หลังจากเซียวเฉินและมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์กลับมา พวกเขาก็ไม่ได้กลับที่พัก ทว่าไปหาจั๋นอวี่ทันที
“อาจารย์ใหญ่ พวกเรากลับมาแล้ว” มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์เอ่ย
จากนั้น คนทั้งสองก็ก้าวเข้าไปข้างในช้าๆ จั๋นอวี่นั่งมองคนทั้งสองอยู่ตรงนั้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“ตามเจอแล้วหรือ?” สายตามองมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์
มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์พยักหน้า
จากนั้นก็หน้าแดงถลึงตาใส่จั๋นอวี่ทีหนึ่ง เอ่ยอย่างขุ่นเคือง “มีผู้าุโทำตัวไม่น่าเคารพอย่างท่านด้วย”
จั๋นอวี่เลิกคิ้ว “พูดกับอาจารย์แบบนี้หรือ?”
คำสนทนาของคนทั้งสองทำให้เซียวเฉินใ
มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ถึงกับเป็ศิษย์ของอาจารย์ใหญ่?
เื่นี้เหนือความคาดหมายเกินไป
คนทั้งสองสนทนากัน จากนั้นจั๋นอวี่ก็มองเซียวเฉิน ถามด้วยรอยยิ้ม “บอกข้าได้หรือไม่ว่าเ้าออกไปทำอะไร?”
เซียวเฉินส่ายศีรษะ
“เื่ส่วนตัว อาจารย์ใหญ่โปรดให้อภัย”
จั๋นอวี่ผงกศีรษะ ไม่ถามมากความ ถึงอย่างไรก็เป็เื่ส่วนตัวของผู้อื่น แม้เขาเป็อาจารย์ใหญ่ก็ไม่เหมาะจะซักไซ้มากนัก
จากนั้นเอ่ยกับมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ว่า “กลับหอสุ่ยเยวี่ยไปดูหน่อย เ้าไม่อยู่หลายวัน แม่หนูจี๋เสวี่ยอึดอัดแย่แล้ว”
คนทั้งสองพยักหน้า จากนั้นก็ออกไป
จั๋นอวี่มองเงาหลังของเซียวเฉินแล้วยิ้ม
เขาพูดอะไรกับเซียวเฉินไม่ได้ แต่มักจะรู้สึกว่าในตัวของเซียวเฉินมีความลับที่ไม่อยากให้คนอื่นรู้ ทำให้ผู้อื่นดูไม่ออกและคาดเดาไม่ได้
“เป็เ้าหนูที่น่าสนใจจริงๆ”
…
หลังกลับถึงที่พัก เซียวเฉินก็เริ่มฝึกวิชาทันทีโดยไม่ได้วางแผนอะไรมากนัก เวลาล่าช้าไปสิบกว่าวัน ถึงเวลาต้องตั้งใจฝึกวิชาแล้ว
ถึงอย่างไร โนโลกนี้ความสามารถเป็สิ่งที่สำคัญที่สุด ยิ่งกว่านั้น เขายังมีเภทภัยที่ยังไม่ได้กำจัดมาโดยตลอด
เนี่ยอวิ๋นเหอ...
เซียวเฉินเร่งเร้าคัมภีร์หงสาานิรวาณ เข้าสู่สภาวะฝึกวิชา เซียวเฉินในยามนี้มีความสามารถขั้นตานฟ้าสามชั้นฟ้า เขาคิดจะลองทะลวงขั้นขอบเขตนิรวาณขั้นสองบรรลุนิรวาณขั้นสาม
ถ้าบรรลุนิรวาณขั้นสาม ความสามารถของเขาต้องเพิ่มพูนขึ้นอย่างมหาศาลแน่นอน
วิ้ง!
เซียวเฉินเร่งเร้านิรวาณขั้นหนึ่งและขั้นสองทันที หล่อหลอมกายเนื้ออาจจะสามารถทะลวงชีพจริญญาได้บ้าง เซียวเฉินในเวลานี้ทะลวงชีพจริญญาได้ถึงสิบสามเส้นแล้ว ความสำเร็จเช่นนี้อย่าว่าแต่ในสถานศึกษาชางหวงทั้งหมดเลย ต่อให้เป็ในแคว้นชางหวงทั้งหมดก็เป็อัจฉริยะอันดับต้นๆ ที่มีอยู่จำนวนน้อย ข้อเสียเพียงหนึ่งเดียวคือระดับขั้นต่ำเกินไป
นี่คือจุดบกพร่องของเซียวเฉิน
ทว่าถึงอย่างไร เวลาในการฝึกวิชาของเซียวเฉินก็สั้นมาก เขาใช้เวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งปีเท่านั้น เนื่องจากเขาเมื่อสิบเจ็ดปีก่อนเป็เศษสวะ
ในเวลาไม่ถึงหนึ่งปีสามารถเลื่อนขั้นจากฐานิญญามาเป็ขั้นตานฟ้าได้ พร์เช่นนี้เรียกได้ว่าเข้าขั้นวิปริตแล้ว แต่มีเพียงตัวเซียวเฉินเองที่รู้ว่าทุกอย่างนี้เป็เพราะเคล็ดวิชาขั้นศักดิ์สิทธิ์ในร่างของตนเอง คัมภีร์หงสาานิรวาณ!
เซียวเฉินไม่เหยียบย่างออกจากที่พักเป็เวลาสามวันติดต่อกัน เขาปิดประตูฝึกวิชาเหมือนตัดขาดจากโลกภายนอก
ภายในเวลาสามวัน เซียวเฉินฝึกวิชาอย่างต่อเนื่อง เพิ่มพูนความสามารถและฝึกปรือเคล็ดวิชา วิชาที่เซียวเฉินฝึกทั้งหมดในเวลานี้คือเคล็ดวิชาขั้นนิล ทั้งยังเป็เคล็ดวิชาขั้นนิลจากคัมภีร์หงสาานิรวาณ เซียวเฉินย่อมจะไม่พลาดเคล็ดวิชาแบบนี้ เขาจึงฝึกเคล็ดวิชาชุดหนึ่งจากเคล็ดวิชาทั้งหมด
เวลาผ่านไปหนึ่งเดือน ในที่พักของเซียวเฉินพลันมีเสียงดังตูมสนั่น ทำให้ทั้งสถานศึกษาชางหวงใ เซียวเฉินเหยียบย่างเข้าสู่ขั้นตานฟ้าสี่ชั้นฟ้าและบรรลุเคล็ดวิชาในเวลาหนึ่งเดือน
ประตูที่พักของเซียวเฉินเปิดออก
เซียวเฉินเดินออกมา ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มบางๆ
ปิดประตูฝึกวิชาหนึ่งเดือนทำให้เขามีความสำเร็จอยู่บ้าง เื่แรกที่ทำหลังจากเก็บตัวฝึกวิชาคือท้าสู้ผู้มีชื่อเสียงบนผังชางหวง
วันที่หนึ่งเซียวเฉินท้าสู้หานซาน ผู้เข้มแข็งอันดับยี่สิบบนผังชางหวง ไม่ถึงครึ่งชั่วยามก็เอาชัยหานซานได้ เซียวเฉินขึ้นครองอันดับยี่สิบบนผังชางหวง!
วันที่สองเซียวเฉินท้าสู้อวี่เหวินเทา ผู้เข้มแข็งอันดับสิบห้าบนผังชางหวง ครึ่งชั่วยามก็สยบอวี่เหวินเทาได้ เลื่อนอันดับขึ้นไปเป็อันดับสิบห้า!
วันที่สามเซียวเฉินท้าสู้ซุ่นรั่วเฟิง ผู้เข้มแข็งอันดับสิบบนผังชางหวง ซุ่นรั่วเฟิงรับศึกอย่างหยิ่งทะนง ผลคือเซียวเฉินเอาชัยได้ เซียวเฉินเลื่อนขึ้นอันดับใหม่บนผังชางหวงอีกครั้งและกลายเป็ที่รู้จักของทุกคนในสถานศึกษาชางหวงอีกคำรบหนึ่ง
เลื่อนจากอันดับยี่สิบสามเป็อันดับสิบภายในเวลาสามวัน!
ความเร็วเช่นนี้ ซูเฉินเทียนในยามนั้นก็ยังต้องยอมหลีกทางให้ สามศึกนี้ทำให้เซียวเฉินเลื่องชื่อในสถานศึกษาชางหวงโดยสมบูรณ์ ไม่มีผู้ใดไม่รู้จักนามของเซียวเฉิน
อันดับสิบบนผังชางหวง!
เซียวเฉินฝึกกระบี่อยู่ในที่พัก นี่คือเคล็ดวิชาขั้นนิลใหม่ล่าสุดในคัมภีร์หงสาานิรวาณ คัมภีร์กระบี่ทัณฑ์์!
เวลานี้เซียวเฉินกำลังฝึกกระบวนท่าแรกในคัมภีร์กระบี่ทัณฑ์์ ใบไม้ร่วงพันสารท ประกายวาบห่านป่าตื่น
ฟุ่บ ฟุ่บ!
เซียวเฉินร่ายรำกระบี่ดังเหินบินเฉกเช่นประกายกระบี่ ระหว่างที่เคลื่อนไหว แต่ละท่วงท่าแสงเสวียนไม่ขาดตอนแฝงอานุภาพัตระหนก ปราณกระบี่เปี่ยมพลังกวาดล้างทุกสิ่ง!
เคร้ง!
ประกายกระบี่ปรากฏ พริบตานั้นปราณกระบี่พวยพุ่ง พลานุภาพแกร่งกร้าวประหนึ่งเบิกภูผาทลายศิลา!
เซียวเฉินเก็บกระบี่แล้วแย้มยิ้ม “ไม่เลว!”
“ฝีมือดี!” ไม่รู้ว่ามีเงาร่างหนึ่งยืนอยู่ตรงประตูั้แ่เมื่อใด นั่นเป็เด็กหนุ่มคนหนึ่ง หน้าตาหล่อเหลากล้าหาญ คมคายอย่างประหลาด และมีท่วงท่าของผู้เหนือกว่าอยู่รางๆ
“เ้าเป็ใคร ดูเหมือนว่าข้าจะไม่รู้จักเ้า!” เซียวเฉินถาม เมื่อครู่เขาจดจ่อมากเกินไป ถึงกับไม่รู้ว่ามีคนยืนอยู่ตรงประตู
“ข้ารู้จักเ้า เซียวเฉิน อันดับสิบบนผังชางหวง!”
เอ่ยจบเด็กหนุ่มก็จากไปด้วยท่าทางเหมือนจะยิ้ม
เพิ่งเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็หายไปโดยไร้ร่องรอย
เซียวเฉินอดพึมพำไม่ได้ “ประหลาดคน...”
เซียวเฉินไม่ได้ใส่ใจมากนัก คนที่ปรากฏตัวที่นี่ได้ต้องเป็ศิษย์สำนักในของสถานศึกษาชางหวงแน่นอน เซียวเฉินไม่รู้หรอกว่าเป็ใครและไม่อยากรู้ด้วย
ในเมื่อเขาไม่คิดจะคบหากับตนเอง เช่นนั้นตนเองก็ไม่จำเป็ต้องไปคบหาเขา
เื่ของสหายปล่อยให้เป็ไปตามวาสนาก็แล้วกัน
ไม่อาจบังคับแข็งขืน
เซียวเฉินฝึกกระบี่ต่อ มีคนปรากฏตัวขึ้นตรงประตูสองคน เซียวเฉินไม่ได้มอง นึกว่าเด็กหนุ่มคนนั้นกลับมาอีกครั้งจึงเอ่ยว่า “เ้าอยากดูก็เข้ามาดู จะลับ ๆ ล่อ ๆ ทำไม”
มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์กับจี๋เสวี่ยอึ้งงัน
“ข้ายังต้องลับ ๆ ล่อ ๆ ด้วยหรือ” มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์แค่นเสียง จากนั้นสาวเท้าเดินเข้ามา มีจี๋เสวี่ยติดตามอยู่ด้านหลัง
จี๋เสวี่ยมองเซียวเฉินด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“เซียวเฉิน หลายวันมานี้เ้าไปอยู่ที่ใด เ้าไม่อยู่ พี่มู่หรงก็ไปทำภารกิจ ทิ้งข้าไว้คนเดียว นับเป็เื่อะไรกัน จริงๆ เลย”
เอ่ยจบก็ทำปากยื่นอย่างน่ารัก
“ทำภารกิจหรือ? เชี่ยนเอ๋อร์?”
เซียวเฉินนิ่งอึ้ง มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ไปทำภารกิจอะไร นางอยู่ข้างกายตนเองตลอดเวลา ทำไมกัน? จี๋เสวี่ยไม่รู้หรือ?
เขาเอ่ยจบก็มองมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์
มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ขยิบตาให้เซียวเฉินราวกับกำลังเตือนเขาว่าข้าออกไปทำภารกิจ ไม่ได้อยู่กับเ้า ห้ามเ้าหลุดปากออกมาเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นจะให้เ้าได้เห็นดีกัน
เซียวเฉินยิ้ม ตนเองนี่ให้พบเจอผู้คนไม่ได้เลยหรือ?
จากนั้นยิ้มกล่าว “สถานศึกษามิใช่ไม่มีภารกิจ ตอนนี้ก็กลับมาแล้วมิใช่หรือ”
มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ยิ้ม
“ใช่ ก็กลับมาแล้วนี่”
เอ่ยจบก็มองเซียวเฉินแล้วถามว่า “เซียวเฉิน เ้าสนใจจะเข้าร่วมกิจกรรมล่าสัตว์ของสถานศึกษาชางหวงหรือไม่?”
เซียวเฉินอึ้งงัน
“กิจกรรมล่าสัตว์? หมายความว่าอย่างไร?”
จี๋เสวี่ยอธิบาย “กิจกรรมล่าสัตว์ คือ กิจกรรมที่ศิษย์ในสถานศึกษาจับกลุ่มกันเองเพื่อออกไปหาประสบการณ์ภายนอก แม้จะมีอันตรายแต่ก็มีโอกาสเช่นกัน เป็กิจกรรมที่ศิษย์ในสำนักทุกคนตั้งตารอแต่ก็มีเงื่อนไขเข้มงวด”
“เงื่อนไขอะไร?”
“จำนวนห้าร้อยคนจำเป็ต้องมีพลังขั้นตานฟ้าสี่ชั้นฟ้าถึงขั้นตานฟ้าแปดชั้นฟ้าจึงจะสามารถเข้าร่วมได้”
เซียวเฉินยิ้ม “พอดีเลย ข้าเพิ่งบรรลุขั้นตานฟ้าสี่ชั้นฟ้าได้ไม่นาน”
จี๋เสวี่ยเบ้ปาก
“เ้ากับพี่มู่หรงทิ้งข้าอีกแล้ว”
มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ต่อคำว่า “เสวี่ยเอ่อร์ยังอยู่ขั้นตานฟ้าสามชั้นฟ้าระดับต้น ยังไม่บรรลุสี่ชั้นฟ้า ดังนั้น เข้าร่วมกิจกรรมล่าสัตว์ครั้งนี้ไม่ได้”
เซียวเฉินยิ้ม
“เช่นนั้นก็ตั้งใจฝึกวิชา พยายามเข้าร่วมในครั้งหน้าให้ได้”
จี๋เสวี่ยมองมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์แล้วถาม “พี่มู่หรง ข้าเข้าสถานศึกษาเร็วกว่าเซียวเฉินหนึ่งปี แต่ทำไมตอนนี้เขาล้ำหน้าข้าแล้ว”
เซียวเฉินแสยะยิ้ม “เพราะข้ามีพร์”
“ผิด เพราะเ้าวิปริต!”