“ผมยังเป็ผู้ชายพรหมจรรย์”
ฉินหลางพูดขึ้นเสียงดัง เพราะเขาไม่อยากให้เถารั่วเซียงมองว่าเป็นักเรียนที่เลวยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน จึงรีบหาข้อแก้ตัวให้ตัวเอง “ผมยังมีเยื่อหุ้มของผู้ชายพรหมจรรย์อยู่—ไม่สิ! ผมยังมีเส้นของผู้ชายพรหมจรรย์อยู่! ผมเปิดให้คุณดูก็ได้นะ!”
ได้ยินฉินหลางพูดว่า “ผู้ชายพรหมจรรย์” เถารั่วเซียงยิ้มออกมาอย่างเหลืออด “ฉินหลาง…ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาพูดตลกนะ ไม่รู้จริงๆ ว่านายไปฟังเื่ไร้สาระพวกนี้มาจากไหน คำว่า ‘เส้นพรหมจรรย์’ เป็เื่มั่วทั้งนั้น! ฉินหลางฉันเชื่อว่าเธอเป็นักเรียนที่แท้จริง ที่ถามถึงจ้าวจิ้งกับฉางเซี่ยิ่ เพราะอยากให้เธอรู้ว่าเื่นี้มันร้ายแรงขนาดไหน การที่พวกเธอทั้งคู่ลาออกนั้น ไม่ได้ง่ายอย่างที่เธอคิด และตอนนี้เ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อมโยงพวกเธอกับคดีของโจวหลิงหลิงเข้าด้วยกันแล้วด้วย!”
ฉินหลางเงียบไปสักพัก คำพูดเหล่านี้ของเถารั่วเซียงทำให้ฉินหลางรู้สึกไม่ดีจริงๆ แล้ว ก่อนหน้านี้จ้าวเหว่ยเคยพูดว่า มีผู้หญิงหน้าดีๆ หลายคน ไม่พักการเรียนก็ย้ายโรงเรียน คิดไม่ถึงว่ามันจะเป็เพียงการสร้างภาพตบตา พวกเขาน่าจะเกิดเื่แล้ว แต่ฉินหลางไม่เข้าใจว่าทำไมเื่พวกนี้ต้องมาตกลงบนหัวเขา ทำไมต้องให้เขาเป็แพะรับบาปทั้งหมดนี้ด้วย
เกิดเป็ฉินหลางนี่น่าสงสารจริงๆ เลย ต้องมารับโทษแทนคนอื่นเขา กับโจวหลิงหลิงอย่างน้อยเขายังเคยได้เจอหน้ามาก่อน แต่กับฉางเซียิ่ กับจ้าวจิ้งอะไรนั่น ขนาดชื่อของพวกเธอเขายังเพิ่งจะได้ยินเป็ครั้งแรก พวกตำรวจกลับจะเอาทั้งหมดมาโยงเข้าด้วยกันแล้วให้เขาเป็คนรับเนี่ยนะ ฉินหลางยิ่งคิดยิ่งอึดอัดใจ
“หรือว่าที่อโคจรอย่างสถานเริงรมย์ ผู้ชายพรหมจรรย์ไปแล้วจะโชคร้าย? โดยเฉพาะผู้ชายพรหมจรรย์ที่ไปแล้วแต่ไม่ได้ (น้ำ) แตก” ฉินหลางบ่นพึมพำพึมพำ
ตอนแรกที่มาชีจง ฉินหลางค่อนข้างจะดวงดีเลยแหละ เข้าเรียนคลาสแรกก็ได้เรียนกับอาจารย์สาวที่สวยที่สุด และทุกอย่างหลังจากนั้นก็ราบรื่นมาโดยตลอด แต่พอไปบิวตี้คลับแค่ครั้งเดียวเท่านั้นและ ดวงก็กลับตรงกันข้ามทันทีเลย และดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้ซวยคนเดียวด้วย เพราะจ้าวเหว่ยก็โดนทำร้ายจิตใจอย่างรุนแรงมาเหมือนกัน
เห็นไหมล่ะ ผู้ชายพรหมจรรย์ไม่ควรไปในสถานเริงรมย์แบบจริงๆ ด้วย
“ฉินหลาง เธอยังมีอะไรจะพูดอีกรึเปล่า?” เถารั่วเซียงถามขึ้น
“อาจารย์เถาครับ ผมช่วยเหลือคน แต่นอกจากจะไม่ได้รับรางวัลความกล้าหาญแล้ว ตรงกันข้ามให้ผมเป็ผู้ร้ายรับโทษที่ผมไม่ได้ก่อ คุณว่าผมซวยรึเปล่า? โลกทุกวันนี้มันเป็อะไรกันไปหมด ทำดีแล้วได้ชั่ว แล้วแบบนี้ผมจะต้องไปขอความยุติธรรมที่ไหน?”ฉินหลางระบายออกมาด้วยความหดหู่
“นายสามารถขอความยุติธรรมกับฉันได้” เถารั่วเซียงกล่าวขึ้นอย่างมีเหตุผล “ฉันมาเยี่ยมเธอในฐานะตัวแทนของโรงเรียน การอบรม สั่งสอน ให้ความรู้เป็หน้าที่หลักของโรงเรียน เมื่อเรามีหน้าที่อบรมสั่งสอนนักเรียน เราจึงต้องมีหน้าที่คุ้มครอง และช่วยเหลือนักเรียนที่มีความประพฤติดีให้ได้รับความยุติธรรมด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้น ถ้าเธอมีปัญหาอะไรที่ไม่สามารถบอกใคร สามารถบอกกับฉันได้ทั้งหมด ฉันรับรองว่าจะไม่เปิดเผยความลับส่วนตัวของเธอแน่นอน”
น้ำเสียงของเถารั่วเซียงนั้นมีความเย้ายวน ชวนหลงใหลที่ติดตัวมาั้แ่เกิด ทำให้ฉินหลางรู้สึกอบอุ่นใจ จนเกือบจะหลุดปากบอกความลับของตัวเองกับเธอ แต่แล้วจู่ๆ เขาก็นึกถึงคำสั่งสอนของตาเฒ่าพิษ ก่อนจะกลืนคำพูดที่เกือบจะหลุดปากกลับลงไป หากตาเฒ่าพิษรู้ว่าเขาเปิดเผยความลับกับเถารั่วเซียง เขาอาจไม่ทำอะไรฉินหลาง แต่เถารั่วเซียงมีโอกาสที่จะโดนตาเฒ่าพิษฆ่าปิดปากสูงมาก
“อาจารย์เถาครับ ผมไม่มีอะไรที่บอกกับใครไม่ได้หรอกครับ” ฉินหลางพูดอย่างเรียบเฉย
“จริงเหรอ?” เถารั่วเซียงเริ่มไม่สบอารมณ์ เพราะการไม่ให้ความร่วมมือของฉินหลาง “ตอนนี้สถานการณ์ของเธอไม่ค่อยจะดีเท่าไรนัก เื่บางเื่เธอพูดให้ชัดเจนจะดีกว่าพ่อแม่ของเธอจะได้ไม่ต้องเป็ห่วง และเพื่ออนาคตของตัวเธอเองด้วย ไม่อย่างนั้น ครูก็ช่วยเธอไม่ได้!”
“ผมไม่ได้มีเื่อะไรปิดบังครูจริงๆ ครับ”
“ในฐานะของครู ฉันหวังว่านักเรียนทุกคนจะไม่พูดโกหก แต่เธอทำให้ฉันผิดหวัง” เถารั่วเซียงพูดด้วยน้ำเสียงที่เ็ป เธอหยิบตัวอย่างแมลงสีใสกล่องเล็กๆ ออกมาวางตรงหน้าฉินหลาง ทันทีที่ฉินหลางมองเห็น สีหน้าของเขาถอดสีไปในทันที
เป็ตัวอย่างของเ้ายุงลามกตัวนั้น!
ตอนแรกฉินหลางคิดว่า เถารั่วเซียงแค่บังเอิญเก็บตัวอย่างยุงลามกตัวนี้เอาไว้ แต่เขาคิดไม่ถึงว่ามันไม่ได้เป็เพราะความบังเอิญ! แต่เป็เพราะ เถารั่วเซียงสงสัยฉินหลางมาตั้งนานแล้ว เพียงแต่เขาไม่เคยจะรู้ตัวเองต่างหาก
อยู่ดีๆ ฉินหลางก็รู้สึกเ็ปใจขึ้นมา
“ฉินหลาง ตัวอย่างแมลงนี้เธอคงจะรู้จักใช่ไหม?” เถารั่วเซียงพูดด้วยความเสียใจ “อย่าลืม ฉันเป็อาจารย์ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในห้องเรียนล้วนอยู่ในการควบคุมของฉัน ฉันจะไม่รู้ได้ไงว่าเธอแอบทำอะไรบ้าง บอกฉันมา เื่ของยุงตัวนี้มันเป็ยังไงกันแน่?”
“อาจารย์เถา นี่ก็แค่ยุงตัวหนึ่งเท่านั้น ชื่อของมันคือยุงลาย หรือเรียกอีกอย่างว่ายุงเสือเอเชีย ผมรู้แค่นี้แหละ—”
“เธอยังจะปิดบังอะไรอีก!”
เห็นได้ชัดว่าเถารั่วเซียงเริ่มโมโหแล้ว “ยุงตัวนี้ตกลงมาจากบนตัวเธอ! เธออย่าคิดว่าฉันจะไม่รู้อะไรเลย! ฉันรู้แม้แต่เธอแอบมองฉันอยู่ตอนนั้น!”
“อาจารย์เถา มันก็แค่ยุงตัวหนึ่งเท่านั้นเอง ถึงแม้ว่ามันจะตกจากตัวผมจริงๆ มันก็ไม่ได้บ่งบอกอะไรไม่ใช่เหรอ?” ฉินหลางตัดสินใจว่าจะปฏิเสธให้ถึงที่สุด
“ใช่! นายไม่ได้บ่งบอกอะไร เพียงแต่ฉันพบอะไรบางอย่างบนตัวของยุงตัวนี้—”
เถารั่วเซียงจ้องหน้าฉินหลาง “ศพของยุงตัวไม่ได้มีร่องรอยใดๆ เลย แสดงว่ามันไม่ได้ตายเพราะแรงกระแทกจากภายนอก ภายใต้กล้องจุลทรรศน์เห็นเพียงร่างกายมันแข็งตัวแล้ว นอกจากนี้ฉันเก็บตัวอย่างเืจากช่องท้องของมันออกมาเล็กน้อย—”
พูดถึงตรงนี้ เถารั่วเซียงก็เงียบไป เพราะเธอกำลังเป็ฝ่ายได้เปรียบ หยุดพูดตอนนี้ สามารถกดดันสภาพจิตใจของเขาได้มาก อาจมากจนฉินหลางสารภาพออกมาเองเลยก็ได้ บนใบหน้าของฉินหลางเห็นได้ชัดว่าเขาใไม่น้อย แต่ทว่าเขากลับร้อนรน กระวนกระวาย เถารั่วเซียงรู้ว่ายังไม่สามารถโจมตีสภาพจิตใจของฉินหลางให้พังทลายได้ จึงได้พูดต่อ “ผลการทดลองน่าสนใจมาก ฉันพบว่ายุงตัวนี้ตายเพราะการถูกพิษ! ฉินหลาง เธอจะสามารถบอกฉันได้ไหมว่ามันถูกพิษได้อย่างไร?”
“เพื่ออะไร?” ฉินหลางรู้สึกเ็ปใจมากยิ่งขึ้น เขาคิดไม่ถึงว่าเถารั่วเซียงจะสงสัยในตัวเขาั้แ่ตอนแรก ยังคิดแบบไร้เดียงสาว่าเถารั่วเซียงเองก็รู้สึกดีกับเขาเหมือนกันซะอีก คิดไม่ถึงเลยว่าเขาที่คิดว่าตัวเองฉลาด แต่กับเื่ความรู้สึกกลับโง่ได้มากขนาดนี้!
“ฉันหวังว่าเธอจะบอกความจริงกับฉัน!” เถารั่วเซียงพูดขึ้นอีก “นอกจากนี้ ฉันเช็กดูแล้ว เมื่อคืนเธอไม่ได้มาทบทวนบทเรียนตอนเย็น และก็ได้อยู่ในหอพักของโรงเรียน แล้วจ้าวเหว่ยยังดื่มจนเมาอีก เธอบอกฉันได้ไหม ว่าพวกเธอไปที่ไหนกันมา?”
น้ำเสียงของเถารั่วเซียงเปลี่ยนจากนิ่งเฉยเป็รุนแรง ฉันหลางตระหนักขึ้นได้ทันทีว่า นี่อาจจะเป็กลยุทธ์ทางจิตวิทยา และตอนนี้เขากำลังเสียเปรียบ! สำหรับฉินหลางแล้ว การรับมือเถารั่วเซียงยากกว่าการรับมือตำรวจมาก เพราะนอกจากเธอจะช่างสังเกตมากแล้วเธอยังมีเซนส์ที่แรงมากๆ อีกด้วย
ฉินหลางจะบอกเธอได้ยังไงว่าเขาไปบิวตี้คลับมา มิอย่างนั้นต้องโดนเธอดูถูกอย่างสิ้นเชิงแน่? ถ้าฉินหลางบอกว่าตัวเองไปที่บิวตี้คลับมา เถารั่วเซียงจะเชื่อเหรอว่าเขายังเป็ผู้ชายพรหมจรรย์อยู่! เธอจะเชื่อเหรอว่าเขาไม่ได้ทำอะไรจริงๆ?
เห็นได้ชัดว่าเธอไม่เชื่อแน่!
“เราไปดื่มเหล้านอกโรงเรียนครับ” ฉินอย่างตอบอย่างนิ่งเรียบ นี่น่าจะเป็คำตอบที่สมเหตุสมผลมากที่สุด
เถารั่วเซียงส่ายหน้าด้วยความเสียใจ ก่อนจะถอนหายใจพลางกล่าวขึ้น “ฉินหลาง เธอช่วยพูดความจริงไม่ได้เหรอ?”
“ที่ผมพูดไปล้วนเป็ความจริง” ฉินหลางยังคงปากแข็งอยู่ จู่ๆ เขาก็นึกถึงหน้าอกที่อวบอิ่มของเถารั่วเซียง สมองของเธอก็อวบอิ่มไม่แพ้กัน แต่ในฐานะที่เป็ผู้ชาย เขาคิดว่าอย่างแรกอวบอิ่มมีความน่าหลงใหลมากกว่า เพราะอย่างหลังทำให้เขารู้สึกกลัวได้เพียงอย่างเดียว
ราวกับว่าเถารั่วเซียงมองเห็นความคิดฉินหลางอย่างไรอย่างนั้น เธอพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ยังจำวันที่เธอเข้าไปที่ห้องปฏิบัติการทางชีวภาพได้ไหม? เธอน่าจะเคยใช้คอมพิวเตอร์ในห้อง เพราะประวัติการค้นหาบ่งบอกว่าเธอหาที่อยู่และข้อมูลต่างๆ ของ ‘บิวตี้คลับ’—ฉินหลาง ถึงขนาดนี้แล้ว เธอยังไม่ยอมรับอีกเหรอ? ถ้าเธอไม่ยอมรับ ฉันจะบอกเธอเอง ฉันถามเพื่อนอีกคน ที่พักอยู่ห้องเดียวกับเธอแล้ว เขาบอกว่าเมื่อคืนนี้จ้าวเหว่ยละเมอออกมาเป็คำว่า ‘บิวตี้คลับ’ ‘โจวหลิงหลิง’ เป็ต้น ฉินหลาง เธอจะยอมรับได้รึยัง?”
ฉินหลางพ่ายแพ้แล้ว!
เขาคิดว่าตัวเองฉลาดมาโดยตลอด คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะมาพ่ายแพ้ให้กับผู้หญิงที่สมองใหญ่โตพอๆ กับหน้าอก
ฉินหลางพิจารณาเถารั่วเซียงอย่างละเอียดเถารั่วเซียง อยู่ๆ เขาก็รู้สึกเหมือนไม่เคยรู้จักเถารั่วเซียงมาก่อน ระยะห่างระหว่างเขากับเธอก็ดูจะไกลเกินกว่าที่จะเอื้อมไปถึง
ผ่านไปสักพัก ฉินหลางพูดอย่างกะทันหัน “ใช่ครับ ผมไปบิวตี้คลับมา เพียงแต่ผมอยากทราบว่าทำไมคุณถึงได้สนใจในตัวผมมากขนาดนี้? ผมไม่เข้าใจจริงๆ คุณเป็อาจารย์หรือเป็ตำรวจกันแน่ ทำไมผมถึงได้รู้สึกว่าคุณเป็มืออาชีพยิ่งกว่าตำรวจซะอีก?”
“ฉินหลาง ถึงฉันจะเป็ครู แต่ฉันก็ไม่เคยทิ้งความฝันที่จะเป็ตำรวจ” เถารั่วเซียงพูดอย่างนิ่งเรียบ “เธอรู้ไหมฉันเรียนเอกอะไร ตอนอยู่มหาวิทยาลัยเซาธ์อีสท์ไชน่า?”
ฉินหลางส่ายหน้า
“อาชญาวิทยาเพื่อการสืบสวนสอบสวน” เถารั่วเซียงตอบอย่างภาคภูมิใจ “ดังนั้น ฉันจึงมีบัตรรับรองอาจารย์ปรึกษาทางจิตวิทยา เพราะฉะนั้นฉันจึงสามารถสังเกตเห็นรายละเอียดเล็กๆได้มากกว่าคนทั่วไป”
“คุณเก่งขนาดนี้ ไม่เป็ตำรวจสอบปากคำผู้ต้องหาน่าเสียดายแย่เลย!”
“เสียดสีเหรอ?”
“ชื่นชม! จากใจจริงเลยแหละ”
“ความจริงฉันอยากจะเป็ตำรวจสืบสวน แต่เสียดายคนที่บ้านไม่เห็นด้วย” ใบหน้าของเถารั่วเซียงดูผิดหวังเล็กน้อย แต่เพียงไม่นานก็กลับมานิ่งเรียบเหมือนเดิม “โอเค เธอรู้ความลับของฉันแล้ว งั้นตอนนี้ เธอจะบอกความลับของเธอให้ฉันฟังเพื่อเป็การแลกเปลี่ยนได้รึยัง?”