ดอกเหมยไม่ผลิบานตามกำหนดการได้สิบวันแล้ว ในวันนั้นทุกคนรอคอยั้แ่เที่ยงวันจนถึงฟ้ามืด วันที่สองจนถึงตอนนี้ก็สิบวันแล้ว ต้นเหมยของป่าเหมยหลินยังคงเขียวชอุ่มโดยมีใบไม้สีเขียวเรียงราย หมายความว่าไม่ได้ร่วงหล่นเลยสักนิด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงดอกเหมย ปรากฏการณ์แปลกๆ ที่ชาวบ้านบอกเล่าไม่ปรากฏขึ้นใน่สิบวันที่ผ่านมา ทุกคนที่มาที่นี่จึงหายไปทีละคน แม้แต่กลุ่มของสุ่ยเย่ว์หรูเฟิงก็จากไป ตอนที่จากไป ไป๋จิ่นอวี้ยังโหวกเหวกโวยวายว่าถูกหลอกแล้ว คนที่คิดเช่นเดียวกันไป๋จิ่นอวี้ก็มีเยอะ ทว่าคนส่วนหนึ่งเก็บความรู้สึกและไม่แสดงออก พวกเขาคิดว่าป่าเหมยหลินต้องต้องเกิดเหตุร้ายอะไรแน่ ดอกเหมยถึงไม่ผลิบาน ส่วนชาวบ้านในหมู่บ้านเหมยหลินคิดว่า ต้องมีใครไปขัดใจเหมยเซียนแน่ เหมยเซียนโกรธเคืองถึงไม่แสดงฤทธิ์เดช ชาวบ้านคุกเข่าตรงหน้าหมู่บ้านภายใต้การนำของผู้ใหญ่บ้าน โดยหวังว่าเหมยเซียนจะแสดงฤทธิ์เดชและให้อภัยพวกเขา
จุนห่าวรู้สึกรางๆ ว่าที่ดอกเหมยไม่ผลิบานในคราวนี้ เกี่ยวข้องกับที่เขาทำพันธะสัญญากับจื่อเหมยเบิกฟ้า ฟังที่ผู้ใหญ่บ้านบอกว่า แต่เดิมป่าเหมยหลินเป็เพียงต้นเหมยธรรมดา ไม่พิเศษอะไร ดอกเหมยผลิบานเมื่อประมาณหนึ่งพันปีที่แล้ว จุนห่าวสันนิษฐานได้ว่า จื่อเหมยเบิกฟ้าอยู่ที่นี่มาพันปีแล้ว เริ่มแรกจื่อเหมยเบิกฟ้ายังแปลงกายเป็มนุษย์ได้ ดังนั้นที่ชาวบ้านเห็นนางฟ้าเหมยเซียน อาจเป็จื่อเหมยเบิกฟ้าที่แปรงกายเป็มนุษย์ ไม่รู้ว่าการที่มันออกมาให้ชาวบ้านเห็นหมายความว่าอย่างไร แต่จุนห่าวรู้ว่าที่นี่เคยเกิดปรากฏการณ์ที่ยากจะเข้าใจแน่ ต่อมาที่จื่อเหมยเบิกฟ้าไม่ปรากฏกาย แสดงว่าอาการาเ็ของเขาแย่ลงเรื่อยๆ แม้แต่พลังปราณก็ถดถอยทีละน้อย กว่าหนึ่งพันปีอาการาเ็ที่ไม่ดีขึ้น เห็นได้ว่าจื่อเหมยเบิกฟ้าาเ็สาหัสเพียงใด จุนห่าวคิดทบทวนอยู่ครู่หนึ่ง จนเข้าใจสถานการณ์คร่าวๆ เขาจึงไม่อยากคิดถึงมันอีก ท้ายที่สุดแล้วทำไมดอกเหมยถึงไม่ผลิบาน คงไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขา รุ่งขึ้นเขาก็จะไปจากที่นี่แล้ว
"จุนห่าว เ้าเห็นจุนตงและจุนหนานไหม?” หานรุ่ยพุ่งพรวดเข้ามาถามจุนห่าวอย่างร้อนรน ใกล้จะถึงมื้อเที่ยงแล้ว
เด็กทั้งสองน่าจะกลับมาแล้ว ทั้งสองคนไม่มีทางพลาดมื้ออาหารใดๆ แน่ เขาค้นหาทั้งด้านหน้าและด้านหลังของบ้าน แต่ก็ไม่พบ โดยปกติแล้วสองพี่น้องจะไม่เถลไถลไปไหนไกล เล่นอยู่แค่ด้านหน้าและด้านหลังบ้าน ที่ไกลที่สุด คือตอนที่ไปเล่นกับหลานชายของลุงโจวที่บ้าน
เห็นหานรุ่ยร้อนรน สีหน้าของจุนห่าวก็ไม่สู้ดี จุนตงและจุนหนาน เป็เด็กมีเหตุผล เขาไม่เคยปล่อยให้เขาและหานรุ่ยต้องเป็กังวล ออกไปเล่นไม่นานก็กลับมา “เสี่ยวรุ่ย เ้าอย่าเพิ่งกังวลไป วันนี้หลังทานอาหารเช้า พวกเขาบอกว่าจะไปบอกลาโจวหย่ง ข้าจึงปล่อยให้พวกเขาไป บางทีพวกเขาอาจจะทำใจได้ยากที่ต้องจากกัน จึงอยู่กันนานขึ้น ข้าจะไปดูที่บ้านท่านลุงโจว” เวลานี้จุนห่าวก็ร้อนใจ มีผู้คนสัญจรไปมาอยู่ในหมู่บ้านใน่หลายวันนี้ ต้องแน่ใจว่าไม่มีใครค้ามนุษย์อยู่ในนี้ แม้ว่าจุนตงและจุนหนานจะเป็เด็กฉลาด ทว่าพวกเขายังอายุไม่ถึงสามขวบ และไม่มีพละกำลังอะไรเลย
“้ข้าไปด้วย รออยู่ที่บ้านข้าก็ไม่สบายใจ” หานรุ่ยพูดกับจุนห่าวอย่างกระวนกระวาย ยามนี้เขาจะนั่งนิ่งอยู่ได้อย่างไร พูดจบก็พุ่งพรวดตามจุนห่าวออกไป
จุนห่าวไม่คัดค้าน ทั้งสองคนรีบเร่งออกไปอย่างร้อนรน จึงถึงประตูบ้านของลุงโจว บ้านของลุงโจวอยู่ไม่ไกลจากบ้านของพวกเขา มิฉะนั้นเขาคงไม่ปล่อยให้จุนตงและจุนหนานไปด้วยตัวเอง
“ท่านลุงโจว จุนตงและจุนหนานบ้านข้าอยู่ที่บ้านท่านไหม?” จุนห่าวเอ่ยกับลุงโจวที่อยู่ในบ้าน ตอนที่จุนห่าวและหานรุ่ยมาถึงบ้านของลุงโจว ประตูหน้าบ้านของเขาเปิดอยู่พอดี จุนห่าวจึงเห็นลุงโจวยืนอยู่ที่บ้าน
“คงเล่นกับโจวหย่งอยู่หน้าประตูล่ะมั้ง” ลุงโจวกล่าว เขาเข้าห้องไปพักผ่อนครู่สั้นๆ เด็กๆ มักจะเล่นตรงหน้าประตู ตอนที่เขาออกมาจึงไม่ได้สนใจ
“ไม่มี ไม่มีเงาใครสักคนเลย โจวหย่งอยู่ในบ้านไหม?” หานรุ่ยเอ่ยขึ้นพลางจ้องประตูที่ว่างเปล่า เขารู้สึกว่าจุนตงและจุนหานต้องเกิดเื่แน่
“โจวหย่ง โจวหย่ง” หลังจากได้ยินคำพูดของหานรุ่ย ลุงโจวะโเข้ามาในบ้าน แต่ก็ไม่มีใครตอบ เขาเดินเข้าไปในห้องอีกครั้งก็ไม่มี เอ่ยกับจุนห่าวและหานรุ่ยว่า “โจวหย่งบ้านข้าก็ไม่อยู่บ้าน อาจจะไปเล่นกับเด็กคนอื่นๆ ในหมู่บ้าน” ลุงโจวคิดในใจ ทั้งสองคนกระต่ายตื่นตูมเสียจริง เด็กๆ คงมัวแต่ห่วงเล่น กลับบ้านช้าหน่อยเป็เื่ปกติ เด็กในหมู่บ้านล้วนเป็เช่นนี้ ถึงเวลาทานข้าวแล้วยังไม่กลับมาค่อยไปตาม เวลานี้ลุงโจวไม่รู้สึกถึงวิกฤตเลยสักนิด
“งั้นลุงโจวทำธุระเถิด เราจะไปตามหาในหมู่บ้าน” จุนห่าวพูดกับลุงโจว จุนห่าวเห็นลุงโจวยังมีท่าทีสบายใจ
เห็นท่าทางร้อนใจของสองสามี ลุงโจววางสิ่งที่กำลังทำอยู่ เอ่ยขึ้น “ข้าจะไปกับพวกเ้าด้วย โจงหย่งบ้านข้าต้องไปเล่นกับลูกๆ เ้าแน่ ตอนนี้ก็ใกล้ถึงมื้อเที่ยงแล้ว ได้เวลาตามเขากลับมาทานข้าวพอดี พวกเ้าไม่ต้องร้อนใจไป เด็กๆ ในหมู่บ้านชอบเล่นเช่นนี้ ไม่เกิดเหตุร้ายอะไรมานานหลายปีแล้ว”
ฟังคำของลุงโจว ทั้งสองคนมิได้ใจชื้นขึ้น ทั้งสามคนเริ่มมองหาในหมู่บ้าน ค้นหาตามสถานที่ที่เด็กๆ เล่นกันบ่อยๆ ก็ไม่พบ เวลานี้ลุงโจวถึงเริ่มร้อนใจ
เมื่อจุนห่าวเห็นกลุ่มเด็กๆ รวมตัวกันที่ใต้ต้นไหวโบราณ จุนห่าวจึงวิ่งเข้าไปถาม “พวกเ้าเห็นจุนตงจุนหนาน และโจวหย่งไหม?”
“ไม่เห็น ไม่เห็น” เด็กเ่าั้ต่างสายหน้าว่าไม่เห็น
ตอนนั้นเอง เด็กน้อยคนหนึ่งเอ่ยกับจุนห่าวว่า “ข้าเห็นพวกเขาเข้าไปในป่าเหมยหลิน ข้าวิ่งได้ช้า ไล่ตามไม่ทัน จึงไม่ได้ไป”
“ไปป่าเหมยหลินรึ พวกเขาไปกันกี่คน” จุนห่าวถามด้วยรอยยิ้ม เขาเกรงว่าจะทำให้เด็กๆ ใ เขาจึงปรับสีหน้าวิตกกังวลบนใบหน้า
“เจ็ดหรือแปดคนนี่แหละ ข้าไม่ได้นับ ยังไงก็มีไม่น้อย เป็เด็กโตทั้งหมด วิ่งได้เร็ว แต่จุนตงและจุนหนานวิ่งตามทัน แต่ข้าตามไม่ทัน จุนหนานบอกว่าข้าขาดการออกกำลังกาย” เด็กน้อยขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่ง เขาไม่พอใจเล็กน้อยที่จุนหนานบอกว่าขาดการออกกำลังกาย พ่อของเขาบอกว่าเขาจะกลายเป็นักพรตที่ยิ่งใหญ่ในอนาคต
“เป็เด็กดีเสียจริง ท่านลุงขอบคุณเ้า” จุนห่าวพูดจบก็หยิบขนมที่จุนตงและจุนหนานโปรดปรานที่สุดออกจากเทศะ พร้อมมอบให้เด็กน้อยหนึ่งถุง และเดินไปทางป่าเหมยหลินพร้อมหานรุ่ยและลุงโจว
ในเวลานี้มีอีกหลายคนที่ยังคงอยู่ในป่าเหมยหลิน คนเหล่านี้ยังไม่ถอดใจ พวกเขายังรออยู่ รออย่างเป็กลุ่มเป็ก้อน ตลาดเล็กๆ ด้านนอกของป่าเหมยหลินยังมีคนขายของ เมื่อทั้งสามคนนัดแนะกันที่จุดนัดพบแล้ว พวกเขาก็แยกย้าย จุนห่าวค้นหาตามสถานที่มากมาย ก็ไม่พบใคร พอใกล้ถึงเวลาที่ตกลง ทั้งสามคนก็กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง
จุนห่าวมองไปทางหานรุ่ยและลุงโจว เวลานี้ลุงโจวใจไม่นิ่งแล้ว ทั้งสามกังวลใจยิ่งนัก
“เสี่ยวไป๋ เ้าใช้จิตรับรู้ช่วยข้าดูหน่อยว่ารอบๆ นี้มีจุนตงและจุนหนานอยู่ไหม” จุนห่าวเรียกเสี่ยวไป๋ บัดนี้เขาไม่มีจิตรับรู้ ทว่าเสี่ยวไป๋มี
“ข้าจะเห็นสิ่งรอบๆ แค่สิบเมตรรอบตัวข้า เมื่อครู่นี้ข้าดูแล้วไม่มี มีแค่เด็กหลายคนอยู่หลังต้นไม้ที่อยู่ไม่ไกลจากเ้า ในนั้นมีโจวหย่ง แต่ไม่มีจุนตงจุนหนาน” เสี่ยวไป๋กล่าว
“เราไปดูที่นั่นกันเถอะ” จุนห่าวเดินไปที่ที่เสี่ยวไป๋พูดไปพลาง กล่าวกับหานรุ่ยและลุงโจวไปพลาง
เมื่อจุนห่าวเดินเข้าไปใกล้ ก็ได้ยินโจวหย่งพูดพลางร้องไห้ว่า “จุนตงจุนหนานไม่ได้กลับบ้าน ถูกคนชั่วจับตัวไปใช่ไหม ตอนนี้เขาไม่มีหน้าไปพบท่านลุงจุนห่าวและท่านลุงหานรุ่ยแล้ว ทำยังไงดี?”
แท้จริงแล้ว กลุ่มเด็กของโจวหย่งมาเพิ่งจะถึงป่าเหมยหลินได้ไม่นาน จุนตงและจุนหนานก็หายไป โจงหย่งมีอายุมากกว่าจุนตงและจุนหนานสี่ปี เขาคิดตลอดว่าจุนตงและจุนหนานคือน้องชาย คราวนี้เขาทำให้จุนตงจุนหนานหายไป ตำหนิตัวเองยิ่งนัก เขาและเพื่อนๆ ออกตามหาหนึ่งรอบก็ยังไม่พบ จึงกลับไปยังหมู่บ้านเพื่อดูว่าจุนตงและจุนหนานกลับมาแล้วหรือไม่ เมื่อพวกเขากลับไปหมู่บ้าน เห็นเด็กกลุ่มหนึ่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ เอ่ยถามพวกเขาว่าเห็นจุนตงและจุนหนานหรือไม่ พวกเขาบอกว่าไม่เห็น ยังบอกอีกว่าพ่อแม่ของจุนตงและจุนหนาน รวมถึงปู่ของโจวหย่งกำลังตามหาพวกเขา โจวหย่งยิ่งร้อนใจ และกลับมาป่าเหมยหลินเพื่อตามหาพวกจุนห่าว เพราะพวกจุนห่าวเดินตามทางเล็กๆ จึงคลาดกับพวกโจวหย่ง
เมื่อเห็นพวกจุนห่าวสามคนปรากฏตัวขึ้น โจวหย่งก็ร้องไห้พร้อมพูดกับจุนห่าวและหานรุ่ยว่า “ท่านลุงจุน ท่านลุงหาน ข้าทำให้จุนตงและจุนหนานหายไป ฮืออออ ข้าหาพวกเขาไม่พบ พวกเขาถูกคนชั่วจับตัวไปใช่ไหม”
เมื่อได้ยินว่าไม่พบจุนตงจุนหนาน จุนห่าวและหานรุ่ยเป็กังวลมาก ทว่าไม่อาจทำให้เด็กๆ อึดอัดใจ จุนห่าวพูดกับโจวหย่งว่า “ไม่ต้องร้อง ลุงจะตามหาพวกเขาให้พบ เ้าบอกลุงมาว่าเกิดอะไรขึ้น? เหตุใดพวกเขาถึงหายไป?”
ลุงโจวรู้สึกโล่งใจที่เห็นว่าหลานชายของเขาไม่เป็อะไร ทว่าเมื่อเขาได้ยินหลานชายพูดว่าจุนตงและจุนหนานหายไป เขาวิตกกังวลเช่นกัน เขาพูดกับโจวหย่งว่า “เสี่ยวหย่ง หยุดร้องไห้ เล่าเื่ที่เ้ารู้ทั้งหมดให้ท่านลุงจุนทราบ? รายละเอียดยิ่งเยอะเท่าไหร่ยิ่งดี เช่นนี้ถึงจะพบจุนตงจุนหนานเร็วขึ้น”
“เราเล่นซ่อนหาที่นี่ ข้าหาคนอื่นจนพบ แต่ไม่พบพวกเขา ในตอนแรกข้าคิดว่าพวกเขาซ่อนตัวเก่ง ต่อมาข้าเก็บรองเท้าคู่หนึ่งได้จากใต้ต้นไม้ ข้าคิดว่าพวกเขาซ่อนตัวอยู่ใกล้ๆ นี้ แต่ทว่า ข้าค้นหารอบๆ ก็ไม่พบพวกเขา และเก็บรองเท้าอีกคู่ได้ไม่ไกล” พูดถึงตรงนี้ โจวหย่งมอบรองเท้าสองคู่ในมือให้แก่จุนห่าว เห็นแค่ครู่เดียวจุนห่าวก็รู้ทันทีว่าเป็ของจุนตงและจุนหนาน ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้น จุนตงเป็เด็กฉลาด เขาถอดรองเท้าเพื่อใช้โอกาสนี้บอกว่าเขาและจุนหนานเกิดเื่ จุนห่าวคิดว่าต้องเป็เช่นนี้แน่
โจวหย่งยังพูดด้วยเสียงใจหายว่า “ข้าพบรองเท้า ไม่พบคน จึงหวาดกลัว ข้าเริ่มะโชื่อจุนตงและจุนหนาน ทั้งยังบอกพวกเขาว่าไม่เล่นแล้ว เขาไม่หาแล้ว ให้พวกเขาออกมาเถอะ แต่รอแล้วรอเล่าก็ไม่เห็นพวกเขาทั้งคู่ ถึงตอนนี้ก็ยังไม่ปรากฏตัว” โจวหย่งร้องไห้คร่ำครวญ เขาเสียใจจริงๆ เหตุใดถึงเล่นซ่อนหานะ จุนตงและจุนหนานจึงถูกคนชั่วจับตัวไป
พูดจบ จุนห่าวหลับตาเพื่อปิดบังหมอกควันในดวงตา หายใจเข้าลึกๆ ลืมตาขึ้นและพูดกับลุงโจวอย่างใจเย็นว่า “ท่านลุงโจว ท่านพาเด็กๆ กลับไปก่อน ข้าและหานรุ่ยจะหาต่อไป” คนที่เข้าใจจุนห่าวต่างรู้ว่าจุนห่าวกำลังโกรธ
ลุงโจวกล่าวว่า “ข้าช่วยพวกเ้าตามหาอีกแรง มีคนเพิ่มย่อมมีกำลังเพิ่ม” เขาจะกลับบ้านอย่างสบายใจได้อย่างไร อันที่จริงก็เป็เพราะหลานชายของตัวเองที่ออกมาพร้อมกัน อีกทั้งเขาก็เอ็นดูจุนตงจุนหนานเด็กทั้งสอง
หานรุ่ยยังปกปิดสายตาแหลมคม พูดกับลุงโจวด้วยสีหน้าเฉยเมยว่า “ท่านลุงโจวกลับไปเถอะ มิใช่ว่ามีหลายคนก็จะพบ เรามีวิธีของเรา” หานรุ่ยกังวลใจยิ่งนักในตอนนี้ เขาไม่มีเวลามาเกรงใจลุงโจว เห็นกันอยู่ว่ามีคนคิดจะทำร้ายเด็ก
“ข้าคิดได้แล้ว ท่านลุงจุน ท่านลุงหาน สุนัขหมาป่าคู่บารมีในบ้านของท่าน มันก็หายไปด้วย ตอนที่พวกเรามา มันอยู่กับจุนตงจุนหนานตลอด ตอนนี้ก็หายไป” โจวหย่งพูดกับจุนห่าวและหานรุ่ย เวลานั้นเขายังอิจฉาจุนตงจุนหนาน เขาคิดว่ากลับไปจะขอท่านปู่เลี้ยงสุนัขสักตัว
เมื่อได้ยินเื่นี้ จุนห่าวปิติยินดี เมื่อครู่นี้เขาคิดอยู่ว่าจะให้สายฟ้าช่วย เขายังคิดว่าสายฟ้าบำเพ็ญเพียรอยู่ที่บ้าน
คิดไม่ถึงว่าสายฟ้าจะอยู่กับจุนตงจุนหนานตลอด
สายฟ้าเป็สัตว์ในพันธะสัญญาของจุนห่าว ไม่อาจสื่อสารโดยตรงหากมิได้อยู่ด้วยกัน ทว่าจุนห่าวรับรู้ได้ถึงทิศทางคร่าวๆ ของสายฟ้า และจากพันธะสัญญารับรู้ได้ว่าสายฟ้ายังสบายดี ทำให้จุนห่าวใจชื้นขึ้นเล็กน้อย
“เสี่ยวรุ่ย ไปกัน” จุนห่าวพูดกับหานรุ่ย จากนั้นวิ่งไปทางป่าหลานอู หานรุ่ยวิ่งฝุ่นตลบตามจุนห่าวอย่างไม่ซักถามอะไรแม้แต่นิดเดียว
“ท่านลุงโจว ท่านพาเด็กๆ กลับไปเถอะ!” ลุงโจวเห็นความเร็วในชั่วพริบตาของจุนห่าวและหานรุ่ยที่วิ่งไกลออกไป พลางได้ยินเสียงจุนห่าวที่ห่างไกลเข้ามาในหูของลุงโจว ลุงโจวคิดในใจ ถึงเขาคิดจะไป ก็คงตามความเร็วของจุนห่าวและหานรุ่ยไม่ทัน จึงได้แต่ถอยกลับ เขาไม่มีทางเลือกนอกจากกังวลใจ และพาเด็กๆ กลับไป
