เยว่เฟิงเกอเปิดเตาหลอม หยิบยาเม็ดหนึ่งที่อยู่ด้านในออกมา ก่อนจะส่งให้ม่อหลิงหาน “คืนนี้ท่านกินยาเม็ดนี้เสีย”
“สิ่งนี้ใช้ทำอันใดหรือ? ” เฉียวเฟยและถานอี้สงสัยในยาเม็ดนี้เป็อย่างมาก
เยว่เฟิงเกอกล่าวว่า “ในร่างกายของท่านอ๋องไม่ได้มีแค่พิษไฟหนาวเพียงอย่างเดียว ใน่สองสามวันนี้ ยังถูกวางยาพิษชนิดอื่นในร่างด้วย ส่วนยาเม็ดนี้คือยาถอนพิษอีกชนิดที่ว่า”
“พระชายาตรัสว่าอะไรนะ ท่านอ๋องถูกวางยาพิษอีกแล้ว? ”
ครั้งนี้ไม่ใช่แค่เฉียวเฟยกับถานอี้ แม้แต่ม่อหลิงหานก็ยังอดขมวดคิ้วไม่ได้
เขาถูกคนวางยาพิษั้แ่เมื่อใด เหตุใดตัวเขาจึงไม่ทราบ?
เมื่อเห็นว่าเยว่เฟิงเกอมีสีหน้าเคร่งขรึม ไม่มีท่าทีล้อเล่น ม่อหลิงหานก็นึกย้อนกลับไปว่า สองสามวันมานี้เขาทำอะไรไปบ้าง
สองสามวันนี้เขาอยู่แต่ในจวนตลอด นอกจากวันนั้นที่พาเยว่เฟิงเกอเข้าวังไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้แล้ว ก็มีแค่เมื่อวานที่เขาเข้าประชุมเช้า
และครั้งนั้นที่เขาไปเข้าวัง เขาก็ได้เจอแค่ฮ่องเต้กับองค์ชายสาม
แน่นอนว่าฮ่องเต้ไม่มีทางวางยาพิษทำร้ายเขาแน่ ส่วนองค์ชายสามในตอนนั้นก็ยืนอยู่ห่างจากเขา ทั้งยังไม่พบความผิดปกติอะไร
เช่นนั้นก็เห็นจะมีแค่เที่ยงเมื่อวานที่เขาต้องรั้งอยู่ในวังหลวง กินอาหารที่ห้องเครื่องในวังจัดเตรียมให้
ระหว่างนั้นมีสาวใช้คนหนึ่งรินสุราให้เขา หลังจากเขาดื่มสุราจอกนั้นหมดก็กลับไปกินอาหารอีกเล็กน้อย ก่อนจะเดินออกไปจากห้องเครื่อง กลับตำหนักไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้
ตอนนั้นคนที่ร่วมกินอาหารอยู่ในห้องเครื่องต้นนอกจากตัวเขาแล้ว ก็มีแค่องค์ชายใหญ่และองค์ชายสามสองคน ซึ่งทั้งสองคนนี้ต่างก็มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเขามาก พวกเขาไม่มีทางวางยาพิษทำร้ายเขาแน่
หรือว่า จะเป็นางกำนัลคนนั้นที่วางยาในสุรา?
เื่นี้ไม่มีทางเป็เื่ที่นางกำนัลคนหนึ่งจะกล้าทำได้ เื้ัของนางกำนัลคนนั้นต้องมีคนบงการอยู่แน่
คิดถึงตรงนี้ ม่อหลิงหานก็กำมือแน่น เขาจะต้องสืบเื่นี้ให้กระจ่างให้ได้ จะต้องรู้ให้ได้ว่าเป็ใครกันแน่ที่้าวางยาพิษทำร้ายเขา
……...........................................................................................
ตอนเย็นหลังมื้ออาหาร ม่อหลิงก็กลับไปเรือนหานโยว เพื่อกินยาเม็ดนั้นที่เยว่เฟิงเกอให้มา
ตอนที่ยาเม็ดนั้นค่อยๆ ไหลลงท้องไป เขารับรู้ได้ว่าบริเวณจุดตันเถียน [1] มีความร้อนสายหนึ่งกำลังหมุนเวียน คล้ายกำลังต่อต้านกับขุมกำลังอีกขุมในร่างกายเขา
สุดท้ายกลุ่มความร้อนนั้นก็เอาชนะขุมกำลังนั้นได้ และพุ่งกระจายไปทั่วร่างม่อหลิงหาน ก่อนจะค่อยๆ เดินทางเข้าสู่หัวใจเขา
ม่อหลิงหานหลับตาลง พยายามซึมซาบกับคลื่นพลังความร้อนนั้น
เพียงแต่เมื่อกลุ่มความร้อนนั้นแล่นเข้าสู่หัวใจแล้วก็ไม่มีความเคลื่อนไหวใดอีก
ม่อหลิงหานรู้สึกว่าบริเวณหัวใจที่เดิมทียังรู้สึกปวดแปลบน้อยๆ จากอาการพิษไฟหนาวกำเริบ เมื่อความร้อนพุ่งมาถึงหัวใจ ความเจ็บแปลบนี้ก็หายไปทันที
ม่อหลิงหานลืมตาขึ้น เขาเข้าใจแล้วกลุ่มก้อนความร้อนนี้เป็ผลมาจากยาถอนพิษเม็ดนั้น
หากไม่ใช่เพราะเยว่เฟิงเกอ เกรงว่าเขาคงถูกพิษอีกชนิดในร่างทำลายร่างกายไปแล้ว
ม่อหลิงหานเรียกถานอี้มา “ไปเรียกพระชายามา”
ถานอี้รับบัญชาไปตามหาพระชายาที่เรือนเยว่เหยา
ทว่า เป็นานก็ไม่เห็นเยว่เฟิงเกอมาเสียที ม่อหลิงหานจึงเริ่มร้อนรนเล็กน้อย เมื่อนึกถึงก่อนหน้านี้ที่เยว่เฟิงเกอรักษาขาให้ถานอี้ เขาก็ให้รู้สึกเสียใจภายหลังแล้ว ไม่ควรให้ถานอี้ไปตามเยว่เฟิงเกอเลย
“เฉียวเฟย” ม่อหลิงหานส่งเสียงะโออกไปนอกเรือน
เฉียวเฟยรีบเข้ามาทันที “กระหม่อมอยู่นี่พ่ะย่ะค่ะ”
“ไปดูที่เรือนเยว่เหยา เหตุใดพระชายายังไม่มาอีก? ” ม่อหลิงหานออกคำสั่งด้วยสีหน้าเ็า
เมื่อเห็นว่าท่านอ๋องมีสีหน้าไม่น่ามอง เฉียวเฟยก็รีบรับบัญชาแล้วจากไปทันที ทว่า เขาเพิ่งไปได้แค่ครึ่งทาง ก็เห็นเยว่เฟิงเกอกับถานอี้กำลังเดินมา
ถานอี้เห็นเฉียวเฟยเดินมา ก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย “เหตุใดเ้าไม่อยู่กับท่านอ๋อง? ”
เฉียวเฟยขยับเข้ามาพูดใกล้ๆ ถานอี้ “เมื่อครู่เหมือนท่านอ๋องจะพิโรธ ข้าเองก็ไม่รู้ว่าทรงพิโรธด้วยเื่ใด เอาเป็ว่าอีกเดี๋ยวเ้าเข้าไปก็ระวังๆ หน่อยแล้วกัน”
เยว่เฟิงเกอได้ยินคำของเฉียวเฟย ก็อดมองเฉียวเฟยด้วยสีหน้าสงสัยไม่ได้
ม่อหลิงหานกำลังโกรธ ใครไปทำอะไรเขาเข้าอีกแล้ว?
ตอนที่เยว่เฟิงเกอมาถึงเรือนหานโยว ก็เห็นว่าม่อหลิงหานกำลังนั่งทำหน้าอึมครึม นางก็ไม่รอช้าก้าวยาวๆ เข้าไปด้านในแล้วจับแขนม่อหลิงหานขึ้นมาจับชีพจรในทันที
หลังจากตรวจดูเพียงครู่หนึ่งก็รู้ได้ว่าพิษชนิดนั้นในร่างม่อหลิงหานสลายไปแล้ว เหลือเพียงพิษไฟหนาวเท่านั้น
“เมื่อครู่เ้าทำอะไรอยู่ เหตุใดจึงมาช้าเพียงนี้? ” ม่อหลิงหานกลับไปเป็ก้อนน้ำแข็งเช่นเดิมอีกแล้ว
เยว่เฟิงเกอรู้สึกว่าม่อหลิงหานไม่ต่างจากเด็กน้อยคนหนึ่งที่เดี๋ยวเดียวก็โกรธ
ตอนที่ถานอี้ไปถึงเรือนเยว่เหยา นางกำลังทำเม็ดผงสลายพิษชิงเสินอยู่ จึงได้มาช้าเช่นนี้
นางอธิบายอย่างใจเย็น “เมื่อครู่หม่อมฉันกำลังทำเม็ดผงสลายพิษชิงเสินให้ท่านอ๋องอยู่เพคะ”
“เป็เช่นนี้จริงหรือ? ” ยามที่พูด ม่อหลิงหานเงยหน้าขึ้นมองถานอี้
ถานอี้ไม่อยากทำให้ท่านอ๋องพิโรธ เขารีบพยักหน้า “ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง เมื่อครู่ตอนที่กระหม่อมไปถึงเรือนเยว่เหยา เห็นว่าพระชายากำลังทำยาอยู่ในสวน กระหม่อมจึงรอให้พระชายาทำยาให้เสร็จก่อน ถึงได้เชิญพระนางมาที่นี่พ่ะย่ะค่ะ”
คำอธิบายของคนทั้งสองไม่ได้ทำให้สีหน้าของม่อหลิงหานดีขึ้นเลย
เขาโบกมือให้ถานอี้ถอยไป ทำให้ในห้องนี้เหลือแค่เยว่เฟิงเกอกับม่อหลิงหานสองคน เยว่เฟิงเกอเองก็ไม่อยากเสียเวลา นางหยิบขวดกระเบื้องเคลือบเล็กๆ ออกมาส่งให้ม่อหลิงหาน
“นี่คือสิ่งใด? ” ม่อหลิงหานมองขวดกระเบื้องเคลือบเล็กๆ ในมือเยว่เฟิงเกอแล้วเอ่ยถาม
เยว่เฟิงเกอตอบว่า “ในนี้มีเม็ดผงสลายพิษชิงเสินอยู่ มันมีไว้สำหรับถอนพิษโดยเฉพาะ ขอแค่ท่านอ๋องกินมันเข้าไป ในอนาคตไม่ว่าท่านจะต้องพบเจอพิษชนิดใด ก็ไม่อาจทำอะไรท่านได้”
“ผงสลายพิษชิงเสิน? ” ม่อหลิงหานพึมพำเสียงเบา
ตอนนั้นกงซุนหนานเสียนเคยพูดถึงยาชนิดนี้มาก่อน ตอนนั้นคนยังบอกด้วยว่ายาชนิดนี้ทำยากมา ต้องใช้อุปกรณ์มากมาย และยังต้องใช้สมุนไพรที่ล้ำค่ามาก ยิ่งกว่านั้นต้องใช้เวลาหลอมถึงสามวันสามคืน ถึงจะทำออกมาได้
เนื่องจากกงซุนหนานเสียนไม่มีสมุนไพรที่สามารถหลอมเม็ดผงสลายพิษชิงเสินได้ เื่นี้จึงไม่สำเร็จเสียที
“ยานี้เ้าใช้เวลาทำนานเท่าใด? ” ม่อหลิงหานยังรู้สึกไม่ค่อยเชื่อนัก
เยว่เฟิงเกอขบคิด จากนั้นกล่าวตอบ “ประมาณสองชั่วยามกระมัง”
ม่อหลิงหานเทยาเม็ดเล็กๆ ห้าเม็ดในนั้นออกมา และเห็นว่ายาเม็ดทั้งห้านี้เป็สีเหลืองแววใส
ม่อหลิงหานคิดไม่ถึง แม้แต่กงซุนหนานเสียนที่เชี่ยวชาญวิชาแพทย์เพียงนั้นยังบอกว่าต้องใช้เวลาถึงสามวันสามคืน แต่เยว่เฟิงเกอกลับใช้เวลาเพียงสองชั่วยามก็ทำสำเร็จ
เมื่อเห็นว่านางทำยาที่หลอมออกมาได้ยากได้สำเร็จ แถมยังพูดราวกับเป็เื่ง่ายดายอีกด้วย ม่อหลิงหานก็อดตกตะลึงไม่ได้
วิชาแพทย์ของนางอยู่ในระดับใดแล้ว?
เยว่เฟิงเกอเห็นว่าม่อหลิงหานมองนางด้วยสายตาเลื่อนลอย ก็รีบเอ่ยเตือน “ท่านอ๋องรีบกินยานี่เข้าไปเถอะเพคะ เช่นนี้ไม่ว่าในอนาคตใครจะอยากวางยาพระองค์ ก็ไร้ประโยชน์ทั้งสิ้น”
เมื่อม่อหลิงหานดึงสติกลับมาได้ก็กินยาเม็ดเล็กๆ ห้าเม็ดนั้นลงไปทันที
เมื่อยาเม็ดลงไปในท้องแล้วก็สลายกลายเป็น้ำที่ไหลไปทั่วทุกอณูในร่างกายเขา
เมื่อเม็ดผงสลายพิษชิงเสินเข้าสู่ร่างกายม่อหลิงหาน ความรู้สึกที่ได้รับก็เป็เช่นเดียวกับกลุ่มความร้อนก่อนหน้านี้ที่บุกทะลวงไปตามเส้น สลายลมปราณในร่างเขา
ม่อหลิงหานรู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบาย ในตอนนี้ความกรุ่นโกรธในใจเขาถึงได้สลายหายไปโดยสิ้นเชิง
สายตาที่ม่อหลิงหานใช้มองเยว่เฟิงเกอยิ่งเต็มไปด้วยความรักลึกซึ้ง
ในเมื่อตอนนี้ได้รับยาวิเศษเช่นนี้จากเยว่เฟิงเกอ นับแต่นี้ไปเขาคงไม่ต้องกังวลว่าจะถูกคนวางยาพิษอีกแล้ว
ส่วนคนที่ก่อนหน้านี้วางยาเขา ไม่ว่าอย่างไรเขาก็จะรีบสืบหาแล้วเอาตัวมาให้ได้ จากนั้นค่อยสับอีกฝ่ายเป็หมื่นๆ ชิ้น
เยว่เฟิงเกอเห็นว่าเมื่อครู่ม่อหลิงหานยังมีสีหน้าขมุกขมัว แต่ตอนนี้กลับมองนางด้วยความรัก นางก็รู้แล้วว่าความพยายามของนางไม่เสียเปล่า
จู่ๆ ม่อหลิงหานก็กล่าวว่า “คืนนี้ชายารักอย่ากลับเรือนเยว่เหยาเลย นอนกับข้าที่นี่เถอะ”
เมื่อเยว่เฟิงเกอได้ยินม่อหลิงหานบอกให้นางนอนกับเขา นางก็ใจนตากระตุก รีบร้อนปฏิเสธทันที
“ไม่ได้เด็ดขาด”
ม่อหลิงหานเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ “เพราะเหตุใด หรือว่าชายารักไม่กลัวว่าเปิ่นหวางจะเดียวดายจนหลับไม่ลง? ”
เมื่อได้ฟังประโยคนี้ เยว่เฟิงเกอก็อดมุมปากกระตุกไม่ได้
นางไม่กลัวจริงๆ ว่าม่อหลิงหานจะเดียวดายจนหลับไม่ลง เพราะหลายปีมานี้ก็ไม่ใช่ว่าเขานอนคนเดียวมาโดยตลอดหรือ จู่ๆ จะเดียวดายจนหลับไม่ลงได้อย่างไร?
เยว่เฟิงเกอยิ้มหัวเราะแห้งๆ สองเสียง “หึ...ท่านอ๋อง อย่าได้ล้อหม่อมฉันเล่นเลยเพคะ ยามไม่มีหม่อมฉันอยู่ข้างกาย ทรงหลับสบายกว่าใครทั้งหมด”
การต้องฟังม่อหลิงหานเรียกตนว่าชายารักถือเป็สิ่งที่ทำให้เยว่เฟิงเกอรู้สึกเข็ดฟันจนฟันแทบหลุด
————————————————————————————————
เชิงอรรถ
[1] จุดตันเถียน(丹田)ชื่อตำแหน่งบนร่างกายอยู่บริเวณท้องน้อยใต้สะดือ เป็จุดรวมลมปราณของร่างกาย