“อะไรนะ ลุกไม่ขึ้น? เหตุใดเหล่าเอ้อร์ลุกไม่ขึ้นกลับไม่รีบมารายงาน ทั้งยังมาพูดถึงิญญาอีก?”
ฮูหยินผู้เฒ่าโมโหจนทนไม่ไหว ในจวนนี้ไม่สะอาด นางหนักใจ
“ฮือ ฮูหยินผู้เฒ่า เื่นี้ ไม่ใช่ว่าพวกเราไม่ยอมพูด แต่ก่อนหน้านี้...ก่อนหน้านี้เหล่าเอ้อร์ไม่ให้ข้ามา ตอนนี้ข้าเห็นเขาอาการหนักขึ้นเรื่อยๆ จึงรีบมาหาเ้าค่ะ ที่พูดว่ามีความชั่วร้ายของดาราหยินมาโจมตี เป็เพราะเมื่อคืนวานเหล่าเอ้อร์เข้าไปในห้องสาวใช้อุ่นเตียง แต่หลังจากเสร็จกิจแล้ว เขากลับรู้สึกว่าทั้งร่างของเขาหนาวไปหมด ต่อมาครึ่งตัวของเขากลับไม่สามารถขยับได้...”
จบแล้ว เื่ใหญ่ขึ้นมาแล้ว หงเอ๋อร์แอบกัดริมฝีปาก
สถานการณ์ดูเหมือนจะยิ่งแปลกมากขึ้นไปอีก นางหรี่ตาลง จับฮูหยินผู้เฒ่าที่ตัวสั่นไม่หยุด จ้องฮูหยินรองที่คุกเข่าอยู่บนพื้น
คนกลุ่มนี้หรือจะร่วมมือกัน?
“ฮูหยินผู้เฒ่า พวกเราไปดูกันเถิดเ้าค่ะ”
“ไป ไปดูกัน ข้าอยากดูว่าปีศาจเช่นใดกันถึงสามารถทำกับจวนโจวของข้าได้เช่นนี้”
ฮูหยินผู้เฒ่าเดินโขยกเขยกไปทางเรือนสอง
หลานคนรองในตอนนี้กำลังนอนตัวแข็งขยับตัวไม่ได้ พอเห็นฮูหยินผู้เฒ่าเดินเข้าเรือนมา จึงยกมือจับนางพร้อมน้ำตาไหลพราก
“ท่านย่า...”
มองหลานชายคนรองที่นิสัยปกติแม้จะไม่สู้คนมากเพียงใด แต่ยามนี้กลับนอนอยู่บนเตียง... ความโกรธของฮูหยินผู้เฒ่าพลันได้สลายหายไปแปรเปลี่ยนเป็ความสงสาร
“เฮ้อ เ้าจะต้องรักษาหาย จะต้องหาย”
“ท่านย่า...”
แม้ร่างกายของเหล่าเอ้อร์จะแข็งค้าง แต่ยังสามารถพูดออกมาได้
หงเอ๋อร์มองดีๆ เหมือนการกระทำบางอย่างไม่ได้แข็ง ส่วนอื่นๆ กลับไม่ได้มีปัญหาอะไรมาก
“เอาเถิด พักผ่อนเถิด เรียกหมอมาแล้วเขาว่าอย่างไรบ้าง?”
มองหลานชายคนที่สอง ก่อนฮูหยินผู้เฒ่าจะเอ่ยถามรายละเอียด
“รายงานฮูหยินผู้เฒ่า ท่านหมอตรวจสอบแล้วไม่พบปัญหา หามากี่หมอแล้ว คนหนึ่งบอกว่าบำรุงร่างกายไม่ดี คนหนึ่งบอกว่าร่างกายเสียหายมากเกินไป ทั้งยังบอกว่าเจอกับสิ่งไม่ดี ยิ่งมีคนพูดว่ากำลังกายของเหล่าเอ้อร์ถูกใช้ไปจนหมด...ฮือ เหล่าเอ้อร์ของพวกเรานับเป็คนที่เก่งกาจมาก จะเป็คนไร้เรี่ยวแรงได้อย่างไร?”
คำพูดนี้ แม้ฮูหยินรองจะเป็คนพูดแก้ต่าง ทว่าสายตากลับมองไปยังบรรดาสตรีหน้าตางดงามหลายคนในห้อง
ฮูหยินผู้เฒ่ามองเหล่าสตรีงดงามแต่ละคนที่แต่งหน้าหนาเตอะ
แต่ละคนล้วนอยู่ใน่วัยโตเต็มที่ ดูจากร่างกายของพวกนาง การแต่งตัว แค่มองก็อยากจะกระโจนเข้าใส่ หากเป็คนนิสัยอย่างเหล่าเอ้อร์...
นางส่ายหน้า ถอนหายใจในใจ
จวนสกุลโจวนี้ ตกต่ำลงไปเรื่อยๆ จริงๆ
กลับมาถึงในเรือน มีป้าแม่บ้านบอกว่าแม่ครัวใหญ่ในโรงครัวป่วย จากที่ได้ยินมาว่าฮวงจุ้ยไม่ดี ส่วนเื่อื่นๆ แม่บ้านคนนั้นกลับอ้ำอึ้ง ไม่ได้พูดให้ละเอียด แต่ก็เป็ประโยค ฮูหยินผู้เฒ่าจึงเข้าใจแล้ว
“หงเอ๋อร์อยู่ก่อน คนอื่นๆ ออกไปให้หมด”
โบกมือไล่ทุกคนในเรือนออกไป ก่อนฮูหยินผู้เฒ่าจะหลับตา ลูกประคำอยู่ในมือปากก็สวดมนต์ไม่หยุด
“ฮูหยินผู้เฒ่าเ้าคะ เื่วุ่นวายภายในจวนท่านไม่ต้องคิดมากเกินไปหรอกเ้าค่ะ มีครั้งไหนบ้างที่เรือนของเราจะสงบ”
หงเอ๋อร์ทุบหลังให้นางเบาๆ เสียงอ่อนหวานแทรกซึมเข้าไปในความรู้สึกคนฟังจิตใจที่ว้าวุ่นของฮูหยินผู้เฒ่าพลันสงบลงจากการทุบหลังคอยดูแล
นางลืมตาขึ้นไปมองสาวใช้ผู้เงียบขรึมคนนี้ ก่อนจะพยักหน้าอย่างพอใจ
“หงเอ๋อร์ ข้าเคยพูดแล้วว่าต่อไปจะให้เหล่าอู่คู่กับเ้า คำพูดนี้ข้าไม่ได้พูดผิด เื่ในจวนวันนี้ ข้ารู้ว่าพวกเขากำลังคิดอะไร แต่ลูกสาวของเหล่าอู่ แม้จะเกิดมาจากสตรีอุ่นเตียง ข้าย่อมจะปกป้องเอาไว้ เื่นี้ให้เ้าไปจัดการแค่เบื้องหน้า และจะต้องไปสั่งคนพวกนี้ แต่เชวียนเชวียน...”
“ฮูหยินผู้เฒ่า หงเอ๋อร์รู้เ้าค่ะ แต่ข้ารู้สึกว่าหากเป็เช่นนี้ต่อไป เกรงว่าเชวียนเชวียนอยู่ในจวนนี้ย่อมจะไม่ได้รับความปลอดภัย ได้ยินมาว่าคุณชายห้าอยู่ที่นั่นมีชีวิตที่ดีมาก เอาเช่นนี้ดีหรือไม่เ้าคะ ส่งคนให้พาเสี่ยวเชวียนเชวียนไปที่นั่น ให้เขาเป็คนดูแล คิดไปแล้ว คุณหนูเชวียนเชวียนก็จะปลอดภัย”
ฮูหยินผู้เฒ่าตาวาว
“ส่งเชวียนเชวียนไป! จริงสินะ ลูกสาวคนหนึ่ง หากชื่อเสียงย่ำแย่ไปย่อมไม่ใช่เื่ดี ไม่ต้องสนใจว่าอย่างไร เื่ทางเรือนหลานคนโตในครั้งนี้เอาแต่พูดเื่ิญญาไม่ยอมปล่อย ส่งเชวียนเชวียนไปนับเป็เื่ที่ดี เพียงแต่ข้าไม่้าให้แม่หนูนี่ไป...”
พอคิดว่าจะต้องส่งหลานสาวไปอีก หัวใจของฮูหยินผู้เฒ่าไม่อยากจะปล่อยไป
แม้เสี่ยวเชวียนเชวียนจะเป็สตรี แต่เด็กน้อยก็ชอบตอนนางยิ้ม พอเห็นนางเข้ามา แขนอ้วนๆ เล็กๆ มักจะยกขึ้นมา หัวเราะไม่หยุด พอเห็นใบหน้ารูปไข่กลมๆ นั่นก็นึกอยากจะอุ้มมาในอ้อมกอด
“ฮูหยินผู้เฒ่า คุณหนูจะต้องรับรู้ถึงความรักของท่าน ท่านส่งนางไปเพื่ออนาคตที่ดีของนาง หากรอถึงเรือนใหญ่เอาเื่ดาราร้ายมาโยนใส่ตัวของคุณหนู ถึงยามนั้นคงไม่เป็ประโยชน์ต่อคุณหนูนะเ้าคะ”
“เอาเถิด ข้ารู้ดี เื่นี้พูดยาก พรุ่งนี้ข้าจะส่งนางไป แม้ข้าจะไม่้าให้นางไปจริงๆ แต่เพื่อชื่อเสียงของนาง เพื่ออนาคตของนาง ส่งไปเถิด หลังจากเื่นี้ผ่านไปแล้ว ก็ให้เหล่าอู่พาลูกๆ กลับมาหาข้า”
หงเอ๋อร์ได้ยินในแววตาพลันมีรอยยิ้ม
“ใช่เ้าค่ะ ฮูหยินผู้เฒ่าเป็คนยิ่งใหญ่ใจกว้าง มักคิดรอบคอบเพื่อลูกหลาน”
กลิ่นหอมของต้นไม้พัดมาเป็ระยะ ฮูหยินผู้เฒ่าดื่มด่ำกับความเงียบสงบที่หาได้ยาก สุดท้ายจึงถอนหายใจออกมาอย่างไม่อยากปล่อยไป
“ส่วนคนที่จะไปส่งเชวียนเชวียนให้เ้าทำแล้วกัน หงเอ๋อร์ โอกาสนี้ข้ามอบให้เ้าแล้ว หากยังคว้าไว้ได้ไม่ดี เ้าก็ทำให้ข้าผิดหวังแล้ว”
หงเอ๋อร์คุกเข่าลงบนพื้นด้วยความดีใจ ทั้งยังเอาศีรษะโขกพื้นด้วยความซื่อสัตย์
“ขอบคุณฮูหยินผู้เฒ่าที่ทำให้ข้าสมหวัง หงเอ๋อร์...หงเอ๋อร์จะใช้ทุกความสามารถมาดูแลคุณชายห้าเ้าค่ะ ทุกอย่างของคุณชายห้าหงเอ๋อร์ล้วนใส่ใจทั้งหมด!”
“ดีนัก ดี ดี ข้าหวังว่าเ้าจะสามารถยกทั้งตัวและใจดูแลเหล่าอู่อย่างดี”
คนชราพยักหน้าพอใจ ก่อนจะจับมือนางไว้ไม่ปล่อย
เช้าตรู่วันต่อมา หงเอ๋อร์อุ้มเชวียนเชวียนโบกมือลาฮูหยินผู้เฒ่าด้วยน้ำตา
เมื่อมองส่งเชวียนเชวียนออกไปแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าก็ถอนหายใจยาว ลวี่เอ๋อร์ที่พยุงนางเข้ามาพูดประจบ “ฮูหยินผู้เฒ่า หงเอ๋อร์จะส่งคุณหนูไปอยู่ข้างกายคุณชายห้าตามปรารถนาเ้าค่ะ ท่านอย่าได้กังวลใจ”
ฮูหยินผู้เฒ่าเพียงแค่ส่ายหน้าสุดท้ายจึงพูดด้วยน้ำเสียงทอดถอนใจ
“แก่แล้ว ไม่รู้ว่าจะรอจนถึงวันออกเรือนของพวกเขาได้หรือไม่”
ลวี่เอ๋อร์ที่ได้ยินก็ใ มองรถม้าของหงเอ๋อร์จากไปไกลด้วยแววตาว้าวุ่น
ที่แท้ฮูหยินผู้เฒ่าก็มีความคิดที่จะส่งหงเอ๋อร์ไปอยู่กับคุณชายห้า...
ผ้าเช็ดหน้าถูกลวี่เอ๋อร์กำจนเป็ก้อนกลม
งานชุมนมศิลปะการต่อสู้ ความจริงแล้วคือการเลือกหัวหน้าใหม่ของอู่หลิน
ชาติก่อน หัวหน้าของศาสตร์ศิลปะการต่อสู้ในนิยายกำลังภายในจำนวนไม่น้อยมักจะแข็งแกร่ง และมีความน่าเกรงขามมาก
เื่ที่เกี่ยวข้องกับงานชุมนุมศิลปะการต่อสู้ เฉินเนี้ยนหรานค่อนข้างให้ความสนใจ
“เสวียน หัวหน้าของศาสตร์การต่อสู้คนก่อนเป็บุรุษเช่นใดหรือ น่าเกรงขาม แข็งแกร่ง มีความสามารถโดดเด่นมากใช่หรือไม่?”
“สามี หัวหน้าของศาสตร์การต่อสู้ในครั้งนี้เ้ารู้จักหรือไม่ เป็คนเช่นใดหรือ ดุร้าย รุนแรง หรือบ้าพลัง? อา ข้า้าให้เขาลงลายมือชื่อให้ข้า ยิ่งอยากจะถ่ายรูปคู่กับเขา น่าเสียดายที่ไม่มีกล้อง เฮ้อๆ ไม่ได้การ ข้าจะต้องเตรียมปากกาหนึ่งด้าม จะได้สามารถวาดภาพเหมือนของเขาได้ตลอดเวลา ต่อไปจะได้บอกคนอื่นๆ ว่านี่คือหัวหน้าศาสตร์ศิลปะการต่อสู้ในตอนนี้”
เมื่อได้ยินคำพูดไม่หยุดของนาง โจวอ้าวเสวียนทำได้เพียงส่ายหน้า จนกระทั่งนางพูดจบ เขาถึงได้มองไปยังนาง
“หากจะพูดว่าหัวหน้าของศาสตร์ศิลปะการต่อสู้ครั้งนี้เป็อย่างไร ข้าไม่แน่ใจ แต่หัวหน้าของครั้งก่อน ข้ายังพอรู้อยู่บ้าง”
ดวงตาของเฉินเนี้ยนหรานมีดวงดาวปรากฏออกมา ก่อนจะเขย่ามืออ้อนเขาไม่หยุด
“สามี เ้าจะต้องบอกเื่ราวภายในออกมาสักหน่อย รวมถึงงานอดิเรกของหัวหน้าศาสตร์การต่อสู้นั้นทำสิ่งใด ชอบสตรีเช่นไร ชอบทานอะไร ชอบบุรุษหรือไม่ ทั้งหมดเลย พูดออกมาให้หมด...”
โจวอ้าวเสวียนหมดคำพูดอีกครั้ง
“เ้าจะอยากรู้ว่าเขาชอบบุรุษหรือไม่เพื่อเหตุใด?”
“ฮี่ๆ เื่นี้เ้าไม่เข้าใจ หากหัวหน้าศาสตร์การต่อสู้ที่แสนแข็งแกร่งคนหนึ่ง คู่กับนักกระบี่รูปงาม ย่อมต้องเป็ภาพที่งดงามมาก”
เมื่อเห็นใบหน้ายิ้มหลงใหล สีหน้าของโจวอ้าวเสวียนพลันทะมึนขึ้นมา ด้วยรู้ว่าสตรีนางนี้จะต้องไม่มีความคิดที่ดี
“หยุด แล้วฟังข้าพูดเสียดีๆ ห้ามพูดแทรก ไม่เช่นนั้นจะไม่พูดถึงหัวหน้าศาสตร์ศิลปะการต่อสู้อีก”
การหยุดนี้สามารถปิดปากของภรรยาได้แล้ว
นางใช้แววตาน่ารักเหมือนกระต่ายมองไปทางเขา ท่าทางนั้นยิ่งน่ารักมาก ท่าทางนี้ของนางทำให้โจวอ้าวเสวียนอดที่จะคิดถึงลูกสาวขึ้นมาไม่ได้
“อะแฮ่ม หัวหน้าศาสตร์ศิลปะการต่อสู้ครั้งก่อนเป็ชายชราอายุแปดสิบคนหนึ่ง ไม่ได้น่าเกรงขามอย่างที่เ้าว่า ยิ่งไม่ได้มีความชอบสตรีบุรุษงาม เพราะแก่แล้ว ลูกหลานเต็มเรือน กิจการใหญ่โตล้นฟ้า ที่เขาถูกเลือกให้เป็หัวหน้าเพราะหนึ่ง กิจการของเขามีล้นหลาม สองคือเขามีวิธีออกกำลังกาย คนยี่สิบกว่าคนไม่สามารถเข้าใกล้ตัวได้ง่ายๆ ความจริงของความจริง เขาสามารถเป็หัวหน้าได้เหตุผลสำคัญเป็เพราะกิจการของเขา ปรารถนาเป็หัวหน้าทว่าไม่มีกำลังทรัพย์ เ้าย่อมไม่มีทางควบคุมได้”
ความฝันอันสวยงามสลายเป็ฟองอากาศในชั่วพริบตา
ยังไม่กล้าเชื่อเลยว่าหัวหน้าของศาสตร์การต่อสู้จะมีจุดจบที่น่าอนาถเช่นนี้
“เื่นี้ ไม่ได้บอกว่าหัวหน้าศาสตร์ศิลปะการต่อสู้จะต้องมีวิทยายุทธ์สูงส่งถึงจะได้มิใช่หรือ? เหตุใดถึงเป็หัวหน้าพ่อค้าถึงจะได้ เื่นี้หัวหน้าพ่อค้า ไม่สมควรไปบริหารชุมนุมการค้าหรือ เหตุใดเขาถึงมาเป็หัวหน้าศาสตร์ศิลปะการต่อสู้ นี่มันไม่มีเหตุผล”
โจวอ้าวเสวียนมองนางด้วยความเห็นใจ “แม่นาง เ้าไม่ได้ออกมาข้างนอกนานเพียงใดแล้ว จริงอยู่ เ้าเป็สตรีสามารถล่วงรู้เื่ราวนอกบ้านนั้นแปลกเกินไป เอาเถิด ข้าจะพูดความจริงกับเ้า ในความจริงแล้ว หัวหน้าศาสตร์ศิลปะการต่อสู้ไม่ค่อยมีอำนาจมากเท่าใด และอย่าถือเอาตำแหน่งหัวหน้าศาสตร์การต่อสู้ว่าเป็ตำแหน่งที่ดี เพราะตำแหน่งนี้เพียงแค่ดูแลเื่ชาวบ้าน ที่ไหนมีการต่อสู้ ที่ไหนมีการทะเลาะ หัวหน้าจะต้องออกมาเจรจาจนถึงขั้นหากที่ไหนมีการฝึกวิชาการต่อสู้ในทางไม่ดี หัวหน้าจะต้องพาคนไปจัดการ การพาคนไปเช่นนี้ เ้ามีอำนาจ แต่ไม่มีเงินย่อมไม่ได้เหมือนกันใช่หรือไม่!”
