สายตาของมนุษย์ค้างคาวดูมีเลศนัย ชายชุดเทายกห่อผ้าทรงยาวขึ้นมา เมื่อทั้งสองเผชิญหน้ากัน แต่กลับไม่มีใครเคลื่อนไหวใดๆ ก่อน สายลมพัดสายฝนแรงขึ้น ทำให้ใครหลายคนตัวเปียก
หยางหนิงรู้ดีว่าเขาไม่ควรอยู่ที่นี่นาน แล้วค่อยๆ เดินไปยังม้าตัวที่อยู่ข้างๆ
ถึงแม้จะถูกมนุษย์ค้างคาวฆ่าตายไปแล้วตัวหนึ่ง แต่ก็ยังเหลืออีกหนึ่งตัวที่ยังมีชีวิตอยู่ หยางหนิงค่อยๆ เขยิบๆ เท้าไป เขาตัดสินใจแน่แล้วที่จะเอาม้าตัวนั้น
ตอนนี้คนของสำนักคุ้มกันสองคนที่เฝ้ารถสินค้าก็ถูกสังหารแล้ว ก่อนตายได้ฆ่าชายชุดดำไปหนึ่งคน ชายชุดดำที่เหลือต่างมายืนอยู่ด้านหลังของมนุษย์ค้างคาว ในมือถือเคียวไว้แน่น
“เ้าผิดแล้ว” ในที่สุดมนุษย์ค้างคาวก็เอ่ยปากพูด “วันนี้หากภารกิจของเราลุล่วง ไม่เพียงกลุ่มนิกายฮิดะจะไม่หายไป แต่จะยิ่งเกรียงไกรมากขึ้นกว่าเดิมอีก” เขาแสยะยิ้ม เขาพลิกมือ แล้วถอดสายรัดเข็มขัดสีดำที่เอวออกมา ท่ามกลางสายฝน เขาลงมือแล้ว
ขณะที่เขาลงมือ เขาโค้งตัวราวกับคันธนูที่มีศรพร้อมยิง พริบตาเดียว ตัวเขาก็พุ่งไปตรงหน้าของแล้ว
“ไป!” ชายชุดเทาะโ รีบลากเด็กหนุ่มถอยหนีอย่างรวดเร็ว ถอยหนึ่งก้าวก็เท่ากับการเคลื่อนที่อิสระนับสิบเก้า
หากมนุษย์ค้างคาวคือศรอันแหลมคมจริง ชายชุดเทาเองก็เหมือนสายลมที่พัดผ่านไปอย่างรวดเร็ว
มนุษย์ค้างคาวพุ่งเข้าหาอากาศ ร่างกายของเขาหยุดชะงัก แล้วก็ะเิตัวออกไปอีกครั้ง ครั้งนี้เขาโจมตีเร็วขึ้น แรงขึ้นและคมมากขึ้น
จริงๆ นี่มันเป็ท่าไม้ตายของเขา การหยุดชะงักก็เพื่อกักเก็บพลังงานให้มากขึ้น ขอแค่กักเก็บพลังงานสามครั้ง เขาเชื่อว่าชายชุดเทาต่อให้เป็สายฟ้าฟาดก็ไม่อาจจะหลบท่าไม้ตายของเขาได้
เขาเหมือนจะรู้ว่าหากมนุษย์ค้างคาวกักเก็บพลังงานครบสามครั้งแล้วเขาจะรับมือได้ยาก ครั้งแรกเขาเลยต้องลงมือก่อน ของในห่อผ้าทรงยาวของเขายื่นออกมา พุ่งตรงไปหามนุษย์ค้างคาว
มนุษย์ค้างคาวส่งสายตาเยือกเย็น สายรัดเข็มขัดสีดำในมือตึงออก ครั้งนี้ไม่รุกแต่กลับถอย หลังจากนั้นก็ตวัดสายรัดเข็มขัดสีดำในมือให้พุ่งออกไป
สายรัดเข็มขัดสีดำแปรเปลี่ยนเป็ดาบ
ดาบอ่อนเล่มหนึ่ง อ่อนเหมือนผ้าแพร แข็งดังเหล็กกล้า
มนุษย์ค้างคาวถอยเพื่อรุก เขาถอยเพื่อเว้นระยะที่สามารถชักเอาดาบอ่อนเล่มนี้ออกมา หลังจากนั้นค่อยตวัดดาบออกไปอย่างรวดเร็ว
ในตอนนี้เอง ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าม้าดังขึ้น ห่างจากมนุษย์ค้างคาวไม่ไกลนักชายชุดดำหลายคนมองตามเสียงไป เห็นคนๆ หนึ่งกำลังบังคับม้า เตรียมจะควบไป
คนที่ขี่ม้าเตรียมหนีคือหยางหนิง
หยางหนิบค่อยๆ เขยิบๆ ไปถึงข้างม้า ใช้มีดตัดเชือกที่ผูกม้าเอาไว้จนขาด แล้วก็ขึ้นขี้ม้าบังคับให้มันหันหลัง หลังจากนั้นก็ตบตูดม้าให้วิ่งออกไป
กลุ่มชายชุดดำะโลอยตัวตามมา มือของหลายคนซัดออกมา อาวุธลับนับสิบกำลังพุ่งมาที่ม้า และในตอนนี้ ชายชุดเทาเองก็หยุดชะงักทุกอย่างลง แล้วก็ถอยหลัง จริงๆ การโจมตีของเขามันคือศรที่กำลังพุ่งตัวไปอย่างแรง เหมือนไม่มีท่าทีที่จะถอย แต่ตอนนี้กลับทำแบบนี้ มันเหมือนเมฆที่สลายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
ต่อให้สลายตัวไปได้เหมือนเมฆ แต่ก็คงไม่อาจจะหลบดาบดำของมนุษย์ค้างคาวได้หรอก
ชายชุดเทาเหมือนไม่คิดจะหลบดาบเลย เขายื่นห่อผ้าทรงยาวเป็แนวนอน เกิดแสงสว่างขึ้น จากนั้นก็ได้ยินเสียง “เพล้ง” มันป้องกันอาวุธลับที่กำลังพุ่งไปที่ม้ากับหยางหนิงจนหมด หลังจากนั้นก็จับตัวเด็กหนุ่มคนนั้น ส่งเสียงร้อง แล้วยกมือขึ้น โยนตัวเด็กหนุ่มลอยมาทางม้าของหยางหนิง
หยางหนิงกำลังจะเร่งฝีเท้าม้าให้เร็วขึ้น ก็รู้สึกเหมือนมีอะไรหนักๆ ด้านหลัง เหมือนมีคนตกลงมาตรงหลังม้า เขาใ ถือมีดเตรียมจะหันไปแทง แต่ทันใดนั้นได้ยินชายชุดเทาะโออกมาว่า “พาเขาหนีไป!”
สิ้นแสงลง ดาบอ่อนสีดำก็ฟันเข้าที่ไหล่ของชายชุดเทา
ชายชุดเทาชักห่อผ้าทรงยาว ปัดเอาดาบอ่อนสีดำออกก่อนที่มันจะฟันเอากระดูกเขาไป แต่ในเวลานี้สีหน้าของเขาซีดเซียว หัวไหล่มีเืไหล่ออกมามาก เสื้อผ้าฉีกขาด
สุดท้ายเขาก็ไม่อาจหลบดาบอ่อนของมนุษย์ค้างคาวได้พ้น ไม่เพียงถูกฟันจนเสื้อขาดรุ่ย ยังถูกฟันเข้าที่หัวไหล่ด้วย ถึงแม้จะไม่ได้ฟันเข้าไปถึงกระดูก แต่มันก็เป็อุปสรรคแรกในค่ำคืนนี้
เพื่อป้องกันอาวุธลับ เขากลับกล้าที่จะถูกมนุษย์ค้างคาวฟัน
ขณะที่หยางหนิงหันหน้าไป สายตาก็เหลือบไปมองเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่หลังเขา ได้ยินชายชุดเทาะโมาอีกว่า “พาเขาหนีไป!” เขาไม่ได้ลังเล รีบเร่งฝีเท้าม้าแล้วควบไป ม้าส่งเสียงร้อง และทยานออกไปอย่างรวดเร็วท่ามกลางสายฝน
กลุ่มชายชุดดำไม่ลังเลใจที่จะไล่ตามม้ามา แต่ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงร้องดังอ๊าก ชายชุดเทาปลดห่อผ้าออก ภายในเป็ฝักกระบี่สีดำ ชายชุดเทาชักกระบี่ออกมาด้วยมือขวา แล้วกวาดกระบี่ออกไป หลังจากนั้นก็เต็มไปด้วยเสียงร้องอ๊ากเต็มไปหมด
ในห่อผ้าพายุหมุนนั้นเป็กระบี่โบราณล้ำค่าเล่มหนึ่ง และตอนนี้มันได้ออกจากฝักแล้ว!
แสงกระบี่แวววาว พุ่งตรงไปหาชายชุดดำที่ตอนนี้ถูกฟันตัวขาดเป็สองท่อน ชายชุดดำอีกคนสายตาก็ดูหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด มนุษย์ค้างคาวลอยตัวขึ้นด้วยความใ เหมือนค้างคาวที่บินลอยอยู่กลางอากาศ ดาบอ่อนสีดำในมือพุ่งเข้าหาชายชุดเทาอีกครั้ง
ในตอนนี้เอง ชายชุดดำอีกจำนวนมากก็วิ่งออกมาจากร้านเหล้า ล้อมตัวชายชุดเทาเอาไว้
“ตาม!” มนุษย์ค้างคาวะโสั่งชายชุดดำจำนวนมากลอยอยู่กลางสายฝน พุ่งไปตามทิศทางของหยางหนิง
หยางหนิงในตอนนี้เหมือนกำลังแข่งม้าอยู่ เขาควบม้าไปอย่างเร็วโดยไม่มีผ่อนแรง ตัวเขายังรู้สึกว่ามันยังเร็วไม่พอ ท่ามกลางสายฝน ม้าวิ่งราวกับบินอยู่ หยางหนิงถูกสายฝนซัดใส่หน้าจนลืมตาไม่ได้ ไม่รู้ด้วยว่าม้าวิ่งไปทางไหน
สิ่งที่ทำให้หงุดหงิดที่สุดคือ เด็กหนุ่มที่อยู่ด้านหลัง เพื่อให้ตัวเองสามารถทรงตัวได้ เด็กหนุ่มจับเสื้อของตัวเขาไว้แน่น เสื้อมันขาดรุ่ยและเก่าอยู่แล้ว แล้วม้ามันก็เคลื่อนที่แบบนี้อีก รอยขาดมันก็ใหญ่ขึ้น หยางหนิงคิดในใจว่าหากเป็แบบนี้ต่อไป ตัวเขาจะต้องไม่เหลือเสื้อผ้าบนตัวอีกแน่
ม้าไม่รู้วิ่งมานานเท่าไรแล้ว ทันใดนั้นเองก็ได้ยินเสียงของเด็กหนุ่มพูดขึ้นมาว่า “หยุดม้าเดี๋ยว หยุดเดี๋ยวนี้!”
หยางหนิงนึกว่าเกิดอะไร ในใจคิดว่าม้าก็วิ่งมาได้ระยะหนึ่งแล้ว ต่อให้คนพวกนั้นจะตามมา ครู่เดียวคงตามมาไม่ทัน ก็เลยหยุดม้า ได้ยินเสียงม้าร้อง หยางหนิงก็ไม่ใช่คนขี่ม้าได้ดีขนาดนั้น เขาบังคับมันไม่ดี “โอ๊ย” ทั้งคู่ตกลงมาจากหลังม้า
“เ้าร้องทำไมกัน?” หยางหนิงลุกขึ้นยืน เหมือนจะตกลงมาไม่หนัก ชี้นิ้วไปที่เด็กหนุ่มที่ยังคงกองอยู่บนพื้นนั่นแล้วด่าว่า “เราควบม้ามาเร็วขนาดนี้ บอกให้หยุดกะทันหัน จะไม่ตกได้หรือ?”
จริงๆ ตัวเขาเองก็รู้ว่า การที่ตกม้ามามันเป็เพราะเขา หากไม่ใช่เพราะเขาไม่ดึงม้าแบบกะทันหัน ก็คงไม่เป็แบบนี้
เด็กหนุ่มคนนั้นนั่งอยู่ตรงพื้น เปียกไปทั้งตัว เงยหน้ามามองหยางหนิง หน้าตาเปื้อนดินเปื้อนโคลน แล้วพูดด้วยความโกรธว่า “ฝีมือการขี่ม้าของเ้ามันห่วยเอง ยังจะมาโทษข้าอีกงั้นหรือ?”
“โอ้โห เ้าไม่มีความเกรงใจบ้างเลยหรือไง?” ตอนนี้หยางหนิงไม่กลัวเด็กหนุ่มคนนี้แล้ว พูดอย่างไม่เกรงใจไปว่า “งั้นเ้าบอกมาซิว่า เ้าให้ข้าหยุดม้าทำไม คิดจะทำอะไร?”
“เราไม่ควรไปแบบนี้” เด็กหนุ่มลุกขึ้นมาจากพื้น ทั่วทั้งตัวเปื้อนไปด้วยดินโคลน “เราต้องกลับไปช่วยเขา ทิ้งเขาไว้แบบนั้นไม่ได้”
“ช่วยใคร?” หยางหนิงยิ้มแห้ง “ตาเฒ่านั่นน่ะหรือ? ช่างมันดีกว่า เ้าคิดว่าช่วยเขาได้งั้นหรือ? เ้าไม่เห็นหรือไงว่าอีกฝ่ายมากันกี่คน เ้าหนีมาได้ก็เป็บุญมากแล้ว ยังคิดจะช่วยเขาอีก?”
เด็กหนุ่มพูดอย่างแน่วแน่ “ข้าต้องกลับไป เ้าเอาม้ามาให้ข้า ข้าไม่จำเป็ต้องมีเ้า ข้าจะไปช่วยเขาเอง” สายตาของเขามั่นคงมาก เหมือนจะบอกว่าไม่ต้องพูดมากอีก
ถึงแม้หยางหนิงจะรู้สึกว่าเด็กหนุ่มคนนี้จะไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ แต่ก็ชื่นชมในความกล้าหาญมีคุณธรรมของเขา ตอนอยู่ในร้านเหล้า เด็กหนุ่มคนนี้ก็ออกหน้าช่วยพูดให้ ในใจก็ไม่ได้รังเกียจเขา เขาส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ม้าตัวนี้ข้าหามาด้วยตัวเอง ข้าจะพาเ้ากลับไป เพราะเ้าออกหน้าช่วยข้าไว้ ข้าจะไว้หน้าเ้าสักครั้ง แต่พูดกันก่อน หลังจากที่ข้าพาเ้ากลับไป เราจะไม่มีอะไรติดค้างกันอีก เ้าจะไปไหนก็เื่ของเ้า แต่ว่าหากเ้าจะเอาม้าตัวนี้ไป ล้มเลิกความคิดนั้นซะ เพราะข้าต้องใช้มัน”
หากเขา้าจะไล่ตามขบวนสำนักคุ้มกันที่พาเสี่ยวเตี๋ยไป มีเพียงม้าในมือตัวนี้เท่านั้น ที่เป็ความหวังสุดท้ายของเขา
เด็กหนุ่มพูดด้วยความโกรธว่า “ไม่ได้ เ้าต้องเอามันมาให้ข้า มันเป็ม้าของข้าอยู่ก่อนแล้ว” ยื่นมือออกไปแล้วพูดว่า “เอามา!”
หยางหนิงยิ้มแล้วพูดว่า “เ้าจะมาไม้แข็งกับข้าใช่ไหม? น้องชาย เ้าคงคิดผิดแล้ว ข้าไม่กลัวอะไรทั้งนั้น หากเ้ามีปัญญา ก็มาแย่งเอาไปเอง”
เด็กหนุ่มคนนี้อายุราวสิบห้าสิบหก เมื่ออายุกับร่างกายแล้วก็พอๆ กับหยางหนิง แต่ด้านจิตใจหยางหนิงน่าจะมีวุฒิภาวะมากกว่าอีกฝ่าย เมื่อพูดจาแบบนี้ออกมา มันเหมือนกับว่าเขาอายุน้อยกว่าเขามากเลยทีเดียว
เด็กหนุ่มกำหมัดแน่น เดินขึ้นมาสาวหมัดไปที่หยางหนิง หยางหนิงถอยหลังไปหนึ่งก้าว กำลังจะยื่นมือไปจับหมัดของเด็กหนุ่ม ใครจะคิดว่าเด็กหนุ่มจะยื่นนิ้วเข้ามาสอดร่องมือของหยางหนิงเอาไว้
“โอ้โห ฝีมือไม่เลวนิ” หยางหนิงเห็นดังนั้น ในใจก็คิดว่าเด็กหนุ่มคนนี้ดูเหมือนจะอ่อนแอ แต่จริงๆ ก็พอมีฝีมืออยู่บ้าง แล้วก็กวาดเท้าไปยัง่ล่างของเด็กหนุ่ม
เด็กหนุ่มยกขาขึ้น ข้ามเข่าข้างที่หยางหนิงกวาดมา ท่าทางดูทะมัดทะแมง รวดเร็วไม่มีเชื่องช้า
หยางหนิงถนัดการต่อสู้ คิดว่าน่าจะล้มเด็กหนุ่มได้ภายในสองสามกระบวนท่า แต่ใครจะคิดว่าฝีมือของเขาจะเหนือกว่าที่เขาคิดไว้มาก ทั้งสองแลกทั้งหมัดยกทั้งเท้าสลับไปมา พริบตาเดียวก็ปะมือกันไปกว่าสิบกว่ากระบวนท่าแล้ว การต่อสู้ของหยางหนิงไม่ได้อ่อน แต่ว่าการปัดป้องของอีกฝ่ายก็ดูชำนาญ เวลาสั่นๆ ไม่อาจตัดสินแพ้ชนะได้
เมื่อเห็นร่างกายของเด็กหนุ่มเริ่มทรงตัวไม่อยู่ หยางหนิงก็กวาดเท้าไปที่่ล่างอีกครั้ง เด็กหนุ่มหลบไม่ทัน ก็เลยถูกกวาดจนล้มลง หยางหนิงได้ใจ แต่กลับรู้สึกว่าที่เท้าเหมือนมีอะไรรัดอยู่ ชายหนุ่มใช้เท้ารัดไปที่ข้อขา แล้วใช้แรงดึงจนเขาล้มลงเช่นกัน
หากหยางหนิงใช้ท่าเดินทางอย่างเริงใจ ชายหนุ่มคงไม่ใช่คู่ปรับของเขา แต่ว่าภายใต้สถานการณ์นี้ ต่อให้หยางหนิงหน้าด้านขนาดไหน ก็ไม่กล้าใช้ท่าเดินทางอย่างเริงใจมาเป็เล่ห์เพื่อเอาชนะ แบบนี้ก็ดี ล้มทั้งคู่ บนพื้นมีแต่ดินโคลน ใบหน้าต่างเปื้อนไปด้วยโคลน
“เ้าเองก็ฝีมือไม่เบาเลยนิ” เด็กหนุ่มลุกขึ้นนั่ง ชี้ไปที่หยางหนิงแล้วพูดว่า “เ้าชื่ออะไร?”