หยางหนิงเอามือยันพื้นไว้สองข้าง แล้วเอนตัวไปด้านหลัง ยิ้มแล้วพูดว่า “เ้าจำชื่อข้าไม่ได้แล้วหรือ?เหมือนข้าจะเคยบอกเ้าไปแล้วนะ ข้าชื่อเสี่ยวป๋ายทู่”
“เสี่ยวป๋ายทู่?” เด็กหนุ่มหัวเราะแห้งๆ แล้วพูดว่า “เ้าคิดว่าข้าโง่หรือไง? นี่ไม่ใช่ชื่อของเ้า”
หนางหนิงยิ้มแล้วพูดว่า “เ้าจะเชื่อหรือไม่ก็ตามใจเ้า ข้าก็แค่คนเร่ร่อนคนหนึ่งเท่านั้น ไม่มีชื่อก็ไม่แปลก จริงสิ วรยุทธ์เ้าไม่เลวเลย ตาเฒ่านั่นสอนเ้าหรือ? แล้วเ้าชื่ออะไร?”
เมื่อหยางหนิงพูดถึงชายชุดเทาขึ้นมา เด็กหนุ่มรีบลุกขึ้นยืน แล้วพูดว่า “เ้ามอบม้าตัวนี้ให้ข้าก่อน ข้ารับปากเ้า ข้าจะคืนให้เ้าเป็สิบเท่าร้อยเท้า” ไม่รอให้หยางหนิงพูด เขาก็พูดต่อไปว่า “ม้าตัวนี้มันเป็ม้าของข้าที่ผูกเอาไว้ที่คอกม้านอกร้านเหล้า เ้าฉวยโอกาสขโมยมันมา ตอนนี้เ้าก็ปลอดภัยแล้ว ก็ควรคืนให้กับเ้าของ”
“เ้าพูดแบบนี้ข้าไม่ชอบฟังเท่าไร” หยางหนิงลุกขึ้นมา “ขโมยอะไรกัน? เ้าไม่เห็นหรือ หากว่าม้าตัวนี้ยังอยู่ที่นั่น มันก็จะต้องกลายเป็ศพ ข้าช่วยชีวิตมันเอาไว้ แล้วข้าก็ช่วยชีวิตเ้าเอาไว้ด้วย อีกอย่างเ้าก็ไม่มีหลักฐานว่าม้าตัวนี้เป็ของเ้า ต่อให้เป็ของเ้าจริงๆ การที่ข้าช่วยชีวิตเ้ามันแลกกับม้าตัวนึงไม่ได้เลยหรือ?”
“เอาล่ะ ถือซะว่าข้ายืมเ้าก็แล้วกัน” เด็กหนุ่มเหมือนจะรู้ว่าเถียงกับหยางหนิงต่อไปก็ไม่มีประโยชน์ ก็เลยพูดว่า “ข้าจะคืนให้เ้าเป็ร้อยเท่า”
หยางหนิงกอดอก ยิ้มแล้วพูดว่า “คุยโตใครก็พูดได้ เ้าขี่เอาม้าของข้าไป ใครจะรู้เราจะได้เจอกันอีกเมื่อไหร่? อีกอย่างสำหรับข้าในตอนนี้ ต่อให้มีเงินพันตำลึงมาซื้อม้าตัวนี้ข้าก็ไม่ขาย ข้าต้องใช้มันทำการใหญ่ ข้าว่าเ้าเลิกล้มความคิดเถอะ” แล้วพูดกล่อมไปว่า “ข้าว่านะน้องชาย ......!”
“ข้าไม่ใช่น้องชายเ้า” เด็กหนุ่มพูดด้วยความโกรธ
หยางหนิงหัวเราะร่าออกมาแล้วพูดว่า “งั้นจะให้ข้าเรียกเ้าว่าอะไร? จะให้เรียกว่าเ้ามนุษย์โคลนคงไม่เหมาะจริงไหม?” เขาเห็นเด็กหนุ่มคลุกโคลนไปทั่วทั้งตัว ก็อดหัวเราะไม่ได้ แต่ไม่ได้ดูตัวเองเลยว่าก็ไม่ได้ดีไปกว่าเขาสักเท่าไร
ชายหนุ่มลังเล แล้วพูดว่า “ข้าชื่อเซียวกวง”
“นี่ก็คงไม่ใช่ชื่อจริงของเ้า” หยางหนิงพูดว่า “แต่ว่าก็ดีกว่าไม่มีชื่อ จริงสิ ข้าขอเตือนเ้าอย่ากลับไปเลย รูปแบบการโจมตีของพวกมันเ้าก็เห็นแล้ว เ้าคิดว่ากลับไปจะมีประโยชน์อะไร? เ้าเห็นคนของสำนักคุ้มกันแล้วใช่ไหม หากว่าไม่มีฝีมือพอตัว พวกเขาคงไม่สามารถเอาชนะคนของสำนักคุ้มกันแน่ๆ ไม่แน่พวกมันอาจจะสามารถทำลายทั้งกองทัพก็ได้ ข้าไม่อยากจะคิดสภาพตอนที่เ้ากลับไปเลยว่าจะเป็อย่างไร จะรนหาที่ตาย? หรือจะเป็แมลงเม้าบินเข้ากองไฟ?”
เด็กหนุ่มคิด แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรอีก หันหลังแล้วก็เดินไป แม้แต่ม้าก็ไม่เอา
“เ้าจะกลับไปจริงๆ หรือ?” หยางหนิงะโตามหลังไปว่า “อย่าหาว่าข้าไม่เตือนเ้านะ เ้ากลับไปแบบนี้ กำลังจะไปตายชัดๆ ตาเฒ่านั่นใช้ชีวิตตัวเองช่วยให้เ้าหนีมา หากเ้ากลับไปตอนนี้ สิ่งที่เขาเสียสละมันก็จะสูญเปล่า น้องชาย เ้าก็ไม่ใช่คนโง่ เหตุผลนี้คงเข้าใจไม่ยากจริงไหม?”
ทันใดนั้นเองเด็กหนุ่มก็หยุดเดิน
ท่ามกลางสายฝน อากาศที่หนาวเย็น สายลมพัดพาอ่อนลง แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าฝนจะหยุดลง
หยาหนิงเห็นเซียวกวงหยุดเดินไม่พูดอะไร แล้วพูดขึ้นมาว่า “เขาเป็อะไรกับเ้า? เขาดูจะเป็ห่วงเ้ามาก ข้าเห็นวรยุทธ์ของเขาไม่เลวเลย อาจจะไม่ถูกพวกนั้นฆ่าก็ได้ หากเขาชิงม้ามาได้สักตัว โดยที่ไม่ต้องกังวลอะไร อาจจะหนีออกมาได้ก็ได้ หากเ้าย้อนกลับไปตอนนี้ จะทำให้เขากังวัลมากขึ้นนะ อีกอย่างเราก็หนีมากันไกลมากแล้ว ไม่ว่าเป็หรือตาย ที่นั่นน่าจะรู้ผลลัพธ์กันแล้ว หากว่าเขาตายหรือว่าหนีไปแล้ว เ้าคิดว่าเ้าคนเดียวสามารถรับมือพวกเขาได้หรือ?” หยางหนิงดึงเชือกม้า แล้วพูดต่อไปว่า “อีกอย่างเขาแลกชีวิตของเขาเพื่อให้เ้าได้หนีมา แสดงว่าในใจของเขา ชีวิตเ้าสำคัญมากกว่าสิ่งใด หากเ้าตายไป ข้าไม่อยากจะคิดเลยว่าเขาจะรู้สึกอย่างไร”
เซียวกวงไม่ได้หันกลับมา เขายังยืนนิ่งๆ อยู่ตรงนั้น ให้สายลมและสายฝนพัดผ่านตัวเขาไปอย่างนั้น
หยางหนิงส่ายหัว คิดแค่ว่าอย่างไรก็พาเขาหนีมาได้แล้ว อะไรที่จะเกิดขึ้นต่อไปนี้เขาเองก็จะไม่ยุ่ง อีกอย่างเขาก็ไม่อยากเข้าไปยุ่งเื่นี้ด้วย เขาขึ้นขี่ม้าดึงเชือก เตรียมจะเดินทางต่อ ก็อดไม่ได้ที่จะหันไปดู เห็นเซียวกวงยังยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น สักพักก็ล้มลงไป
หยางหนิงใ รีบลงจากม้า แล้ววิ่งไปดู เห็นเซียวกวงล้มหน้าทิ่มโคลนแน่นิ่งไป จึงรีบพลิกตัวเขากลับมา ขมวดคิ้วได้พูดว่า “เฮ้ เซียวกวง เ้าฟื้นสิ เป็อะไรอีกนี่? คำพูดข้าตรงเกินไปหรือ กระทบกระเทือนเ้าหรือ?”
สายฝนตกลงบนหน้าของเซียวกวง หยางหนิงเช็ดโคลนบนหน้าของเซียวกวงออก เห็นสีหน้าของเขาซีดเซียว สายหลับสนิท ร่างกายสั่นเทาตลอดเวลา
หยางหนิงยื่นมือไปแตะหน้าผากของเซียวกวง มันร้อนแทบจะเผามือ เขาใ ใครจะคิดว่าเด็กหนุ่มนี่จะมีไข้ตอนนี้
หยางหนิงถึงกับปวดหัว เขาตั้งใจจะไปตามทางที่พาเข้าเมืองหลวงเพื่อตามขบวนสำนักคุ้มกัน เหลือความหวังเท่าไรก็พยายามเท่านั้น แต่ตอนนี้เ้านี่ดันมาเป็ไข้ แถมยังตัวร้อนอย่างกับไฟเผา รุนแรงมาก
หากทิ้งเซียวกวงไปในตอนนี้ ยังไม่ต้องคิดถึงว่าพวกนินจาฮิดะจะตามมาได้ทัน ต่อให้พวกเขาไม่ตามมา เซียวกวงก็น่าจะตายอยู่ตรงนี้แน่ๆ
หยางหนิงยิ้มแห้งแล้วส่ายหัว อุ้มเซียวกวงขึ้นมา แล้ววางบนหลังม้า แล้วตัวเองก็ะโขึ้นม้าไป จากนั้นก็กอดเซียวกวงจากด้านหลัง มองไปรอบๆ ท่ามกลางสายฝน ในป่าที่มีแต่ต้นไม้ แทบจะมองไม่เห็นเส้นทางอะไรเลย
หยางหนิงรู้ดีว่าต่อให้ไม่มีหมอ ตอนนี้ก็ควรจะหาที่หลบฝนก่อนสักที่ ไม่งั้นเซียวกวงคงต้องตายแน่ๆ
ในตอนนี้คงไม่มีเวลาให้คิดอะไรมากนัก ทำได้แค่บังคับม้าไปที่ไหนสักที่ก่อน
ในใจของเขาคิดว่าร่างกายของเซียวกวงอ่อนแอมาก เ้านี่เหมือนจะมีพื้นฐานของวรยุทธ์อยู่บ้าง มีการฝึกมาก่อน ภูมิต้านทานก็ไม่ควรอ่อนขนาดนี้ แต่ว่าแค่ตากฝนนิดเดียวเอง ก็เป็ไข้สูงขนาดนี้แล้ว
ม้าวิ่งไปท่ามกลางสายฝน หยางหนิงไม่รู้ว่าจะไปทางไหน ปล่อยให้มันวิ่งไป รู้สึกว่าร่างกายของเซียวกวงสั่นรุนแรงมากขึ้น ในใจก็อดภาวนาไม่ได้ “เ้านี่ก็ดูไม่ใช่คนเลว หากตายไปเพราะตากฝน ขอพุทธองค์ทรงเมตตาด้วย อย่างไรก็ตามขออย่าให้เขามาตายต่อหน้าข้าเลย”
ไม่รู้ว่านานเท่าไร หนางหนิงรู้สึกว่าฝนเหมือนจะตกน้อยลง เมื่อเงยหน้าขึ้นดู ก็พบว่าม้าวิ่งมายังป่าไผ่ที่หนึ่ง
มันเป็ป่าไผ่ที่ทึบมาก มันกั้นฝนเอาไว้มิด กลิ่นไผ่โดนฝนอ่อนๆ ลอยเข้าจมูก ในใจก็ดูสบายขึ้น
รอบๆ ไม่มีสถานที่หลบฝน ก่อนหน้านี้เซียวกวงยังมีอาการตัวสั่นอยู่ แต่ตอนนี้ไม่แล้ว หยางหนิงแตะไปที่หน้าผากของเขา ตอนนี้ตัวของเขาเย็นเฉียบ ในใจคิดว่า คงไม่ใช่ว่าตายแล้วหรอกนะ เอานิ้วไปแตะจมูก เหมือนจะยังหายใจอยู่
เมื่อม้าเข้ามายังป่าไผ่ ก็เหมือนจะลดความเร็วลง หยางหนิงมองไปรอบๆ เห็นว่าในป่าไผ่เหมือนมีหมอกลอยอยู่ มันแน่นจนเหมือนควันไฟ
เมื่อเดินไปได้ครู่ใหญ่ ม้าก็เดินออกจากป่าไผ่ หยางหนิงมองไปข้างหน้า ในใจก็นึกตื่นเต้น เพราะด้านหน้าไม่ไกลนักมีบ้านอยู่หลังหนึ่ง เมื่อเข้าไปใกล้ ถึงได้รู้ว่ามันเป็บ้านร้าง
ถึงแม้จะเป็อย่างนั้น สุดท้ายก็ได้ที่หลบฝนสักที หยางหนิงลงจากหลังม้า แล้วค่อยๆ อุ้มเซียวกวงลงมา เห็นว่าคานบ้านค่อนข้างลึก แต่้าเต็มไปด้วยหยากไย่ ไม่มีประตูบ้าน โครงประตูถูกแทนที่ด้วยหยากไย่เต็มไปหมด
หยางหนิงเงยหน้าไปมองไปที่ป้ายหน้าประตู ก็ถูกหยากไย่หนาๆ กั้นหมด บวกกับความมืดยามค่ำคืน มองไม่เห็นว่าเขียนว่าอะไร
เขาวางเซียวกวงลงก่อน แล้วหาไม้เก่ามาปัดหยากไย่ออก แล้วถึงอุ้มเซียวกวงเข้าไป เมื่อก้าวเข้าไปในบ้าน ก็ได้กลิ่นอับลอยมา แต่มันก็ไม่ใช่เวลาจะมาคิดเล็กคิดน้อยอะไร ภายในห้องมืดสนิท มองไม่เห็นอะไรเลย เดินคลำหาที่ แล้วจึงวางเซียวกวงลง
เขารู้ว่าตอนนี้เซียวกวงเปียกไปทั้งตัว หากเป็อย่างนี้ต่อไป ไข้ก็จะหนักขึ้น เขาลังเล แล้วก็คลำเสื้อผ้าของเซียวกวงเพื่อถอดเสื้อออก เหลือเพียงกางเกงขาสั้นไว้ คิดว่าถ้าในตอนนี้มีหญ้าแห้งไม้แห้งมาจุดไฟก็คงดี
ทักษะการใช้ชีวิตในป่าเบื้องต้นก็คือการจุดไฟ ใช้ก้อนหินในการก่อำฟ หยางหนิงเคยทำแน่นอน ถึงแม้จะต้องใช้เวลาสักหน่อย แต่ในสถานการณ์ตอนนี้ ต้องใช้หญ้าแห้ง หากไม่มีหญ้าแห้ง ต่อให้เป็ก้อนหินก็ไม่อาจจะจุดไฟได้
ตอนนี้เขาเหมือนแมว ที่เดินคลำไปทั่วห้อง มองอะไรก็ไม่ชัด ขณะที่เดินคลำๆ ไป เขาก็รู้สึกว่าภายในบ้านเหมือนจะมีไม้หักโค่นกระจัดกระจายไปหมด เหมือน์มาโปรด เขาเหมือนจะเจออะไร หยางหนิงเอามือไปแตะถูกหญ้า เขาดีใจมาก เขาเห็นกองหญ้าขนาดใหญ่
เมื่อได้หินมาแล้ว เขาก็ไม่รอให้เสียเวลาเริ่มลงมือจุดไฟทันที หยางหนิงก็ไม่มีเวลาจะไปสนใจอะไรอย่างอื่น ต้องก่อกองไฟขึ้นมาก่อน แล้วก็ใช้มีดตัดกิ่งไม้มา หลังจากนั้นไม่นานไฟก็สว่างขึ้นมา ตอนนี้อากาศเริ่มอุ่นขึ้น ค่อยสบายขึ้นมาหน่อย แล้วก็ไปดูเซียวกวง ตอนนี้เซียวกวงนอนหดตัวอยู่ที่พื้น ที่ตัวเขามีเพียงกางเกงขาสั้นตัวเดียว กำลังนอนตัวสั่นอยู่
หยางหนิงเห็นในบ้านมีหญ้าแห้งเป็จำนวนมาก ก็เลยเอาหญ้าแห้งเ่าั้มาวางเป็ที่นอน แล้วค่อยอุ้มเซียวกวงไปไว้ตรงนั้น แล้วเอากองหญ้าแห้งมาสุมตัวเขาให้อุ่นขึ้น เห็นเนื้อหนัง ผิวของเซียวกวงทั้งอ่อนนุ่ม ทั้งขาวใส คิดว่าเด็กคนนี้น่าจะถูกเลี้ยงมาแบบลูกคุณหนูคุณชายแน่ๆ แต่ก็ไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วเป็ใครมาจากไหนกัน
เพื่อคนแปลกหน้าคนหนึ่งแล้ว ทำให้เสียเวลาอันมีค่าของตัวเองไป คิดๆ ดูแล้ว ในใจรู้สึกเสียเปรียบอย่างแรง
เขาอดไม่ได้ที่จะคิดว่า หากเ้านี่ตื่นมา เขาจะคิดค่าบริการกับเขา เห็นว่าบ้านของเด็กคนนี้ก็น่าจะมีฐานะไม่เบา จะเอาเงินจากเขาคงไม่ใช่เื่ยาก
เห็นเซียวกวงยังคงตัวสั่น ก็ยื่นมือไปแตะหน้าผาก ก็รู้สึกหน้าผากของเขาเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวเย็น ร่างกายน่าจะทรมานมาก แต่ว่าหยางหนิงไม่ใช่หมอ อีกอย่างต่อให้เป็หมอ ตอนนี้ก็ไม่มียาสมุนไพรที่จะรักษา
เขาคิดว่าคนส่วนใหญ่หลังจากที่เป็ไข้แล้ว ต้องดื่มน้ำมากๆ แบบนี้จะทำให้ไข้ลดได้ง่ายขึ้น ถึงแม้ตอนนี้จะขยับตัวไม่ค่อยสะดวก แต่เห็นสีหน้าของชายหนุ่มซีดเซียว เหมือนจะทรมานมาก เขาคิดว่าในเมื่อจะเป็คนดีแล้ว ก็จะทำครึ่งเดียวไม่ได้ ทำได้แค่ลุกขึ้นมาต้มน้ำ ในใจคิดว่ารอให้เขาตื่น จะเรียกเงินเท่าไรดี