ซูหรงหรงอยู่ในห้วงแห่งความงงงันแต่ก็ปล่อยเลยตามเลยเธอถูกเขาจูงมือั้แ่ออกจากประตูบ้านจนกระทั่งถึงสนามเด็กเล่นของหมู่บ้าน
เหตุผลที่เธองุนงงนั่นเป็เพราะเธอไม่อยากจะเชื่อตัวเองว่ากำลังจะไป...แต่งงาน
ส่วนปล่อยไปเลยตามเลยก็เพราะจ้านอี้หยางกำลังกุมมือเธออยู่
ซูหรงหรงไม่ต้องมองทางก็รู้ว่าต้องไปทางไหน
ตัวของจ้านอี้หยางสูงกว่าเธอ 35 เิเน่าจะได้ ด้วยเครื่องแบบทหารเต็มยศที่เขาสวมใส่ทำให้เขาดูเป็คนซื่อสัตย์และมีความยุติธรรมอีกทั้งยังทำให้รู้สึกราวกับว่าไม่มีสิ่งใดที่เขาไม่สามารถทำได้
หรือจะพูดให้ถูก เขาทำให้รู้สึกถึง...ความปลอดภัย
นิ้วมือเรียวเล็กของเธอที่ถูกมือหนาของเขากุมไว้มันส่งความรู้สึกอบอุ่นไปจนถึงหัวใจ
เธอลอบมองเขา...ใบหน้าของเขาช่างดูหล่อเหลาหาใครมาเทียบไม่ได้
อึ๋ย ซูหรงหรงแอบคิดในใจ ...ใครที่ได้แต่งงานกับคนแบบนี้นับว่าคิดไม่ผิด
และผู้หญิงที่คิดไม่ผิดคนนั้นก็คือ...เธอเอง?
ถึงแม้ว่าการเลือกครั้งนี้จะมาจากการสุ่มเลือกคู่และถูกบังคับก็เถอะ
เมื่อเดินใกล้จะถึงสวนสาธารณะกลาง จ้านอี้หยางก็หยุด
ซูหรงหรงที่ถูกบังคับให้หยุดเดินกะทันหันไปเขย่ามือที่ถูกเขาจับเบาๆอย่างประท้วงก่อนจะเอ่ยแกมเหน็บ
“ทำไมอยู่ๆ ก็หยุดเดิน? เอ๊ะ...หรือนายจะไม่ไปอำเภอแล้ว?"
จ้านอี้หยางไม่ได้ฟังที่ซูหรงหรงพูดเลยสักนิดเขาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย สายตาจับจ้องไปที่รถของเขา
ท่าทีของเขาตอนนี้ที่อยู่ๆ ก็เงียบลงดูน่ากลัวมากซูหรงหรงมองตามสายตาของเขา เธอเอ่ยถามอย่างสงสัย
“หืม? รถทหารสีเขียวสองคันนั้นเป็ของนายเหรอ?"
“อืม"
เขาเอ่ยตอบเบาๆ ราวกับคนไม่เต็มใจ
ซูหรงหรงรู้ถึงสาเหตุที่เขาไม่พอใจแล้วนั่นก็เพราะรถของเขาตอนนี้ถูกล้อมรอบไปด้วยผู้คน
ถ้าจะตำหนิก็ควรจะตำหนิรถเขามากกว่าที่เด่นมากจนเกินไป
ซูหรงหรงเพิ่งจะสังเกตเห็นว่าคนที่มามุงดูเกินกว่าครึ่งคือเพื่อนเก่าสมัยเรียนของเธอ
เอ่อ...ในเมื่อสถานการณ์มันเป็แบบนี้ เธอจะแก้ปัญหาให้เอง!
ซูหรงหรงผู้เต็มเปี่ยมไปด้วยจิติญญาในการเข้าถึงผู้คนโดยเฉพาะกับเหล่านักเรียนที่น่ารักของเธอ
“ฉันจัดการเอง"
เธอเดินอาดๆ ไปที่รถของเขา
“กลับมา"
จ้านอี้หยางมองเพ่งไปที่รถแต่เขาเห็นเพียงแค่ศีรษะดำๆ ของกลุ่มคนเท่านั้นเขารีบะโร้องเรียกยัยผู้หญิงตัวเล็กเท่ามดอย่างซูหรงหรง
“ฉันไปเอง เธอเดินตามฉันมาก็พอ"
“ไม่ต้อง!"
ซูหรงหรงสะบัดมือจ้านอี้หยางออกก่อนจะะโขวางหน้าเขาพร้อมกับกางแขนทั้งสองข้างเพื่อขวางทาง
“ทำไมนายชอบดูถูกคนอื่นห้ะ"
ซูหรงหรงเชิดคางขึ้นอย่างไม่พอใจ ถึงแม้คำพูดของเธอจะดูรุนแรงแต่ในความหมายของการกระทำนั้นช่างตรงกันข้ามกัน
“ฉันจะไปเอง ฉันจะฆ่าไก่โดยไม่จำเป็ต้องใช้ *มีดฆ่าวัวให้นายดู"
เพียงชั่วพริบตา ซูหรงหรงก็วิ่งหนีออกไปแล้ว
ทว่าทันทีที่เธอไป จ้านอี้หยางก็ไม่มีท่าทีจะรั้งเธอไว้อีกครั้ง
ที่จริงผู้หญิงคนนี้ค่อนข้างเป็ตัวของตัวเองสูงเขาอยากเห็นวิธีของเธอ หากเธอแก้ปัญหานี้ไม่ได้ เขาค่อยยื่นมือเข้าไปทีหลัง
อันที่จริงไม่มีการฆ่าไก่โดยไม่จำเป็ต้องใช้มีดฆ่าวัวอะไรทั้งนั้น
ขณะนี้ซูหรงหรงเดินจนมาถึงกึ่งกลางของกลุ่มคนเธอพูดเสียงหวานว่ารถคันนี้กำลังจะออกไปแล้ว ขอให้ทุกคนหลีกทาง
เธอคิดว่ากลุ่มคนเหล่านี้จะว่านอนสอนง่ายเหมือนนักเรียนอนุบาลของเธอ
แต่ในความเป็จริงนั้นเหล่าเด็กอนุบาลของเธอดูจะเลี้ยงง่ายกว่าเพื่อนสมัยมัธยมของเธอเสียอีกดวยซ้ำ
“เธอเป็ใครกัน?"
ผู้หญิงที่แต่งหน้าหนาเตอะคนหนึ่งเอ่ยขึ้นพร้อมกับเดินเข้ามาประชันหน้ากับซูหรงหรง
“นี่รถเธอเหรอ? ทำมาเป็สั่งให้พวกเราหลบเธอพิสูจน์ได้มั้ยล่ะว่ารถพวกนี้เป็ของเธอ"
ซูหรงหรงตะลึงในคำพูดของหญิงสาวคนนี้ ...หรือเธอจะเป็สาวห้าว?
แต่ว่าเธอน่ะสามารถจัดการเหล่าเด็กน้อยยี่สิบกว่าคนจนร้องไห้มาแล้วกับแค่สาวห้าว...
โฮะๆ กระจอก
ในขณะที่เธอกำลังจะตอบกลับสาวห้าวคนนั้น จู่ๆ ก็มีเสียงเรียบดังขึ้นจากทางด้านหลังของเธอ
“รถสามีของเธอ เป็แบบนี้ได้มั้ย?"
เสียงนั้นดึงดูดความสนใจของเธอ ปกติเมื่อถึงฤดูหนาว ซูหรงหรงมักจะคิดเสมอว่าเธอกำลังถูกแช่แข็ง
แต่กับสถานการณ์ตอนนี้ แม้ร่างกายของเธอจะเย็นแต่หัวใจของเธอกลับอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก
เมื่อหันหลังกลับเธอก็เห็นจ้านอี้หยางที่เดินผ่านเหล่าคนมุงเข้ามาหาเธอ
เธอไม่คิดเลยว่าจ้านอี้หยางจะออกมาปกป้องเธอแถมคำพูดของเขายังจะ...คมบาดใจ
เขาที่สวมชุดเครื่องแบบทหารดูเป็คนเอาจริงเอาจังยิ่งได้มองเห็นใบหน้าอันเรียบเฉยและท่าทางดูสุขุมของเขาแล้วก็สามารถทำให้คนอื่นใกลัวได้ไม่น้อยแล้วยิ่งได้เห็นสัญลักษณ์รูปใบไม้และดาวสีทองที่ประดับบนบ่าของเขาก็ยิ่งรู้สึกน่าเกรงขาม
เหล่ากลุ่มคนหลีกทางให้เขาอย่างไม่รู้ตัวจ้านอี้หยางรีบเดินเข้าไปหาซูหรงหรง
*มีดฆ่าวัวให้นายดู : อย่าทำเื่เล็กให้กลายเป็เื่ใหญ่