ในที่สุดอ๋าวหรานก็เข้าใจแล้วว่าอะไรที่เรียกว่าเหมือนเป็อีกโลกหนึ่ง
ด้านหลังกำแพงหินกับด้านนอกกำแพงหินนั้นเรียกได้ว่าต่างกันราวฟ้ากับดิน ด้านนอกกำแพงหินถึงแม้จะมีแสงเทียน แต่ก็ยังมืดอยู่ และยังเห็นถึงร่องรอยการต่อเติมจากฝีมืุ์อย่างชัดเจน แต่โลกในกำแพงหินนั้นเรียกได้ว่าปราศจากร่องรอยใดๆ จากน้ำมืุ์ทั้งสิ้น ทั้งๆ ที่อยู่ใต้ดินแต่กลับสว่างไสวเป็อย่างยิ่ง อ๋าวหรานสังเกตอยู่นาน ถึงค้นพบว่าต้นแสงนั้นมาจากูเาหินที่งดงามราวกับถูกรังสรรค์มาจากขวานฝีมือทวยเทพเ่าั้
จิ่งฝานยืนยันความคิดของอ๋าวหราน “ที่นี่ถึงแม้จะอยู่ใต้ดิน แต่บนูเาหินเ่าั้มีผงที่เรืองแสงได้อยู่ ดังนั้นจึงสว่างราวกับเวลากลางวัน”
ในนิยายต้นฉบับทั้งโรงเรียนและโรงสมุนไพร รวมถึงทางไปใต้ดินนี้ล้วนถูกกล่าวถึง สิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็สิ่งที่ตระกูลจิ่งค่อยๆ สั่งสมทีละเล็กทีละน้อยมาเป็เวลาเนิ่นนาน ตอนที่ถูกทำลายไปนั้นบรรดาคนตระกูลจิ่งล้วนเสียดายเป็อย่างยิ่ง สมุนไพรทั่วไปถูกเหยียบย่ำทำลาย ส่วนสมุนไพรล้ำค่าต่างก็ถูกขโมยไปไม่มีเหลือ
แต่ที่ทำให้อ๋าวหรานใคือสถานที่ที่เหมือนฝันแห่งนี้ กลับไม่เคยมีปรากฏมาก่อน ตลอดทางมานี้ ท่าทางใของอ๋าวหรานนั้นมากบ้างน้อยบ้างเป็การแสดงออกมากเหมือนคาดเดาได้ แต่เมื่อเขาได้เห็นที่นี่นั้น เขาก็ใเข้าจริงๆ
จิ่งฝาน “ที่นี่สิ่งที่มหัศจรรย์ที่สุดไม่ใชู่เาหินที่อยู่ตรงหน้าเ้า แต่เป็น้ำเหล่านี้ ที่ใต้ดินนี้มีสายน้ำไหลออกมาไม่ขาดสาย อีกทั้งคุณภาพของน้ำยังดีมากอีกด้วย เป็น้ำที่ตระกูลจิ่งใช้ในยามปกติ อีกทั้งบรรดาสมุนไพรล้ำค่าพวกนี้นั้นก็ใช้น้ำจากที่นี่ในการเพาะปลูก”
อ๋าวหรานเดินไปข้างหน้าสองสามก้าว ก็มาถึงริมน้ำ ธารน้ำใสสะอาดอย่างยิ่ง สายน้ำกระเพื่อมขึ้นลง ใช้สายตามองออกไปกว้างใหญ่เหลือคณา มองเห็นกลางน้ำเหมือนมีบางอย่างที่คล้ายเครื่องกลทำจากไม้ กำลังทำงานอยู่ตลอดเวลา
อ๋าวหรานสงสัยเป็อย่างยิ่ง
“อ๋าวหราน มานี่”
มองตามเสียงไป เห็นจิ่งฝานที่ไม่รู้เดินไปที่ด้านข้างูเาหินั้แ่เมื่อไร ด้านข้างยังมีเรือเล็กอยู่อีกลำหนึ่งด้วย
อ๋าวหรานรีบวิ่งเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว
จิ่งฝานถีบเรือลงไปในน้ำ แล้วะโขึ้นไป ทั้งร่างบางเบาราวขนนกร่อนลงบนเรือลำเล็กกลับไม่เห็นว่าเรือนั้นจะโคลงเคลงแม้เพียงนิด อ๋าวหรานยกนิ้วชื่นชมเขาอยู่ในใจยกใหญ่
วิชาตัวเบาของอ๋าวหรานเองก็ไม่เลว ะโขึ้นไปเบาๆ เรือลำเล็กโคลงเคลงเล็กน้อย
จิ่งฝานจับไม่ถ่อเรือ ออกแรงพายเบาๆ เรือลำน้อยค่อยๆ ลอยไปยังกลางน้ำอย่างช้าๆ
ตอนที่เข้าใกล้กับเ้าเครื่องกลที่ทำจากไม้นั้น อ๋าวหรานพบว่าที่ก้นน้ำมีน้ำพุ่งขึ้นมาไม่ขาดสาย
จิ่งฝานหันหลังให้อ๋าวหราน “น้ำที่นี่ราวกับว่าใช้อย่างไรก็ไม่มีวันหมด ตอนที่ก่อตั้งตระกูลจิ่ง บรรพบุรุษตระกูลจิ่งค้นพบที่นี่ สถานที่ที่มีน้ำชุ่มชื้นเช่นนี้ พืชพรรณจะเติบโตได้อย่างดี เหมาะอย่างยิ่งที่จะใช้ปลูกสมุนไพร อีกทั้ง ตามที่ผู้าุโในตระกูลเล่าต่อกันมา บรรพบุรุษตระกูลจิ่งนั้นรูปลักษณ์ธรรมดา แต่ด้วยการเลี้ยงดูจากน้ำแห่งนี้ คนตระกูลจิ่งยิ่งรูปลักษณ์งดงามขึ้นเรื่อยๆ ร่างกายก็แข็งแรงขึ้นมาก โดยเฉพาะเส้นลมปราณก็กว้างกว่าคนทั่วไป”
อ๋าวหรานแปลกใจอย่างยิ่ง โลกนี้ยังมีแหล่งน้ำเช่นนี้อยู่ด้วย ของสำคัญขนาดนี้ว่านเฟิงทำไมไม่เขียนถึง?
จิ่งฝาน “แล้วยังมีกังหันน้ำนี้ เชื่อมต่อกับกังหันน้ำล่างูเาที่อยู่ด้านนอก คนส่วนใหญ่คิดว่าตระกูลจิ่งใช้น้ำจากแม่น้ำด้านล่างูเา ที่จริงแล้วไม่ใช่ น้ำแค่นั้นไม่พอสำหรับการพัฒนาตลอดระยะเวลายาวนานหลายปีมานี้ของตระกูลจิ่ง และยิ่งไม่เพียงพอต่อการเติบโตของตระกูลจิ่ง”
อ๋าวหรานมองไม่เห็นสีหน้าของจิ่งฝาน แต่รู้สึกว่าเขาราวกับพูดไปเรื่อยๆ ไปอย่างนั้น ไม่สุขไม่ทุกข์ราวกับไร้อารมณ์ แต่อ๋าวหรานฟังแล้วใ
กำลังขบคิดอยู่ก็กลับเห็นจิ่งฝานหันกลับมากะทันหัน มือจับไม้พายเรือไว้เฉยๆ ปล่อยให้เรือลำน้อยล่องลอยไปกับกระแสน้ำ ส่วนตัวเขากับพุ่งเข้ามาใกล้อ๋าวหราน ลมหายใจอุ่นร้อนปะทะเข้ากับหน้าของอ๋าวหราน แย้มยิ้มอย่างสว่างไสว
“อ๋าวหราน ถ้ำนี้และสายน้ำนี้ เป็ลมหายใจของตระกูลจิ่ง และเป็รากฐานในการดำรงชีวิตอยู่ของตระกูลจิ่ง นี่เป็ความลับ ที่แม้แต่เซียงเซียงก็ยังไม่รู้เชียวนะ มีแต่ผู้นำตระกูลจิ่งเท่านั้นที่รู้ได้”
อ๋าวหรานรู้สึกเหมือนมีความเย็นสายหนึ่งพุ่งขึ้นมาจับหัวใจ “เหตุใดจึงบอกข้า?”
เื่สำคัญเช่นนี้ มาเล่าให้กับคนที่เพิ่งเคยเจอกันครั้งแรกแค่เพียงไม่นาน จะคิดอย่างไรก็รู้สึกว่าแปลกประหลาดอยู่ดี
จิ่งฝานยังคงยิ้มอยู่พูดว่า “เ้ากำลังกลัวหรือ? เพราะเหตุใด?”
อ๋าวหราน “......” ยิ่งรู้มาก มิใช่ว่ายิ่งตายเร็วหรือ
จิ่งฝานขมวดคิ้วถอนหายใจตอบว่า “เฮ้อ ก็แค่อยากพาเ้ามาดู ข้าเชื่อเ้า”
ท่าทางที่แฝงความน้อยใจเอาไว้ อ๋าวหรานมองแล้วอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย
จิ่งฝานมองดูลำคอของอ๋าวหรานที่สั่นไหวขึ้นลงยิ้มๆ แล้วพูดว่า “ไปเถิด กลับกัน เกี่ยวกับสถานที่นี้จำเป็ต้องเก็บเป็ความลับ”
จนเมื่อทั้งสองออกมาแล้ว อ๋าวหรานก็ยังดึงสติกลับมาไม่ได้ เขารู้สึกว่าการกระทำเช่นนี้ของจิ่งฝานเหมือนแฝงความชั่วร้ายอะไรบางอย่างไว้
เมื่อทั้งสองมาถึงยังเรือนเล็กของจิ่งฝาน เขาก็พูดว่า “เดินไปมาทั้งวันแล้ว เ้ารีบกลับไปพักผ่อนก่อน พรุ่งนี้เรามาเริ่มกันอย่างเป็ทางการ ข้าจะไปห้องหนังสือเสียหน่อย”
ั้แ่เมื่อวานก็มีคนขนของของอ๋าวหรานย้ายมาอยู่ที่เรือนของจิ่งฝาน ห้องที่อ๋าวหรานพักอยู่ตอนนี้ใกล้กับห้องนอนของจิ่งฝานมาก
อ๋าวหรานตอบรับว่า “ได้ เ้าเองก็รีบพักผ่อน”
จิ่งฝาน “อืม” พูดจบก็หันกายจากไป
ห้องหนังสือ
ชายที่คุกเข่าอยู่ด้านล่างพูดว่า “นายท่าน ตอนนี้ตระกูลทางรวบรวมตระกูลเล็กๆ ได้สี่สิบสามตระกูล ตระกูลขนาดกลางสิบห้าตระกูล และตระกูลขนาดใหญ่สามตระกูล”
จิ่งฝาน “อืม”
ชายผู้นั้นถามอย่างสงสัย “ไม่เพิ่มกำลังหยุดยั้งหรือขอรับ? อำนาจของพวกเขามากขึ้นทุกวัน?”
จิ่งฝานพิงอยู่บนเก้าอี้ไม้ เงยหน้า สีหน้าไร้อารมณ์ “ปล่อยพวกนั้นไป ไม่ต้องสนใจ”
ชายผู้นั้นอึ้งไปเล็กน้อยหลังจากดึงสติกลับมาได้ก็ถามว่า “ตำแหน่งที่อยู่ของผู้าุโทั้งหมดของตระกูลที่อยู่ด้านนอกได้รับการยืนยันแล้ว ตอนนี้จะส่งคนไปคุ้มกันไหมขอรับ?”
จิ่งฝาน “ไม่ต้อง”
รอบนี้ชายผู้นั้นนิ่งอึ้งไปเรียบร้อยแล้ว “ผู้น้อยรู้สึกว่าคำพูดของคุณชายอ๋าวท่านนั้นเชื่อถือได้ ถึงแม้จะบอกว่าตระกูลทางเป็ตระกูลเล็ก ไม่มีอะไรน่ากลัว ทว่าตอนนี้คนพวกนั้นคนเยอะมาก อำนาจก็แข็งแกร่งขึ้น”
จิ่งฝานที่นั่งนิ่งไม่ขยับมานาน ลุกขึ้นทันใด ก้มมองชายที่อยู่ด้านล่าง แววตามืดคล้ำเหมือนหมึก “เ้าคิดว่าเขาเชื่อถือได้?”
ชายผู้นั้นสั่นสะท้านโดยไม่รู้ตัว พยายามสงบลงแล้วตอบว่า “บางเื่ที่เขาพูดเชื่อถือได้ ผู้น้อยคิดว่าป้องกันไว้ก่อนก็ไม่เสียหาย”
จิ่งฝานยิ้มเย็น “หึ ป้องกันไว้ก่อนก็ไม่เสียหาย? หึ! ไสหัวไป!”
ชายคนนั้นรู้สึกว่าอุณหภูมิภายในห้องลดลงอย่างรวดเร็ว ยืนหยัดด้วยสติสุดท้ายที่มีพูดไปประโยคหนึ่งว่า ผู้น้อยขอลา แล้วก็รีบออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งพ้นออกมาจากเรือนจึงสงบสติอารมณ์ลงได้ เหงื่อเย็นบนแผ่นหลังทำให้เสื้อชื้นไปหมด โชคดีที่ยังรักษาชีวิตเอาไว้ได้