้ทำให้ปัณณวีร์รู้สึกอีกฝ่ายแค่้าถามเท่านั้น
“ไม่ได้โกรธ” เขามีสิทธิ์ไปโกรธได้งั้นหรอปัณณวีร์ถามตัวเองในใจ “ไม่ว่าจะในบทบาทไหนพี่ก็ไม่มีสิทธิ์โกรธหรอก”
บทบาทของเ้าของบริษัท ก็้าผูกมัดคนที่ทำเงินให้เอาไว้กับตัว เพราะถือว่าปัณณวีร์มีวันนี้ได้ก็เพราะเจทีเอ็น
หรือจะในบทบาทของคนเป็แม่ ที่ทำไปก็เพราะไม่อยากให้ศิลาคบปัณณวีร์ต่อ ใช้ทุกวิถีทางเพื่อให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ค่อยๆ แย่ลง
“แค่รู้สึกว่า ถ้าพี่เป็ผู้หญิงก็คงจะดีกว่านี้ อะไรๆ อาจจะง่ายขึ้น”
“แต่ผมไม่ได้ชอบผู้หญิง ถ้าพี่เป็ผู้หญิงเราก็อาจจะไม่ได้รักกัน” ศิลาพูดออกมาตามตรง ตัวเขาไม่เคยที่จะมองว่าสิ่งที่เขาเลือกจะเป็นั้นเป็เื่น่าอาย หากไม่ติดว่าปัณณวีร์ยังคงรักและอยากจะทำงานในวงการบันเทิงอยู่และสังคมก็ยังไม่ได้เปิดรับเื่นี้เท่าไหร่นักโดยเฉพาะในกลุ่มคนที่อายุเยอะ ศิลาไม่อายที่จะประกาศออกไปว่าเขาคบกับปัณณวีร์
“นั่นสินะ” ปัณณวีร์พึมพำเสียงเบา ศิลาเห็นคนพี่เงียบไปจึงชวนคุยต่อทั้งที่ปกติแล้วจะเป็ปัณณวีร์ที่ชวนคุยนั่นคุยนี่ตลอด
“เดี๋ยวนี้พี่วีร์ดูแปลกๆ ไป” ระหว่างที่รอเข้าฉากอยู่ศิลาก็นั่งคุยกับดารินไปพลาง
“แปลกยังไง??” เธอไม่ได้อยู่ด้วย จึงไม่รู้อะไรมาก ส่วนใหญ่เวลาคุยกันก็มักเป็เื่ของศิลาและคุยกันผ่านแชททั้งนั้น จะเจอก็ต่อเมื่อดารินไปส่งศิลาและเข้าไปเตรียมชุดให้อีกฝ่ายที่คอนโดทั้งนั้น
“เหมือนคิดอะไรอยู่ตลอดเวลา เหมือนอยากจะพูดอะไรแต่ก็ไม่พูด แถม่นี้ผมก็งานยุ่งไหนจะแม่ที่ไม่ค่อยสบายอีก ทำให้ไม่ค่อยได้มีเวลาให้พี่วีร์เลย” ดารินคิดตามก่อนจะตอบกลับ
“อาจเพราะเครียดเื่งานด้วยละมั้ง ละครเื่นี้วีร์ก็ตั้งใจทำมันมาก แม้จะมีปัญหามาตลอดแต่ก็สู้ ใครจะคิดว่าสุดท้ายก็พาไปถึงฝั่งไม่ได้ จริงๆ แล้วก็ไม่ใช่แค่เื่นี้หรอก วีร์เป็คนที่ตั้งใจกับงานมากๆ ไม่แปลกนะถ้าเกิดว่าวันหนึ่งล้มขึ้นมาคงทำให้รู้สึกเฟลไม่น้อย และนี่ก็เป็ครั้งแรกด้วยที่วีร์พลาด” ผ่านมาเกือบ 4 ปีของการเข้ามาสร้างละคร ปัณณวีร์ทำมันสำเร็จมาตลอด แม้บางเื่ไม่ได้โด่งเท่ากับเื่ที่ได้รับรางวัลเมื่อต้นปี แต่ก็ไม่เคยมีเื่ไหนที่ต้องหยุดกลางคันแบบนี้
“ผมควรจะมีเวลาอยู่กับพี่วีร์มากขึ้นหน่อย พี่ช่วยหาเคลียร์คิวงานให้หน่อยได้ไหม”
“ได้ เดี๋ยวพี่ดูให้ จริงๆ หลังจบละครเื่นี้ก็ไม่มีอะไรหนักแล้ว มีแค่ถ่ายโฆษณาอีกไม่มาก มีถ่ายละครอีกทีก็ปีหน้าเลย ศิเองก็จะได้มีเวลาพักผ่อนด้วยเกือบสองสามเดือนเลยนะ” ศิลาพยักหน้ารับ หากว่ามีเวลาแบบนี้เขาก็จะได้อยู่กับปัณณวีร์หน่อย
“แม่เรียกวีร์มาทำไมครับ” ศรุตกำลังจะเดินออกจากห้องของกนก แต่ดันเห็นว่าปัณณวีร์เข้ามาพอดีจึงได้หันไปถามผู้เป็แม่
“แม่มีเื่อยากคุยกับวีร์ซะหน่อย” กนกตอบ
“เื่อะไรครับ”
“แม่ต้องรายงานลูกทุกเื่แล้วหรอเดี๋ยวนี้” เธอเลิกคิ้วเล็กน้อยจ้องหน้าลูกชายคนโตนิ่ง ศรุตจึงหันไปมองหน้าปัณณวีร์ ปัณณวีร์กะพริบตาลงช้าและพยักหน้าบอกกับศรุตว่าไม่เป็อะไร
“เข้ามาในห้องสิปัณณวีร์ รุตก็ออกไปได้แล้วลูก” กนกบอกด้วยรอยยิ้ม ศรุตครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจเดินออกไป จะโทรหาศิลาก็กลัวว่าน้องชายจะถ่ายละครอยู่ไม่อยากทำให้เสียสมาธิจึงทำได้แค่รออยู่ข้างนอก
“นั่งสิ” กนกผายมือให้ปัณณวีร์นั่งลงตรงข้ามกับเธอ ปัณณวีร์กล่าวขอบคุณก่อนจะนั่งลง เขาเองก็ไม่รู้จุดประสงค์ของกนกที่เรียกให้มาพบในวันนี้นัก แต่ถ้าให้เดาก็คงอยากจะต่อรองและยื่นข้อเสนอให้ตามเคย
“ศิลาได้คุยกับนายรึยัง” สรรพนามที่เปลี่ยนไปนั้นไม่ได้ทำให้ปัณณวีร์แปลกใจอะไรนัก แต่เื่ที่กนก้าจะสื่อต่างหากที่ทำให้ปัณณวีร์ขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วถามกลับ
“เื่อะไรหรอครับ” กนกยิ้มออกมา คิดเอาไว้แล้วว่ายังไงศิลาก็คงไม่มีทางพูดเื่นี้กับปัณณวีร์แน่นอน ดังนั้นเธอจึงรอเวลา ให้ผ่านไปสักหน่อยแล้วเรียกปัณณวีร์มาคุยเอง เพราะถึงยังไงก็ถือว่าเธอได้บอกเื่นี้กับศิลาไปแล้ว
“ก็เื่เซ็นสัญญากับทางช่องยังไงล่ะ” กนกลุกขึ้นยืนแล้วหันหลังให้ปัณณวีร์ ด้านหน้าของเธอตอนนี้เป็วิวของเมืองหลวงใน่ตอนบ่ายที่ท้องฟ้าคล้ายฝนกำลังจะตก เธอพูดอย่างสบายๆ ราวกับพูดชมทิวทัศน์ตรงหน้า
“ปัณณวีร์ คิดว่าละครเื่นั้นของนายจะมีคนอยากเอาไปทำงั้นหรอ ฉันยอมรับนะว่ามันดี แต่มันมีจุดด่างพร้อย พอพูดถึงละครเื่นี้คนก็จะนึกถึงอดีตพระเอกที่เคยเล่นยาเสพติด และถ้าจะทำละครเื่ใหม่นายควรจะสำนึกหน่อยนะว่าไม่ควรไปทำให้บริษัทอื่น เพราะเราเลี้ยงมาจนโต”
“ไม่ให้ไปทำให้ที่อื่น แล้วที่นี่ล่ะครับ” หากเป็เมื่อก่อนปัณณวีร์คงเป็เด็กที่น่ารักเชื่อฟังคำแนะนำของกนกทุกอย่างเพราะแต่ก่อนเธอบอกและเตือนด้วยความหวังดีจริงๆ มาตอนนี้ปัณณวีร์ไม่กล้าจะเชื่อใจอีกฝ่าย ไม่รู้ว่าที่ทำนั้นเพราะหวังดีดังเดิมหรือมีเื่อื่นแอบแฝงอยู่กันแน่
“เซ็นสัญญากับช่องสิ อยากได้อะไรก็จะได้” กนกพูดขึ้นโดยที่ยังไม่ได้หันกลับมามองคู่สนทนา
“อยากได้อะไรก็จะได้งั้นหรอครับ” ปัณณวีร์ถามย้ำเพื่อให้แน่ใจว่ามันมีแค่ข้อเสนอนี้ แต่ก็เป็อย่างที่คิดว่าสุดท้ายแล้วกนกก็ยังคงทำทุกอย่างเพื่อให้เลิกกับศิลา
“ใช่ แต่ว่าต้องห่างกับศิลา” ห่างกัน .... คำว่าห่างกันสำหรับปัณณวีร์แล้วก็ไม่ต่างจากรอเวลาเลิกกัน
“ทำไมครับ” ปัณณวีร์ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องใช้คำว่าห่างแทนที่จะบอกให้เลิกกัน
กนกหันมาแล้วยิ้มเล็กน้อย เดินมาหาปัณณวีร์และพูดไปด้วย “เพราะฉันแค่อยากให้ศิลาได้ลองทบทวนตัวเองใหม่ ่ที่ห่างกันให้เขาได้ลองคุยกับผู้หญิงดู หากว่าเขาคุยแล้วรู้สึกโอเคหรือว่าชอบผู้หญิงขึ้นมา แสดงว่าเขาไม่ใช่เกย์ ที่คบกับนายก็อาจจะแค่หลงผิดไปก็เท่านั้น” มือที่มีรอยเหี่ยวย่นเล็กน้อยนั้นลูบที่ไหล่ของปัณณวีร์ก่อนจะบีบนวดเบาๆ
แต่กนกคงจะรู้จักลูกชายตัวเองน้อยเกินไปจริงๆ ศิลานั้นเป็คนที่รักแล้วรักเลย หากว่าตัวเขายังคงรักใครอยู่ ต่อให้ห่างกันไปแล้วให้ไปคุยกับใครก็ไม่มีทางทำให้เขารักหรือสนใจคนผู้นั้นได้
“3 เดือน ห่างกันแค่ 3 เดือน หากว่าตอนนั้นศิลาไม่ชอบผู้หญิงคนไหนเลยก็กลับมาคบกันได้ แต่ถ้าเขาเจอผู้หญิงที่ใช่ละก็ นายต้องเลิกกับศิลา”
ปัณณวีร์กำมือแน่น ไม่คิดว่ากนกที่เคยใจดี ตอนนี้กลายเป็แม่มดใจดำที่ไม่สนแม้แต่ความรู้สึกของลูกตัวเองแล้ว ทำแบบนี้จะทำให้ศิลาเสียใจ เธอรู้ดีแต่เพราะเชื่อว่าการที่ศิลาคบผู้ชายเป็เพียงความหลงผิดไปเท่านั้น ศิลาไม่เคยมีแฟนเป็ผู้หญิงดังนั้นเลยคิดว่าศิลาอาจจะคบผู้หญิงได้เหมือนกัน
“คุณทำแบบนี้แล้วคิดว่าศิจะทำตามหรอครับ?”
“ก็เพราะว่าศิลาไม่ทำตามน่ะสิ ฉันถึงต้องมาบังคับเธอ หลังเซ็นสัญญากับช่องเธอก็ทำละครของเธอไปแล้วก็อ้างว่ายุ่ง ไม่มีเวลา เจอกันน้อยลงหรือไม่เจอเลยก็ยิ่งดี แบบนั้นศิลาทำอะไรไม่ได้แล้ว” สิ่งที่เธอบอกศิลาไปกับที่บอกปัณณวีร์นั้นต่างกันออกไป แน่นอนว่าหากศิลาไปบอกกับปัณณวีร์เองแล้วปัณณวีร์ตกลงเซ็นสัญญาเพราะอีกฝ่ายขอ กนกก็คิดจะใส่ข้อแลกเปลี่ยนนี้ไปด้วยโดยที่ศิลาไม่รู้อยู่แล้ว
“แล้วถ้าผมไม่ตกลงล่ะ” ปัณณวีร์ถามกลับ
“ก็ไม่เป็ไร ไม่ตกลงก็เชิญไปตามทางของนายเอง แต่อย่าลืมซะละว่าศิลายังอยู่ตรงนี้ ยังอยู่ที่เจทีเอ็น หากว่าไปทำงานให้ช่องอื่น ตอนนี้มันอาจจะไม่มีปัญหากันหรอกเพราะศิลาอาจจะบอกว่าเข้าใจได้ แต่ถ้านานไปล่ะ” เธอเว้นวรรคแล้วค่อยๆ ก้มลงมาพูดข้างๆ หูปัณณวีร์
“ศิลาเป็หนึ่งในผู้ถือหุ้นของบริษัทนะ ไม่ได้เข้ามาบริหารแต่ก็ยังได้ปันผลจากบริษัท คิดว่าเขาจะรู้สึกยังไงที่คนรักอยู่คนละทางกับเขา เขาทำเพื่อนายมามากมายแค่ไหนแล้ว ถ้านายจะเห็นแก่อิสระของตัวเองก็ไม่ได้ว่าอะไรนะ” พูดจบกนกก็ผละออกไปแล้วเดินกลับไปนั่งที่เก้าอี้ตัวเองตามเดิม
“ผมเชื่อว่าศิจะเข้าใจผมจริงๆ และไม่มีทางที่เขาจะเอาเื่นี้มาทำให้เราทะเลาะกัน”
“อะไรทำให้มั่นใจขนาดนั้น ฉันจะบอกให้นะปัณณวีร์ ความคิดกับใจคนนี่แหละที่ไม่แน่นอน” ปัณณวีร์สบตากับกนกนิ่ง ไม่รู้จะพูดอะไรต่อเหมือนกันเพราะคิดว่าต่อให้เถียงไปยังไงกนกก็ต้องหาคำพูดอื่นมาทำให้ตัวเองเป็คนที่ถูกอยู่ดี
“เพื่อศิลาแล้ว ทำแค่นี้ไม่ได้หรอ”
“เพื่อศิลาหรือเพื่อตัวของคุณเองครับ ทั้งหมดนี้ก็มีแต่ความ้าของคุณ” ปัณณวีร์ตอบกลับทำเอากนกหน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย
“เพื่อศิลา!! ฉันทำทุกอย่างก็เพื่อลูก เธอไม่เข้าใจหรอก หัวอกคนเป็แม่ก็้าให้ลูกได้ในสิ่งดีๆ ทั้งนั้นแหละ”
ปัณณวีร์ร้องเหอะในลำคอเบาๆ ก่อนจะพูดว่า “สิ่งที่ดีๆ หรอครับ แล้วผมไม่ได้เป็สิ่งดีๆ ในชีวิตเขาหรอ”
“มันยังดีไม่พอ!!” กนกพูดเสียงแข็ง จ้องหน้าปัณณวีร์ด้วยดวงตาแข็งกร้าว ปัณณวีร์เองก็ไม่หลบสายตาของกนกเช่นเดียวกัน
“แบบไหนที่ดีที่สุดสำหรับคุณล่ะครับ สิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตของศิก็ต้องให้ศิเป็คนเลือกไม่ใช่คุณ”
“หุบปากซะ! ไม่ต้องมาสอนฉัน ฉันให้นายเลือกแล้วนะปัณณวีร์ ถ้าคิดว่าศิรักนายจริงห่างกันแค่ 3 เดือนคงไม่เป็อะไรหรอกมั้ง รักแท้ไม่แพ้สิ่งใดอยู่แล้วหนิ”
“ผมไม่ตกลง อย่าหวังว่าผมจะยอมให้คุณนะครับ ให้ผมเซ็นสัญญากับช่องอยู่ใต้คำสั่งของคุณผมอาจจะยอมได้ แต่ให้ผมห่างกับศิผมทำไม่ได้หรอก”
“ดี! อวดดีจริงๆ คิดหรอว่าคนแบบนายถ้าไม่มีฉันช่วยดันจะมาถึงจุดจุดนี้ได้น่ะ”
“ผมทราบดีครับ แต่ตอนนี้คุณไม่มีเหตุผล คุณเอาเื่งานกับเื่ส่วนตัวมาเกี่ยวกัน ผมจะทำให้คุณเห็นและเสียใจในสิ่งที่ทำลงไป” ปัณณวีร์ลุกขึ้นยืนก่อนจะพูดส่งท้าย “ละครที่คุณทำลายมันด้วยมือของคุณ ผมจะทำให้มันดีให้คุณรู้สึกเสียดายให้ดู”
“ใครอยากจะรับละครเื่นี้ไปทำต่อกัน แล้วฉันจะคอยดู” กนกตอบกลับอย่างไม่แยแส เพราะเธอเป็คนที่มีอีโก้สูง ทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับเธอแล้วมันต้องดีต้องเป๊ะ หากเป็เธอแล้วละก็ละครที่กำลังถ่ายทำและมีข่าวดังเพราะตัวพระเอกเคยเล่นยาเธอไม่มีทางรับมาแน่ๆ
แต่เธอก็อาจจะลืมมองไปว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันไม่ได้สมบูรณ์แบบ และคนเองก็ความคิดไม่เหมือนกัน...
“คุณมันมองโลกแคบเกินไป และผมอยากจะบอกอะไรให้คุณรู้ไว้อย่างว่าทำไมศิที่อยู่กับผม กับศิที่อยู่กับคุณถึงได้แตกต่างกัน”
กนกนั่งนิ่งรอฟังคำพูดนั้นของปัณณวีร์เพราะเธอเองก็อยากจะรู้เหมือนกัน เผื่อว่าจะได้เอาไปปรับใช้กับลูกชายคนเล็กบ้าง ภาพที่เธอเห็นศิลาออดอ้อนออเซาะกับปัณณวีร์เป็สิ่งที่เธอรู้สึกอิจฉา เพราะขนาดเธอที่เป็แม่ยังไม่เคยได้เห็นมุมนั้นของลูกเลย
“เพราะคุณไม่เคยใส่ใจเขาจริงๆ คุณชอบเลือกทุกอย่างให้กับเขา เลือกในเื่ที่ตัวศิอยากจะเลือกเอง กลับกัน ... เื่ที่เขาไม่อยากเลือกคุณก็บังคับให้เขาต้องเลือก แต่ผมไม่เคย! แทบจะทุกเื่ที่เป็เื่ของศิ ผมให้เขาได้ตัดสินใจเอง ให้ได้เลือกในสิ่งที่ตัวเขา้า หรือว่าคุณจะเถียงว่ามันไม่จริง”
กนกเถียงไม่ออก แม้อยากจะเถียงกลับว่าที่ทำเพราะหวังดีกับลูก แต่มันก็คือข้อแตกต่างระหว่างตัวกนกกับปัณณวีร์จริงๆ
“คุณกล้าพูดไหมว่าคุณใส่ใจเขามากกว่าผม เพราะแม้แต่เื่เล็กๆ น้อยๆ อย่างอาหารที่เขาชอบคุณยังจำไม่ได้เลย มันอาจจะดูเป็เื่เล็กน้อยที่คุณคิดว่าศิคงไม่ใส่ใจเพราะเห็นว่าเขาไม่พูดมันออกมา แต่ในใจเขาก็คงรู้สึกน้อยใจที่แม่จำไม่ได้ไม่พอ ยังจำเป็ของพี่ชายอีก เื่เล็กๆ พวกนี้ที่คุณไม่ค่อยใส่ใจนี่แหละทำให้คุณกับศิค่อยๆ ห่างออกจากกัน”
ปัณณวีร์พูดถูก เขาพูดถูกทุกอย่างเพราะมันไม่ใช่แค่ครั้งแรกและไม่ใช่แค่เื่ของอาหาร มันหลายๆ เื่และบ่อยครั้งจนตัวศิลาเองไม่อยากจะใส่ใจแล้ว
“คุณอาจจะพูดถูกอยู่อย่าง ว่าคนเป็แม่ย่อมอยากให้ลูกเจอแต่สิ่งดีๆ ผมเข้าใจแม้จะไม่เคยเป็แม่คน และผมก็เข้าใจอีกว่าเป็แม่ไม่ได้เป็เ้าชีวิต คุณจะเลือกทุกอย่างให้ลูกไม่ได้” พูดจบปัณณวีร์ก็นิ่งไปสักพักก่อนจะขอตัวกลับเมื่อได้พูดในสิ่งที่อยากจะบอกและได้ปฏิเสธออกไปแล้ว
“ผมขอตัวครับ”
ทันทีที่ออกมาจากห้องก็ถูกศรุตดึงแขนไปถามทันที อยู่พูดคุยกันอยู่นานปัณณวีร์ก็กลับมาที่คอนโดเพราะ่นี้ไม่มีงานอะไร ที่ทำได้ตอนนี้คงมีแต่เตรียมบทเตรียมงานเอาไว้ใหม่หากว่าทางมาวินตอบรับกลับมา
“แม่คุยอะไรกับพี่ พี่รุตบอกผมว่าวันนี้แม่เรียกพี่ไปคุย” ศิลาเลิกกองก็ตรงกลับมาที่คอนโดทันทีเพราะบอกกับพี่ชายไว้แล้วว่าวันนี้เขาจะไปนอนกับปัณณวีร์ และจะปิดมือถือเอาไว้มีอะไรให้ติดต่อปัณณวีร์เอาเพราะไม่อยากให้แม่โทรตาม
เนื่องจากหลังๆ มานี้กนกป่วยบ่อยเกินไปทำให้ศิลารู้สึกว่ากนกอาจจะแค่ทำเพื่อเรียกร้องความสนใจจากตัวเองเท่านั้นเพื่อจะได้ไม่มาอยู่กับปัณณวีร์
“ศิ พี่ถามจริงๆ นะ” ปัณณวีร์วางมือจากบทละคร “หากว่าพี่ไปทำงานกับที่อื่น ศิจะรับได้ไหม เพราะบริษัทของศิเสียผลประโยชน์นะ”
“แต่มันคือความ้าของพี่ บริษัทมีผู้จัดอีกตั้งหลายคน ยังไงเขาก็มีละครลงอยู่แล้วพี่ไม่ต้องทนอยู่เพราะเกรงใจแม่หรือเพราะเห็นแก่ผมหรอก ผมเองที่ต้องรู้สึกผิดที่บริษัทบีบพี่ด้วยวิธีนี้”
“ไม่ใช่แค่บีบให้พี่เซ็นสัญญากับช่องหรอก” ปัณณวีร์พูดขึ้น มองลึกเข้าไปในดวงตาเรียวรีของศิลา “บีบให้พี่เลิกกับศิด้วยต่างหาก”
“พี่วีร์” ศิลาจับมือปัณณวีร์เอาไว้แน่น ไม่ใช่ว่าจะไม่รู้แค่ไม่อยากจะพูดถึงเื่นี้ก็เท่านั้น
“ศิ ศิไม่เคยคบผู้หญิงมาก่อน ศิคบกับพี่คนแรก เอาอะไรมาแน่ใจว่าศิเป็เกย์ ศิอาจจะชอบผู้หญิงก็ได้นะ แต่กับพี่อาจจะเพราะพี่เข้าใจศิรึเปล่า มันคือความรักจริงๆ หรอ??” ปัณณวีร์เอ่ยถาม
“พี่สงสัยในความรักของผมหรอ” ศิลาไม่ได้ตอบคำถามของอีกฝ่ายแต่ถามกลับมา “พี่คิดว่าผมจะอยู่กับคนที่ไม่ได้รักมา 3 ปีได้จริงๆ หรอ??”
ไม่ใช่ไม่มีคนเข้ามาหา แต่ก็ไม่เคยหวั่นไหวเพราะใครได้เลย คนเดียวที่ทำให้ศิลาใจสั่นได้คงมีแต่ปัณณวีร์ แม้ว่าจะเป็แฟนกันแล้วก็ตาม สำหรับศิลาแล้วเหมือนเขาตกหลุมรักคนคนนี้ซ้ำบ่อยครั้ง
“ไม่ใช่แบบนั้น พี่แค่อยากรู้”
“พี่เองก็ไม่เคยคบผู้หญิงมาก่อน แล้วทำไมพี่ถึงรู้ว่าตัวเองไม่ได้ชอบผู้หญิง บางครั้งเราไม่จำเป็ต้องลองทำสิ่งสิ่งนั้นก็ได้ เรารู้ได้จากความรู้สึกของเราเองไม่ใช่หรอ”
“มันก็ใช่ แต่ที่พี่มั่นใจเพราะพี่เคยลองคุยกับผู้หญิงมาแล้ว ไม่ใช่ไม่เคย แต่สำหรับศิคือศิไม่เคยคุยไงเพราะศิไม่เคยให้ความสนใจเื่พวกนี้”
“แล้วยังไงครับ ก็ตอนนี้ผมคบกับพี่ผมจะไปสนใจใครทำไมกัน นี่แม่คุยอะไรกับพี่กันแน่” ปัณณวีร์ไม่เคยจะถามอะไรแบบนี้ ตลอดเวลาที่คบกันมาพวกเขาแทบไม่เคยจะต้องมาทะเลาะกันเื่ที่ว่าชอบผู้หญิงหรือผู้ชายอะไร และเป็ครั้งแรกที่ปัณณวีร์ถามคำถามแบบนี้
มันทำให้ศิลารู้สึกว่าอีกฝ่ายสงสัยในความรู้สึกของเขา ทั้งๆ ที่เขาแสดงออกชัดเจนทุกอย่าง หากไม่ใช่ว่าถูกคนเป็แม่พูดอะไรใส่มาคงจะไม่เป็แบบนี้
“คุณกนกเธออาจจะพูดถูกก็ได้นะศิ”
“อะไร??”
“เราอยู่ด้วยกันตลอด ไม่เห็นความแตกต่างหรอก ลองห่างกันหน่อยไหมเพื่อดูว่าเรายังคงรักและคิดถึงกันอยู่รึเปล่า ศิเองก็จะได้ทบทวนตัวเองดูใหม่”
“พี่พูดอะไรออกมา” ศิลาถามเสียงเรียบ ไม่บ่อยนักที่เขาจะใช้โทนเสียงนี้กับปัณณวีร์ นั่นแสดงว่าตอนนี้เขาไม่พอใจแล้ว
“คุณกนกบอกว่าถ้าพี่ยอมเซ็นสัญญากับช่องเขาจะให้ทุกอย่างที่พี่้า แต่ต้องแลกกับอีกหนึ่งสิ่งคือให้ลองห่างกันกับศิ เพราะเขาอยากให้ศิได้ลองทบทวนตัวเองดู ว่าศิชอบผู้ชายจริงๆ หรือแค่หลงผิดไปเท่านั้น”
“พี่ตอบตกลงไปงั้นหรอ” ศิลามองคนพี่นิ่ง แววตามีไอของความโกรธออกมาเล็กน้อยแต่มือที่จับมือปัณณวีร์อยู่ก็ยังคงไม่ปล่อยแต่กลับจับไว้แน่นกว่าเดิม
“เปล่า” คำตอบของปัณณวีร์ทำให้ศิลาใจชื้นขึ้นมาหน่อยก่อนจะต้องทำหน้าบึ้งตึงอีกครั้ง “เพียงแต่พี่ลองกลับมาคิดแล้ว ที่เขาบอกมาก็มีเหตุผลเราควรจะลองดูไหม...”
ปัณณวีร์ไม่ค่อยกล้าสบสายตาของศิลาตอนนี้เท่าไหร่นัก มองแวบเดียวก็รีบหลบสายตา พอถามออกไปแบบนั้นก็ไม่มีคำตอบจากศิลาเลยนอกจากความเงียบที่เข้าปกคลุมทั้งห้อง
TBC.