ผมคิดไม่ถึงจริงๆว่าสถานการณ์จะกลายมาเป็แบบนี้ไปได้ ผมใจร้อนเกินไปจริงๆซ้ำยังประเมินอาการาเ็ของเขาต่ำเกินไป และประเมินความอดทนของเขาไว้สูงเกินไป
ผมโน้มตัวเข้าไปจับข้อมือของเขาเอาไว้ แม้ข้อมือจะร้อนผ่าวแต่โชคดีที่ลมหายใจของเขายังคงที่ การทำงานของร่างกายยังถือว่าปกติอยู่ไม่ได้เกิดเื่หนักหนาอะไรขึ้น เพียงแต่สิ่งที่ทำให้ผมปวดหัวในตอนนี้ก็คือเขาหลับไปแล้ว...หืม เท่านี้เองหรือ ดูจากลมหายใจแล้ว เขาหลับไปแล้วจริงๆทั้งยังหลับเป็ตายอีกด้วย ร่างกายของเขากำลังอยู่ในสภาวะจำศีล ดังนั้นการบังคับให้ตื่นจะเป็ผลร้ายต่อร่างกายของเขา
ร่างกายที่ผ่อนคลายหลังจากการนอนหลับจะช่วยให้เขาดูดซึมฤทธิ์ยาได้มากขึ้นอาจกล่าวได้ว่าการหลับนั้นถือเป็โชคดีของเขา เพราะจะได้ไม่รู้สึกถึงความเ็ปและอาการเจ็บเสียดที่ข้อต่อไขกระดูกจะรู้สึกสบายขึ้นมาก
เพียงแต่ตอนนี้ผมไม่อาจคาดเดาได้ว่าเขาจะหลับไปจนถึงเมื่อไรนี่คงจะถือเป็เื่ที่รับมือได้ยาก ส่วนขั้นต่อไปของผมคือการวางแผนตามโครงเื่โดยพาเขาไปยังแดนเหมันต์เพื่อตามหาบัวหิมาลัยสองหัวที่สามารถรักษาดวงตาของเขาให้หายได้จากนั้นก็ให้เขาได้พบกับฮาเร็มแรกของตน พร้อมกับภูตหิมะตนหนึ่งที่มีนามว่ารั่วรั่ว
คุณได้ยินไม่ผิดหรอก เธอชื่อรั่วรั่ว สองคำที่ธรรมดาที่สุดและเป็ชื่ออันแสนจะเรียบง่ายที่มักปรากฏอยู่ในนิยายบ่อยที่สุดจากนี้จะเห็นได้เลยว่าเธอมีความสำคัญน้อยแค่ไหน ฮาเร็มตัวเอกมีมากมายนับไม่ถ้วนมีผู้หญิงมากมายที่ชื่นชอบเขา เมื่อมีคนมากขึ้นการตั้งชื่อก็ยิ่งเป็ปัญหามากขึ้นตาม
นิยามของรั่วรั่วคือสาวน้อยผู้ชาญฉลาดเป็คนดีมีจิตบริสุทธิ์ เธอมีหัวใจที่งดงามใสซื่อเป็ผู้ที่แบกรับตำแหน่งองค์หญิงน้อยแห่งเผ่าภูตหิมะ
เผ่าภูตหิมะซ่อนตัวอยู่บริเวณจุดเยือกแข็งทางตอนเหนือของดินแดนเหมันต์ขึ้นไปเป็ระยะพันฟุตซึ่งตัดขาดออกจากโลกมนุษย์ไปโดยปริยาย เปรียบได้กับเผ่าเอลฟ์ในนิยายแฟนตาซีตะวันตกที่จะแยกตัวออกห่างความวุ่นวายจากโลกภายนอก พวกเขากลายเป็กองกำลังพึ่งพาตนเองเป็จำพวกที่ไม่ขึ้นตรงต่อเผ่าพันธุ์ปีศาจและเผ่าพันธุ์มนุษย์แต่เป็เผ่าพันธุ์อีกหนึ่งจำพวกที่ปราบภูตและปีศาจ
ตอนที่พวกเขาถือกำเนิดขึ้นก็จะนำพาบัวหิมาลัยสองหัวมาด้วยพูดให้ถูกก็คือคล้ายกับรูปแบบการเกิดของ แมรี่ ซู [1] ที่เป็ดั่งเทพธิดาบุปผาโดยจะบ่มเพาะตนในบัวหิมาลัย เวลาที่ดอกบัวผลิบานก็จะเป็วันที่ถือกำเนิดขึ้นและภายในดอกบัวหิมาลัยที่เหลือหลังจากถือกำเนิดดอกนั้นก็จะมีฤทธิ์อัศจรรย์สามารถใช้รักษาดวงตาได้
ใช่แล้ว นี่คือนิยามที่ถูกสร้างขึ้นของของสิ่งนี้หากมองเพียงผิวเผินก็ดูออกได้ว่ามันคือยาอายุวัฒนะที่สามารถรักษาดวงตาของซ่งฉียวนได้และยังสามารถให้ตัวเอกใช้โอกาสนี้สร้างความสัมพันธ์กับรั่วรั่วผู้ที่เปรียบเสมือนองค์หญิงตัวน้อย
“อาจิ่ว เข้ามาเถิด”ผมพยุงซ่งฉียวนขึ้น ให้เขานอนราบอยู่บนเตียง หลังจากห่มผ้าให้เรียบร้อยแล้วจึงนึกขึ้นได้ว่ายังมีคนเฝ้าอยู่ที่หน้าประตูผมจึงรีบเรียกเขาเข้ามา แล้วก็เป็ไปตามคาดใบหน้านกของอาจิ่วน้อยหงิกงอไปทั่วทั้งหน้า เขาชำเลืองมองผมด้วยท่าทางฟึดฟัดแล้วมองซ่งฉียวนที่หลับสนิทอยู่ใต้ผ้าห่มด้วยสีหน้าเสียดาย
“ผลไม้ดีๆถูกป้อนให้เ้าเด็กบ้านี่ไปหมดแล้ว ถึงข้าจะไม่อยากถามอะไรมาก แต่มันก็อดประหลาดใจไม่ได้ว่าทำไมหลังจากที่ท่านทรมานเขาจนเป็เช่นนี้แล้วยังต้องลำบากช่วยเขากลับมาอีก? ”
ผมพยายามอ้าปากพูด แต่ก็พูดอะไรไม่ออก
อาจิ่วเห็นท่าทางละอายใจของผมแบบนี้แล้วก็กะพริบตาใส่ผมทันทีแล้วพูดต่อว่า “ช่างเถอะ ข้าไม่ถามแล้วก็ได้ ไม่แน่ว่าตอนที่ข้าออกไปหาผลไม้กินนายท่านคงมีนิสัยใจคอที่ไม่อาจอธิบายได้ไปแล้ว”
“...” เ้านกบ้านี่เด็กคนนี้มันร้ายจริงๆ คิดอะไรพิเรนทร์เอาเองอีกแล้ว?
“อาจิ่วเ้ารู้หรือไม่ว่าเรือนแห่งนี้มีห้องลับอยู่ที่ใด? ”
หากปล่อยให้ซ่งฉียวนพักอยู่ที่นี่อาจไม่ค่อยปลอดภัยนักและไม่น่าไว้ใจสักเท่าไร อีกทั้งผมยังมีอีกหลายเื่ในวังปีศาจที่ยังจัดการไม่เสร็จกู้จิ่นเฉิงอาจจะรีบรุดมาหาผมเมื่อไรก็ได้ ดังนั้นตอนนี้ต้องหาที่ที่ให้เขาสามารถไปหลบซ่อนตัวแล้วเพิ่มแนวกั้นไว้ด้านนอกอีกชั้นหนึ่ง เพื่อทำให้ไม่มีใครสามารถหาคนผู้นี้เจอได้ผมถึงจะเบาใจ
อาจิ่วบินขึ้นไปบนไหล่ของผม แล้วยืนนิ่งครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งจึงมองมาทางผมด้วยสีหน้าแปลกประหลาดและกระอักกระอ่วนก่อนจะตอบกลับมาว่า “เอ่อ นายท่าน ท่านลืมที่แห่งนั้นไปแล้วหรือ? ”
ผมถูกเขามองด้วยท่าทีมึนงง อย่างไรเสียโลกนี้มันก็กว้างใหญ่เกินไปผมจำรายละเอียดในชีวิตของอวี๋เคอไม่ได้ทุกเื่หรอก “อ้อ เื่ราวมีมากเหลือเกินข้าลืมไปแล้วล่ะ”
เมื่ออาจิ่วเห็นสีหน้าของผมก็น่าจะเข้าใจว่าผมลืมไปแล้วจริงๆเขากระพือปีกบินขึ้นไปกลางอากาศ จากนั้นจึงหันหลังให้ผมแล้วบินออกไป พร้อมพูดกับผมว่า“นายท่าน ท่านพาเขาไปด้วยเถิด ข้าจะนำทางท่านเอง”
ผมอึ้งไปครู่หนึ่ง ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงกลับคำไปมาเร็วขนาดนี้แถมน้ำเสียงยังเจือไว้ด้วยความเขินอายอีก จากนั้นผมจึงช้อนร่างเล็กของซ่งฉียวนพร้อมกับผ้าห่มอุ่นๆขึ้นมาอุ้มไว้ในวงแขน แล้วเดินตามฝีเท้าของอาจิ่วไปยังห้องลับที่เขาพูดถึง
ห้องลับอยู่หลังโรงเก็บฟืนที่ดูไม่เป็ที่สังเกตผมมองอาจิ่วที่เดินไปมาอยู่บนพื้นราบเรียบด้วยความอัศจรรย์ เขากระทืบเท้าอยู่สองสามครั้งเพียงครู่เดียว พื้นดินก็สั่นไหว จากนั้นใต้พื้นดินก็มีอุโมงค์ทางเข้าที่ทอดยาวและมีขนาดกว้างสองเมตรปรากฏขึ้น
พอเดินตามบันไดลงไปยังด้านล่างพื้นดินเหนือศีรษะก็ค่อยๆ ปิดเข้าหากัน ชั่วขณะที่พื้น้าปิดผนังทั้งสองด้านของอุโมงค์ก็ค่อยๆ เปล่งแสงออกมา เมื่อเพ่งมองเข้าไป ก็พบว่ามันคือโคมไฟอันเล็กอันน้อยที่แขวนเรียงรายอยู่้าโดยมีแสงจากเปลวไฟสลัวส่องขึ้นมา ถึงแม้จะริบหรี่แต่ก็เพียงพอที่จะส่องทางด้านหน้าให้สว่างได้
อาจิ่วไม่พูดไม่จาแล้วก้มหน้าพาผมเดินลงไปเมื่อเดินไปได้ไม่ถึงสี่หรือห้าสิบเมตรบันไดก็หายไปแล้วสิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าผมมันคือ...
......
เชิงอรรถ
[1] แมรี่ ซู คือ ตัวละครที่ถูกสร้างขึ้นตามที่ผู้เขียน้าโดยที่ผู้เขียนไม่ได้คำนึงว่าลักษณะหรือนิสัยหลายๆอย่างของตัวละครที่ตนสร้างขึ้นนั้นควรจะมีข้อจำกัดหรือขัดกับหลักความเป็จริงอย่างไร