อ๋าวหรานกลับมาที่ห้องขบคิดอยู่เป็นาน สถานที่ที่ในหนังสือไม่เคยกล่าวถึง แม้กระทั่งจิ่งเซียงก็ยังไม่รู้ เป็ความลับขนาดนี้ทำไมจิ่งฝานถึงเอามาบอกเขา? เป็เพราะเชื่อใจเขาจริงๆ หรือ?ต่อให้จะเชื่อใจกันมากแค่ไหนก็คงไม่ถึงขนาดบอกความลับแก่เขาอย่างง่ายดายหรอกมั้ง?
จริงๆ แล้วจิ่งฝานมีเป้าหมายอะไรอยู่กันแน่?
นอนหลับไม่สนิททั้งคืน ตอนที่อ๋าวหรานตื่นขึ้นมานั้นก็รู้สึกว่าปวดศีรษะเป็อย่างมาก
ด้านนอกท้องฟ้าเพิ่งทอแสงสว่าง อ๋าวหรานไปตักน้ำจากบ่อที่อยู่ในเรือนมาหนึ่งอ่าง ล้างหน้าแปรงฟัน ในโลกนี้มีต้นไม้อยู่ชนิดหนึ่ง ก้านของมันมีกิ่งเล็กๆ ขนาดความหนาบางประมาณเส้นด้ายงอกอยู่ จึงถูกคนนำมาใช้แปรงฟัน
อ๋าวหรานปกติทำอะไรเองคนเดียวจนชินแล้ว แรกเริ่มที่มาถึงที่นี่ จิ่งเซียงยังหาเด็กสาวสองคนมารับใช้เขาเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่เขารู้สึกว่าจะอย่างไรก็น่าอายเกินไป จึงคืนพวกนางกลับไปเสีย เื่อะไรล้วนทำด้วยตัวเองทั้งสิ้น หมู่บ้านสกุลจิ่งมีแหล่งน้ำอุดมสมบูรณ์ ทุกเรือนจะมีบ่อน้ำอยู่หนึ่งบ่อ อ๋าวหรานเมื่อคืนตอนที่เข้ามาในเรือนของจิ่งฝานก็เห็นว่าบ่อน้ำในเรือนของจิ่งฝานอยู่ค่อนข้างใกล้กับที่พักของเขา
น้ำในบ่อเย็นมาก แต่ชายหนุ่มเช่นอ๋าวหรานไม่ได้รังเกียจอะไร อาบน้ำเสร็จแล้วสมองสดชื่นกระปรี้กระเปร่าขึ้นเยอะ ถือผ้าขนหนูกำลังเช็ดหน้าก็ได้ยินเสียงจิ่งฝานเรียกเขา เพียงหันศีรษะก็เห็นจิ่งฝานกำลังยืนยิ้มบางอยู่ด้านหลังเขา
อ๋าวหรานอึ้งงัน จู่ๆ ก็ไม่รู้ว่าควรจะกล่าวอะไรดี
จิ่งฝานเห็นเขาท่าทางตะลึงอยู่ตรงนั้น จึงยิ้มและเดินเข้าไปใกล้เขาขึ้นอีกก้าวหนึ่ง พูดว่า “ตื่นเช้าขนาดนี้เลยหรือ? ทำไมเ้าถึงไปตักน้ำอาบเองเล่า? เซียงเซียงน่าจะส่งเด็กรับใช้มาให้เ้านี่นา?”
อ๋าวหรานสั่นศีรษะ “ไม่ชิน”
จิ่งฝานยังคงยิ้มอยู่ แต่กลับหรี่ตาลงครึ่งหนึ่ง “เ้าเป็นายน้อยตระกูลอ๋าว ทำไมไม่ชอบให้มีคนรับใช้ใกล้ชิด”
อ๋าวหรานเองก็ยิ้มน้อยบางกลับไป “เพราะข้าค่อนข้างรักหยกถนอมบุปผา [1] ดังนั้นจึงไม่อยากสร้างความลำบากให้สาวน้อยน่ารักเ่าั้”
จิ่งฝานพูดเสียงต่ำ “งั้นหรือ? เ้าเห็นอกเห็นใจอารมณ์อ่อนไหวง่ายถึงเพียงนี้?”
อ๋าวหรานส่ายหน้า พูดแบบหน้าไม่อายอยู่สักหน่อยว่า “ไม่ใช่เห็นอกเห็นใจ แต่เป็ลักษณะของสุภาพบุรุษ”
จิ่งฝานหัวเราะออกเสียง “ก็นับว่ามีเหตุผล อย่าเอาแต่พูดอยู่เลย หน้าเ้ายังมีน้ำเกาะอยู่ยังเช็ดไม่สะอาด”
พูดจบก็ยื่นมืออกไปเช็ดหยดน้ำออกจากใบหน้าของอ๋าวหราน
อ๋าวหรานมองดูจิ่งฝานที่มีสีหน้ายิ้มแย้ม อดไม่ได้จับมือนั้นที่แตะอยู่บนใบหน้าของตนเบาๆ พูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “เรามาคุยกันหน่อยเถิด”
จิ่งฝานนิ่งอยู่พักหนึ่ง ค่อยๆ เก็บรอยยิ้มบนใบหน้า ดวงตาที่งดงามราวดวงดาวคู่นั้นจ้องอ๋าวหราน สักพักจึงตอบว่า “ได้”
อ๋าวหรานปล่อยมือของจิ่งใน “ไปที่ใด?”
จิ่งฝาน “ห้องข้าแล้วกัน”
อ๋าวหรานพยักหน้าตอบ “ได้”
อ๋าวหรานเดินตามจิ่งฝาน ทั้งสองคนเงียบไปตลอดทาง
จิ่งฝานนั่งลงบนตั่ง ท่าทางดูผ่อนคลายอยู่เล็กน้อย เขารินชาหนึ่งถ้วย ส่งให้อ๋าวหราน “เ้า้าคุยเื่อันใด?”
อ๋าวหรานไม่พูดมาก เข้าประเด็นทันที “ทำไมถึงพาข้าไปที่ถ้ำเฉินฉุ่ย?” ถ้ำเฉินฉุ่ยคือถ้ำลึกลับเมื่อวานนี้ มีชื่อสลักไว้บนป้ายหินหน้าปากทางเข้า
จิ่งฝานถือถ้วยชาในมือ คลึงมันเล่นเบาๆ มือนั้นขาวดุจหยก นิ้วเรียวยาว ถ้วยชาขาวที่สลักเสลาอย่างประณีตนั้นก็ถูกมือนี้ทำให้ดูสูญเสียความงดงามไป
ฟังคำถามของอ๋าวหรานจบ จิ่งฝานค่อยๆ วางถ้วยชาในมือลงช้าๆ ดวงตาจดจ้องอ๋าวหรานนิ่ง พูดอย่างไม่รีบร้อนว่า “เพราะข้าไม่เชื่อเ้า”
อ๋าวหรานอดหัวเราะออกมาด้วยความโกรธไม่ได้ “เ้าไม่เชื่อข้า เ้ายังเอาลมหายใจของตระกูลจิ่งส่งมายื่นมาตรงหน้าข้า”
จิ่งฝาน “เช่นนั้นเ้าจะทำเช่นไร?”
อ๋าวหราน “อา เ้าอยากให้ข้าทำเช่นไร? มีแค่คนตายเท่านั้นที่จะรักษาความลับไว้ได้ใช่หรือไม่?”
เชิงอรรถ
[1] รักหยกถนอมบุปผา หมายถึงอ่อนโยนต่อผู้หญิง