ตอนที่ 20
หลังจากเื่ของดาราสาว ตาล ที่มีการออกมาเถียงกันระหว่างแฟนคลับที่ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ก็มีแค่นั้นไม่ได้ส่งผลเสียต่อตัวละครมากนัก แต่หลังจากนั้นไม่กี่วันก็มีปัญหาเกิดขึ้นอีกเมื่อแอนตี้แฟนหรือกลุ่มคนที่ไม่ได้ชื่นชอบดาราที่แสดงเป็ตัวละครพระเอกของเื่ ขุดคุ้ยเื่ราวในอดีตของนักแสดงหนุ่มมาแฉว่าเ้าตัวนั้นเคยเสพยาเสพติดมาก่อน เป็เื่ที่นานและถูกปิดอย่างดี
เื่นี้เป็เื่ที่กนกไม่ได้ลงมือแต่เป็ปัญหาที่เกิดขึ้นมาเอง แต่ก็ทำให้เธอหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ ไม่ต้องลงมือเองก็มีคนมาทำให้ปัณณวีร์ปวดหัวขึ้นมาอีก เรียกได้ว่าเป็่ดวงตกก็ว่าได้
“นักแสดงคนนี้ไม่ได้อยู่ในสังกัดเรา เพราะงั้นช่วยกระจายข่าวนี้ให้ดังอีกหน่อยหรือถ้าให้ดีก็ช่วยขุดประวัติเพิ่มก็ได้ เผื่อว่าจะได้เจออะไรดีๆ อีก ฉันจะใช้เื่นี้รวมถึงปัญหาต่างๆ ที่ผ่านมาของละครเข้าที่ประชุม” มือขาวมีรอยเหี่ยวย่นไปตามกาลเวลายกแก้วกาแฟขึ้นดื่มเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ
“ละครที่มีแต่เื่ให้เสียงบประมาณ ไหนจะเื่ฉาวของพระเอกในเื่ แบบนี้จะดันยังไงก็คงไม่ขึ้นแล้วละ”
“จริงค่ะ แบบนี้ถือว่า์เข้าข้างเราหรือเปล่าคะ” เลขาเอ่ยเสริม
“ต้องเป็แบบนั้นอยู่แล้ว ก็สิ่งที่ฉันทำมันถูกต้องหนิ ์ก็ต้องเข้าข้าง” กนกกล่าวออกมาอย่างมั่นอกมั่นใจ
“แต่คุณกนกไม่กลัวว่าบริษัทคู่แข่งจะมาเอาเื่นี้ไปทำต่อหรอคะ เนื้อหาเื่ดีมากเลยนะคะ” แม้ว่าเธอจะช่วยแต่ก็มีบ้างที่ไม่ได้เห็นด้วย แต่ก็ไม่ได้ห้ามอยู่ดี
“ใครจะกล้าเสี่ยงมาลงทุน กระแสละครติดลบั้แ่ยังถ่ายไม่เสร็จแบบนี้ อีกอย่างพวกบริษัทเล็กๆ เราก็ยื่นข้อเสนอให้เขาซะหากว่าเขาไม่รับละครเื่นี้ของปัณณวีร์”
“แต่ยังมีบริษัทใหญ่ๆ อย่าง บุญบวร มัลติมีเดีย”
“ชื่อเสียขนาดนี้ ช่องใหญ่แบบนั้นคณะกรรมการก็คงไม่อยากเหมือนกันนั่นแหละ เกิดเื่แบบนี้ขึ้นยิ่งทำให้เห็นว่าปัณณวีร์เป็คนที่จัดการอะไรได้ไม่ดี จากจะดังก็คงดับซะก่อน” หากว่าเป็เมื่อก่อนเธอคงจะสนับสนุนเด็กคนนี้สุดๆ เลขาคนสนิทถึงกับถอนหายใจในใจ จากคนที่เคยรักและเอ็นดู รู้ว่าไม่ได้ชอบผู้หญิงก็ยังไม่เท่าแอบคบกับผู้เป็ลูกชายคนเล็กก็แปรเปลี่ยนเป็ไม่ชอบได้ในพริบตา
ปัณณวีร์คิดว่าเดือนนี้เขาใช้ยาพาราหมดไปเป็กระปุกแล้วเพราะเื่มากมายที่เข้ามาล้วนแต่ทำให้เขาปวดหัวและเครียดทั้งนั้น โดยเฉพาะครั้งนี้ที่มันดูจะรุนแรงมาก พระเอกเคยติดยา แม้จะเป็อดีตแต่มันก็ส่งผลต่อละครที่กำลังถ่ายทำอย่างมาก เขาถูกกนกเรียกไปคุยว่าละครเื่นี้อาจจะไม่สนับสนุนงบต่อแล้ว เพราะต่อให้ทำไปเรตติ้งก็ไม่มีทางดีขึ้นมา นอกซะจากว่าจะเปลี่ยนตัวพระเอกใหม่ ซึ่งแน่นอนว่างบในตอนนี้ที่มีอยู่ไม่สามารถทำแบบนั้นได้ และทางเจทีเอ็นก็ไม่ช่วยแล้วด้วย
“พี่วีร์ เราจะเอายังไงต่อคะ” ทุกอย่างต้องหยุดลงเพื่อดูสถานการณ์ตอนนี้ พระเอกของเื่ถูกสังคมโจมตีเื่เล่นยา ปัณณวีร์คุยกับผู้กำกับแล้วเห็นควรว่าควรพักก่อน
“คุณกนกบอกจะขอถอนตัวนักแสดงของทางช่อง เพราะเธอมีงานอีกมากที่ต้องทำไม่อยากให้เสียเวลากับละครที่ดูจะไปต่อไม่ได้” แม้จะเป็คำพูดที่ดูโหดร้ายไปหน่อยแต่มันก็คือความจริง
“น้องตาลน่ะหรอคะ” ปัณณวีร์พยักหน้าเป็คำตอบ เธอเป็นักแสดงคนเดียวจากทางช่อง ที่เหลือนั้นเป็นักแสดงอิสระที่ไม่ได้มีสัญญากับช่องไหน
“ชา”
“คะ” ชารอฟังว่าปัณณวีร์จะพูดอะไร ปัณณวีร์ถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะพูดขึ้น
“พี่ว่าละครเื่นี้อาจจะต้องหยุดถ่าย”
“พี่วีร์” ชาเรียกเสียงเบา เป็ครั้งแรกที่เห็นว่าปัณณวีร์มีสีหน้าเครียดและเป็กังวลมากขนาดนี้ และเป็ครั้งแรกของพวกเขาเช่นเดียวกันที่ต้องเลิกถ่ายละครกลางคันแบบนี้
“นอกจากทางนี้พี่ไม่เห็นมีทางออกอื่นแล้ว หากจะถ่ายต่อก็ต้องยอมรับว่ามันอาจจะเรทติ้งไม่ดี แล้วก็ต้องเปลี่ยนตัวนักแสดง อีกอย่างชาคิดว่าทางเจทีเอ็นยังจะซื้ออยู่หรอ” หากไม่มีเื่ผิดใจกันระหว่างเขากับกนก อย่างน้อยๆ ปัณณวีร์ก็ยังพอมีที่พึ่งได้ว่ากนกจะช่วยเหลือ แต่พอเป็แบบนี้เขารู้เลยว่า
นอกจากจะไม่ช่วยเหลือแล้ว ยังจะหาทางซ้ำเติมแน่ๆ
“บางที หากมันไม่ไหวแล้ว เราก็ควรต้องปล่อยนะ” ปัณณวีร์พูดขึ้นอีกภายในห้องที่เงียบและเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด
“พี่วีร์ไม่ลองไปหาเงินทุนจากที่อื่นล่ะคะ ในเมื่อเจทีเอ็นจะไม่เอาแล้วก็ไม่ต้องไปสนใจเขาบ้างสิ”
“ทำแบบนั้น...” หากทำแบบนั้นปัณณวีร์ก็กลัวว่าจะมีปัญหากับศิลาและศรุต คิดว่าทั้งสองก็คงจะลำบากใจเหมือนกันที่ช่วยอะไรไม่ได้แต่พอนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ก็ทำให้ปัณณวีร์ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
“ชาช่วยไปซื้อกาแฟให้พี่ที กลับมาแล้วก็เอารายชื่อช่องและเบอร์ติดต่อมาด้วย”
“พี่วีร์จะติดต่อไปที่ช่องอื่นหรอคะ” ชาถามด้วยรอยยิ้มอย่างมีความหวัง เพราะเธอก็ไม่ได้อยากให้ละครเื่นี้ต้องถูกพับเก็บไป
“อื้ม”
“ได้ค่ะ” หลังจากออกไปแล้ว ปัณณวีร์จึงหยิบมือถือขึ้นมากดโทรหาใครบางคน แม้ในใจจะไม่อยากทำวิธีนี้แต่มันก็เป็ทางเดียวที่ทำได้ ณ ขณะนี้
“ดี! ดีจริงๆ” กนกตบมือลงกับโต๊ะด้วยความโมโห หลังจากที่เรียกปัณณวีร์มาคุยได้เพียง 4-5 วัน ข่าวของนักแสดงหนุ่มที่เคยเสพยาก็ยังไม่ซาไป กนกให้เลขาไปขุดหาประวัติมาอีกก็พบว่าเคยมีเื่ชกต่อยกันแย่งแฟนคนอื่นอีก ก็ได้ข่าวใหม่มาอีกว่าปัณณวีร์ไม่ตอบรับข้อเสนอที่เธอมอบให้ ซึ่งก็คือการทิ้งละครเื่นั้นแล้วมาเซ็นสัญญากับช่อง แต่กลับไปเสนอละครเื่นี้กับมาวิน ประธานบริหารของ บุญบวร
และที่กนกไม่คาดคิดคือ ทางนั้นจะรับเื่ไว้พิจารณา ซึ่งก็แสดงว่ามีโอกาสจะรับเื่นี้ไว้ กนกไม่รู้ว่าฝ่ายคู่แข่งคิดอะไร ถึงได้ทำแบบนั้นทั้งๆ ที่ละครมีแววว่าจะดึงไม่ขึ้นแล้ว หรือคิดว่าหากเปลี่ยนตัวนักแสดงทั้งหมดจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น
“ก็ทางเราเทเขาทิ้ง เขาจะไปหาที่เกาะใหม่ก็ไม่แปลกไม่ใช่หรอครับแม่” ศรุตพูดขึ้น พยายามจะบอกคนเป็แม่แล้วแต่เพราะเธอ้าบีบปัณณวีร์และมั่นใจว่ายังไงอีกคนก็ไม่มีที่พึ่งทางอื่นจึงไม่ยอมฟัง
“รุต อย่ามาเสียงแข็งใส่แม่นะ” กนกมองลูกชายคนโตด้วยสายตาตำหนิ แต่ศรุตก็ไม่ได้กลัวอยู่แล้วจึงตอบโต้กลับไป
“มันก็สมใจแม่แล้วไม่ใช่หรอครับ แม่อย่าคิดว่าผมไม่รู้นะว่าแม่ทำอะไรไว้บ้าง ปัญหาที่เกิดขึ้นในระหว่างถ่ายทำละครเื่นี้ของวีร์เป็ฝีมือแม่”
“ไม่ใช่!”
“ไม่ใช่แค่ครั้งนี้รึเปล่าครับ? แต่สุดท้ายแม่ก็ใช้เื่นี้มาเสนอคณะกรรมการ ลงมติกันให้ถอนทุนจากละครเื่นี้ แล้วแบบนี้แม่จะมาโมโหอะไรครับถ้าหากวีร์ไปเสนอให้ที่อื่น ผมบอกแม่ก่อนแล้วแต่ก็ไม่เคยฟัง” ศรุตเองก็อยากจะะโใส่หูพวกคณะกรรมการบริหารแก่หัวหงอกเหลือเกินว่าที่เห็นด้วยเพียงเพราะคำพูดที่ดูจะมีน้ำหนักของกนกกำลังทำให้พวกเขาพลาด
“แทนที่จะยอมเซ็นสัญญากับเราไง แต่ดันไปหาที่พึ่งที่อื่น ไม่เท่ากับว่าหักหลังเราหรอ ไหนบอกดิบดีว่ายังไงก็ไม่มีทางไปทำให้ช่องอื่น”
“แม่ครับ” ศรุตไม่รู้จะพูดยังไงแล้วกับความคิดของผู้เป็แม่ที่เอาแต่คิดว่าตัวเองถูก และคนอื่นเลือกผิดเอง ไม่ได้มองเลยว่าสิ่งที่ตัวเองทำมันก็ไม่ได้ถูกที่ไปบีบบังคับ และใช้วิธีสกปรกแบบนั้นเพื่อที่จะได้จัดการกับคนที่ศิลารักแต่ตัวเธอเองไม่ได้ชอบด้วย
“ผมบอกแม่ไปแล้วนะครับ ผลสรุปของเื่นี้สุดท้ายจะเป็ยังไงก็รอดูก็แล้วกัน” ศรุตทิ้งท้ายไว้อย่างนั้นก่อนจะลุกแล้วเดินออกจากห้องไป
“รุตกลับมาคุยกับแม่ ศรุต!” กนกกำมือแน่น นึกโกรธปัณณวีร์ขึ้นมาอีก ที่ต้องมาทะเลาะกับลูกชายคนโตแบบนี้ก็เพราะเื่ของปัณณวีร์ เพราะคนคนเดียว
“ไม่คิดเลยว่าคุณกนกเธอจะไม่แยกเื่งานกับเื่ส่วนตัวแบบนี้ ไม่เหมือนคุณกนกที่เคยรู้จักเลยแฮะ” น้ำหนึ่งว่า เพราะ่นี้ไม่ได้ถ่ายทำอะไร ปัณณวีร์จึงมาเล่นมาพูดคุยกับเพื่อนสนิท และวันนี้ั้แ่เช้าปัณณวีร์ก็แทบไม่จับโทรศัพท์ บอกกับศิลาไว้แค่ว่าจะกลับคอนโด่เย็นๆ
“นั่นน่ะสิ เมื่อก่อนฉันคิดว่าเขาเป็คนเก่งมีความคิดกว้างไกลและใจดี เขาแยกเื่งานเื่ส่วนตัวมาเสมอ แม้แต่กับศิเขาก็ไม่เคยจะดันเกินความสามารถของศิ คงจะรับเื่ที่ฉันคบกับศิไม่ได้จริงๆ นั่นแหละ”
“เขาเพิ่งรู้เื่นี้ได้ไม่นาน ทำไมถึงไม่ลองเปิดใจและอยู่กับมันก่อนนะ จะได้รู้ว่ารับไม่ได้จริงๆ หรือว่าแค่ไม่ยอมเปิดใจยอมรับ”
“ไม่รู้สิ บางทีคนที่มีอคติในใจก็ใช่ว่าจะเปิดรับเื่นั้นได้ง่ายๆ”
“ถ้าเกิดคุณมาวินตอบรับล่ะ” น้ำหนึ่งมองหน้ากับปัณณวีร์เพื่อรอคำตอบ
“ก็ดีน่ะสิ กลัวแต่คณะกรรมาการจะไม่เห็นด้วย” ละครที่ถูกโปรโมทไปแล้วแถมคนยังจำเพราะพระเอกเคยเล่นยาเสพติดอีกแบบนี้ ต่อให้เปลี่ยนนักแสดงทั้งหมดก็มีโอกาสที่จะแมสได้ยากมาก แต่เพราะบทของเื่มันดี พอเอาไปคุยกับมาวินเ้าตัวจึงตอบรับว่าจะเอาไปพิจารณา ประชุมกับคณะกรรมการบริษัทก่อนจะให้คำตอบ
ปัณณวีร์ไม่ได้ติดต่อไปแค่ที่เดียว เขาติดต่อไปยังช่องเล็กช่องน้อยต่างๆ ก็ไม่มีใครสนใจ ถูกปฏิเสธมาหมด มีเพียงมาวินที่ตอบรับทำให้ดูเหมือนมีความหวังขึ้นมาหน่อยหลังจากที่ถูกเจทีเอ็นตัดหางปล่อยวัดก็ไม่ปาน
“จะไม่ผิดใจกันกับศิลาหรอ ยังไงนั่นก็เป็บริษัทของครอบครัวเขานะเขาเสียผลประโยชน์แบบนี้...” น้ำหนึ่งกลัวว่าเื่นี้จะทำให้ทั้งสองผิดใจกันขึ้นมา
“ไม่หรอก ศิเขาเข้าใจ เื่นี้หากจะโทษก็ต้องโทษที่แม่ของเขาถึงจะถูก”
“จะว่าไป คุณกนกจะไม่ใช้เื่นี้ทำให้แกกับศิลาผิดใจกันหรอ”
“ก็คิดไว้แบบนั้นเหมือนกัน” ปัณณวีร์คิดไว้อยู่แล้วว่ายังไงกนกก็คงไม่พลาดที่จะพูดว่าเขาให้ศิลาในแง่ไม่ดีแน่ๆ
เย็นวันนั้นศิลาก็ถูกเรียกให้กลับบ้านก่อน โดยกนกบอกว่ามีเื่จะคุยด้วย ทำให้ไม่ได้มาที่คอนโดทันทีหลังเลิกกอง เ้าตัวอยากจะไปอยู่กับคนพี่มากกว่า แต่หากไม่กลับมาคุยยังไงกนกก็ต้องไปหาที่คอนโดเพื่อคุยอยู่ดี ศิลาจึงมาที่นี่ก่อนแล้วค่อยไปคอนโด
“ลูกเห็นไหม สุดท้ายมันก็หักหลังเรา”
“อย่าเรียกพี่วีร์ว่ามันครับ แม่เคยสอนผมไว้ลืมแล้วหรอ สอนผมแต่ว่าทำเองแบบนี้จะยังไปสอนใครได้ครับ” ศิลาสวนกลับทันที เพราะกนกเคยสอนเอาไว้จริงๆ ว่าไม่ให้ลูกพูดคำหยาบ ไม่ให้เรียกคนอื่นว่ามัน กนกถึงกับพูดไม่ออกไปเกือบนาที
“แตะต้องไม่ได้เลยนะ ทั้งๆ ที่ลูกควรจะเข้าข้างแม่ เข้าข้างบริษัท เจทีเอ็นก็เป็บริษัทของลูกเหมือนกัน ลูกเองก็มีหุ้นอยู่”
“ผมรู้ แล้วจะให้ทำยังไงล่ะครับ เท่าที่รู้มาก็เป็แม่ไม่ใช่หรอที่บีบพี่วีร์ ั้แ่เื่ของตาลแล้ว แล้วไอ้เหตุการณ์ที่ทีมงานวางยาให้ทุกคนในกองถ่ายท้องเสียก็คงเป็ฝีมือแม่โดยไม่ต้องสืบอะไรเลย”
“อย่ามาปรักปรำแม่นะศิลา วีร์บอกลูกแบบนั้นหรอ”
“เปล่า พี่วีร์ไม่เคยบอกว่าแม่ทำ ไม่เคยพาดพิงถึง ผมรู้เมื่อไม่นานมานี้ เพราะเค้นถามจากพี่วีร์ถึงได้รู้ว่าที่เขาเครียดอยู่เกือบทุกวันนั้นเพราะปัญหายิบย่อยที่เกิดขึ้น”
“ปัญหาพวกนั้นมันเกิดขึ้นแล้วเกี่ยวอะไรกับแม่” กนกยังคงยืนยันหนักแน่น ไม่มีหลักฐานจะมาเอาผิดอะไรกับเธอได้
“แม่ทำอะไรใจแม่รู้ดีที่สุด แล้วที่เรียกผมมาวันนี้เพราะจะคุยแค่นี้หรอครับ”
“ไม่ใช่แค่นี้ ใช้คำว่าแค่นี้ได้ยังไงศิลา เราเสียเงินกับปัณณวีร์ไปมากแค่ไหน แต่สุดท้ายก็ไปเกาะไม้ใหญ่ที่อื่น สิ่งที่ลูกต้องทำคือเอาตัวเขามาเซ็นสัญญากับเราซะ” พอนึกถึงคำของศรุตที่เคยบอกเอาไว้ว่าทำแบบนี้เท่ากับปล่อยหมูที่เลี้ยงจนอ้วนเข้าป่าไปให้เสือตัวอื่นกินกนกก็ต้องเปลี่ยนวิธี แม้จะไม่อยู่ใกล้กับศิลา แต่การผูกมัดอีกฝ่ายเอาไว้ย่อมดีกว่า จะบีบก็ตาย จะคลายก็รอด
“เพื่ออะไรครับ แม่ปล่อยเขาไปเองก็ดีแล้วไม่ใช่หรอ”
“ไม่ได้!! ลูกต้องพาเขากลับมา แม่อยากจะรู้นักว่าเขาจะเลือกอะไร ระหว่างลูกกับอิสระการทำงานของตัวเขา มันก็เป็บทพิสูจน์ไม่ใช่หรอ ว่าถ้าเขาเลือกจะเซ็นสัญญากับบริษัท ก็เท่ากับว่าเขาอยู่ข้างลูก แต่ถ้าเขาไม่ทำก็แสดงว่าลูกไม่ได้สำคัญกับเขาขนาดนั้น” กนกยิ้ม เธอใช้วิธีนี้เพื่อจะลองใจปัณณวีร์ด้วยและไม่ว่าปัณณวีร์จะตัดสินใจยังไงเธอก็มีแต่ได้
“แม่ มันไม่ใช่เื่ที่จะเอามาวัดความจริงใจกันนะครับ” ศิลาเองเป็คนกลาง เขาไม่ได้อยากให้แม่บังคับหรือว่าตัวเขาเองก็ไม่อยากไปกดดันปัณณวีร์ แต่ถ้ามองในมุมของผลประโยชน์แล้วเขาก็ควรจะทำแบบนั้น
“ถ้าลูกไม่ทำแล้วใครจะทำ มีเพียงแค่ลูกเท่านั้นที่จะคุยกับปัณณวีร์ได้” เรียกว่าศิลาเป็ไม้ตายสำหรับเจทีเอ็นก็ว่าได้ หากไม่ใช่เพราะครั้งนี้ปัณณวีร์เหมือนถูกตัดหางปล่อยวัด เขาคงไม่ไปหาทางอื่นอย่างแน่นอน เพราะเขาเองก็ยังมีลูกน้องและทีมงานต้องดูแลและรับผิดชอบ หากว่าตัวเขาคนเดียวก็คงไม่ต้องดิ้นรนขนาดนี้
“จริงๆ เื่นี้มันก็มีทางออกอื่น แค่แม่สนับสนุนพี่วีร์เหมือนเดิม เหมือนเมื่อก่อนมันก็คงไม่มีปัญหาแบบนี้”
“เขาจะเอาแต่ได้งั้นหรอ?? เราให้ไปเท่าไหร่ มาถึงจุดจุดนี้ก็เพราะเรา แต่ทำไมไม่ยอมเซ็นสัญญากับเรา ก็เพราะเขาคิดว่าอนาคตเขาไปได้ไกลกว่านี้หากว่าติดสัญญากับเราหากมีโอกาสดีๆ เข้ามาก็จะเสียโอกาสนั้นไป”
“มันก็เป็แบบนี้ไม่ใช่หรอครับ ขนาดเรายังอยากได้ผลประโยชน์ที่ดีที่สุด คนอื่นก็ต้องคิดแบบเดียวกัน”
“คนแบบนี้เลี้ยงเสียข้าวสุก!!” ศิลาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ระงับอารมณ์ที่เริ่มจะปะทุขึ้นมา วันนี้บ้านทั้งบ้านมีเพียงกนกกับศิลา เพราะอาธิปไปเยี่ยมน้องชายที่ต่างจังหวัดเนื่องจากป่วยจนเข้าโรงพยาบาล ส่วนศรุตก็ยังไม่กลับมา จึงไม่มีใครเข้ามาห้ามทั้งสอง
“ที่แม่ให้ผมทำ ผมทำไม่ได้หรอกครับ”
“นี่ลูกเลือกมันมากกว่าแม่!?” ศิลารู้สึกไม่ชอบ ไม่ชอบที่กนกมักให้เขาเลือกอยู่เสมอๆ ครั้งนี้ก็เช่นกัน
“....”
“ลูกเลือกมาดีกว่า ถ้าลูกเลือกแม่ก็ทำตามที่แม่บอก เชื่อเถอะว่าแม่คิดเอาไว้ก็เพื่อให้ลูกได้เห็นว่าแท้จริงแล้วปัณณวีร์ไม่ได้รักลูกขนาดนั้น มันรักอิสระทางการทำงานของตัวเองมากกว่าที่จะเสียสละมาอยู่ในกรอบ อยู่ใต้ใคร แต่ถ้าลูกเลือกมันก็ไม่ต้องเรียกแม่ว่าแม่อีก เพราะแม่ไม่เคยมีลูกที่เห็นผลประโยชน์ส่วนตัวของตัวเองมากกว่าผลประโยชน์ของบริษัท”
“แม่” ศิลาเอ่ยเสียงเหนื่อยๆ
กนกเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย เพราะรู้ดีว่ายังไงลูกก็ต้องเลือกเธอ สายสัมพันธ์แม่ลูกจะให้ตัดยังไงก็คงตัดกันไม่ขาด แต่ความรักแบบหนุ่มสาวนั้นขาดสะบั้นได้อย่างง่าย เธอคิดแบบนั้นแต่ก็คงลืมไปว่าศิลาไม่ใช่คนแบบนั้น
“ขอโทษนะครับ ผมเลือกไม่ได้ ขอตัว” กนกถึงกับอ้าปากค้างที่ลูกตอบมาแบบนั้น ถึงจะบอกว่าเลือกไม่ได้ แต่การที่จะหันหลังเดินจากเธอไปก็เป็คำตอบได้แล้วว่าศิลาไม่ยอมทำตามที่ตัวเธอ้า เท่ากับว่าเลือกปัณณวีร์ไม่ใช่หรอกหรอ
“จะไปไหน!?” กนกรีบถามขึ้นทันที
“ผมจะไปนอนที่คอนโดครับ”
“ศิลา!” ไปคอนโดก็เท่ากับว่าไปเจอปัณณวีร์ กนกแทบอยากจะคว้าแขนลูกชายเอาไว้และเอ่ยปากห้าม แต่รู้ดีว่าห้ามไปก็ไม่ได้ผล
เธอลังเลอยู่เล็กน้อยก่อนจะทิ้งตัวลงกับพื้นราวกับหมดแรงเอาเสียดื้อๆ เสียงเหมือนของหล่นลงพื้นทำให้ศิลาที่กำลังจะเดินออกจากบ้านไปหันกลับมามอง เห็นกนกนอนอยู่กับพื้น ไม่ทันได้คิดอะไรมากด้วยความเป็ห่วงศิลาจึงรีบวิ่งกลับมาหา
“แม่! แม่ครับ”
ศิลาอุ้มคนเป็แม่ขึ้นมาบนห้องนอนของเธอเอง ก่อนจะโทรหาพ่อที่ไม่อยู่บ้านในวันนี้พอดี และพี่ชายที่ยังไม่กลับ กนกนึกในใจว่าดีที่อาธิปไม่อยู่ถูกวันและเธอก็ได้ให้ศรุตไปธุระแทน กว่าจะกลับก็คงดึก จึงทำให้ศิลาต้องอยู่เฝ้ากนกก่อนและยิ่งไปกว่านั้นคือกนกจับแขนศิลาเอาไว้แน่นทั้งที่แกล้งสลบอยู่ ศิลาด้วยความเป็ห่วงแม่ก็ไม่ได้คิดอะไร ไม่ได้คิดว่าที่แม่เป็อยู่นั้นคือการแสดง...
“แม่สลบไปนานรึยัง” เกือบสามทุ่มกว่าศรุตจะกลับมาถึงบ้าน เพราะวันนี้เป็เย็นวันศุกร์ ่เวลาแห่งการรถติด
“ั้แ่หัวค่ำแล้ว ยังไม่ฟื้นเลย พาไปหาหมอดีไหม” ศิลาถามเสียงเบา ขณะที่แขนข้างหนึ่งเริ่มเมื่อยแล้วเพราะค้างไว้แบบนั้นเนื่องจากถูกกอดไว้อยู่
ศรุตถึงกับลอบส่ายหน้าเบาๆ “ไปเถอะ พี่เฝ้าแม่ต่อเอง”
“ไปได้ยังไง แม่จับไว้แน่นเลย ก่อนสลบเราทะเลาะกันแม่คงกลัวผมจะไป”
“ไปเถอะ” ศรุตว่าแล้วก็เข้ามาช่วยแกะมือของแม่ออกจากแขนน้องชาย อาจเป็เพราะศรุตรู้จักคนเป็แม่ดีกว่าล่ะมั้ง ถึงได้มองออกว่าที่เป็อยู่ตอนนี้คือแสดงไม่ได้เป็อะไร ศรุตก็แอบแปลกใจอยู่แล้วว่าทำไมถึงได้สลบไปนานขนาดนี้ คงจะมีแต่ศิลาที่ดูไม่ออกหรือเพราะเป็ห่วงและไม่คิดว่าแม่จะใช้ไม้นี้
“ขอบคุณนะ ฝากดูแม่ด้วยแล้วกันถ้าหากว่าตื่นแล้วก็ทักบอกด้วย” เมื่อหลุดจากการพันธนาการของกนกมาแล้วศิลาก็เอ่ยขอบคุณพี่ชาย
“ได้ ไม่ต้องห่วงหรอก จะขับรถไปเองใช่ไหม”
“ใช่”
“ไปเถอะ วีร์มันคงรอแย่” ศิลาพยักหน้ารับก่อนจะรีบออกจากห้องไป ภายในห้องเหลือเพียงศรุตกับกนกที่ยังคงแกล้งหลับอยู่บนเตียง เธอได้แต่คิดในใจว่าอยากจะตีลูกชายคนโตเสียจริงที่เข้ามาทำให้เสียแผน
“แม่อาจจะหลอกศิได้นะครับ แต่ใช้กับผมไม่ได้ เพราะแม่เคยใช้แล้ว” เพราะเคยเจอมาก่อนถึงได้รู้ด้วย ศรุตมองคนเป็แม่ที่ยังคงนอนนิ่งอยู่จึงพูดต่อ “ผมเหนื่อยมาก ขอตัวไปพักก่อน อาหารผมซื้อมาไว้อยู่ในห้องครัว ลงไปทานด้วยนะครับเดี๋ยวจะหิวเอา”
พูดจบศรุตก็ออกจากห้องไปอีกคน พอได้ยินเสียงปิดประตูห้องแล้วกนกก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาและลุกขึ้นนั่ง พอเห็นว่าวิธีนี้ใช้ได้ผลเธอก็รู้สึกพอใจ เพราะเหมือนได้รู้วิธีที่จะทำให้ศิลายอมลงให้แล้ว
ศิลามาถึงที่คอนโดก็มาที่ห้องของปัณณวีร์ทันที คนพี่กำลังจะนอนแล้วเพราะเพิ่งกินยาไปแล้วรู้สึกง่วง ปัณณวีร์เห็นสีหน้าที่ดูโทรมๆ ไปของพี่ก็เห็นใจ คงเพราะความเครียดทำให้ต้องคิดเยอะหน้าจึงโทรมอย่างเห็นได้ชัด พอปวดหัวก็กินยาอีกเนื่องจากปัณณวีร์เป็ไมเกรนอยู่แล้ว
“นอนเถอะครับ ผมจะนวดให้” ทั้งสองอยู่บนเตียง ศิลานั่งพิงหัวเตียงมีปัณณวีร์นอนหนุนตักอยู่ จากปกติเป็ศิลาที่ชอบนอนตักของคนพี่
“เหนื่อยจังเลย” ปัณณวีร์หลับตาและพูดขึ้น พอได้อยู่กับศิลา ได้รับััจากอีกฝ่ายกลับทำให้ปัณณวีร์รู้สึกผ่อนคลาย
“เหนื่อยก็พัก ผมอยู่กับพี่” ศิลานวดเบาๆ ที่บริเวณขมับให้ปัณณวีร์อยู่ไม่นาน เ้าของห้องก็หลับไป
ศิลาก้มมองใบหน้าหวานที่หลับสนิท และนึกถึงเื่ที่แม่ของตัวเองได้พูดเอาไว้ก็ไม่อยากให้ปัณณวีร์ได้ยินหรือรับรู้ ศิลารู้ดีว่าหากปัณณวีร์รู้ก็คงต้องลำบากใจแน่ สำหรับปัณณวีร์เขาต้องยอมจะทำเพื่อศิลาอยู่แล้วหากรู้ว่ากนกใช้มันเพื่อพิสูจน์ความจริงใจแต่ศิลาไม่ได้้าให้มาพิสูจน์อะไรแบบนี้
“เมื่อคืนพี่หลับไปตอนไหน” ปัณณวีร์ตื่นมาในตอนเช้าั้แ่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น เพราะนอนเร็วกว่าเวลาปกติจึงตื่นแต่เช้า แต่ตื่นมาก็ไม่ได้ลุกไปไหน เนื่องจากปัณณวีร์ไม่ได้ออกกองแล้ว ส่วนศิลาวันนี้ก็เป็วันหยุด
“ผมนวดให้ไม่นานพี่ก็หลับ ขี้เซาจริงๆ นะ เมื่อคืนผมเลยไม่ได้แสดงความรักกับพี่เลย” ศิลาใช้นิ้วหัวแม่มือเกลี่ยแก้มเนียนเบาๆ
“แสดงความรักแบบไหน มีหลายเลเวลนะ”
“แบบนี้” ศิลายื่นหน้าเข้ามาจูบริมฝีปากบางเบาๆ ขบเม้มนิดหน่อยก่อนจะผละออก “เติมพลังให้ตอนเช้า”
“น่ารักที่สุด ว่าแต่เมื่อวานนี้เกิดอะไรขึ้นหรอ??” ศิลาบอกแค่ว่าต้องกลับบ้านไปคุยกับแม่ก่อนแต่ยังไม่ได้เล่าเื่ที่คุยกันให้ปัณณวีร์ฟัง
“ก็เื่นี้แหละ แม่บอกว่าพี่หักหลังบริษัทเราไปทำละครให้บริษัทคู่แข่ง”
“พี่ขอทะ...”
“ไม่ใช่ความผิดของพี่” ศิลาพูดขึ้นก่อน
“ไม่โกรธหรอ”
“มีอะไรให้โกรธ ถึงผมจะเห็นแก่ผลประโยชน์ของบริษัทแต่พี่คือคนรัก หากโกรธพี่ก็ไม่ต่างจากแม่ที่เห็นพี่เป็เพียงคนทำเงินให้บริษัท” ปัณณวีร์ก้มหน้าเล็กน้อย ศิลาเห็นจึงได้ถามขึ้นเพราะดูเหมือนอีกฝ่ายมีเื่ในใจ
“มีอะไรรึเปล่า เป็อะไรหรอครับ”
คนถูกถามเงยหน้ามาสบตา แล้วระบายยิ้มออกมา “ไม่มีอะไร พี่แค่รู้สึกว่าโชคดี”
“โชคดีอะไร?”
“โชคดีที่มีศิอยู่ด้วยตอนนี้” มือเล็กลูบแก้มของศิลาไปมาก่อนจะขยับเข้าไปกอดอีกฝ่ายไว้อย่างนั้นจนเกือบจะเจ็ดโมงจึงได้พากันลุกไปอาบน้ำและทานข้าว เพราะ่นี้ไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกันเลย วันนี้ปัณณวีร์จึงไม่เข้าออฟฟิศและทำงานที่คอนโดแทนจะได้อยู่กับศิลา
แต่อยู่ได้ไม่ถึงครึ่งวัน ศิลาก็ได้รับโทรศัพท์จากกนกบอกว่าเธอปวดหัว อยู่บ้านคนเดียว ณ ตอนนี้ ให้ศิลากลับมาอยู่เป็เพื่อนหน่อย เธอเล่นโทรมาถามทุกๆ 10 นาทีว่าถึงไหนแล้วจนสุดท้ายศิลาต้องไป ปัณณวีร์อยากจะไปด้วยเพราะไหนๆ ก็ไม่ได้เข้าออฟฟิศแล้ว อีกอย่างก็อยากจะอยู่กับคนน้องด้วย
แต่ศิลาไม่ให้ไปด้วย บอกว่ากลัวจะได้ทะเลาะกับกนกอีก ความจริงคือศิลาไม่อยากพาปัณณวีร์ไปเจอกนกเพราะกลัวว่าแม่จะพูดเื่เมื่อวานกับปัณณวีร์
“ตอนเย็นผมจะกลับมานอนด้วย” ศิลาบอกก่อนที่จะเปิดประตู
“อื้ม ขับรถดีๆ”
“ครับ” ปัณณวีร์ถอนหายใจอย่างเซ็งๆ ที่ถูกแย่งเวลาอันน้อยนิดไป อุตส่าห์ว่าจะใช้เวลาอยู่ด้วยกันซะหน่อย
สุดท้ายแล้วคืนนั้นศิลาก็ไม่ได้กลับมา มีเพียงโทรมาบอกว่ากนกไม่สบายต้องคอยอยู่ดูแลเพราะอาธิปยังไม่กลับ ส่วนศรุตก็ช่วยไม่ได้แล้วครั้งนี้เพราะกนกไม่ยอมกินข้าวกินยาเลยหากว่าศิลาไม่มาอยู่ด้วย จึงทำให้เธอดึงศิลาไว้ที่บ้านได้ทั้งคืน
TBC.