ร่างนับร้อยปรากฏขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย พวกมันปิดล้อมบริเวณโดยรอบ เอาไว้ โดยมีขบวนรถม้าเป็จุดศูนย์กลาง
ร่างเ่าั้บ้างก็คลานอยู่บนพื้นดิน บ้างก็ลอยอยู่กลางอากาศ บ้างก็มีหน้าตาประหลาด บ้างก็คล้ายกับมนุษย์ สัตว์ป่า หรือไม่ก็มีเพียงหัวแต่ไร้ซึ่งร่างกาย บางตนก็มีเพียงร่างแต่กลับไม่มีหัว บ้างก็มีเพียงดวงตาแต่ไม่มีปาก บ้างก็มีเพียงปากแต่ไม่มีตา ยิ่งไปกว่านั้น บางตัวยังมีลักษณะเป็เพียงก้อนเนื้อที่ชวนให้อาเจียนออกมาเสียอีก
ร่างของพวกมันเปล่งประกายเค้าแสงอ่อนๆ แสงที่ทั้งหมองหม่นและหนาวเย็น เขาโยวหยุนหาได้สว่างมากขึ้นเพราะแสงจากพวกมันเลย กลับกัน มันกลับทำให้เขาแห่งนี้ดูวังเวงยิ่งกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ
ฟึ่บ
ม่านของรถม้าคันหนึ่งถูกเปิดออก แล้วร่างของสตรีในอาภรณ์สีฟ้าคราม ก็ปรากฏกายต่อหน้าทุกคน นางรวบผมหางม้า ทั้งร่างเปี่ยมล้นไปด้วยกลิ่นอายแห่งความเยือกเย็น ใบหน้านั้นช่างงดงามน่าลุ่มหลง ทว่าก็แฝงไปด้วยความองอาจและสง่างาม
ในที่สุด โหวเยน้อยของตระกูลกู่ที่ไม่เคยมีใครพบเห็นก็ปรากฏกายต่อหน้ากลุ่มคนเป็ครั้งแรก บัดนี้ คมคิ้วของนางเต็มไปด้วยรังสีอำมหิต ทว่านั่นกลับไม่ได้ทำให้ความงดงามของนางถดถอยลงไปเลย กลับกัน มันกลับทำให้นางแลดูทรงเสน่ห์มากขึ้นเสียอีก
“เ้าคือคนที่อยากจะลักพาตัวข้ามาโดยตลอดสินะ?” กู่เซี่ยนจวินกล่าวถามออกไป น้ำเสียงของนางไม่ได้เล็กแหลมเหมือนกับเสียงของหญิงสาวทั่วๆ ไป แต่มันกลับฟังดูช่างสุขุมและเยือกเย็นเสียเหลือเกิน
วินาทีที่กู่เซี่ยนจวินปรากฏกายขึ้น คนชุดดำก็หาได้ละสายตาไปจากนางอีกเลย ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเร่าร้อน ราวกับหญิงสาวยามมองไปยังคนรัก แต่ก็ราวกับขุนนางที่กำลังมองดูจักรพรรดิของตน
ใบหน้าของเขาหยุดการเปลี่ยนแปลงลงที่ใบหน้าของบุรุษรูปงาม เสียงก็พลันเปลี่ยนเป็สุ้มเสียงที่น่าฟัง ไม่ต่างไปจากนักร้องนำของวงดนตรีระดับสูงเลย
เขาพูดขึ้น “ข้าตามหาเ้ามานานนับพันปีแล้ว”
การตามหากับการลักพาตัวไม่เหมือนกัน ตามหาคือการปรารถนา แต่การลักพาตัวเป็การบังคับ การตามหาเป็บุ๋น แต่การลักพาตัวเป็บู๊
ทว่ากู่เซี่ยนจวินไม่เห็นความต่างของสองคำนี้เลยสักนิด นางเพียงรู้สึกโกรธเกรี้ยวเป็อย่างมาก นางหนีเขาจากดินแดนทางเหนือไปที่เมืองฉางอันแล้ว แต่ก็ยังถูกตามจนเจอจนได้ “จะตามหาข้าไปเพื่ออะไร!” เสียงนั้นเต็มไปด้วยความโกรธเคือง แต่เดิมนางเป็อัจฉริยะที่ได้รับการยอมรับจากผู้คนทั้งดินแดนทางเหนืออยู่แล้ว ทั้งยังเป็ถึงโหวเยแห่งตระกูลกู่อีก ตำแหน่งฐานะของนางเรียกได้ว่าสูงส่งมากเหลือเกิน แค่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ มาตลอดทางก็รู้สึกอึดอัดเสียเต็มทนแล้ว ทั้งยังถูกตามจนเจออีก เยี่ยงนั้นแล้วก็มาสู้ตายกับเ้าตัวต้นเหตุไปเลยดีกว่า
“เพราะเมื่อพันปีก่อน ข้าเคยรับปากกับเ้าว่าจะตามหาเ้าจนเจอ” คนในชุดคลุมดำตอบ เขามองจ้องมาที่กู่เซี่ยนจวินไม่ละสายตา แววตาคู่นั้นช่างสว่างไสวราวกับแสงแห่งดวงดาราที่ข้ามผ่านกาลเวลามาแสนยาวนานก็มิปาน
“ข้ากับเ้าไม่เคยพบเจอกันมาก่อน แล้วจะไปสัญญากันได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้น ข้ามีอายุเพียงสิบหกปีเท่านั้น คนเมื่อพันปีก่อนไม่ใช่ข้า!” กู่เซี่ยนจวินทอประกายรังสีอำมหิตออกมามากกว่าเดิม นางรู้สึกว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดมาช่างเหลวใหลสิ้นดี และเพราะข้ออ้างที่ไร้สาระเยี่ยงนี้เอง ตระกูลกู่ของนางจึงต้องคอยกังวลและหวาดระแวงมานานหลายปี
“โลหิตเทพของเ้ายังไม่ฟื้น ย่อมจำข้าไม่ได้อยู่แล้ว เ้าและข้าเป็มนุษย์กึ่งเทพสองคนสุดท้ายบนโลกแล้ว จึงสมควรที่จะวิวาห์ และให้กำเนิดทายาทสืบไป หากเป็เช่นนั้น เราต้องโลกทั้งใบได้แน่” แววตาของคนชุดดำร้อนแรงราว้าจะหลอมละลายกู่เซี่ยนจวินอย่างไรอย่างนั้น แม้แต่ใบหน้าที่แสนงดงามของคนชุดดำเอง ก็ยังบิดเบี้ยวเพราะความร้อนแรงนั้นเลย
“ถุย! เ้ามันสารเลวสิ้นดี ข้าก็คิดว่าเป็อสูรผีร้ายที่ไหน คิดไม่ถึงเลยว่าเ้ามันก็เป็แค่คนบ้ากามคนหนึ่งเท่านั้น” จู่ๆ เสียงของซูฉางอันก็ดังขึ้น เขารู้สึกว่าเื่นี้ช่างน่าขันสิ้นดี เขาแอบชอบซูโม่คนเดียวเงียบๆ มาโดยตลอด แต่คนชุดดำคนนี้กลับเลือกที่จะเข้ามาฉุดเสียได้ ทั้งยังหาข้ออ้างได้เหลวใหลถึงเพียงนี้ ซูฉางอันที่ไม่เคยเจอเื่เช่นนี้มาก่อนในชีวิตรู้สึกหวาดกลัวเป็อย่างมาก แต่เขาอ่านหนังสือมาเยอะ ในหนังสือบอกไว้ว่าเมื่อพบกับความอยุติธรรม ต้องชักดาบออกมาต่อสู้ช่วยเหลือ แม้ซูฉางอันจะชักดาบออกมาไม่ได้ แต่เขาจำคำสอนของซูไท่ได้ หากสู้ไม่ไหวก็ให้หนีไป หากหนีไม่พ้นก็ให้ด่าออกไปเสีย ซูฉางอันจึงนำมันมาปรับใช้ในชีวิตจริง นั่นเป็เหตุผลที่เขาด่าออกไปนั่นเอง
“การสนทนาระหว่างเทพเ้า หาใช่สิ่งที่มนุษย์จะมาพูดแทรกได้ไม่” คนในชุดดำไม่แม้แต่จะมองมาที่ซูฉางอันเลยด้วยซ้ำ ทว่าร่างนับร้อยที่ปิดล้อมกลุ่มคนเอาไว้กลับเคลื่อนไหวทันทีที่สิ้นเสียง พวกมันพุ่งเข้ามาหาพวกเขาแล้ว
ตอนนี้พวกเขาลงมาจากรถม้า แล้วยืนล้อมวงโดยหันหลังชนกันเป็ที่เรียบร้อยแล้ว แน่นอนซูฉางอันยืนอยู่ที่กลางวงนั่นเอง ในบรรดากลุ่มคนทั้งหมด ก็คงจะมีเขาเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ต่อสู้ไม่เป็เลย บางทีอาจเป็เพราะการอยู่กลางวงล้อมทำให้เขารู้สึกวางใจ จึงแผดเสียงด่าออกไปอย่างกล้าหาญได้นั่นเอง
“มันมาแล้ว!” หลิวต้าหงแผดเสียงดังลั่น ดูเหมือนเ้าสิ่งชั่วร้ายพวกนี้จะไม่ได้แข็งแกร่งอะไรมากมาย แต่กลิ่นอายอันน่าพิศวงที่กระจายออกมาจากร่างของชายชุดดำต่างหากที่ทำให้เขารู้สึกหวั่นใจ
เพียงพริบตาเดียว กลุ่มคนกับสิ่งชั่วร้ายทั้งหลายก็ต่อสู้กันในระยะประชิดแล้ว
หลิวต้าหงรับบทเป็ผู้นำในการต่อสู้ครั้งนี้ เขามีพลังอยู่ในระดับเก้าดาราแล้ว ดาบเรียวในมือถูกเหวี่ยงออกไปครั้งแล้วครั้งเล่า แสงจากคมดาบพุ่งประกายไปทั่ว เมื่อมันเหวี่ยงผ่านไปที่ใด ร่างแห่งสิ่งชั่วร้ายก็จะถูกตัดออกจากกันอย่างรวดเร็ว เพียงพริบตาเดียว เขาก็หั่นร่างของสิ่งชั่วร้ายหลายตัวที่พุ่งเข้ามาหาจนขาดเป็สองท่อนไปแล้ว
ทางด้านกู่เซี่ยนจวินเอง แม้จะมีอายุน้อย แต่ก็เป็ยอดฝีมือที่มีพลังอยู่ในระดับเก้าดาราแล้วเช่นกัน แสงแห่งพลังที่เย็นเยียบปะทุขึ้น คมดาบพุ่งออกไปเร็วราวกับสายฝนที่โหมกระหน่ำ สิ่งชั่วร้ายทั้งหลายต่างก็ถูกแทงจนกลายเป็รูโบ๋ทั่วร่าง พลันเืสดก็ไหลออกมาไม่หยุด
แม้แต่ซูโม่กับศิษย์คนอื่นๆ ก็ยังต่อสู้ได้เก่งกาจไม่น้อยหน้าไปกว่ากันเลย พวกเขาไม่ได้มีประสบการณ์ด้านต่อสู้อะไร แต่อย่างไรเสีย ก็มีพลังอยู่ในระดับหลอมจิตกันหมดแล้ว ผิดกับสิ่งชั่วร้ายทั้งหลายที่เป็เพียงิญญาปลายแถวเท่านั้น เพราะระดับพลังที่เหนือกว่า ศิษย์ทั้งหลายจึงสังหารสิ่งชั่วร้ายได้หลายตนเลย
ซูฉางอันที่ชมเหตุการณ์อยู่รู้สึกตื่นเต้นเป็อย่างมาก แต่เพราะมีพลังไม่ถึงเกณฑ์ จึงได้แต่ร้องเชียร์เสียงดังเท่านั้น ทว่าเพียงไม่นานเขาก็พบว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล เพราะแม้กลุ่มคนจะสังหารสิ่งชั่วร้ายนับสิบไปได้ด้วยเวลาเพียงพริบตา ทว่าสิ่งชั่วร้ายที่ล้อมอยู่รอบด้านกลับไม่ได้ลดลงไปเลยแม้แต่น้อย และในตอนนั้นเองที่ซูฉางอันพบว่า เมื่อสิ่งชั่วร้ายถูกสังหารลง ก็จะมีสิ่งชั่วร้ายที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนกันทุกประการปรากฏขึ้นที่กลางอากาศอีกครั้งเสมอ
พวกมันดูราวกับฝูงมด คล้ายหมู่ปรสิต เมื่อทัพหน้าหาย ทัพหลังก็เข้ามาแทนที่เรื่อยๆ ไม่มีทางสังหารให้หมดลงได้
หลิวต้าหงเองก็สังเกตเห็นความผิดปกติทางด้านนี้แล้วเช่นกัน ตอนนี้พวกเขาสังหารสิ่งชั่วร้ายไปนับร้อยตัวแล้ว ทว่าองครักษ์คนอื่นๆ กับศิษย์ทั้งหลายมีพลังอยู่ในระดับหลอมจิตเท่านั้น ยิ่งนานเข้า พวกเขาก็ยิ่งรู้สึกอ่อนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และแม้เขากับกู่เซี่ยนจวินจะยังมีพลังอยู่ แต่คนน้อยย่อมแพ้คนมาก หากเป็เช่นนี้ต่อไป ต่อให้ไม่ถูกสิ่งชั่วร้ายสังหาร พวกเขาก็ต้องตายเพราะเหนื่อยเป็แน่
“หากอยากสยบกลุ่มโจร ต้องลงมือสยบหัวหน้าโจรก่อน!” หลิวต้าหงะโกล่าว องครักษ์คนอื่นๆ เข้าใจความหมายของเขาได้ในทันที พวกเขาพร้อมใจกันเหวี่ยงดาบออกไปสุดแรงเพื่อเปิดทางให้กู่เซี่ยนจวินกับหลิวต้าหงตามคำสั่ง
หลิวต้าหงกับกู่เซี่ยนจวิน้าจะมุ่งไปสังหารคนชุดดำด้วยเส้นทางแห่งโลหิตที่องครักษ์ร่วมกันเปิดให้นั่นเอง
ทว่าคนชุดดำกลับไม่มีท่าทีเป็กังวลเลยสักนิด เขาขยับริมฝีปากกล่าวขึ้นอีกครั้ง “ร้อยอสูรออกล่า!”
เสียงของเขาเย็นะเืประดุจก้อนน้ำแข็งพันปี คล้ายเป็เสียงจากโครงกระดูกนับหมื่นก็ไม่ปาน
เมื่อสิ้นเสียง ร่างของสิ่งชั่วร้ายก็พลันสาดประกายแสงสีแดงสดออกมาอย่างพร้อมเพรียง พวกมันเลื่อนไปมีพลังอยู่ในระดับหลอมจิตในเสี้ยววินาที สิ่งชั่วร้ายนับร้อยพุ่งโจมตีพร้อมกันอย่างกะทันหัน กลุ่มคนถูกโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัว ทางด้านเส้นทางที่เพิ่งฝ่าเปิดเมื่อครู่ก็ถูกยึดกลับไปอีกครั้งเช่นกัน
กลุ่มคนรู้สึกกดดันมากขึ้นเป็เท่าตัว กู่เซี่ยนจวินกับหลิวต้าหงยังได้เปรียบด้านระดับพลังอยู่ จึงยังสังหารสิ่งชั่วร้ายได้มากดังเดิม แต่พวกเขาก็เริ่มรู้สึกเหนื่อยล้ามากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว ทางด้านองครักษ์ที่เหลือเอง พวกเขาทำได้เพียงเอาตัวรอดต่อไปเท่านั้น หาก้าสังหารสิ่งชั่วร้ายทั้งหลาย คงต้องสู้แบบเอาชีวิตเข้าแลก ทว่ากู่หนิงกับศิษย์คนอื่นๆ บัดนี้พวกเขาจมเข้าสู่ความอันตรายไปเป็ที่เรียบร้อยแล้ว
ตอนนี้ซูฉางอันไปหลบอยู่ที่ใต้รถม้า ไม่ใช่ว่าเขาขี้ขลาดหรอกนะ แต่ตอนนี้เขายังไม่มีพลังอยู่ในระดับหลอมจิตด้วยซ้ำ หากเข้าไปก็รังแต่จะทำให้คนอื่นเสียสมาธิเพราะต้องคอยช่วยเขาเสียเปล่าๆ
แต่เขาก็ร้อนใจมากไม่ต่างกัน กลุ่มคนถูกสิ่งชั่วร้ายทั้งหลายบีบจนต้องถอยแล้วถอยอีก กู่หนิงกับซูโม่ได้รับาเ็ และมีท่าทางสะบักสะบอมเป็อย่างมาก ซูฉางอันแอบพยายามชักดาบออกมาอย่างลับๆ ยังชักออกมาไม่ได้เหมือนเดิม ไม่ว่าเขาจะออกแรงมากเท่าไหร่ ดาบนั้นก็ไม่กระดิกเลยแม้แต่น้อย เขารู้สึกว่าตัวเองช่างไร้ประโยชน์สิ้นดี หากตนชักดาบออกมาได้ หากแสดงกระบวนดาบของมั่วทิงอวี่ออกไปได้ หากเพียงเขามีพลังแค่หนึ่งส่วนสิบที่มั่วทิงอวี่มี สิ่งชั่วร้ายเ่าั้ต้องไม่รอดแน่
ในที่สุดก็มีผู้ได้รับาเ็ล้มตาย
เขาเป็ลูกทีมของหลิวต้าหง ซูฉางอันจำเขาได้ เขามีร่างผอมสูง แม้จะจำชื่อจริงของเขาไม่ได้ แต่ซูฉางอันก็รู้ว่าองครักษ์คนอื่นๆ เรียกเขาว่าโห้เหล่าเอ้อหรือเ้าสองมาโดยตลอด คนผู้นี้ก็มีดาบเป็อาวุธเช่นกัน และซูฉางอันก็เคยขอให้เขาสอนเื่กระบวนดาบให้ในยามว่างด้วย
หน้าอกของเขาถูกมือที่ยื่นออกมาจากก้อนเนื้อแทงทะลุ ดวงตาของเขาเบิกโพลง เืสดไหลทะลักออกมาจากปาก
“เ้าสอง!” หลิวจ้าหงร้องะโด้วยความรวดร้าว เขาะโลอยตัวขึ้นสูง แล้วใช้ดาบหั่นก้อนเนื้อปีศาจออกเป็สองท่อนในคราเดียว แต่นั่นก็สายเกินไปเสียแล้ว น้องสองของเขาสิ้นใจลงแล้ว
ดวงตาของพวกเขาแดงก่ำ ไม่เพียงเพราะการตายของโห้เหล่าเอ้อเท่านั้น แต่พวกเขารู้สึกราวได้เห็นอนาคตของตัวเองแล้ว
“ร้อยอสูรออกล่า!” ร่างในชุดดำกล่าวขึ้นอีกครั้ง ราวไม่้าจะเปิดโอกาสให้กลุ่มคนได้พักเช่นนั้น
สิ่งชั่วร้ายเ่าั้ก้าวขึ้นมาอยู่ในระดับเก้าดาราแล้ว
สิ่งชั่วร้ายระดับเก้าดารานับร้อยพุ่งเข้ามาปิดล้อมพวกเขาเอาไว้ เพียงพริบตาเดียว ร่างขององครักษ์อีกสองคนก็ถูกฉีกออกจากกันเสียแล้ว
กลุ่มคนรู้สึกสิ้นหวังและไร้เรี่ยวแรงไปตามๆ กัน สิ่งชั่วร้ายระดับเก้าดารานับร้อยตัว ต่อให้พวกมันไม่ฟื้นคืนชีพ พวกเขาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกมันอยู่ดี
องครักษ์ตายติดต่อกันถึงสามคน ทำให้หลิวต้าหงโกรธจนดวงตาแดงก่ำ เขาะโก้องเขาโยวหยุนในยามค่ำคืน “ท่านปู่ต้นไม้ ช่วยข้าที!”
เหล่าสิ่งชั่วร้ายใกล้เข้ามาเรื่อยๆ กลุ่มคนจึงจำต้องถอยแล้วถอยอีก ตอนนี้ พวกเขาถอยไปจนสุดหน้าผา ไม่มีทางให้ถอยอีกแล้ว ทว่าสิ่งชั่วร้ายทั้งหลายยังคงใกล้เข้ามาเรื่อยๆ และในตอนที่ความตายกำลังจะมาเยือนนั่นเอง...
จู่ๆ ก็มีเสียงดังก้องขึ้นกลางเขา
โครม!
โครม!
ราวกับสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่บางอย่างกำลังเคลื่อนเข้ามาทางนี้เช่นนั้น
โครม!
เสียงดังสนั่นปะทุขึ้นอีกครั้ง พลันร่างขนาดมหึมาก็ร่วงลงที่เบื้องหน้าพวกเขา สิ่งชั่วร้ายทั้งหลายถูกทับจนแหลกเละในพริบตา ทันใดนั้น ชิ้นส่วนศพมากมายก็พากันลอยกระเด็นไปทั่วทุกทิศ โลหิตแดงฉานสาดกระจายราวกับสายฝน
มันเป็ต้นไม้นั่นเอง หรือจะพูดให้ถูกก็คืุ์ต้นไม้ มันมีทั้งแขนและขา ร่างกายใหญ่ั์ ก้านแต่ละก้านใหญ่ขนาดสิบคนโอบเลยทีเดียว
“ท่านปู่ต้นไม้!” เมื่อได้พบกับต้นไม้ตรงหน้า หลิวต้าหงก็ะเิความดีใจออกมาทันที
เมื่อได้ยินเสียงเรียก ต้นไม้ั์จึงค่อยๆ หันกลับมาหาอย่างเชื่องช้า เขามีขนาดมหึมาเหลือเกิน เพียงหันหัวก็ใช้เวลามากถึงสิบอึดใจแล้ว ซูฉางอันพบว่าใบหน้าของเขา ประดับอยู่ระหว่างกิ่งไม้ขนาดใหญ่บนต้น แต่ไม่มีขนหรือเส้นผมอยู่เลย แม้จะดูไม่ออกว่าเขามีอายุเท่าไหร่แล้ว แต่สีหน้าของเขากลับให้ความรู้สึกเก่าแก่มากเหลือเกิน
“เ้าเด็กตระกูลหลิว เ้าไปมีเื่กับสิ่งสกปรกเช่นนี้ได้อย่างไรกัน” มนุษย์ต้นไม้เอ่ยขึ้น น้ำเสียงของเขาแก่ชรา ทว่าก็ดังก้องไม่ต่างไปจากระฆังั์เลย
“เื่มันยาวน่ะขอรับ” หลิวต้าหงพูดด้วยท่าทางขมขื่น เขามีถ้อยคำที่อยากจะพูดอยู่เป็หมื่นพันคำ แต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มจากตรงไหนดี
“เช่นนั้นอีกประเดี๋ยวค่อยเล่าเถิด” มนุษย์ต้นไม้หันกลับไปอีกครั้ง ตอนนี้ มีสิ่งชั่วร้ายนับร้อยลอยตัวอยู่กลางอากาศ และพุ่งเข้ามาหาต้นไม้ั์แล้ว
เพียงเหวี่ยงแขนขนาดใหญ่ออกไป สิ่งชั่วร้ายมากมายก็ถูกกระแทกจนลอยกระเด็นกลับออกไปจนหมด แต่ถึงกระนั้น ที่กลางอากาศก็ยังมีสิ่งชั่วร้ายพุ่งเข้ามาหาไม่หยุดอยู่ดี ถูกฆ่าไปชุดหนึ่ง สิ่งชั่วร้ายที่ไม่รู้ว่ามาจากที่ใดชุดใหม่ก็จะพุ่งเข้ามาหาอีกครั้งแล้วครั้งเล่า
“ท่านปู่ต้นไม้! สิ่งสกปรกพวกนี้สังหารไม่หมดเสียที เราต้องหาทางอื่น!” หลิวต้าหงะโเตือนอย่างร้อนใจ
“ข้ารู้ดี!” มนุษย์ต้นไม้ก้าวยาวๆ ไปข้างหน้า สิ่งชั่วร้ายทั้งหลายกรูกันเข้ามาโจมตีเขา แต่ก็ราวกับมดที่พยายามจะโค่นต้นไทร เพียงต้นไม้ั์เหวี่ยงแขนออกไปเบาๆ พวกมันก็แหลกกระจาย กลายเป็ผุยผงไปแล้ว
โครม!
โครม!
เมืุ่์ต้นไม้ก้าวเดิน ก็จะมีเสียงดังสนั่นขึ้นภายในูเา เขาทุกครั้ง เดินเชื่องช้าทว่าก็มั่นคง ไม่ว่าสิ่งชั่วร้ายจะพุ่งเข้าไปหาด้วยความพยาบาทขนาดไหน ก็สร้างผลกระทบใดๆ ให้เขาไม่ได้เลย
กลุ่มคนประกายความยินดีขึ้นทางสีหน้า ความทรงพลังของต้นไม้ั์ทำให้พวกเขาได้เห็นความหวังอีกครั้ง
ในที่สุดต้นไม้ั์ก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าคนชุดดำ แล้วยกมือขึ้นสูง พลางตวาดเสียงดังลั่น!
“เ้าสิ่งชั่วร้าย ตายเสียเถอะ!”