“หยุดกันให้หมด!” จ้าวเหวินเฉียงคำรามด้วยความโมโห
แรงยับยั้งของหัวหน้าหมู่บ้านไม่อาจดูแคลนได้
ทั้งสองฝ่ายล้วนสงบลงไปชั่วขณะ
“จ้าวหงซาน ต่อยเ้าก็ต่อยแล้ว ความโมโหก็ปล่อยออกมาแล้วด้วย อย่าสร้างปัญหาเพิ่มอีกเลย” จ้าวเหวินเฉียงถลึงตามองเขาด้วยความโกรธ
จ้าวหงซานยัง้าจะกล่าวอะไรบางอย่างอีก พอบิดาของเขาออกแรงดึงเล็กน้อย เขาก็จำใจทำเพียงถลึงตาใส่จ้าวเอ้อร์หม่าจื้อแวบหนึ่ง แล้วถอยหลังไปอีกฝั่ง
จ้าวเหวินเฉียงมองเขาหนหนึ่งด้วยความพอใจ แล้วหันหน้าไปทางจ้าวเอ้อร์หม่าจื้อ สายตาเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วและดุดันขึ้นมา เขาไม่อาจยอมให้ในหมู่บ้านปรากฏเหลียงหู่คนที่สองออกมาได้แน่
“เอ้อร์หม่าจื้อ ว่าไปแล้ว เ้ากับหงซานและหงยู่ก็เติบโตมารุ่นเดียวกัน รู้จักกันั้แ่เล็ก เ้ารู้สถานการณ์ของหงยู่ชัดเจน ยังไปตามก่อกวนนางอีก ไม่คิดว่าเกินไปหน่อยหรือ? นางน่าเวทนาเพียงนั้น เ้ายังจะไปซ้ำเติมรอยเดิมอีก มโนธรรมของเ้าจะไม่เ็ปบ้างหรืออย่างไร?” จ้าวเหวินเฉียงกล่าวด้วยน้ำเสียงเข้มงวด
บรรยากาศเอาจริงเอาจังต่างฝ่ายต่างยืนกรานไม่ยอมอ่อนข้อให้กัน เพราะคำพูดของเขาประโยคนี้ อีกนิดเจินจูเกือบจะไม่ยิ้มออกมาแล้ว
คิดถึงมีมตลก ’มโนธรรมของเ้าจะไม่เ็ปหรือ’ [1] ที่นิยมเป็พิเศษอยู่พักหนึ่ง รอยยิ้มบนใบหน้าก็กลั้นไว้ไม่อยู่
“หัวหน้าหมู่บ้าน ก็เพราะพวกข้าเติบโตมารุ่นเดียวกัน ข้าจึงสงสารชีวิตที่ขมขื่นของนาง คิดได้ว่านางหย่าแล้ว ส่วนข้าภรรยาก็เสียไปแล้ว เหมาะสมเลยไม่ใช่หรือ” จ้าวเอ้อร์หม่าจื้อแก้ต่างให้ตัวเอง
คำพูดนี้ได้รับการถลึงตามองด้วยความโกรธจากครอบครัวจ้าวหงซานขึ้น เหมาะสมบ้านเ้าสิ! เ้าคนว่างงานจอมี้เีที่ขึ้นชื่อคนหนึ่ง ผู้ใดพบกับโชคร้ายมาแปดชั่วโคตรเข้า นั่นแหละถึงจะเหมาะสมกับเ้า
จ้าวเหวินเฉียงประสบกับความหน้าหนาของเขามามาก จึงรู้สึกได้ว่าไม่มีคำพูดดีๆ จะกล่าวแล้ว “เอ้อร์หม่าจื้อ ครอบครัวหงซานไม่ชอบหน้าเ้า เ้าก็อย่าคิดเื่นี้อีกเลย อาศัยอยู่หมู่บ้านเดียวกัน อย่าล่วงเกินคนมากนัก เ้าก็มีบิดามีมารดาเช่นกัน ต้องคิดใคร่ครวญเผื่อพวกเขาหน่อย”
คำพูดที่กล่าวมาพักหนึ่ง กล่าวจนบิดามารดาของจ้าวเอ้อร์หม่าจื้อล้วนน้ำตาไหลพราก
จ้าวเหวินเฉียงที่มองอยู่ทอดถอนใจข้างใน เอ้อร์หม่าจื้อเป็คนไม่มีประโยชน์ สร้างปัญหาขึ้นทุกวัน พวกเขาสามีภรรยาสองคนเพื่อบุตรชายผู้นี้ ไม่รู้ว่าน้ำตาแห่งความโศกเศร้าไหลออกมาตั้งเท่าไรแล้ว
ชาวบ้านที่มารุมล้อมต่างพากันเห็นใจ
“ั้แ่เล็กเอ้อร์หม่าจื้อผู้นี้ก็ดื้อรั้น สร้างแต่ความวุ่นวายจนคนเอือมระอาสุนัขรังเกียจ [2]”
“ก็นั่นน่ะสิ ขโมยไก่คลำสุนัขทุกวันไม่รู้จักทำสิ่งดีๆ”
“เลี้ยงบุตรชายเช่นนี้ อาจเป็การสะสมความชั่วไว้ในชาติก่อนกระมัง”
“ใช่ๆ ภรรยาเดิมของเขาก็ไม่ใช่ว่าถูกเขาทำให้โมโหจนตายหรือ”
“ใช่ๆ ภรรยาตั้งท้องอยู่ กลับหยิบเงินในบ้านทั้งหมดไปเล่นพนัน หลังภรรยาเขารู้เข้าก็หนึ่งศพสองชีวิต [3] เลย”
“ตอนนี้ ยังอยากสร้างความหายนะให้จ้าวหงยู่เขาอีก ไม่คิดเลยสักนิดว่าตนเองท่าทางไส้แห้งเสเพลเช่นนั้น ผู้ใดจะกล้าให้บุตรสาวตนเองแต่งงานด้วย”
“ชีวิตรันทดจริงๆ หากคู่สามีภรรยาสกุลจ้าวรู้เร็วกว่านี้ว่าจะเลี้ยงบุตรอกตัญญูเช่นนี้ ตอนเขากำเนิดออกมาก็ควรเอาเขาไปโยนทิ้งลงน้ำ จะได้ไม่เลี้ยงมาจนโตสร้างความหายนะให้ตนเอง”
“…”
ใบหน้าจ้าวเอ้อร์หม่าจื้อเดี๋ยวเขียวเดี๋ยวขาว เขาจ้องชาวบ้านหนึ่งกลุ่มที่กล่าวนินทาอยู่ตรงหน้าอย่างโเี้ แทบอยากจะโผเข้าไปฉีกปากของคนพวกนั้น
จ้าวเหวินเฉียงมองอย่างส่ายหน้าระอา “เอาล่ะ เื่วันนี้ยุติลงตรงนี้ พวกเ้าสองครอบครัวต่างคนต่างก็แยกย้ายกันเถอะ เอ้อร์หม่าจื้อ เ้าอย่าคิดเื่หงยู่อีกเลย หงซานไม่มีทางเห็นด้วยแน่”
“แยกย้ายเถอะๆ ควรทำอะไรล้วนไปทำเสีย”
จ้าวเหวินเฉียงสองมือไพล่หลังแล้วถอนหายใจเดินออกไป
จ้าวสี่เหวินดึงจ้าวหงซานไปกล่าวขอบคุณหัวหน้าหมู่บ้าน แล้วถึงเดินกลับไปบ้านตนเอง
หูฉางกุ้ยรีบไปด้านหน้า ถามอาการาเ็ของจ้าวหงซาน
จ้าวหงซานส่ายหน้าติดต่อกัน แสดงออกว่าไม่ได้เป็อะไร
จ้าวเอ้อร์หม่าจื้อมองหูฉางกุ้ยที่ไปใกล้อยู่ข้างกายเ้าหงซาน ในใจอดขี้ขลาดไม่ได้
ตอนนี้จ้าวหงซานเป็คนทำงานระยะยาวของสกุลหู นับขึ้นมาแล้วก็เป็คนในการดูแลของสกุลหู คนเช่นเขาตีกันอุตลุดกับจ้าวหงซาน สกุลหูจะออกหน้าให้จ้าวหงซานหรือไม่นะ?
“เฉียงจื้อถือว่าแม่ของร้องเ้าล่ะ เ้าอย่าก่อเื่อีกเลย ได้ไหม?” ท่านแม่สกุลจ้าววิงวอนร้องไห้ไปพลางน้ำมูกไหลไปพลาง
“ท่านแม่ ข้าไม่ได้ก่อเื่ นี่ไม่ใช่ว่าอยากหาลูกสะใภ้ให้ท่านหรือ” จ้าวเอ้อร์หม่าจื้อก้าวเข้าไปในบ้านของตนเอง
“บุตรสาวของจ้าวสี่เหวินได้รับความยากลำบากมามาก ครอบครัวเขาไม่มีทางให้บุตรสาวแต่งงานง่ายๆ หรอก ยิ่งกว่านั้นเป็คนอย่างพวกเราด้วย เ้าตื่นจากฝันเถอะ” บิดาสกุลจ้าวเดินตามเข้าบ้าน กล่าวโน้มน้าวด้วยความกลัดกลุ้ม
จ้าวเอ้อร์หม่าจื้อดึงเสื้อผ้าที่ฉีกขาดบนตัวแล้วโยนทิ้งบนพื้น “ครอบครัวเราทำไม มีที่นามีบ้าน บิดามารดาอย่างท่านก็สุภาพอ่อนโยน ผู้ใดแต่งเข้ามาบ้านเรา ล้วนไม่มีทางถูกเอาเปรียบ”
บิดาสกุลจ้าวมุมปากขมุบขมิบ ไม่กล้าแย้งเขาอีก ทำได้เพียงกล่าวอีกว่า “บุตรสาวของครอบครัวสี่เหวินร่างกายาเ็ยังดีขึ้นได้ไม่ทั้งหมด เ้าอย่าโหยหาอีกเลย พรุ่งนี้ให้แม่เ้าหาแม่สื่อมาพูดคุยสืบหา แล้วค่อยให้แม่สื่อว่ากันเื่ลูกสะใภ้อีกทีเถอะ”
“อื้ม พรุ่งนี้แม่จะพาแม่สื่อจางมา” มารดาสกุลจ้าวรีบกล่าวรับคำ
“ไม่ต้องหรอก ตอนนี้ไม่มีความคิดนั้น เอาล่ะ พวกท่านล้วนออกไปเถอะ ข้าง่วงแล้วจะหลับก่อนสักเดี๋ยว” จ้าวเอ้อร์หม่าจื้อไล่สองคนชราออกจากห้องไปด้วยความรำคาญ
“ลูกชาย าแของเ้าต้องใส่ยาหรือไม่? แม่จะหยิบขี้ผึ้งให้เ้า”
“ไม่ต้อง ไม่ตายหรอก”
“…”
หลังเสียงถอนหายใจสองเสียงนอกห้องดังขึ้น ในที่สุดก็เงียบสงบลง
จ้าวเอ้อร์หม่าจื้อล้มตัวลงบนเตียง ใบหน้ากลัดกลุ้ม
คิดถึงคำถากถางดูถูกของชาวบ้านที่มีต่อเขาขึ้น ความหดหู่ในใจยิ่งโหมพัดกระพือ
ตอนวัยเยาว์่นั้นไม่รู้ความ ภรรยาตั้งครรภ์เขาก็ยังวิ่งไปเดินเตร่ในเมืองกับพวกอิทธิพลท้องถิ่น ต่อมาภายใต้การล่อลวงของพวกเขา ทำให้ติดการพนันอย่างรุนแรงเสียแล้ว ไม่ถึงหนึ่งเดือนก็ล้วงขโมยทรัพย์สินภายในบ้านไปหมดเกลี้ยง หลังภรรยารู้เข้าอารมณ์จึงตึงเครียดนำไปสู่การคลอดก่อนกำหนด สุดท้ายไม่สามารถทนได้จึงหนึ่งศพสองชีวิต
ตอนนี้จ้าวเอ้อร์หม่าจื้อคิดขึ้นมา หัวใจล้วนเ็ปเหลือเกิน ภายหลังเขาเฝ้าอยู่บ่อนพนัน รู้เื่ภายในทุกอย่างของบ่อนพนันแล้ว จึงยิ่งเกลียดชังตนเองในปีนั้นมากยิ่งขึ้น ถ้าเขาไม่ไปเล่นพนัน ตอนนี้ภรรยาและลูกน้อยที่บ้านคงยังมีชีวิตดีๆ อยู่ ครอบครัวก็จะเป็เหมือนครอบครัวทั่วไป
เขากำหมัดแน่น หยดน้ำตาของการสำนึกเสียใจในภายหลังได้ไหลลงมาตามหางตา
“หงซาน เ้าก็ใจร้อนเกินไปแล้ว ไม่หารือกับที่บ้านสักหน่อย แล้ววิ่งไปหาเอ้อร์หม่าจื้อด้วยตัวเองได้อย่างไร” จ้าวสี่เหวินกลับมาถึงบ้าน มองบุตรชายใบหน้าบวมแดงแล้วถอนหายใจไม่หยุด
“ท่านพ่อ ข้าโมโหจนทนไม่ไหว กว่าน้องสาวข้าจะดิ้นหลุดจากเหลียงหู่มาได้ไม่ง่ายเลย ไอ้คนสารเลวนั่นกลับกล้าคิดวางแผนใส่นาง เพ้ย ต่อให้นางจะไม่ได้แต่งงานไปชั่วชีวิต ก็แต่งให้ไอ้ทุเรศเช่นนั้นไม่ได้ อย่างมากข้าก็แค่เลี้ยงนางไปทั้งชีวิตเท่านั้น” จ้าวหงซานเช็ดคราบเืมุมปาก พร้อมกับกล่าวด้วยความโมโห
“ท่านพี่! ล้วนโทษข้าที่ไม่ดี เป็ข้าที่โชคชะตาชีวิตลำบาก เลยพัวพันไปถึงพวกท่าน” จ้าวหงยู่ปรากฏออกมาอยู่หน้าประตูอย่างน้ำตาคลอ
พานซื่อรีบเช็ดน้ำตาและเดินเข้าไปประคองบุตรสาว
“นี่จะโทษเ้าได้อย่างไรกัน โชคชะตาของเ้าลำบากมาพอแล้ว ทำไม์ยัง้าทรมานเ้าเช่นนี้ ลูกที่มีชีวิตขมขื่นของข้า”
สองแม่ลูกเริ่มกอดกันร้องไห้
สองพ่อลูกทอดถอนใจอยูด้านข้าง
“…”
เจินจูกับหูฉางกุ้ยยืนอยู่อีกด้านหนึ่ง มองครอบครัวนี้อย่างพูดไม่ออกอยู่บ้าง
ไม่ใช่แค่ถูกบุรุษที่ไม่มีงานแน่นอน มาทำเป็ชวนคุยเองหรือ ถ้าตอนแรกท่าทางของจ้าวหงยู่แข็งกร้าวสักหน่อย จะมีเื่มากมายเช่นนั้นที่ไหน
จ้าวหงยู่นิสัยอ่อนแอไปบ้าง แล้วก็โอนอ่อนผ่อนตามเกินไปด้วย เผชิญเื่ราวเข้าก็ทำได้เพียงร้องไห้และถอยหนี
เมื่อต้องเผชิญกับสิ่งต่างๆ ทัศนคติและวิธีจัดการของตนเองเป็สิ่งสำคัญมาก เอาแต่กลัวหัวหดอยู่เสมอจะไม่ให้ถูกคนรังแกได้อย่างไร
แน่นอนว่า เช่นนี้ก็ไม่สามารถกลายมาเป็เหตุผลที่คนอื่นจะมารังแกนางได้
แขนเสื้อถูกคนกระตุก เจินจูมองไป เป็บิดาสกุลหูมองนางอย่างร้องขอความช่วยเหลือ ราวกับมั่นใจว่านางสามารถจัดการปัญหาได้
เจินจูเบะปาก ครุ่นคิดกลับไปมาหลายรอบ จึงเปิดปากกล่าว “ท่านอาหงซาน ท่านคงไม่สามารถดูแลท่านอาหงยู่ได้ทั้งวัน ไม่เช่นนั้นเอาอย่างนี้ดีหรือไม่ ให้ท่านอาหงยู่มาช่วยทำอาหารบ้านข้าเถอะ ตอนนี้ท่านแม่ข้าร่างกายไม่เหมาะให้ทำงาน ฝีมือครัวของข้าไม่ดีพอ คนในบ้านก็มากด้วย ได้ยินว่าฝีมือท่านอาหงยู่ไม่เลว ท่านอยู่บ้านข้าช่วยหุงหาอาหารหนึ่งวันสามมื้อ ให้ค่าแรงตามท่านอาหงซาน พวกท่านเห็นว่าเป็อย่างไรเ้าคะ?”
พอคำพูดของเจินจูออกไป คนทั้งบ้านล้วนมองมาทางนาง
“ข้า นี่… ได้หรือ คือ... เจินจู ข้าจะไปทำอาหารให้ครอบครัวเ้า แต่ไม่เอาค่าแรง” จ้าวหงยู่แสดงสีหน้าท่าทางออกมาอย่างดีใจ หากอยู่บ้านครอบครัวหูก็ไม่มีคนกล้าไปหานางที่บ้านนั้น นี่ช่างเป็วิธีจัดการปัญหาที่ดีจริงๆ
จ้าวสี่เหวินและภรรยามองหน้ากันและกันแวบหนึ่ง ในสายตาปรากฏความแปลกใจระคนดีใจ ความคิดนี้ดี ตอนนี้สกุลหูเป็ครอบครัวร่ำรวยอันดับหนึ่งของหมู่บ้านวั้งหลิน ในหมู่บ้านไม่มีผู้ใดกล้าเป็ศัตรูกับสกุลหูอย่างแน่นอน
ต่อให้จ้าวเอ้อร์หม่าจื้อจะวุ่นวายอีก ก็ไม่สามารถไปหาจ้าวหงยู่ที่บ้านสกุลหูได้กระมัง
“มาทำงานถึงที่บ้านข้าก็ต้องทำตามกฎเกณฑ์ของบ้านข้า ไม่้าค่าแรงและมาทำให้เปล่าๆ นั่นเป็ไปไม่ได้อย่างแน่นอนเ้าค่ะ ท่านอาหงยู่ท่านคิดให้ดี หากเห็นด้วยก็ลงนามสัญญา ด้วยสัญญานี้เราจะลงนามกันสามปีก่อน พอสามปีผ่านไปค่อยตัดสินใจอีกที” แม้ที่บ้านจะมีพานเสวี่ยหลันคอยช่วยเหลือ แต่ฝีมือบนเตาไม่ใช่วันสองวันก็สามารถฝึกออกมาได้ ดังนั้นลงนามเป็แม่ครัวก็เป็เื่ดี
“ข้า ข้า…“จ้าวหงยู่มองบิดามารดาของตนเองด้วยความตึงเครียด บนใบหน้าพวกเขาล้วนประดับความเห็นด้วยไว้ นางรีบยิ้มพร้อมกับน้ำตาคลอเบ้าแล้วตอบรับไป “ข้าจะลงนาม”
“เช่นนั้นก็ดี ท่านเก็บสัมภาระให้เรียบร้อยก่อน พรุ่งนี้หรือมะรืนก็ไปลงนามสัญญาที่บ้านข้า เอาล่ะ จัดการปัญหาเรียบร้อยแล้ว ข้ากับท่านพ่อขอตัวลาไปก่อนนะเ้าคะ” ออกมาครึ่งค่อนวันแล้ว นี่ก็เกือบจะถึงเวลาเตรียมอาหารเย็นแล้วด้วย
เจินจูกับหูฉางกุ้ยจากไปท่ามกลางเสียงกล่าวขอบคุณครั้งแล้วครั้งเล่าของคนทั้งครอบครัวจ้าวสี่เหวิน
หูฉางกุ้ยเดินอยู่ข้างหลังบุตรสาวอย่างไม่มีสติ ทำไมเวลาไม่นาน ที่บ้านก็มีแม่ครัวเพิ่มมาหนึ่งคนแล้วล่ะ
หนึ่ง สอง สาม… หูฉางกุ้ยนับสองรอบ คนในบ้านก่อนหน้านี้และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ รวมกับจ้าวหงยู่ ต้องจ่ายเงินค่าแรงทั้งหมดแปดคนแล้ว
แปดคนเลยนะ เงินเดือนอย่างเดียวทุกเดือนล้วนต้องจ่ายมากมายเลย
เขากลืนน้ำลายลงลำคอที่แห้งผาก
“เจิน... เจินจู บ้านเราจำเป็ต้องใช้กำลังคนมากมายเพียงนั้นเลยหรือ?” หูฉางกุ้ยถามหนึ่งประโยคด้วยความระมัดระวัง
เจินจูหันกลับไปยิ้มทางเขา “ท่านพ่อ จำเป็สิเ้าคะ ท่านแม่ตั้งครรภ์อยู่ ข้าก็ไม่เก่งงานบนเตา ท่านอาหงยู่ช่วยทำสามปีก็ประจวบเหมาะพอดี ถึงตอนนั้นเ้าน้องตัวเล็กที่อาจเป็ผู้ชายหรือผู้หญิงของเราก็โตแล้ว ท่านแม่ก็ปล่อยมือได้บ้างแล้ว”
หูฉางกุ้ยทำท่าทางครุ่นคิด รู้สึกว่าบุตรสาวกล่าวได้มีเหตุผล หรงเหนียงตั้งครรภ์และคลอดลูกล้วนต้องเปลืองเวลาไปประมาณหนึ่งปี ลูกคลอดออกมาแล้วก็ยังเล็ก จำเป็้าการดูแลจากนาง ตอนนี้ที่บ้านคนมาก พอทำอาหารของคนมากมายก็เสียเวลาอีก เชิญแม่ครัวมาหุงหาอาหารสามมื้อ หรงเหนียงก็ไม่ต้องเป็ห่วงมากแล้ว
จ้าวหงยู่อุปนิสัยโอนอ่อนผ่อนตาม อยู่ร่วมกับครอบครัวเขาได้กลมกลืนอย่างมาก แล้วยังสามารถเป็เพื่อนหรงเหนียงได้ หูฉางกุ้ยยิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่าความคิดของเจินจูไม่เลวเลย
ค่าแรงสี่ร้อยเหวินก็ไม่มากด้วย หนึ่งปีคำนวณออกมาแล้วก็แค่สี่เหลียงแปดเอง ตอนนี้ยังนับว่าครอบครัวพวกเขาแบกรับค่าใช้จ่ายทั้งหมดไหว
ในขณะที่หูฉางกุ้ยไม่ทันรู้ตัว ก็ได้รับอิทธิพลการใช้จ่ายเงินฟุ่มเฟือยของเจินจูเข้าแล้ว จำนวนเงินเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ เขาก็เริ่มปล่อยวางลงอย่างช้าๆ
กลับมาถึงบ้าน สองคนเล่าเื่ราวที่เกิดขึ้นตอนบ่ายให้หลี่ซื่อฟัง
หลี่ซื่อทั้งกังวลใจทั้งแปลกใจระคนดีใจหลายอย่างเต็มไปหมด
“ชีวิตหงยู่ลำบากจริงๆ จ้าวเอ้อร์หม่าจื้อผู้นั้นจะไม่มาหาถึงบ้านใช่ไหม?”
เจินจูปลอบหลี่ซื่อ “หากเขากล้ามาก็ให้เสี่ยวหวงได้ทักทายเขาสักทีเ้าค่ะ”
เชิงอรรถ
[1] มีมตลก ‘มโนธรรมของเ้าจะไม่เ็ปหรือ’ เป็ภาพแสดงอารมณ์พร้อมตัวหนังสือ โดยลักษณะตัวภาพคล้ายไก่ตัวสีเหลืองแก้มแดงขมวดคิ้ว ท่าทางโมโหแต่น่ารัก เป็ที่นิยมแพร่หลายในประเทศจีน่หนึ่ง
[2] คนเอือมระอาสุนัขรังเกียจ หมายถึง คนที่มีชื่อเสียงไม่ดี ผู้คนต่างเบื่อหน่ายรำคาญ
[3] หนึ่งศพสองชีวิต หมายถึง ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์อยู่แล้วเสียชีวิต ความหมายคล้ายกับคำไทยว่าตายทั้งกลม
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้