มองดูสายตาที่จริงใจของเถารั่วเซียง ฉินหลางอยากจะเล่าทุกสิ่งทุกอย่างของตัวเองให้เธอฟังแทบใจจะขาด เธอจะได้เลิกเข้าใจเขาผิดสักที ทว่าเขารู้ดีว่าทำอย่างนั้นไม่ได้ เพราะตาเฒ่าพิษจะต้องฆ่าเธอแน่
เมื่อเห็นฉินหลางยังคงลังเลอยู่ เถารั่วเซียงจึงพูดชักชวนต่อ “พูดจากเซนส์ของฉัน ฉันเชื่อว่าเธอไม่ได้ทำร้ายโจวหลิงหลิงจริงๆ แต่ถ้าเธออยากให้ครูเชื่อเธอเต็มร้อย และได้รับความช่วยเหลือจากฉัน เธอจะต้องบอกความลับทั้งหมดที่มีกับครู แบบนั้นครูถึงจะลบล้างข้อกล่าวหาให้เธอได้ ถึงแม้ไม่ทำเพื่อตัวเอง ก็ควรทำเพื่อพ่อแม่ของเธอ…”
ฉินหลางยังคงลังเลอยู่เหมือนเดิม ภายในใจกำลังสับสน คำพูดของเถารั่วเซียงโน้มน้าวเขาได้ไม่น้อย อีกอย่างฉินหลางเองก็รู้ว่าถ้าเขาเอาข้อมูลที่มีอยู่ในมือตอนนี้ให้ตำรวจ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าตำรวจจะต้องเข้าใจฉินหลางผิดมากขึ้น ถึงตอนนั้นฉินหลางอาจต้องกลายเป็แพะรับบาป
ในด้านนี้ ตำรวจทุกคนในจักรพรรดิหัวเซี่ยล้วนเชี่ยวชาญมาก เมื่อยืนยันตัวผู้ต้องสงสัยแล้ว พวกเขาจะจับจ้องอยู่อย่างนั้นจนกว่าผู้ต้องสงสัยจะกลายเป็ผู้ต้องหา
จากข้อมูลปัจจุบันที่เถารั่วเซียงเปิดเผยมา สถานการณ์ตอนนี้ของฉินหลาง เสียเปรียบอยู่มาก!
เวลาค่อยๆ หมดไปเรื่อยๆ
เถารั่วเซียงกำลังรอคำตอบจากฉินหลางอยู่
ทันใดนั้น มือถือของเถารั่วเซียงดังขึ้น
เถารั่วเซียงจึงต้องหยิบมือถือออกมาดูหมายเลขเบอร์โทรเข้า เธอกดปุ่มรับสาย ผ่านไปสักพัก รอยยิ้มบนในหน้าเธอเริ่มจางลงไปเรื่อยๆ ตอนที่เธอวางมือถือลง ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความเย็นเยือก “เธอมันเดรัจฉานจริงๆ! ถ้าไม่ได้เป็ครูของเธอ ฉันจะต้องตบหน้าเธอแรงๆๆ สักฉาดแน่! ดูไปแล้วเธอไม่ได้ป่วยทางจิตอะไรหรอก แต่เป็คนจิตวิกลจริต!”
ฉินหลางอึ้ง ไม่กี่นาทีที่แล้วเขายังเป็นักเรียนที่น่าเชื่อถือในสายตาเถารั่วเซียง ทำไมพริบตาเดียวเขาถึงได้กลายเป็เดรัจฉานไปได้?
“อาจารย์เถา ผมไปทำอะไรให้คุณเหรอ คุณถึงได้มอบตำแหน่งเดรัจฉานให้กับผม?” ฉินหลางถามด้วยความอึดอัดใจ
เถารั่วเซียงเก็บด้วยอารมณ์โมโห ขณะเดียวกันก็พูดอย่างเย็นะเื “ไม่มีอารมณ์ล้อเล่นกับนาย! ผลตรวจเืเบื้องต้นของโจวหลิงหลิงออกมาแล้ว ยาที่นายให้เธอกิน ประกอบด้วยยาพิษหลายชนิด! ไม่ว่านี่จะเป็ความคิดของเธอ หรือมีคนอื่นบงการ ล้วนไม่สมควรได้รับการอภัย! ช่างน่าขำจริงๆ ฉันยังคิดว่านายเป็นักเรียนที่ดีซะอีก คิดไม่ถึงเลยว่านายจะ—ช่างเถอะ บางทีเรือนจำกับนรกอาจจะเหมาะกับนายที่สุด!”
ประโยคสุดท้าย แสดงออกอย่างชัดเจนว่าเถารั่วเซียงแค้นเคืองเขามากขนาดไหน
ทว่าฉินหลางยังไม่ยอมรับ พยายามอธิบายต่อ “เป็ไปไม่ได้! ยาที่ผมให้เขาไปไม่ใช่ยาพิษแน่นอน โจวหลิงหลิงฟื้นเมื่อไรคุณไปถามเธอดูก็ได้—”
“โจวหลิงหลิงตายไปแล้ว!” เถารั่วเซียงพูดอย่างแค้นเคือง เสียงของเขาดังจนตำรวจที่อยู่ข้างนอกแห่เข้ามา “ฉินหลาง นายมันเดรัจฉานจริงๆ!”
เมื่อพูดจบ เถารั่วเซียงกระแทกประตูปิดดังๆ ก่อนจะเดินจากไป ดูไปแล้วเธอเป็ผู้หญิงที่เกลียดความเลวมากๆๆ แต่ว่า—
แท้จริงแล้วฉินหลางไม่ได้เป็คนเลว!
“ตายแล้ว? โจวหลิงหลิงตายแล้วเหรอ? มันจะเป็ไปได้ยังไง?”
ตอนนี้ ในสมองฉินหลางมีประโยคคำถามเต็มไปหมด เพราะยาที่ฉินหลางให้โจวหลิงหลิงกินมันเป็ยา “ไป่ตู๋ต้าหวนตัน” ยาช่วยชีวิตที่แท้จริง! และแม้นว่าตาเฒ่าพิษจะเชี่ยวชาญในเื่พิษ แต่ฉินหลางมั่นใจ หมอทั่วทั้งประเทศส่วนใหญ่ล้วนมีวิชาการแพทย์น้อยกว่าตาเฒ่าพิษแน่นอน เพราะฉะนั้นยาช่วยชีวิตที่ตาเฒ่าพิษให้มา ไม่มีทางกินแล้วตายแน่นอน!
เพียงแต่ ประเด็นหลักตอนนี้คือโจวหลิงหลิงตายไปแล้ว และผลการตรวจเืจากโรงพยาบาลบอกว่ายาที่เขาให้เธอกินไปนั้นมีพิษร้ายแรง ซึ่งมันทำให้ฉินหลางต้องตกที่นั่งลำบาก!
จนสามารถพูดได้ว่าหลักฐานกองเท่าูเา!
พยานบุคคล-ครูอาจารย์และนักเรียนเกือบทั้งชีจง พยานหลักฐาน-ผลการตรวจเืของโจวหลิงหลิง
ไม่แปลกที่เถารั่วเซียงจะด่าว่าฉินหลางเป็ “เดรัจฉาน” ต่อหน้าหลักฐานที่กองเท่าูเา เธอยังจะเชื่อเซนส์ของตัวเองต่อได้ยังไง
ตอนนี้ฉินหลางรู้สึกเ็ปใจอย่างประหลาด และที่เขาเสียใจ ไม่ใช่เพราะจู่ๆ ก็กลายเป็ผู้ต้องหาฆ่าคนตาย แต่เพราะจู่ๆ เขาก็ได้กลายเป็ “เดรัจฉาน” ในสายตาเถารั่วเซียงต่างหาก
ยิ่งรักมากก็ยิ่งเจ็บมาก คนที่รักที่สุดทำร้ายเราได้ลึกที่สุดจริงๆ ด้วย
ในเวลานั้นเอง ฉินหลางได้ยินแว่วๆ เหมือนเป็เสียงของตำรวจวัยกลางคนที่กำลังคุยกับใครบางคนอยู่ “อะไรนะ! ส่งตัวเขาไปสถานกักกันเหรอ? หัวหน้าครับ เ้านั่นเป็แค่เด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ และยังเป็นักเรียน ส่งเขาไปสถานกักกันไม่เหมาะมั้งครับ? อีกอย่าง ตอนนี้ยังไม่เื่ชัดเจน ส่งเขาไปที่นั่นมันผิดวินัย”
ตำรวจวัยกลางคนกำลังช่วยฉินหลาง?
ถ้าไม่ได้ยินเองกับหู ฉินหลางไม่มีทางเชื่อแน่ๆ
ใจคนยากแท้หยั่งถึงจริงๆ ด้วย
ดูเผินๆ แล้วเหมือนตำรวจวัยกลางคนคนนี้เป็คนเลว ใครจะคิดว่าก่อนหน้านี้เขาแค่ขู่ฉินหลางเท่านั้น เนื้อแท้แล้วเขากลับเป็คนที่ยึดมั่นในวินัยของตัวเอง
“หัวหน้ากลุ่มหลิว นี่เป็คำสั่งของข้างบน!”
“แต่ว่า—”
“ไม่มีแต่! เ้าหลิว นายก็เป็ตำรวจมานานแล้ว น่าจะรู้อยู่ว่าอะไรควรอะไรไม่ควร…ช่างเถอะ ี้เีเปลืองน้ำลายกับนายละ จ้าวน้อย นายไปจัดการ ส่งตัวเด็กนั่นไปที่สถานกักกัน!”
“ครับ…”
※※※
6 โมงเย็น ปกติเวลานี้เป็เวลากินข้าวเย็นของฉินหลาง แต่ก่อนเมื่อถึงเวลานี้ ฉินหลางกับผู้ชายกลุ่มหนึ่งจะวิ่งไปที่โรงอาหารโรงเรียนราวกับแข่งกัน และแย่งกันตักอาหาร เหมือนว่าการแย่งอาหารก็เป็ความสุขอย่างหนึ่ง แต่วันนี้เขากลับทำได้เพียงทนหิว
10 นาทีก่อน ฉินหลางมาถึงสถานกักกันที่ตั้งอยู่ชานเมืองเซี่ยหยาง
ไม่มีใครสนใจว่าเขากินข้าวเย็นแล้วหรือยัง ผู้คุมก็นำตัวเขาเข้าไปในห้องขัง ห้องละ 8 คน
ดูไปแล้วก็ไม่ได้ต่างจากหอพักในโรงเรียนมากนัก แต่ฉินหลางรู้ว่าที่นี่กับหอพักของโรงเรียนความจริงมันต่างกันราวฟ้ากับดิน
ยังโชคดีที่ “เพื่อนร่วมห้อง” ของเขาออกไปกินข้าวกันแล้ว ยังไม่ได้กลับมาในห้อง ดังนั้นบรรยากาศในห้องจึงยังไม่กดดันมากนัก
ครืด!
ประตูเหล็กหนักๆ ของสถานกักกันถูกปิดลง
ประตูเหล็กหนักๆ ที่เพิ่งปิด ถูกเปิดออกอีกครั้ง ผู้คุมพูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ไปห้องเยี่ยมกับฉัน มีคนมาเยี่ยมเธอ!”
“ใครเหรอ” ฉินหลางถามด้วยความสงสัย
“เพื่อนนักเรียนของเธอ!”
“ฉันไม่อยากไป” อยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ฉินหลางไม่อยากจะเสวนากับใครทั้งนั้น เื่ที่เกิดขึ้นวันนี้สับสนวุ่นวายมากเกินไป เขาจะต้องรีบจัดการมันเสียก่อน เพื่อคิดหาวิธีลบล้างมลทิน
“เธอไม่มีสิทธิ์เลือก!” ผู้คุมยื่นมาไปผลักฉินหลาง บังคับให้เขาไปพบใครบางคน
ผ่านไปครู่หนึ่ง ฉินหลางเจอกับ “เพื่อนนักเรียน” ที่ผู้คุมบอก
บอกตามตรง ฉินหลางไม่มีเพื่อนนักเรียนที่อายุมากขนาดนี้ ไม่เคยมีแม้แต่คนเดียว เ้าหมอนี่ประมาณ 30 ปี ร่างกายกำยำ และเป็ชาวอุยกูร์ นอกจากนี้จมูกที่โค้งเป็ตะขอราวกับเหยี่ยว ดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนดีแน่นอน และยังน่ากลัวอย่างยิ่ง
“ฉินหลาง รู้ไหมว่าทำไมแกถึงต้องมาที่นี่? เพราะบิดาให้คนส่งแกมาที่นี่เอง”
คำพูดแรกของเขา แต่แสดงออกชัดเจนถึงความเคียดแค้นที่มีต่อฉินหลาง “บิดาก็คือซางคุน!”
“อ้อที่แท้ แกก็คือไอ้สารเลวซางคุนนั่นเอง” ฉินหลางพลางสบถออกมาเสียงเย็นเฉียบ ซางคุนเป็คนที่คนในเมืองเซี่ยหยางต่างก็เกรงกลัว ด้วยความที่ซางคุนเป็คนโเี้ ผู้คนที่ได้ยินชื่อของเขาต่างอกสั่นขวัญแขวนไปตามๆ กัน แต่ทว่าในสายตาของฉินหลาง เขาเป็แค่หัวหน้านักเลงอันธพาลอุยกูร์เท่านั้นเอง
“ไอ้หนู ได้ยินว่านายเก่งการต่อสู้ แต่แกเคยได้ยินมาบ้างรึเปล่า คนส่วนใหญ่ที่อยู่ในสถานกักกันล้วนเป็พวกบ้าพลัง ที่ถูกจับเข้ามาเพราะความรุนแรง” เห็นได้ชัดว่าซางคุนกำลังข่มขู่เขาอยู่