กู่ซิ่วกลับมาจากไปเอาเงินที่เมืองเซี่ยว บังเอิญเจอสวี่รั่วเฉินที่กลับจากตกปลาพอดี
กู่ซิ่วดีใจมากที่เห็นสวี่รั่วเฉินจับปลาช่อนตัวใหญ่หนักกว่าสองจินได้
คืนนี้คงได้ต้มซุปปลาช่อนบำรุงร่างกายให้ลูกสาวคนเล็กเสียหน่อย
สองคนแม่ลูกเดินเข้าบ้านเห็นตำรวจกำลังตำหนิสวี่เยว่อยู่ รอยยิ้มบนใบหน้าก็พลันเลือนหายไป
กู่ซิ่วรีบถามว่าเกิดเื่อะไรขึ้น
หลี่เซียงเหมยหน้าดำคร่ำเครียด “เกิดเื่อะไร? ก็เยว่เยว่ ลูกสาวสุดที่รักของเธอน่ะสิ ไม่กล้าสวมรอยแทนพี่สาวไปเรียนมหาลัยเอง เลยยุยงให้อาเวย แอบอ้างชื่อสวี่ฮุ่ยไปเรียน อยากให้ลูกฉันทำผิดกฎหมายจนถูกจับหรือไง!”
“สมแล้วที่เป็ลูกสาวสุดที่รักที่เธอเลี้ยงดูมา จิตใจโเี้ผิดมนุษย์มนา ก่อนหน้านี้อยากฆ่าพี่สาวตัวเอง ตอนนี้ก็อยากทำร้ายอาเวยลูกชายฉันอีก!”
สวี่ฮุ่ยเติมเชื้อไฟอยู่ข้าง ๆ “ก็ใครใช้ให้ครอบครัวอาสะใภ้หาเงินที่สวี่เยว่ขโมยไปเจอล่ะคะ เธอจะทนกล้ำกลืนไม่แก้แค้นพวกคุณได้ยังไงกัน! ”
สวี่รั่วเฉินผิดหวังในตัวสวี่เยว่มาก น้องสาวคนนี้คงอยู่ไม่ได้ถ้าไม่ก่อเื่วุ่นวายสินะ ไม่ถึงวัน เธอก่อเื่ไปกี่ครั้งแล้ว!
ถึงแม้สวี่รั่วเฉินจะรักเอ็นดูสวี่เยว่มากแค่ไหน แต่ตอนนี้เขาก็โกรธจนแทบคลั่งอยู่ดี
กู่ซิ่วจ้องมองสวี่ฮุ่ยอย่างเคียดแค้น “เยว่เยว่ไม่ได้หมายความแบบนั้น!”
ย่าสวี่ถามด้วยใบหน้าเ็า “เด็กเวรนั่นไม่ได้หมายความแบบนั้น แล้วทำไมถึงทำแบบนั้นล่ะ?”
กู่ซิ่วเม้มปากแน่น ตอบไม่ได้
สวี่ฮุ่ยพูด “ในเมื่อสวี่เยว่ไม่ได้หมายหัวครอบครัวอารอง แสดงว่าเธอหมายหัวหนูค่ะ แน่นอนว่าหนูไม่ยอมให้สวี่เยว่สวมรอยแทนฉันไปเรียนมหาลัยอยู่แล้ว สวี่เยว่เลยยุยงให้อาเวยแอบอ้างชื่อฉันไปเรียน เธอไม่กลัวหนูไม่ยอม เพราะมีคุณปู่คุณย่าที่ไม่รู้กฎหมายคอยกดดันฉัน พอเื่แดงขึ้น สวี่เยว่ก็ไม่เป็อะไร แต่กลับเป็คุณปู่คุณย่าเองที่ทำผิดกฎหมาย”
ปู่ย่าสวี่ได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาและจ้องมองสวี่เยว่ด้วยสายตาเหมือนจะกินเืกินเนื้อ
ทันใดนั้น สวี่ต้าซานก็เลิกงานกลับมา พอเห็นตำรวจแปลกหน้าในบ้านก็ถามด้วยความใ “คุณตำรวจครับ บ้านผมนี่...มีใครทำอะไรผิดเหรอครับ?”
ตำรวจพยักหน้า “ลูกสาวคนเล็กของคุณกำลังยืมมือคนอื่นฆ่าคน คิดวางแผนลอบกัดลูกสาวคนโตของคุณอีกแล้วน่ะสิ”
จากนั้นค่อยเล่าเื่คร่าว ๆ ให้เขาฟัง สุดท้ายก็บอกให้เขาสั่งสอนสวี่เยว่ให้ดี
สวี่ต้าซานถูกตำรวจตำหนิจนหน้าแดงก่ำ แอบบ่นในใจว่าสวี่เยว่นี่ช่างสร้างเื่ได้ตลอดจริง ๆ
ตำรวจรอจนสวี่ต้าซานรับปากว่าจะสั่งสอนสวี่เยว่ให้ดี ถึงเริ่มเข้าเื่สำคัญ มองกู่ซิ่วแล้วถามด้วยสายตาเ็า “ได้ยินว่าคุณยังไม่ได้คืนเงินพันหยวนให้สหายสวี่ฮุ่ยใช่ไหม?”
กู่ซิ่วล้วงเงินในกระเป๋าพลางพูดว่า “ฉันจะคืนให้เดี๋ยวนี้แหละค่ะ”
พอเอาเงินออกมาจากกระเป๋า เธอก็จงใจถามสวี่ฮุ่ยว่า “เหมือนแกเคยบอกว่าจะเอาเงินพันหยวนนี้ไปแสดงความกตัญญูย่าใช่ไหม เงินนี่จะให้ย่าหรือให้แกล่ะ?”
สวี่ฮุ่ยเข้าใจเจตนาของกู่ซิ่วดี
เธอพูดอย่างใจเย็น “ให้คุณย่าเถอะค่ะ ถ้าให้ฉัน ไม่กี่วันเดี๋ยวแม่กับสวี่เยว่ก็หาทางเอาไปอีก”
กู่ซิ่วหน้าเสียไปครู่หนึ่ง รู้ซึ้งถึงคำว่ายกก้อนหินทุบเท้าตัวเอง[1]
ตำรวจรับเงินพันหยวนจากกู่ซิ่วแล้วยื่นให้สวี่ฮุ่ย “เธอนี่แหละเก็บไว้ ใครกล้าเอาเงินเธอไป ก็ไปหาฉันที่สถานีตำรวจตำบลเถาฮวา ฉันชื่อหลี่ไห่”
สวี่ฮุ่ยรับเงินแล้วกล่าวขอบคุณ
ย่าสวี่จ้องมองเงินก้อนนั้นตาแทบถลน
รู้สึกเหมือนเป็ดที่ต้มสุกแล้วกำลังบินหนีไป หัวใจแทบแหลกสลาย
กู่ซิ่วแสร้งทำเป็ใจดี “คุณตำรวจหลี่ นี่ก็ใกล้จะถึงเวลาอาหารแล้ว อยู่กินข้าวเย็นก่อนค่อยกลับนะคะ”
ตำรวจมีกฎระเบียบภายใน ห้ามรับของจากประชาชนแม้แต่ข้าวของเล็ก ๆ น้อย ๆ แล้วจะไปกินข้าวบ้านในประชาชนได้ยังไง
กู่ซิ่วพูดแบบนี้เหมือนไล่แขกชัด ๆ
หลี่ไห่โบกมือ “ไม่ต้องรีบไล่ผมหรอกครับ ผมยังทำงานไม่เสร็จ”
กู่ซิ่วถูกหลี่ไห่มองแผนการออก ก็รู้สึกอับอายขายหน้า
หลี่ไห่ถามกู่ซิ่วอย่างจริงจัง “ผมได้ยินคนในบ้านพักพนักงานเล่าว่า สวี่เยว่ขโมยเงินรางวัลสามพันหยวนของพี่สาวไปให้คุณซ่อน มีเื่แบบนี้เกิดขึ้นจริงหรือเปล่าครับ?”
เื่นี้ย่าสวี่ะโจนคนรู้กันทั่ว กู่ซิ่วจึงปฏิเสธไม่ได้
พยักหน้าอย่างกระดาก “เป็เื่จริงค่ะ”
สวี่เยว่มองกู่ซิ่วอย่างไม่อยากเชื่อ แม่ไม่แก้ต่างให้ตัวเธอหน่อยเหรอ! ยอมรับผิดเองกับปากเลย!
กู่ซิ่วรีบเสริม “แต่ฉันเอาให้เงินทั้งหมดกับย่าของเด็ก ๆ แล้ว”
หลี่ไห่มองย่าสวี่ที่ทำหน้าไม่พอใจ “ทำไมถึงให้ย่าของเด็ก ๆ ครับ?”
กู่ซิ่วทำหน้าตาใสซื่อ “ฮุ่ยฮุ่ยบอกว่าจะเอาเงินทั้งหมดไปย่าค่ะ”
หลี่ไห่พูดสวนกลับเสียงเ็า “ที่เธอพูดแบบนั้น ไม่ใช่เพราะคุณบังคับเหรอ”
“บ้านอื่นเขามีแต่ผู้ใหญ่ให้รางวัลเด็กที่สอบได้คะแนนดี มีแต่บ้านคุณนี่แหละแปลก จ้องจะเอาเงินรางวัลของเด็กตาเป็มัน”
ปู่สวี่ประกาศทันทีว่าจะคืนเงินสามพันหยวนให้สวี่ฮุ่ย
แม้ย่าสวี่จะไม่อยากให้ แต่ในฐานะผู้หญิงที่เคยผ่านยุคเก่ามา ความคิดเื่ผู้ชายมีสิทธิ์และอำนาจยังฝังลึก เธอจึงไม่กล้าขัดคำสามี
ย่าสวี่ยื่นเงินสามพันหยวนที่ยังกำไว้ไม่ทันอุ่นให้สวี่ฮุ่ยอย่างไม่เต็มใจ
สวี่ฮุ่ยรับมาแค่สองพัน อีกพันหนึ่งคืนให้ย่าสวี่
ไม่ว่าจะเป็เงินพันหยวนที่กู่ซิ่วให้เธอก่อนหน้านี้ หรือเงินสามพันหยวนนี้ ก็ไม่ใช่เงินของตัวเอง รับมาสองพันก็พอแล้ว เธอต้องใช้เงินพันหยวนนี้สร้างภาพลักษณ์คนดีด้วย
สวี่ฮุ่ยไม่ลืมสาดโคลนใส่พ่อแม่ของตัวเอง “คุณปู่คุณย่าอายุมากแล้ว ยังต้องทำนาหาเลี้ยงชีพในชนบท ถ้าหนูไม่แสดงความกตัญญูต่อปู่ย่าด้วยเงินพันหยวนนี้ ชีวิตยามแก่ของพวกท่านคงน่าสงสารแย่”
คุณปู่คุณย่าสวี่รู้สึกซาบซึ้งอยู่บ้าง
พวกเขาให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว ไม่เคยดูแลสวี่ฮุ่ยเลยสักนิด แต่เด็กคนนี้ยังเต็มใจให้เงินพันหยวนกับพวกเขา
พอตำรวจหลี่ไป คุณย่าสวี่ก็ด่าสวี่เยว่ยกใหญ่ บอกว่าเธอใจคอโหดร้ายยิ่งกว่างูพิษ เพื่อที่จะทำร้ายสวี่ฮุ่ย ถึงขั้นเอาพวกเขามาเป็เครื่องมือ
สวี่ต้าซานไม่ได้ห้าม และไม่อยากห้ามด้วย
เด็กคนนี้ชอบสร้างปัญหา ควรถูกด่าให้เข็ดหลาบ
ตอนนี้สวี่รั่วเฉินเห็นสวี่เยว่ก็รำคาญ
น้องสาวตัวแสบนี่หยุดสร้างเื่บ้างไม่ได้หรือไง
เอาแต่ก่อเื่วุ่นวายไม่หยุด จนตำรวจต้องมาหาถึงบ้าน ทำให้ครอบครัวกลายเป็ตัวตลกของบ้านพักพนักงานซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เขาจึงไม่ปลอบใจเธอ เดินไปจัดการปลาช่อนต่อ
มีเพียงกู่ซิ่วที่ปลอบใจสวี่เยว่ แต่ปลอบแค่แป๊บเดียวก็ไปทำอาหารเย็น
ถ้าไม่ใช่เพราะสวี่เยว่ปากมาก บอกให้สวี่ฮุ่ยเอาเงินสามพันหยวนไปให้ย่า สวี่ฮุ่ยก็คงไม่โยนไฟใส่แม่ลูกคู่นี้หรอก
ตอนนี้แย่แล้ว ของขวัญจากบ้านลู่ไม่เหลือสักชิ้น เงินก็หายอีก
สวี่เยว่ยังไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ[2] อยากจะใช้คนบ้าพวกนั้นเป็เครื่องมือจัดการสวี่ฮุ่ย
คนพวกนั้นกับครอบครัวอารอง ไม่มีใครกินหญ้า
เธอไม่เคยกล้าใช้พวกเขาเป็เครื่องมือ เพราะกลัวว่าพวกเขารู้ตัวแล้วจะกลับมาแก้แค้น การที่สวี่เยว่โดนย่าด่า เป็เพราะเธอทำตัวเองทั้งนั้น
สวี่เยว่เห็นตัวเองร้องไห้เสียใจขนาดนี้ กู่ซิ่วยังไม่ค่อยปลอบเธอขนาดนั้น เธอก็รู้สึกเคือง
พ่อแม่สามีกับครอบครัวน้องชายสามีมาบ้านนาน ๆ ที ถึงกู่ซิ่วจะไม่ชอบ แต่ยังต้องต้อนรับขับสู้
รีบไปซื้อหัวหมูพะโล้กับขาหมูพะโล้ที่พ่อสามีสั่งไว้ที่ร้านพะโล้เอกชนในตำบล
แล้วก็ซื้อไก่ย่างกับหมูสามชั้นที่แม่สามีอยากกิน จึงค่อยกลับบ้าน
สวี่ต้าซานต้มน้ำแกงปลาช่อนเสร็จแล้ว กู่ซิ่วแค่ทำหมูสามชั้นผัดน้ำแดงกับผัดผักสองอย่าง อาหารเย็นก็เสร็จเรียบร้อย
สวี่ฮุ่ยเห็นดังนั้นเลยจะออกไปข้างนอก
ปู่สวี่เรียกเธอไว้ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ฮุ่ยฮุ่ย ใกล้จะกินข้าวแล้ว ทำไมยังออกไปข้างนอกอีกล่ะ?”
“หนูจะออกไปซื้อหมั่นโถวกินค่ะ”
คุณปู่สวี่หน้าเสียทันที “หนูกลัวว่าจะมีคนไม่ให้หนูกินข้าวเหรอ?”
ตอนพูด คุณปู่สวี่เหลือบมองกู่ซิ่วอย่างแฝงความนัย แต่ไม่ได้ว่าอะไรเธอแล้วถลึงตามองสวี่ต้าซาน
ก่อนจะพูดกับสวี่ฮุ่ยอย่างอ่อนโยน “มีปู่หนุนหลัง หนูกินข้าวบ้านได้เต็มที่เลย ใครกล้าไม่ให้หนูกินข้าว หนูก็โทรหาปู่ ปู่จะรีบมาตีหัวมันให้แตก!”
[1] ยกก้อนหินทุบเท้าตัวเอง หมายถึง รนหาเื่เดือดร้อนใส่ตัวเอง หรือหาเหาใส่หัว
[2] ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ หมายถึง คนทะนงตน คิดว่าตัวเองเก่งกว่าคนอื่น