ระหว่างทางเดินไปยังห้องในทางเดินชั้นสี่ เดม่อนร่ายคาถาต่อเนื่อง
“เกราะป้องกันสูงสุด (Protego Maxima)”
“คาถาหักเห (Defodio)”
“ลบกลิ่น (Odorem Abdo)”
เขาเสริมเกราะป้องกันระดับสูงสุดให้ทั่วร่าง ก่อนใช้คาถาหักเหเสริมเอฟเฟกต์ล่องหน และตามด้วยคาถาลบกลิ่นเพื่อลบทุกกลิ่นและร่องรอยจากตัวเอง แล้วจึงมาถึงหน้าห้องที่มีเซรูเบรัสอยู่
“อลาโฮโมร่า (Alohomora)”
เดม่อนไม่ได้พยายามปกปิดเสียงใด ๆ ต่อให้ใช้คาถาไร้เสียงเปิดประตู แต่ยังไงสุนัขนรกก็ต้องได้ยินเสียงอยู่ดี
ยิ่งไปกว่านั้น จากระดับการใช้พลังเวทที่เขารู้สึกได้ แสดงว่ากลอนประตูนี้ถูกเสริมด้วยเวทมนตร์เป็พิเศษ ซึ่งด้วยระดับคาถาของเขาตอนนี้ ยังไม่สามารถใช้คาถาไร้เสียงทะลวงผ่านการเสริมนี้ได้
แกร๊ก
พร้อมกับประตูเปิด แผ่นหินในทางเดินก็ลอยขึ้นกลายเป็ขลุ่ยยาว ทำนองดนตรีเริ่มเล่นขึ้นเอง
เดม่อนเปิดประตูและปิดลงอย่างรวดเร็ว เซรูเบรัสสามหัวตัวมหึมากำลังนอนหลับเงียบ ๆ อยู่ตรงหน้า
เซรูเบรัส สัตว์เวทมนตร์ระดับอันตราย 5X ขึ้นชื่อเื่พลังเวทมหาศาลและภูมิต้านทานคาถาที่สูงยิ่ง ยากต่อการรับมือ แต่ก็มีจุดอ่อนอยู่สองข้อสำคัญ
หากเข้าใจข้อที่สองแล้ว การรับมือกับมันก็ง่ายดายอย่างยิ่ง แต่หากไม่รู้ จุดนี้จะกลายเป็อุปสรรคที่ร้ายแรง
โดยทั่วไปแล้ว ยิ่งสัตว์เวทมนตร์มีขนาดใหญ่เท่าไหร่ ภูมิคุ้มกันเวทก็ยิ่งสูงขึ้น นี่อาจเป็สาเหตุที่สเนปถึงถูกมันเล่นงานมาแล้ว
ในตำนานว่ากันว่า ผิวของสัตว์เวทมนตร์อย่างสฟิงซ์แมงป่องสามารถสะท้อนคาถาทั้งหมดที่มีในโลกได้
มองดูสัตว์ในตำนานที่นอนหลับเงียบอยู่ตรงหน้า เดม่อนอดชมไม่ได้ ในใจเขาอยากรู้เหมือนกันว่าหากตนปลดปล่อยพลังทั้งหมด จะต่อกรกับเ้าตัวนี้ได้หรือไม่?
ฟืด!
ทันใดนั้น เซรูเบรัสที่นอนหลับก็สูดลมหายใจแรงส่งกลิ่นเหม็นหึ่ง
เดม่อนโบกมือปัดกลิ่น แล้วมองไปยังประตูกับดักที่ถูกเท้าของมันเหยียบไว้ด้วยความสงสัย
ตอนนี้ยังเหลือเวลาอีกสามเดือนกว่าที่พวกสามตัวน้อยจะมาถึงที่นี่ กระจกเงาเอริเซดที่เคยใช้ซ่อนศิลาวิเศษก็อยู่ในมือเขาแล้ว แล้วดัมเบิลดอร์จะเก็บศิลาวิเศษไว้ที่ไหนกันแน่?
เขาโบกไม้กายสิทธิ์ แผ่นหินในพื้นเปลี่ยนรูปกลายเป็มนุษย์หินตัวจิ๋วหกตัว พยายามงัดเท้าของเซรูเบรัสออกจนเผยให้เห็นประตูกับดัก
เดม่อนเดินลงไปในประตูกับดัก เบื้องล่างบันไดหินปรากฏขึ้นตามฝีเท้าของเขา นำทางเขาลงไปทีละขั้น
“แสดงว่าเตรียมไว้ั้แ่ตอนนี้เลยสินะ?”
มองดูตาข่ายปีศาจที่อยู่เบื้องหน้า เดม่อนยิ้มบาง ๆ แล้วร่าย
“ลูมอส (Lumos)”
แสงสว่างส่องออกทำให้ตาข่ายปีศาจหดตัวถอยห่าง เดม่อนเร่งเดินผ่าน และรีบดับแสง เพราะยังต้องเก็บไว้ให้พวกสามตัวน้อยได้ใช้สอบอยู่ จะทำลายไปไม่ได้
ทางเดินข้างหน้ามีเพียงเส้นทางเดียวให้ผ่าน เดม่อนเดินต่อไป ท่ามกลางเสียงหยดน้ำที่หยดตามผนัง เขาก็เผยรอยยิ้มออกมาเอง จนกระทั่งได้ยินเสียงกระพือปีกและเสียงโลหะกระทบกันแ่เบา
ห้องถัดไปสว่างไสว โดมเพดานสูง มีนกน้อยสีสดใสประหนึ่งอัญมณีบินว่อนไปทั่วห้อง ประตูไม้หนาทึบตั้งอยู่ฝั่งตรงข้าม
นี่คือด่านที่สอง
นกพวกนี้ความจริงแล้วคือกุญแจแปลงรูป ในหมู่พวกมันมีเพียงกุญแจดอกเดียวที่สามารถไขประตูได้
แต่สำหรับเดม่อน... เขามีวิธีอื่น
เขาเดินผ่านฝูงกุญแจนกโดยไม่มีอะไรเคลื่อนไหว พอถึงหน้าประตู ประตูไม้ก็เริ่มบิดตัว ละลายกลายเป็ช่องกลม เขาก้าวข้ามไปอีกฝั่ง
เมื่อเขาผ่านไปแล้ว ประตูก็คืนรูปเดิม ประหนึ่งไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ด่านที่สามคือกระดานหมากรุกั์ ต้องแปลงตนเป็ตัวหมากรุกเพื่อเอาชนะอีกฝั่งจึงจะผ่านไปได้
แต่กับเดม่อน...
เขาเดินผ่านหมากรุกั์ไปเฉย ๆ จนถึงประตูอีกฝั่ง โดยไม่มีหมากตัวใดขยับแม้แต่น้อย
เขาผลักประตูออก ด่านที่สี่เป็เกมตรรกะ ต้องใช้ข้อความบนกระดาษทายว่าขวดไหนช่วยฝ่ากำแพงไฟ และขวดไหนช่วยกลับออกได้
เพื่อไม่ให้กลไกของด่านทำงาน เดม่อนจึงโบกไม้กายสิทธิ์ แทงลงกับพื้น พลังเวทภายในร่างแผ่ซ่านลงไป ตรวจสอบทุกอณูอย่างละเอียด
“ฟินิเต้ อินคานตาเทม (Finite Incantatem)”
จากนั้นเขาก้าวข้ามธรณีประตู ฟังก์ชันป้องกันที่ควรจะจุดไฟล้อมเขาก็ไม่ทำงาน
เดม่อนเดินต่อไปตามขั้นบันได จนมาถึงห้องสุดท้าย
ห้องนั้นมีเพียงแท่นหินกลางห้อง เดม่อนเข้าไปใกล้ เห็นข้อความสลักไว้ว่า
【ศิลาไม่ใช่ศิลา ทองไม่ใช่ทอง มีเพียงผู้ผ่านพ้นเท่านั้นจะเห็นรูปจริง】
แต่... ศิลาวิเศษกลับไม่ปรากฏแม้แต่น้อย
ทั่วห้องมีเพียงแท่นหินและข้อความนี้ ไม่มีสิ่งใดอีก
“ด่านสี่ก็เล่นปริศนาไปแล้ว ด่านสุดท้ายยังจะมาอีกปริศนา? แฮร์รี่จะเดาออกเรอะ?”
เดม่อนหัวเราะเบา ๆ รู้สึกถึงความผิดปกติในอากาศ จึงร่าย
“เวทจุลภาค (Micro-Spell)”
ดวงตาของเขาเปล่งแสงสีฟาง ภาพตรงหน้าค่อย ๆ เปลี่ยนไป มีละอองฝุ่นสีแดงจำนวนนับไม่ถ้วนลอยอยู่ในอากาศ ไม่เคลื่อนไหวตามใครทั้งสิ้น
“ซ่อนอยู่ที่นี่เอง?”
เขาสังเกตเห็นรอยเว้าเล็ก ๆ กลางแท่นหิน น่าจะต้องนำละอองทั้งหมดไปรวมไว้ตรงนี้ถึงจะได้ศิลาวิเศษ
จากนั้น เดม่อนก็เริ่มทดลองคาถาทุกรูปแบบ
คาถาลอยตัว, คาถารัดตรึง, เคลื่อนย้าย, เก็บกวาด, ลบคำสาป, คืนรูป...
คาถาธรรมดาที่พลังเวททะลุขีดจำกัดถูกร่ายออกมาราวกับไม่มีวันหมด แต่ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย ระหว่างกระบวนการนี้ เดม่อนรู้สึกราวกับกำลังประชันพลังเวทกับดัมเบิลดอร์ทางอ้อม
หลังผ่านไปเกือบสิบนาที เขาหยุดมือ นั่งคิด
ไม่นาน เขาก็หัวเราะออกมา
ก็แน่ล่ะ ควีเรลล์ที่มีผู้เสพความตายช่วยยังขโมยศิลาวิเศษไม่ได้ แล้วเขานี่แค่เด็กมัธยมต้นปี จะเอาอะไรมาสู้? ถ้าเื่ดวลคาถาอาจยังพอมีหวัง แต่เื่การควบคุมเวทขั้นสูงก็ยังห่างไกลจากพ่อมดระดับท็อป
ช่างมันเถอะ
เดิมก็แค่คิดจะขโมยศิลาวิเศษมาก่อนเพื่อป้องกันไม่ให้มีความเสี่ยงภายหลัง และอยากศึกษาเองว่าศิลานี่มันวิเศษแค่ไหน แต่ไม่ได้ก็ไม่เสียดายอะไร ยังไงเดี๋ยวดัมเบิลดอร์ก็จะทำลายมันเองอยู่ดี
เขาคิดอย่างนั้น และก็ทำอย่างนั้น หมุนตัวกลับ เตรียมจะขึ้นบันไดจากไป
แต่ทว่า...
ละอองสีแดงนับไม่ถ้วนที่ลอยฟุ้งในอากาศกลับเริ่มรวมตัวกันอย่างกะทันหัน ราวกับทรายสีแดงที่ไหลเข้ากันกลางอากาศ จนในที่สุดก็ไหลลงสู่รอยเว้ากลางแท่นหิน กลายเป็อัญมณีสีแดงสุกสว่างระยิบระยับ
เดม่อนหันหลังกลับมา หันไปมองศิลาที่เปล่งประกายอยู่กลางแท่น แล้วหัวเราะเบา ๆ ดูเหมือนว่าดัมเบิลดอร์ก็ยังใช้วิธีเดิม
มีเพียงคนที่ “้าพบศิลา” แต่ไม่คิดจะใช้มันเท่านั้น ถึงจะได้มัน
(จบบท)
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้