ในโลกใบนี้ ไม่ว่าจะเป็อดีตหรือในปัจจุบัน ต่างก็เคยเกิดเื่ที่น่าเหลือเชื่อ คล้ายกับปลวกตัวเล็กที่โค่นต้นไม้ใหญ่ได้เสมอ
ทั้งทหารที่สังหารแม่ทัพ ขุนนางที่ชิงบัลลังก์ นักพรตที่สังหารนักรบแห่งดาราจักร ไม่ว่าท้ายที่สุดเื่พวกนั้นจะประสบความสำเร็จหรือไม่ แต่ไม่ว่าอย่างไร เหตุการณ์เ่าั้ก็เคยเกิดขึ้นอย่างแท้จริง
เพียงแต่ ั้แ่อดีตกาล ยังไม่เคยมีใครกล้าลงไม้ลงมือกับคนของหอดารามาก่อนเลย
พวกเขาเป็ถึงสมาชิกแห่งหอดารา เป็ผู้ส่งิญญา เป็ผู้ควบคุมโลกทั้งใบเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็เผ่ามนุษย์ ปีศาจ หรือเผ่ามาร ไม่เคยมีใครกล้าท้าทายพวกเขาเลยสักคน
พวกเขาได้เห็นนักรบแห่งดาราจักรที่แสนสูงส่งประจบประแจง และอ้อนวอนอย่างน่าเวทนามามากแล้ว แต่ในวันนี้ ในที่สุดพวกเขาก็ได้เห็นสิ่งที่แตกต่างออกไป
ดาบคมถูกยกขึ้นสูง ดาบนั้นมีความยาวถึงสามฟุต ตัวดาบขาวกระจ่างที่สะท้อนกับแสงจันทร์และแสงดาวสว่างจ้าจนแทบจะลืมตามองไม่ได้เลยทีเดียว
มันถูกเหวี่ยงลงมาพร้อมกับความมุ่งมั่นและเด็ดเดี่ยว ปานเป็สายฟ้าฟาด ราวเทพแห่งอัสนี มันตัดผ่านท้องนภาอันแสนมืดมน แล้วพุ่งตรงมายังพื้นพิภพอย่างรวดเร็ว
ชิงหลุนไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันนี้ ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีคนที่กล้าหาญจนกล้าเหวี่ยงดาบใส่นาง มือที่จับขลุ่ยหยกชะงักนิ่งไป ก่อนจะรับรู้ได้ถึงอำนาจที่แฝงอยู่ในดาบคม หญิงสาวดวงตาเบิกโพลง พลันลำแสงสีเขียวก็ปรากฏขึ้นระหว่างร่างของนางและคมดาบอย่างกะทันหัน
มั่วทิงอวี่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างชัดเจน เขาประกายรอยยิ้มบางๆ ขึ้นที่มุมปาก
เขาคำรามเสียงดังลั่น ก่อนจะดึงดาบในมือกลับมาที่ด้านหลังเล็กน้อย คมดาบวาดขนาบไปกับลำแสงสีเขียวที่ปรากฏอยู่เหนือร่างบาง ก่อนมันจะเปลี่ยนทิศทางในการโจมตีจากร่างในชุดสีเขียวไปเป็ท้องนภาแทน
ทางเหนือของเมืองหยุนโจว บนเขาเทียนเหมิน
ชายวัยกลางคนหนึ่งยืนอยู่บนยอดเขาด้วยท่าทางสงบ เขาอยู่ในชุดผ้าธรรมดาสีเทาเยี่ยงคนชนชั้นสามัญ ใบหน้าแสนธรรมดาของเขาไม่ต่างไปจากประชาชนทั่วไปเลยสักนิด แต่หากสังเกตอย่างละเอียดแล้วจึงจะพบว่าดวงดาวบนท้องนภากำลังหมุนวนไปรอบๆ โดยมีร่างของเขาเป็ศูนย์กลางอยู่ คล้ายเป็จันทราที่ถูกโอบล้อมไปด้วยดวงดารา แต่ก็เหมือนกับหงส์วิเศษที่ถูกโอบล้อมไปด้วยฝูงนกบริหาร ราวกับคนผู้นี้เป็จักรพรรดิของโลกทั้งใบ คล้ายกับว่าเขาสามารถเปลี่ยนแปลง หรือสั่งให้สรรพสิ่งเป็ไปตามความ้าได้เช่นนั้น
เพียงเขาโบกมือ ดวงดาวนับสิบก็ส่งเส้นแสงอันแสนริบหรี่ลงมาอย่างพร้อมเพรียง เส้นแสงทั้งหลายเชื่อมต่อเข้ากับคนบางกลุ่มทั่วทุกมุมโลก ทั้งพระาา ประมุขพรรค นักรบลึกลับ ซึ่งมีทั้งเผ่าปีศาจ มนุษย์ และเผ่าหมานผสมปนเปกันไป ทว่าทุกคนล้วนเป็นักรบแห่งดาราจักร เป็คนที่แข็งแกร่งมากที่สุดในพื้นพิภพด้วยกันทั้งสิ้น
และหนึ่งในดวงดาวเ่าั้ก็คือดาวหยิงโฮ่ที่ส่องแสงริบหรี่นั่นเองจำได้ว่าดาวดวงนี้กลายเป็ดาวของนักรบแห่งดาราจักรได้เพียงไม่ถึงสองร้อยปีเท่านั้นนับเป็ดวงดาวที่ยังมีอายุน้อยมากเลยทีเดียว
“น่าเสียดายที่เ้าของต้องตายภายในวันนี้” ชายวัยกลางมองดูดวงดาวที่ยังคงส่องแสงริบหรี่อย่างดื้อรั้น พลางกล่าวด้วยท่าทางเสียดาย
ทว่าเพียงไม่นาน เขาก็สลัดความเสียดายทิ้งไป
“เอ๋?” ชายวัยกลางรับรู้ได้ถึงความไม่ปกติบางอย่าง จึงรีบเบี่ยงสายตาไปมอง เมฆครึ้มบนท้องนภาถูกพัดจนลอยกระเด็นออกไปไกล แมกไม้บนพื้นดินพากันไหวเอนไปตามสายลม ทุกแห่งหนที่สายตามุ่งไป สรรพสัตว์ต่างก็หลบหลีกไปให้พ้นสายตากันอย่างพร้อมเพรียง แม้แต่ภูตผีก็ยังพากันหนีไปจนพ้นทางเลย
ในที่สุด เขาก็พบว่ามีลำแสงสีขาวพุ่งมาจากทางทิศเหนือ มันถาโถมเข้ามาหาราวกับสัตว์ร้าย ทั้งร้องคำราม ตวาดเสียง และฉีกทึ้งทุกสิ่งที่ขวางอยู่เบื้องหน้าอย่างไมปรานี ไม่ว่าจะเป็ูเาที่ตั้งอยู่บนพื้นดิน หรือแสงดาวที่พุ่งลงมาจากท้องนภาก็ตาม
มันพุ่งเข้ามาประชิดตัวด้วยเวลาเพียงเสี้ยววินาทีเดียวเท่านั้น ลำแสงนั้นพุ่งผ่านหน้าชายวัยกลาง แล้วพุ่งตรงไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ด้วยความเร็วราวกับสายฟ้า
นี่เป็ครั้งแรกในรอบพันปีเลย ที่เกิดเื่ซึ่งชายวัยกลางไม่สามารถควบคุมได้
ใบหน้าของชายวัยกลางคนปรากฏประกายความรู้สึกที่มีชื่อว่าความโกรธขึ้นบนสีหน้า แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้ดื่มด่ำไปกับความรู้สึกซึ่งเขาไม่ได้ััมานานนับพันปีนับั้แ่ก้าวขึ้นมาเป็ผู้ควบคุมหอดารา เื่ที่ทำให้เขารู้สึกหัวเสียมากยิ่งกว่าก็เกิดขึ้นเสียก่อน
ชิ้ง
มันเป็เสียงที่เกิดขึ้นหลังเส้นแสงเส้นหนึ่งถูกของมีคมบางอย่างตัดจนขาดนั่นเอง
เขาหันกลับไปมองทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ด้วยความใ จึงพบว่าลำแสงสีขาวตัดเส้นชะตาระหว่างดาวหยิงโฮ่และนักรบบนพื้นพิภพออกจากกันเสียแล้ว
ใครบางคนตัดเส้นชะตาชีวิตระหว่างดาวหยิงโฮ่กับชีพดาราของนางออกจากกัน! คนผู้นั้นอยากจะช่วยหยิงโฮ่ เขา้าจะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต!
ความคิดหนึ่งผุดขึ้นในหัวของคนวัยกลาง และความคิดนี้ก็ทำให้เขารู้สึกราวสมองแทบจะะเิออกมาอยู่แล้ว
เขามีสีหน้าเหี้ยมเกรียมไม่ต่างไปจากสัตว์ป่า
“บังอาจนัก!” เขาคำรามด้วยความโกรธ พลันเสียงที่ดังสนั่นหวั่นไหวราวเสียงจากอัสนีก็กึกก้องไปทั่วพิภพในพริบตา
ราวกับหมู่ดาวบนท้องนภาจะได้รับคำสั่งบางอย่าง จู่ๆ แสงดาวก็สว่างจ้า มันส่องให้ทั้งแผ่นดินสว่างไสวราวในยามกลางวัน แสงจากดวงดาราเ่าั้คล้ายจะมีพลังบางอย่าง เพียงชั่วอึดใจ เส้นแสงที่เชื่อมดาวหยิงโฮ่และชีพดาราซึ่งถูกตัดจนขาดไปก่อนหน้าก็นี้เริ่มมีเส้นแสงขนาดเล็กปรากฏ และเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว
เขาพยายามจะเชื่อมเส้นแสงที่ขาดเข้าด้วยกันอีกครั้งด้วยพลังแห่งดาราจักร
นักรบแห่งดาราจักรมีพลังแห่งโลกหล้าอยู่ภายในตัว ชะตาชีวิตของพวกเขามีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับชีวิตนับหมื่นพัน ชีพดาราผูกเชื่อมกับนักรบแห่งดาราจักร และชะตาชีวิตของนักรบแห่งดาราจักรก็ผูกเชื่อมกับชีวิตนับหมื่นพันด้วยเช่นกัน เมื่อควบคุมความเป็ความตายของนักรบแห่งดาราจักรได้ ก็จะสามารถควบคุมสรรพชีวิตได้ นำไปสู่การควบคุมโลกทั้งใบได้นั่นเอง
เมื่อเส้นแสงที่เชื่อมอยู่กับชีพดาราถูกตัดจนขาด นั่นก็หมายถึงการที่อำนาจที่หอดารามีต่อโลกทั้งใบถูกสั่นคลอน ซึ่งสำหรับชายวัยกลางแล้ว นั่นถือเป็สิ่งที่ไม่อาจปล่อยให้เกิดขึ้นได้อย่างเด็ดขาด
ใยแสงสีขาวเพิ่มมากขึ้นทุกทีๆ เส้นแสงที่ถูกตัดขาดกำลังจะถูกเชื่อมเข้าด้วยกันอีกครั้งแล้ว
ในที่สุดความเหี้ยมเกรียมบนใบหน้าของคนวัยกลางก็สลายหายไป เขารู้สึกถึงอำนาจในการควบคุมโลกทั้งใบอีกครั้ง หากเพียง้า เขาก็ใช้พลังที่มีทำให้โลกทั้งใบดำเนินไปตามทางที่้าได้ ความรู้สึกเช่นนี้ช่างเป็อะไรที่น่าหลงใหล มันน่าลุ่มหลงจนไม่อาจถอนตัวออกมาได้เลย ดังนั้น ไม่ว่าใครหรือสิ่งใด หากขัดต่อความ้าของเขา ก็ต้องถูกทำลายสถานเดียว
ก็เหมือนกับเหล่านักรบแห่งดาราจักรที่เคยคิดจะหาความเร้นลับที่ซ่อนอยู่ในโลกและผู้เป็เ้าของของลำแสงสีขาวเมื่อครู่
ชิงหลุนมองดูสิ่งที่เกิดขึ้น มองดูลำแสงสีขาวพุ่งผ่านท้องนภา และตัดจนเส้นแสงที่เชื่อมอยู่กับดาวหยิงโฮ่ขาดออกจากกันได้อย่างง่ายดายตาค้าง
นางเพียงไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น
นางย่อมรู้ดีว่าลำแสงเมื่อครู่ทรงพลังมากเพียงใด แต่ก่อนหน้านี้ นางเคยเห็นนักรบแห่งดาราจักรที่แข็งแกร่งและาุโมากกว่าคนตรงหน้าพยายามจะตัดเส้นแสงนั้นออกเพราะไม่อยากดับสูญมาแล้ว ทว่าก็ล้มเหลว เส้นแสงนั้นแฝงไปด้วยพลังแห่งเหตุและผล รวมไปถึงชะตาชีวิตอีกมากมาย หาใช่สิ่งที่พลังธรรมดาๆ จะทำลายได้ไม่
แต่ชายตรงหน้า แม้จะมีระดับพลังต่ำเตี้ยเรี่ยดิน แต่กลับตัดเส้นชะตาชีวิตออกได้ เหตุการณ์ที่น่าเหลือเชื่อเสียยิ่งกว่าเื่ราวในนิทานปรัมปราเกิดขึ้นตรงหน้านางแล้ว เหตุนี้ถึงจะไม่อยาก แต่นางก็จำต้องเชื่ออย่างไม่อาจปฏิเสธได้
หลังความอึ้งใสลายหายไป ความดีอกดีใจก็ผุดขึ้นมาแทนที่
เมื่อเส้นชะตาถูกตัดขาด น้องสาวของนางก็ไม่ต้องตายแล้ว แม้นางจะไร้ซึ่งความรู้สึกแห่งความรัก แต่ส่วนลึกของจิติญญาก็บอกกับนางว่านางไม่อยากให้น้องสาวของตัวเองต้องมาตายเช่นนี้
แม้แต่วู๋ถงก็ยังคิดไม่ถึงว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นได้ นางเห็นเพียงว่ามั่วทิงอวี่แสร้งทำเหมือนจะเหวี่ยงดาบเข้าใส่ร่างบาง แต่ต่อมาก็เปลี่ยนมาเหวี่ยงฟันขึ้นไปบนท้องฟ้าแทน ทั้งหมดเกิดขึ้นด้วยความรวดเร็วมาก นางจึงไม่อาจหักห้ามทัน แต่วินาทีที่ลำแสงแห่งคมดาบหายเข้าไปในท้องนภาอันไกลลิบ นางก็รับรู้ได้ทันทีว่าพลังแห่งความมืดมนที่ผูกติดอยู่ในส่วนลึกของิญญาสลายหายไปแล้ว
แม้จะไม่สามารถรับรู้ได้ถึงชีพดาราของตัวเองอีก อีกทั้งยังถูกถอดออกจากการเป็นักรบแห่งดาราจักรไปแล้ว แต่เงาแห่งความตายก็สลายหายไปด้วยเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้น นางยังรับรู้ได้ว่าโซ่ที่พันธนาการตนเอาไว้หายวับไปเสียแล้ว พื้นพิภพกลับมาสดใสอีกครั้ง ความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้ลอยวนเวียนอยู่กลางใจ ราวกับว่าจนถึงวินาทีนี้ นางถึงัักับโลกได้อย่างแท้จริงเช่นนั้น
“แค่กๆ” มั่วทิงอวี่หายใจหอบ พลันเหงื่อมากมายก็ไหลออกมาอาบชุ่มอาภรณ์ เขายันดาบเอาไว้กับพื้น แล้วนั่งกึ่งคุกเข่าอยู่บนพื้นดิน เืสดรินไหลออกมาจากมุมปาก ก่อนจะหยดลงบนพื้นหิมะราวกับดอกเหมยที่เบ่งบาน
วู๋ถงและซูฉางอันรีบพุ่งเข้าไปประคองร่างของมั่วทิงอวี่เอาไว้
ซูฉางอันนึกถึงคำพูดที่มั่วทิงอวี่เคยบอกเอาไว้ ว่าหากดาบออกจากฝัก เขาก็ต้องตายอย่างเลี่ยงไม่ได้ขึ้นมา เด็กหนุ่มมองไปยังมั่วทิงอวี่ ชายที่เคยเก่งกาจราวกับเทพเ้า บัดนี้กลับราวแก่ลงนับสิบปี เขารู้สึกเ็ปขึ้นในใจ แต่ก็ไม่อยากแสดงออกมาให้ใครเห็น วินาทีนั้น จู่ๆ มั่วทิงอวี่และวู๋ถงก็ทำให้เขาได้เข้าใจในเื่บางอย่าง... มีเื่มากมายในโลกที่เราไม่อาจเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะร้องไห้ราวจะขาดใจ หรือเ็ปทรมานจนไม่อยากหายใจอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดี สิ่งเดียวที่พอทำได้ก็คือการยิ้มรับมัน เผชิญหน้ากับมันด้วยรอยยิ้มเท่านั้น เหตุนี้ซูฉางอันจึงพยายามคลี่ยิ้มออกมา ต่อให้รอยยิ้มนั้นจะไม่น่ามองเลยก็ตาม แต่เขาก็ยังคงพยายามที่จะยิ้มต่อไป
“สำเร็จแล้วรึ?” มั่วทิงอวี่มองดูวู๋ถงด้วยใบหน้าที่ทั้งซีดเผือดทว่าก็เต็มไปด้วยความหวัง
“อืม” วู๋ถงพยักหน้าด้วยน้ำตานอง นางราวกำลังจะพูดบางอย่างออกมา แต่จู่ๆ พื้นพิภพก็สั่นะเืขึ้นเสียก่อน จากนั้นเสียงหนึ่งก็พุ่งเข้ามาจากทั่วทุกสารทิศด้วยความทรงพลังจนไม่อาจหลบหลีก
“บังอาจนัก!” เสียงนั้นดังราวเสียงอัสนีคำราม และทรงอำนาจมากจนเกินจะบรรยาย
เงาแห่งความตายที่เพิ่งจะเลือนหายไปพุ่งเข้าครอบคลุมดวงจิตอีกครั้ง พลังนั้นเชื่อมเส้นแสงแห่งชะตาของนางและชีพดาราเข้าด้วยกันดังเดิม แม้มันจะเบาบางมาก แต่นางก็ััได้อย่างชัดเจนว่ามันกำลังเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว รังสีแห่งความตายถูกส่งมาจากชีพดารา พลันพลังชีวิตที่มีก็ลดลงในพริบตา เพียงไม่กี่อึดใจ นางก็มีใบหน้าซีดเผือดไม่ต่างไปจากกระดาษขาวเสียแล้ว นางไม่อาจประคองร่างของตัวเองได้อีกต่อไป ร่างบางถูกทิ้งลงบนพื้นหิมะอย่างรวดเร็ว ยังดีที่มั่วทิงอวี่รั้งร่างของนางเอาไว้ได้ทัน
รอยยิ้มจางๆ ที่เพิ่งผุดขึ้นบนใบหน้าของมั่วทิงอวี่หายวับไปอย่างรวดเร็ว เขาแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้า นอกจากหมู่ดาวที่ละลานตาแล้ว บนนั้นก็ไม่มีสิ่งอื่นใดให้ได้เห็นอีก แต่มั่วทิงอวี่กลับรับรู้ได้ถึงบางสิ่งที่แปลกไป มีกลิ่นอายแห่งพลังบางอย่างที่แข็งแกร่งจนเขาแทบจะหยุดหายใจแฝงอยู่บนนั้น
ไม่ว่าจะเป็ดวงดาว หรือจันทรา หรือแม้แต่แมกไม้และสรรพสัตว์ราวทุกสรรพสิ่งในโลกเชื่อมอยู่กับพลังนั้น คล้ายกับว่าพวกมันมีความคิดบางอย่างร่วมกัน... วันนี้ หยิงโฮ่ต้องคืนสู่หมู่ดาว!
จู่ๆ คมดาบของเขาก็สั่นไหวขึ้น ราวกับว่ามีอะไรบางอย่าง้าจะพุ่งเข้ามาภายในร่างของเขาอย่างไรอย่างนั้น
เ้าสิ่งนั้นแฝงไปด้วยพลังแห่งความแค้นที่มากจนคล้ายจะทำลายล้างโลก ความแค้นที่ราวสิ้นหวังกับโลกทั้งใบ มั่วทิงอวี่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร หรือเหตุใดจึงมาปรากฏอยู่ในดาบของตน แต่เขารู้ว่าหากยอมรับมันเข้ามาในตัว เขาก็จะมีพลังที่แข็งแกร่งพอจะต่อต้านพลังอันน่าเกรงขามที่แฝงอยู่ในอากาศได้
แต่สัญชาตญาณก็ยังสั่งให้เขาต่อต้านมันอยู่ดี พลังแห่งความแค้นที่แฝงอยู่ในนั้นมีมากจนเขารู้สึกหวาดกลัวเลยทีเดียว
เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ราวเพิ่งทำการตัดสินใจที่แสนสำคัญบางอย่างไป มั่วทิงอวี่เก็บดาบในมือกลับเข้าไปในฝัก และวินาทีนั้นเองที่เขารู้สึกคล้ายมีเสียงคำรามดังขึ้น
มั่วทิงอวี่หยัดตัวลุกขึ้นด้วยความยากลำบากทว่าก็เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น เขาวางร่างที่แสนอ่อนแอของวู๋ถงเอาไว้กับซูฉางอัน จากนั้นก็ลูบหัวซูฉางอันเล็กน้อย ก่อนจะยัดดาบที่ในที่สุดก็ได้ออกจากฝักพร้อมกับฝักดาบเข้าไปในอ้อมแขนของซูฉางอันพลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ดูแลนางให้ดี นางเป็อาจารย์หญิงของเ้าเชียวนะ”
เขาทำเื่ทั้งหมดด้วยความตั้งใจในทุกขั้นตอน เขาให้ความสำคัญกับมันมาก ราวกับนั่นเป็พิธีการอะไรบางอย่าง
“อืม” ราวจะััได้ว่ามั่วทิงอวี่กำลังจะทำเื่ที่สุดจะสำคัญบางอย่าง ซูฉางอันพยักหน้าหนักๆโดยมือขวากำลังประคองร่างของวู๋ถงที่สูงกว่าเขาไปเป็คืบ และมือซ้ายถือดาบที่มีขนาดใหญ่กว่าร่างของตัวเองเอาไว้ พลางแหงนหน้าขึ้นมองมั่วทิงอวี่ด้วยดวงตาเป็ประกาย เขาให้ดาบเป็ตัวแทนของคำสัญญาที่เป็นิรันดร์ มันเป็คำสัญญาที่ชายคนหนึ่งมีต่อชายอีกคน เป็ความเชื่อใจที่นักดาบคนหนึ่งมีต่อนักดาบอีกคนซูฉางอันสลักมันลงไปในส่วนลึกของหัวใจ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าใด เขาก็จะไม่มีวันลืมมันไปเด็ดขาด
เมื่อได้รับคำตอบจากซูฉางอัน มั่วทิงอวี่จึงวางความกังวลระลอกสุดท้ายลงในที่สุด
เขาแหงนหน้าขึ้น แล้วกางแขนออกทั้งสองข้าง ราวกำลังจะรับการชำระล้างบางอย่าง
พลังที่แฝงอยู่ในโลกหล้า บัดนี้ก็ราวจะรับรู้ได้ถึงการร้องเรียกของมั่วทิงอวี่ ปานวินาทีนั้น มั่วทิงอวี่เป็ราชันแห่งโลกทั้งใบเช่นนั้น พวกมันพุ่งเข้ามารวมกันภายในร่างของมั่วทิงอวี่ ราวกำลังทำความเคารพต่อมหาจักรพรรดิของตน
ร่างของมั่วทิงอวี่ค่อยๆ ลอยขึ้นเหนือพื้น พลันพลังอำนาจในร่างก็เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
คุมพิภพ...
สั่งฟ้า...
ปราบิญญา...
ศาสตร์แห่งพรต...
ระดับพลังของเขาเพิ่มมากขึ้นทีละขั้นๆ เพียงไม่กี่อึดใจ เขาก็ก้าวข้ามระดับพลังมามากถึงสามระดับ และเพียงพริบตาเดียวก็มาหยุดอยู่ในระดับสุดท้าย คือระดับศาสตร์แห่งพรตเสียแล้ว ถูกต้องแล้ว ศาสตร์แห่งพรตก็คือระดับนักรบแห่งดาราจักรนั่นเอง ตอนนี้ หากเขาเชื่อมตัวเองเข้ากับดวงดาวสักดวง แล้วจุดเปลวเพลิงแห่งชีพปราณของตัวเองสำเร็จ มีชะตาชีวิตเชื่อมกับชีพดาราได้ล่ะก็เขาก็ถือเป็นักรบแห่งดาราจักรแล้ว
แม้ขั้นตอนนี้ดูคล้ายจะง่ายดาย ทว่าความจริงแล้วมันยากจนยากจะพรรณนาเลยต่างหาก ในอดีตกาลจนถึงปัจจุบัน มีนักรบต้องมาตายเพราะขั้นตอนนี้ และจากโลกไปพร้อมกับความขุ่นแค้นมากจนนับไม่ถ้วนแล้ว
ที่เขาสามารถเลื่อนพลังมาได้ถึงสามระดับในเวลาเพียงไม่กี่อึดใจ เป็เพราะพลังอันแสนมหาศาลที่เขาสะสมมานานนับสิบปีนั่นเอง แต่การจะเป็นักรบแห่งดาราจักรต้องอาศัยหลายสิ่ง ไม่ว่าจะเป็พรสรรค์ วันเวลา ประสบการณ์ ทั้งหมดเป็สิ่งที่ขาดไปไม่ได้เลยแม้แต่อย่างเดียว ดาวทุกดวงเป็ตัวแทนของโลกอีกใบ ้าได้โลกทั้งใบมามีหรือจะง่ายดาย? แม้มั่วทิงอวี่จะเป็ยอดนักดาบที่มีความสามารถมากที่สุดในรอบร้อยปี แต่เขาก็ยังไม่อาจบรรลุขั้นนี้ได้ด้วยเวลาอันสั้นอยู่ดี
ทว่าหากดวงดาวที่เขา้าจะจุดให้สว่าง เป็ดาวที่กำลังจะตาย นั่นก็เป็อีกเื่หนึ่ง...
ถูกต้องแล้ว ดาวที่เขา้าจะจุดขึ้นเป็ดาวหยิงโฮ่ที่กำลังจะดับลงนั่นเอง หากวันนี้ ดาวที่ชื่อหยิงโฮ่ต้องดับสูญลงอย่างเลี่ยงไม่ได้ เช่นนั้นก็ให้เขาเป็คนไปตายแทนนางเถอะ
เมื่อสิบปีก่อน เขาต้องทนเห็นท่านอาจารย์เหยากวงกลับสู่ทะเลแห่งดวงดาวต่อหน้าต่อตา ตอนนี้ผ่านมาสิบปี เขาไม่อยากเห็นผู้หญิงที่รักต้องมาจากไปด้วยวิธีเช่นเดียวกันอีก แม้นางผู้นั้นจะทำให้อาจารย์ของเขาต้องตาย แม้นางจะเป็เทพธิดาศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าปีศาจ แม้นางจะเป็ศัตรูคู่อาฆาตของเผ่ามนุษย์ แต่เขาก็ยังไม่อยากเห็นนางตายไปต่อหน้าต่อตาอยู่ดี หากนางมีความผิดจริง เช่นนั้นก็ให้เขาเป็ผู้ชดใช้แทนนางเถอะ หากนรกมีจริง เช่นนั้นเขาก็จะเป็ผู้ดำดิ่งลงไปในนั้นแทนนางเอง ขอแค่อีกสิบปีต่อจากนี้ นางสามารถยืนมือไขว้หลัง แล้วเรียกเขาว่า ‘ทิงอวี่’ ด้วยรอยยิ้มดังเดิมได้ก็พอ
จู่ๆ เส้นแสงสีขาวที่ไม่อาจเห็นได้ด้วยตาเปล่าก็ถูกยื่นออกมาจากร่างของมั่วทิงอวี่ มันเป็เส้นแสงแห่งชะตาของเขานั่นเอง ในนั้นมีทั้งชีวิต รวมไปถึงเหตุและผลแฝงอยู่ ทั้งหมดเป็สิ่งที่แม้แต่นักรบแห่งดาราจักรก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงหรือควบคุมได้ แต่มั่วทิงอวี่ทำสำเร็จ คืนนี้ เขาทำสิ่งที่ไม่น่าเป็ไปได้ให้เป็จริงได้หลายอย่างแล้ว ในร่างกายของเขามีพลังที่น่าหวาดกลัวบางอย่างแฝงอยู่ มันเป็พลังที่สามารถเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิต เปลี่ยนความเป็ความตาย และโลกทั้งใบได้
เส้นแสงแห่งชีวิตของมั่วทิงอวี่ยื่นตรงไปยังท้องนภาทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ด้วยความรวดเร็ว แม้จะห่างกันถึงหมื่นลี้ แต่แสงนั้นก็ไปจนถึงจุดหมายได้ด้วยเวลาเพียงพริบตาเดียวเท่านั้น ราวจะมีชีวิตจิตใจ เส้นแสงแห่งชีวิตของมั่วทิงอวี่พุ่งไปกระแทกที่รอยขาดของเส้นแสงแห่งชีวิตของวู๋ถงอย่างแม่นยำ ทำให้เส้นแสงแห่งพลังที่เดิมก็เปราะบางอยู่แล้วขาดออกจากกันอีกครั้ง จากนั้นเส้นแสงแห่งพลังของมั่วทิงอวี่ก็พุ่งตรงไปที่ดาวหยิงโฮ่ โดยไม่เปิดโอกาสให้เส้นแสงแห่งพลังของดาวหยิงโฮ่ได้ตอบสนองใดๆ ทั้งสิ้น
ดวงดาวเองก็มีจิติญญาเป็ของตัวเองเช่นกัน ซึ่งไม่มีจิติญญาใดที่้าตายอย่างแน่นอน สำหรับดาวหยิงโฮ่แล้ว เส้นแสงที่เปี่ยมไปด้วยพลังชีวิตของมั่วทิงอวี่ก็เป็เหมือนเชื้อเพลิงดีๆ นี่เอง เมื่อเปลวเพลิงมาเจอกับฟืนไฟ เพียงไม่นาน เส้นแสงแห่งพลังทั้งสองก็เชื่อมเข้าด้วยกันแล้ว
เพียงพริบตาเดียว พลังชีวิตของมั่วทิงอวี่ก็ถูกดาวหยิงโฮ่ดูดออกไปจนไม่มีเหลือ ิัของเขาค่อยๆ แห้งเหี่ยว ผมดำเปลี่ยนไปเป็สีขาว เพียงไม่นาน ชายวัยหนุ่มก็กลายเป็ชายชราไปเสียแล้ว เพียงแต่ เห็นได้ชัดว่าเขามีความสุขมาก มันเป็ความสุขที่เขาไม่เคยมีมาก่อน เขาทำสำเร็จ ไม่ว่าโลกใบนี้จะมีพลังที่เขาไม่รู้อีกมากมายเท่าใดคอยจ้องจะนำนางเข้าสู่ความตายแต่สุดท้ายเขาก็ยังช่วยชีวิตนางได้สำเร็จ
“บรรเลงบทเพลงแห่งหมู่ดาวได้เลย ได้เวลาที่จิติญญาในดาวหยิงโฮ่ต้องกลับสู่ทะเลแห่งหมู่ดาวแล้ว” เขากล่าวกับชิงหลุนที่ยังคงยืนอึ้งอยู่
จากนั้นจึงหันกลับไปมองซูฉางอัน รวมไปถึงวู๋ถงที่บัดนี้ใบหน้าเริ่มมีสีแดงระเรื่อเล็กน้อยอย่างยากลำบาก แล้วกล่าวพึมพำอย่างยากลำบากด้วยเสียงทั้งหมดที่มี
“มีชีวิตอยู่ต่อไป อยู่ต่อไปด้วยรอยยิ้มเสียเถิด”