“โฮก!”
เงาเทพัขนาดั์ปรากฏตัวที่ด้านหลังเย่เฟิง พร้อมกับแผดเสียงคำรามที่อัดแน่นไปด้วยพลังมหาศาล ก่อนจะเข้าปะทะกับฝ่ามือของตู๋กูหลง
“ตูม!!!” เสียงะเิดังสนั่นหวั่นไหว พลังทำลายล้างแพร่กระจายไปทั่วอากาศ ตอนนั้นเองกรงเล็บของิญญาาเทพัดันร่างตู๋กูหลงจนถอยหลัง แต่กรงเล็บอีกข้างเข้าตะปบร่างตู๋กูหลงหมายฉีกกระชากร่าง
“เ้าเดรัจฉาน ออกไปให้พ้น!” ตู๋กูหลงเผยสีหน้าเย็นเยียบ ลมหายใจผันผวนเล็กน้อย คล้ายไม่นึกว่าิญญาาของเย่เฟิงจะทรงพลังมากเพียงนี้ แต่เขายังคงรวมพลังที่แข็งแกร่งสุดของตนเข้าโจมตีร่างอันใหญ่ั์นั่นของิญญาาเทพั
หนึ่งมนุษย์หนึ่งัต่อสู้กันอย่างดุเดือด!
“ทรงพลังมาก ศึกที่บ้าคลั่งเช่นนี้เกิดขึ้นไม่กี่ครั้งในประวัติศาสตร์ของสำนักยุทธ์เทียนเสวียน!” ดวงตาของผู้คนลุกวาวด้วยความตื่นเต้น นี่แหละศึกตัดสินสูงสุดที่แท้จริง แม้เย่เฟิงจะด้อยกว่าตู๋กูหลงและอยู่ในสภาพาแเต็มตัว แต่ยังสามารถยืนหยัดมาได้จนถึงตอนนี้
“อั่ก!” เมื่อเย่เฟิงยืนอย่างมั่นคงได้ก็ต้องกระอักเืออกมาอีกครั้ง เขารู้สึกมึนหัวคล้ายจะหมดสติเสียให้ได้จากการถูกตู๋กูหลงโจมตีต่อเนื่อง ทำให้อวัยวะภายในร่างกายของเย่เฟิงได้รับความเสียหายอย่างหนัก พลังหยวนจึงเริ่มเหือดแห้ง
“เย่เฟิง เ้าต้องทนให้ได้!” ฉินเยียนหรานดวงตาแดงก่ำพร้อมส่งเสียงะโเป็กำลังใจให้เย่เฟิง หวังว่าเสียงของตนจะปลุกใจของเย่เฟิงให้ฮึกเหิมได้ นางรู้ว่าหากให้เย่เฟิงยอมแพ้ตอนนี้ ด้วยนิสัยของเย่เฟิงต้องไม่ฟังนางอย่างแน่นอน
เย่เฟิงหันไปมองฉินเยียนหราน แม้มีาแทั่วร่างกาย แต่ใบหน้าอันหล่อเหลานั้นยังคงเผยรอยยิ้มสดใส จากนั้นเห็นเขาหลับตาลงและมีพลังประหลาดพวยพุ่งออกจากร่าง พร้อมกับมีแสงอันอบอุ่นปกคลุมร่างกาย แต่ขณะเดียวกันภายในร่างเย่เฟิงเกิดการเปลี่ยนแปลงที่น่าทึ่ง พลังเก้าธาตุไหลเวียนทั่วทุกเส้นชีพจร พลังหยวนในจุดตันเถียนและจุดชี่ไห่เปลี่ยนไปบริสุทธิ์ยิ่งกว่าเดิม เืในกายเริ่มเดือดพล่านแล้วแปรเปลี่ยนเป็เปลวเพลิง ก่อนจะเข้าชำระล้างทั่วทุกหนแห่งในร่างกายอย่างต่อเนื่องจนสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นไปอีก
“วูบ!” ที่โลกภายนอก พลังอันน่าทึ่งปะทุออกจากร่างเย่เฟิง ซึ่งพลังนี้เป็สิ่งที่เย่เฟิงไม่เคยมีมาก่อน ราวกับว่าทุกความสามารถของเขาได้รับการยกระดับขึ้นในพริบตาเดียว
“นี่...” ผู้คนเห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในเวลาอันสั้นต่างต้องตกตะลึง จากนั้นได้ยินผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งพูดขึ้นว่า “ข้าไม่ได้มองผิดไปใช่ไหม หมอนี่ทะลวงขั้นพลังตอนอยู่ในภาวะคอขวด ช่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก!”
เมื่อผู้คนรอบข้างได้ยินเช่นนั้นต่างก็ใ เดิมทีพวกเขาคิดว่าเย่เฟิงในสภาพที่มีาแทั่วร่างจะสูญเสียพลังต่อสู้และถูกตู๋กูหลงฆ่าตาย กลับนึกไม่ถึงว่าในสถานการณ์เช่นนี้ เย่เฟิงไม่เพียงแต่ไม่ล้มลงไป แต่ยังทะลวงขั้นพลังได้อีกด้วย แล้วจะไม่ทำให้พวกเขาใได้อย่างไรกัน
ซึ่งเป็ไปตามที่ผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นกล่าวไว้ เย่เฟิงทะลวงขั้นพลังในภาวะคอขวด การบ่มเพาะของตนถูกยกระดับขึ้นเป็ขั้นรวมชี่ที่ 4 เพียงแต่นี่ไม่ใช่เื่บังเอิญ ก่อนเข้าร่วมงานประลองสำนักยุทธ์ เย่เฟิงอยู่จุดสูงสุดของขั้นรวมชี่ที่ 3 ดังนั้นการทะลวงขั้นรวมชี่ที่ 4 จึงเป็เื่ของจังหวะและเวลา แต่เพราะโดนตู๋กูหลงโจมตีจนได้รับาเ็สาหัสมันจึงไปกระตุ้นพลังงานแฝงในร่างเย่เฟิง ทำให้เขาทลายกำแพงของขั้นรวมชี่ที่ 3 เข้าสู่ขั้นที่ 4 อย่างเป็ทางการ ถือว่าเป็ความโชคดีในความโชคร้าย
ฉินเยียนหรานเห็นฉากนี้ก็เผยรอยยิ้มสดใสออกมาได้ในที่สุด และเกิดความหวังขึ้นมาอีกครั้ง
ตู๋กูหลงย่อมเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของเย่เฟิง ดวงตาพลันส่องประกายเย็นเยือก จากนั้นวาดฝ่ามือซัดเทพั ก่อนจะทะยานร่างไปเยือนเบื้องหน้าเย่เฟิงอย่างรวดเร็ว
“ตายซะเถอะ!” เสียงแผดะโดังขึ้น ตู๋กูหลงใช้ฝ่ามือทำลายล้างโจมตีเย่เฟิงอย่างไม่ลังเล หมายสังหารในตอนทะลวงขั้นพลังที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ดี แต่ขณะเดียวกันเย่เฟิงลืมตาขึ้นฉับพลันพร้อมแสงจ้าปะทุออกจากดวงตา จากนั้นวาดฝ่ามือภูผาพิฆาตโจมตี ก่อนจะเข้าปะทะกับฝ่ามือของตู๋กูหลง ตามมาด้วยเสียงดังกึกก้อง เวทีประลองสั่นะเื ซึ่งตู๋กูหลงรู้สึกได้ถึงแรงกดดันจากการโจมตีนี้ ทำให้เซถอยหลังไปเล็กน้อย
เมื่อเย่เฟิงทะลวงขั้นพลัง พลังก็ถูกยกระดับขึ้นอีกครั้ง พลังฝ่ามือจึงแข็งแกร่งขึ้นกว่าก่อนหลายเท่า
“ที่เ้าตู๋กูหลงแข็งแกร่งก็มาจากระดับการบ่มเพาะ ถ้าข้าอยู่ระดับเดียวกับเ้า สังหารเ้าไยต้องออกกระบวนท่าที่สอง?” เย่เฟิงเช็ดเืมุมปากแล้วกินยารักษาหนึ่งเม็ด ก่อนจะกล่าวเช่นนั้น
“เหิมเกริม!” ผู้คนได้ยินคำพูดของเย่เฟิงก็นิ่งอึ้ง จากการปะทะของเย่เฟิงกับตู๋กูหลงเมื่อครู่นี้ คำพูดของเย่เฟิงก็ไม่ใช่ว่าไม่มีเหตุผล เย่เฟิงเพิ่งบรรลุขั้นรวมชี่ที่ 4 ก็มีฝีมือสูสี หากรอให้บรรลุขั้นรวมชี่ที่ 7 แล้วประจันหน้ากับตู๋กูหลง บางทีเขาอาจจะเอาชนะก็เป็ได้
“คุยโวโอ้อวด!” แววตาของตู๋กูหลงเผยประกายเย็นเยือก จากนั้นเขาเดินออกมาพร้อมพลังปะทุออกจากร่างกลายเป็ภูผาไร้ลักษณ์ ก่อนจะเข้ากดดันเย่เฟิง จู่ ๆ เย่เฟิงต้องแบกรับแรงกดดันมหาศาลจนตัวงอเล็กน้อย ขณะเดียวกันตู๋กูหลงไปเยือนเบื้องหน้าเย่เฟิง พร้อมกับมีดยาวปรากฏในมือที่อัดแน่นไปด้วยพลังหยวน แล้วฟาดฟันไปที่เย่เฟิง
“วูบ!” รังสีมีดเคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ เพียงพริบตาก็ไปถึงตัวเย่เฟิง เย่เฟิงอยากหลบ แต่ด้วยภูผาไร้ลักษณ์ที่แบกรับกำลังถ่วงเขาอยู่ รังสีมีดนั้นจึงกรีดผ่านหน้าอกเขาพร้อมทิ้งรอยเืเป็ทางยาว จนเสื้อผ้าบริเวณนั้นต้องเปื้อนไปด้วยเืสีแดงฉาน
“ยังไม่ตายอีกหรือ เย่เฟิงผู้นี้ดวงแข็งมากจริง ๆ” ผู้คนเห็นฉากนี้ถึงกับปาดเหงื่อแทนเย่เฟิง รังสีมีดที่ตู๋กูหลงฟาดฟันอัดแน่นไปด้วยพลังมหาศาล เกรงว่าสังหารผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ที่ 7 ได้อย่างง่ายดาย ทว่าเย่เฟิงที่ถูกภูผาไร้ลักษณ์กดดันกลับหลบหลีกมีดนี้ได้ ต้องโชคดีและมีพลังควบคุมที่แข็งแกร่งถึงจะทำเช่นนี้ได้
“ดับ์สะบั้น!” ตู๋กูหลงแผดเสียงะโ เขาตวัดมีดยาวพลังหยวนที่อัดแน่นไปด้วยพลังทำลายล้างออกไป เขาเกิดพิโรธขึ้นมาจริง ๆ ก่อนหน้านี้เขาสังหารผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ที่ 8 โดยที่ไม่ต้องเปลืองแรงมากเพียงนี้ แต่เย่เฟิงที่อยู่ขั้นรวมชี่ที่ 4 เขากลับฆ่าไม่ได้เสียที
“สวะ ข้าจะฆ่าเ้าด้วยกระบวนท่านี้!” แสงเยือกเย็นปะทุออกจากดวงตาของตู๋กูหลง
“มีดนี้น่าสะพรึงกลัวมาก เย่เฟิงจะรับมือได้หรือ? เขาอาจถูกตู๋กูหลงฆ่าตายด้วยมีดนี้ก็เป็ได้!” ผู้คนต่างตกตะลึงเมื่อเห็นมีดที่ตู๋กูหลงใช้โจมตี ส่วนเหล่าคนสนิทของเย่เฟิงต่างก็เผยสีหน้าเป็กังวล พวกเขารู้ว่ามีดดับ์สะบั้นนี้คือการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของตู๋กูหลง เห็นชัดว่าตู๋กูหลงอยากฆ่าเย่เฟิงมากเพียงใด
เย่เฟิงตาวาบประกายคมกริบขณะมองรังสีมีดที่ส่องแสงเจิดจ้าในดวงตาของตน เขาอยากหลบหนีแต่ทำไม่ได้ ทำได้เพียงรับมือกับมัน จู่ ๆ พลังหยวนโคจรรอบกาย ปลดปล่อยพลังแห่งทักษะหล่อิญญาและคัมภีร์หล่อกายาเทพา พร้อมเกราะเทพาปรากฏ ตอนที่รังสีมีดนั่นจะมาถึงตัว เย่เฟิงพลันเคลื่อนไหว เขาพุ่งเข้าหาตู๋กูหลงด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ
“หมอนี่จะทำอะไรน่ะ? หรือเขาไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว?” ผู้คนต่างต้องประหลาดใจ เมื่อเผชิญหน้ากับรังสีมีดของตู๋กูหลง เย่เฟิงไม่ถอยแต่กลับพุ่งเข้าใส่แทน เขา้าทำอะไรกันแน่
“ชายผู้นี้รนหาที่ตายชัด ๆ เขาจะต้องชดใช้ให้กับการกระทำของตัวเอง!” หลาย ๆ คนคิดในใจ ซึ่งคนเ่าั้ที่้าให้เย่เฟิงตายต่างเผยสีหน้าดีใจ แม้แต่ตู๋กูหลงยังยิ้มหยัน ส่วนรังสีมีดที่สะบั้นออกไปก็ทรงพลังขึ้นในพริบตา
“เย่เฟิง!” ฉินเยียนหรานตาแดงก่ำพร้อมกับมีน้ำตาไหลริน
“ในเมื่อเ้าอยากตายมาก เช่นนั้นข้าจะสงเคราะห์เ้าให้!” ตู๋กูหลงกล่าวเสียงเย็น
จากนั้นผู้คนเห็นรังสีมีดของตู๋กูหลงกรีดผ่านเกราะเทพาบริเวณไหล่ของเย่เฟิง ก่อนจะมีเืไหลทะลักออกมา
“เย่เฟิงจบเห่แล้ว!” ผู้คนเห็นฉากนี้ต่างก็นิ่งงัน ฉินเยียนหรานและคนอื่นเผยสีหน้าขาวซีด
แต่ขณะนั้นเย่เฟิงกัดฟันแน่น แสงน่าหวาดกลัวพลันพุ่งออกจากดวงตา พร้อมกับเจตจำนงหอกพวยพุ่งออกจากร่าง จากนั้นรังสีหอกถูกปลดปล่อยกลายเป็ลำแสงทำลายล้าง เป้าหมายคือลำคอของตู๋กูหลง
“ทักษะหอกปลิดชีวีกระบวนที่สาม หอกปลิดชีวี!” หอกนี้ผสานด้วยพลังไร้ที่สิ้นสุด รวมถึงความรู้ที่เย่เฟิงมีต่อหอก จึงเป็กระบวนท่าสังหารที่ปลิดชีวิตของผู้คนได้อย่างแท้จริง เมื่อแทงหอกจักต้อง่ชิงชีวิต
นาทีนี้ตู๋กูหลงต้องหน้าเปลี่ยนสี ความได้ใจและความบ้าคลั่งที่มีก่อนหน้านี้มลายหายไป แต่แทนที่ด้วยความหวาดผวา
“เ้าบ้าไปแล้ว!” ตู๋กูหลงแผดเสียงะโขณะมองรังสีหอกที่พุ่งเข้ามาหาตัวเอง เขานึกไม่ถึงว่าเพื่อที่จะฆ่าเขาแล้วเย่เฟิงถึงกับใช้ร่างตัวเองเข้าต่อต้านการโจมตีดับ์สะบั้นของเขา นี่มันเป็วิธีต่อสู้จนตกตายไปด้วยกันทั้งสองฝ่าย
“ข้าไม่ได้บ้า ถึงเ้ากับข้าจะพินาศไปด้วยกัน ยังไงข้าก็จะฆ่าเ้าอยู่ดี!” แสงเยือกเย็นปะทุออกจากดวงตาของเย่เฟิง พลังหยวนถ่ายเทสู่รังสีหอกนั่นอีกครั้ง ทำให้มันเร็วขึ้นกว่าเดิมหลายส่วน
“วูบ!” มีเสียงหนึ่งดังขึ้น ผู้คนเห็นลำแสงทำลายล้างหายวับไป ทุกอย่างหยุดนิ่ง รวมทั้งเย่เฟิงและตู๋กูหลงที่หยุดนิ่งอยู่ตรงนั้นเช่นกัน
บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบงัน ทุกคนหายใจถี่เหมือนกำลังรอผลที่จะออกมา
“ใครจะคว้าชัยชนะสุดท้ายไปได้นะ? แต่ดูจากสภาพเย่เฟิงที่ถูกตู๋กูหลงโจมตีจนาเ็สาหัส ข้าว่าคนแพ้ต้องเป็เย่เฟิง”
“ใช่! เคล็ดวิชาดับ์สะบั้นของตู๋กูหลงทรงพลังมาก เย่เฟิงจะรอดไปได้อย่างไร?”
ครู่ต่อมาเหล่าผู้คนทนไม่ได้ จึงเริ่มวิพากษ์วิจารณ์และคาดเดากันว่าตู๋กูหลงคือผู้ชนะคนสุดท้าย
“พรึ่บ...” แต่ขณะที่ผู้คนพูดคุยกันไม่หยุดปาก พลันมีเสียงดังมาจากเวทีประลอง พวกเขาจึงหันไปมองทางนั้น ก่อนจะเห็นเืพุ่งกระฉูดออกจากลำคอของตู๋กูหลง ตามมาด้วยเสียงดังตุบ ร่างตู๋กูหลงค่อย ๆ ล้มลงไปกองกับพื้น ไร้ซึ่งสัญญาณชีพใด ๆ
แม้ร่างเย่เฟิงจะโคลงเคลง แต่กลับยืนหยัดจนนาทีสุดท้าย
“เป็ไปได้อย่างไร? เห็นชัด ๆ ว่าเคล็ดวิชาดับ์สะบั้นของตู๋กูหลงเพียงพอที่จะคุกคามชีวิตของเย่เฟิงได้เลย แต่ทำไมคนที่ตายถึงเป็เขาไปได้? ส่วนเย่เฟิงที่าเ็สาหัสกลับไม่เป็ไร พลังป้องกันทางกายของเขาน่ากลัวแค่ไหนกันนะ?”
ผู้คนต่างตกตะลึงเมื่อเห็นฉากที่น่าเหลือเชื่อนี้ ผลลัพธ์เช่นนี้ช่างเกินความคาดหมายยิ่งนัก
ตู๋กูหลง อัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งสำนักยุทธ์เทียนเสวียน ผู้ฝึกยุทธ์จุดสูงสุดของขั้นรวมชี่ที่ 7 และอยู่อันดับที่ 1 ในรายนามขั้นรวมชี่ ตายแล้ว!