อวี๋เคอตายแล้ว
ตายแล้วจริงๆ หรือข้าไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเขาจะตายเร็วถึงเพียงนี้ตลอดจนไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะสามารถตายได้
เพราะคนผู้นี้มักทำให้ข้ารู้สึกถึงความเผด็จการความหยิ่งทะนง ตลอดจนพลังชีวิตอันน่าสะพรึงกลัวอยู่เสมอ ข้ายังจำได้ดีว่าในตอนที่เขาเพิ่งตกมาอยู่ในเงื้อมมือของข้าเขากลับไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย หนำซ้ำยังยกมุมปากขึ้นยิ้มให้ข้าอย่างชั่วร้ายตอนนั้นเขาพูดกับข้าว่า “แย่แล้วสิ ตรากตรำไปมาอยู่หลายปี สุดท้ายข้าก็แพ้”
ข้าไม่ค่อยเข้าใจความหมายในคำพูดของเขานักเขารู้ว่าตนเองจะพ่ายแพ้ต่อข้า? เขาเคยทำให้ข้าต้องสูญเสียทุกอย่างไปและเกือบจะสังหารข้าเสียด้วยซ้ำเมื่อเปรียบเทียบตนเองในคราแรกกับเขาแล้วก็เหมือนดั่งก้อนหินเล็กๆข้างทางก้อนหนึ่งที่ดูไม่สะดุดตา บนเส้นทางที่แข็งแกร่งขึ้นอย่างไม่ขาดสายข้ายังเคยสงสัยในตนเองอยู่ว่าจะไล่ตามเขาไม่ทันไปตลอดเลยหรือ ไม่ได้แก้แค้นแต่กลับถูกผู้มีพลังอำนาจมหาศาลบีบคั้นจนตาย
ข้าเกลียดท่าทางที่ไม่แยแสเช่นนี้ของเขาเขาควรจะหวาดกลัวต่อสิ่งที่ตนเองกำลังจะเผชิญ เขาควรจะรู้สึกหมดหนทางและสิ้นหวังต่อสภาพอันน่าอนาถของตนเอง
เหมือนกับ... ตัวข้าตอนที่ยังเยาว์วัย...
ทว่าท้ายที่สุดเขากลับไม่เป็ดั่งที่ข้าหวังข้าพยายามใช้ทุกวิถีทางเพื่อทรมานคนผู้นี้ ทั้งใช้วาจาด่าทอและการลงทัณฑ์อย่างทารุณ
ข้าคิดว่าข้าจะมีความสุขแต่แท้จริงแล้วไม่เลยสักนิด เพราะข้าไม่ได้เห็นสีหน้าอันเ็ปของเขา แม้จะกระอักเืออกมาอยู่สามวันแต่ผู้ที่ถูกโซ่เหล็กแทงทะลุแขนขาแขวนขึ้น้ายังจะสามารถยิ้มใส่ข้าได้อีกหรือ?
เขาเป็สัตว์ประหลาดหรืออย่างไร?
ในหัวข้ามีภาพเหตุการณ์เมื่อครั้งที่พบคนผู้นี้ครั้งแรกในตอนที่ข้าอายุสิบปีผุดขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ข้าโผเข้าไปกอดศพของท่านพ่อแล้วร่ำไห้สุดเสียง พร้อมกับสาปแช่งเ้าปีศาจตนนี้
ตอนนั้นอาภรณ์สีแดงของเขาถูกย้อมไปด้วยเืสีสดจนชุ่มและหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ทำให้ทั่วทั้งใบหน้าของเขากับศพที่เกลื่อนอยู่บนพื้นดูน่าสยองพิลึกในคราเดียวกัน
นับั้แ่อวี๋เคอตกมาอยู่ในเงื้อมมือของข้าข้าระดมความคิดเพื่อหาทุกวิถีทางที่จะทำลายเขาอยู่ทุกวัน ทำลายจิติญญาของเขา แล้วฆ่าเขาเพื่อปลอบประโลมิญญาของตระกูลซ่ง
แต่กลับไม่สามารถเป็ดั่งหวัง
เขาดูราวกับไม่รู้สึกเ็ปหากข้าพูดมากไปเขาจะไม่ตอบกลับมาเลย บางครั้งก็ก้มหน้า บางครั้งก็แสยะยิ้มผู้ที่ทั้งร่างเต็มไปด้วยาแและหยดเื แต่สภาพจิตใจกลับไม่ต่างไปจากจอมปีศาจผู้ที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลกและมีอำนาจดลบันดาลได้ทุกสิ่ง
จนกระทั่ง... ข้านำหงส์เพลิงตัวนั้นออกมา...
นั่นเป็ครั้งแรกที่ข้าได้เห็นอาการลนลานและเ็ปบนใบหน้าของเขาและเป็ครั้งแรกที่ข้าคิดว่าเขาเป็คนที่มีเืเนื้อ
ในที่สุดก็น่าสนใจขึ้นมาบ้างแล้ว
เืที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายค่อยๆปรากฏนิมิตอันร้อนระอุขึ้นมา ในที่สุดข้าก็พบจุดอ่อนของเขาแล้วจากนั้นข้าก็จะสามารถนำกริชอันแหลมคมที่ลับมาเป็เวลานานแทงเข้าไปในจุดอ่อนนี้ควักเขาออกมา แล้วบดขยี้ให้แหลกละเอียด ทำให้คนผู้นี้เ็ปเจียนตาย
และก็เป็ไปตามที่คาดไว้ต่อมาข้าก็ได้เห็นการแสดงออกอย่างท่วมท้นที่สุดบนใบหน้าของเขาใน่ครึ่งเดือนที่ผ่านมา
เมื่อเห็นเขาขดตัวกอดไข่หงส์เพลิงอยู่บนแท่นบูชาข้าจึงยิ้มได้ นี่เป็ครั้งแรกที่รู้สึกมีความสุขมากถึงเพียงนี้
คิดไม่ถึงเลย อวี๋เคอว่าเ้าจะมีวันนี้เช่นกัน
เมื่อหงส์เพลิงนิพพานก็สามารถกลับมาจุติใหม่ได้ในใจของอวี๋เคอน่าจะยังมีความหวังอยู่ หากข้าทำลายมันอวี๋เคอจะแสดงอาการเช่นไรออกมากัน?
สิ้นหวัง?
ข้าตั้งตารอ อยากเห็นเสียจริง
ทว่าไม่ทันได้เห็นอาการสิ้นหวังบนใบหน้าของเขาเขาก็ตายไปเสียแล้ว
เื่นี้เกิดขึ้นกะทันหันเกินไปสุดท้ายแผนที่ข้าอุตส่าห์คิดมาอย่างแยบยลก็ยังมีช่องโหว่เพราะกู้จิ่นเฉิงที่หนีรอดไปได้ในตอนแรกนั้นยังมีชีวิตอยู่ยิ่งไปกว่านั้นยังแฝงกายมาอยู่รอบตัวข้าอีกด้วย
ตอนที่ศพของอวี๋เคอถูกกู้ขึ้นมาจากน้ำใบหน้าของเขาบวมเป่ง ไร้สีเื และไร้เค้าโครงอันสง่างามเหมือนอย่างที่เคยเป็ใบหน้าบวมซีดน่าเกลียดไม่เหมือนเขาเลย
เขานอนแน่นิ่งอยู่แทบเท้าข้า ด้วยสภาพอันน่าเวทนาร่างที่ไร้ชีวิตเริ่มส่งกลิ่นเน่าเหม็นกระจายออกมาหากไม่มีข้าคอยยื้อชีวิตเขาเอาไว้ สภาพาแของเขาเช่นนี้จะต้องเน่าเปื่อยอย่างรวดเร็วเป็แน่
บอกไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไรข้านำรองเท้าออกห่างจากคนผู้นี้เล็กน้อย ทว่าจู่ๆ ก็ไม่รู้ว่าควรจะทำสิ่งใดต่อไปดีลืมสิ้นกระทั่งที่จะต้องตามทุกคนไปไล่ล่ากู้จิ่นเฉิง ได้แต่ยืนอยู่ตามลำพัง
รู้สึกสับสน สับสนแปลกๆ
แสงที่สาดส่องออกมาจากดวงอาทิตย์ยามบ่ายนั้นแสบตาเล็กน้อยมันส่องกระทบไปบนร่างของอวี๋เคอ แล้วสะท้อนเข้ามายังดวงตาของข้า
ผ่านไปครู่ใหญ่ข้าก็ได้ยินตนเองพูดกับเหล่าลูกศิษย์ว่า
“โยนปีศาจตนนี้เข้าไปในกรงสัตว์ปีศาจที่เขาเลี้ยงเอาไว้เถิดแล้วอย่าลืมให้พวกมันอดอาหารก่อนสักสองสามวันด้วย”
ศิษย์สำนักฉิงชางไม่เคยทำสิ่งใดเชื่องช้าเลยจนกระทั่งในวันที่สอง ทุกอย่างของอวี๋เคอก็เลือนหายไปจากโลกของข้า
จะไม่มีคนชื่ออวี๋เคอในโลกแห่งผู้ฝึกตนอีกต่อไปและไม่มีใครกล้าเอ่ยถึงเขาต่อหน้าข้าอีกอาจเป็เพราะสีหน้าของตนเองในวันนั้นน่าสะพรึงกลัวจนเกินไป... ข้าครุ่นคิดอยู่เช่นนี้ขณะนอนอยู่บนเตียงไม่ว่าทำเช่นไรก็ไม่สามารถข่มตาให้หลับได้
ในฐานะผู้ฝึกตน ข้าไม่จำเป็ต้องพักผ่อนเสียด้วยซ้ำเนื่องจากตื่นมาก็ไม่มีสิ่งใดต้องทำ ไม่มีเื่ต้องให้คิด
แต่ตอนนี้สถานการณ์อันเลวร้ายของข้ากลับเป็การนอนไม่หลับแม้จะอยากหลับเพียงใดก็ตาม
ข้า... เป็อะไรกันแน่?