หนานกงจื้อขมวดคิ้ว จ้องมองคนสองคนที่เดินออกไป ไม่มีจังหวะที่จะสำรวจเื่นี้
ในไม่ช้า เขาจึงสลัดความสงสัยในหัวออกไป ครั้นคิดถึงการเข้าวังในวันนี้ ในใจพลันรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอย่างมิอาจบรรยาย
ั้แ่ตอนเช้าในหัวของเขาเต็มไปด้วยภาพของอีหลาน การเข้าวังในวันนี้ เขาจะได้เจอนางหรือไม่?
นางใช้ชีวิตอยู่ในวังหลวงจะสบายดีหรือไม่?
ในใจของหนานกงจื้อรู้สึกกระตือรือร้น แต่เต็มไปด้วยความไม่สบายใจ
ทว่าเขากลับไม่รู้เลยว่า เมื่อคืนนี้ อีกเพียงแค่นิดเดียว สตรีในดวงใจของเขาก็จะเสียชีวิตด้วยน้ำมือของคนในครอบครัวตัวเอง
สวนร้อยสัตว์ ตำหนักชีอู๋
ค่ำคืนอันน่าหวาดผวาเมื่อคืนนี้ หลังจากหลีอ๋องจ้าวเยี่ยนจากไป เหนียนอีหลานไม่ได้หลับอีกเลย นางกลัวการหลับตา ราวกับหวาดกลัวว่า หากหลับตาลงจะมีการลอบสังหารขึ้นอีกครั้ง ไม่ว่าจะร่างกาย หรือจิตวิทยา นางล้วนไร้หนทางที่จะรับมือ!
ยามที่ลืมตา ร่างกายของเหนียนอีหลานนอนหงายอยู่บนพื้นนอกกระโจม มองดูท้องฟ้าั้แ่มืดมิดจนส่องสว่าง ดวงตาคู่นั้นประสบกับความสิ้นหวังและโกรธแค้น ในยามนี้จึงเต็มไปด้วยความโดดเดี่ยว
แสงสุริยันค่อยๆ ขึ้นสู่ผืนนภา ประมาณ่เวลานี้ในทุกๆ วัน หมอหลวงจะมาตรวจาแให้นาง ทว่าวันนี้สายแล้ว หมอหลวงกลับยังไม่มา ทันใดนั้น เหนียนอีหลานพลันฉุดคิดถึงถ้อยคำที่หลีอ๋องจ้าวเยี่ยนกล่าวเมื่อคืน วันนี้เขาจะมาช่วยนางออกไปจากที่นี่!
ออกไป...
ดูเหมือนคำสองคำนี้จะกระตุ้นบางอย่างในจิตใจของเหนียนอีหลาน ดวงตานางพลันสั่นไหว
ใช่ ออกไป!
ถึงแม้ท่านยายกับญาติผู้พี่อย่างพี่ชายรองจะทอดทิ้งนาง นางก็ยอมรับชะตากรรมเช่นนี้ไม่ได้!
นางอยากมีชีวิตอยู่ นางจะต้องมีชีวิตอยู่อย่างสดใส นางจะไม่ยอมให้พวกคนที่คิดฆ่านางสมหวังเป็แน่!
เหนียนอีหลานรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก ขยับร่างกายที่แข็งทื่อค่อยๆ ลุกขึ้นจากพื้น เต็มไปด้วยท่าทียากลำบาก ทว่าสายตากลับแน่วแน่ จ้องมองไปยังทิศทางของประตูใหญ่สวนร้อยสัตว์ เหนียนอีหลานก้าวฝีเท้าออกไปอย่างยากลำบาก...
ณ เขตพำนัก
อวี่เหวินหรูเยียนวางจดหมายและเฟินโลหิตที่ถืออยู่ในมือลงบนโต๊ะ นางจำได้ว่า วันนั้นเหนียนยวี่ใช้หญ้าตัวนี้ช่วยท่านอ๋องมู่!
ส่งเฟินโลหิตมาคู่กันกับจดหมายฉบับนี้ มันหมายความว่าอย่างไร?
เงาร่างของเหนียนยวี่ผุดเข้ามาในหัวอวี่เหวินหรูเยียน นางตื่นใ ลุกยืนพรวดขึ้นทันที
เหนียนยวี่... เป็เหนียนยวี่ นางยังไม่ตายงั้นหรือ?!
เหนียนยวี่ยังไม่ตาย เช่นนั้นท่านอ๋องมู่เองก็คงยังไม่ตายใช่หรือไม่?
นางเป็หนึ่งในคนจำนวนไม่มากที่รู้ข่าวการสิ้นพระชนม์ของมู่อ๋อง ใน่หลายวันมานี้ ท่ามกลางข่าวการสิ้นพระชนม์ของมู่อ๋อง นางรู้สึกราวกับตกอยู่ในขุมนรก ทว่าในยามนี้ จดหมายฉบับนี้กลับจุดประกายความหวังให้นางขึ้นอีกครั้ง
“ใช่ จะต้องไม่ตาย...จะต้องไม่ตาย” สายตาของอวี่เหวินหรูเยียนสั่นไหว ดวงตาตื่นเต้น เจือประกายแสงจากน้ำตาเล็กน้อย
บุรุษใจดีเยี่ยงนี้ จะเสียชีวิตไปง่ายดายเพียงนั้นได้อย่างไร?
แม้แต่องค์เทพยังปกปักรักษาเขาอย่างดี ให้เขามีชีวิตที่ยืนยาว!
อวี่เหวินหรูเยียนยากจะปกปิดความตื่นเต้นในใจ นางกำจดหมายในมือแน่น ครุ่นคิดถึงเื่บางอย่าง อวี่เหวินหรูเยียนระงับอารมณ์ในจิตใจ พลางจ้องมองลายมือในจดหมาย
ลายมือนั้นงดงาม ทว่ากลับแฝงความองอาจของบุรุษไว้พอสมควร ในทางกลับกันก็มีความเป็เหนียนยวี่อยู่เล็กน้อย
หลังจากอ่านเนื้อหาในจดหมายเสร็จ อวี่เหวินหรูเยียนสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง กวาดความโศกเศร้าและความห่อเหี่ยวในหลายวันที่ผ่านมาทิ้งไป ราวกับเปลี่ยนไปเป็คนละคนก็ไม่ปาน แม้แต่สีหน้ายังกลับมางดงามสดใสเช่นวันวาน
“เด็กๆ มาผัดหน้าประทินโฉมให้ข้า และไปเตรียมรถม้า ข้าจะเข้าวัง” อวี่เหวินหรูเยียนสั่งเสียงดัง เพียงพริบตา สาวใช้ที่รอเฝ้าปรนนิบัติอยู่นอกห้องพลันรีบกรูกันเข้ามา
อวี่เหวินหรูเยียนปล่อยให้สาวใช้ผัดหน้าแต่งกาย ในหัวครุ่นคิดถึงถ้อยคำมอบหมายในจดหมายของเหนียนยวี่ มุมปากค่อยๆ ผุดรอยยิ้มอย่างตื่นเต้น ถึงกระทั่งที่อดใจรอแทบไม่ไหวแล้ว
เหนียนยวี่บอกว่า วันนี้ในเขตพำนักราชทูตจะมีงิ้วสนุกๆ เกิดขึ้น และหน้าที่ของข้าคือ การดึงดูดคนเข้ามาดูงิ้วเื่นี้
งิ้วสนุกๆ หรือ?
งิ้วที่เกิดจากแผนการของคนที่ฉลาดเฉลียวผู้นั้น นางตั้งตารอมันจริงๆ!
ณ วังหลวง
แเื่ที่ได้รับเชิญให้มางานเลี้ยงส่งเดินทางในวันนี้โดยส่วนใหญ่เป็เหล่าสตรีจากตระกูลต่างๆ งานเลี้ยงส่งเดินทางจัดอยู่ในสวนยวี่ฮวา
ในสวนยวี่ฮวายามนี้ ผู้คนส่วนใหญ่มาถึงแล้ว
ตัวเอกของงานเลี้ยงยังมาไม่ถึง เหล่าคุณหนูและฮูหยินที่ได้รับเชิญมาต่างแยกย้ายกระจัดกระจายอยู่ตามจุดของสวนยวี่ฮวา ทั่วทั้งสวนเต็มไปด้วยเหล่าสตรี เป็ทิวทัศน์ที่น่ารื่นรมย์
จ้าวอิ้งเสวี่ยยืนอยู่ด้านข้างตามลำพังคนเดียว ยังคงสวมชุดสีขาวทั้งตัว นางในวันนี้ สวมผ้าคลุมหน้าปกปิดใบหน้าที่เสียโฉม ทว่าแผลเป็น่าสะพรึงกลัวบนมือ กลับมิอาจซ่อนผู้คนตรงหน้า ผ้าคลุมหน้าสีขาวผืนนั้นเดิมทีก็โดดเด่นสะดุดตา ทุกคนที่เดินผ่านไปมา ครั้นเห็นแผลเป็บนมือนาง ต่างพากันกระซิบกระซาบซุบซิบกันทันที
“นั่นคือท่านหญิงอิ้งเสวี่ยหรือ? ช่างน่าเสียดายนัก เดิมทีนางเป็หญิงสาวที่งดงามโดดเด่นถึงเพียงนั้น ยามนี้แม้แต่ใบหน้ายังไม่กล้าเผยให้เห็น...” ห่างไปไม่ไกลนัก มีเสียงของใครบางคนกระซิบกระซาบสนทนากัน ซึ่งในถ้อยคำเ่าั้เจืออารมณ์เสียดาย งานสมรสแปลกประหลาดครั้งนั้น ผ่านมาก็หลายเดือนแล้ว ทว่าในยามนี้ เมื่อเห็นเ้าสาวในงานสมรสครั้งนั้น กลับให้ความรู้สึกราวกับว่า เื่ทั้งหมดเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน
“มิใช่เื่น่าเสียดายหรือไร? พูดไปก็ช่างบังเอิญนัก บุตรชายของท่านแม่ทัพเอกกับท่านหญิงอิ้งเสวี่ย ทั้งคู่เป็คนที่มีความสามารถโดดเด่นเหนือผู้ใด กลับมาเสียโฉมเสียได้ โชคชะตาของท่านแม่ทัพหลวงช่างโชคร้ายยิ่งนัก ยามนี้ต้องมาจบชีวิตลงในค่ายเสินเช่อ มิรู้ว่าท่านหญิงอิ้งเสวี่ย...”
อีกเสียงหนึ่งกล่าวคล้อยตาม
อีกด้านหนึ่ง ผิงเอ๋อร์ซึ่งยืนอยู่ข้างจ้าวอิ้งเสวี่ย ใบหน้าพลันเขียวคล้ำ “ท่านหญิง...”
ทันทีที่ผิงเอ๋อร์เอ่ยปากเรียก กลับเห็นสตรีข้างกายก้าวเท้ายาวเดินจากไป ซึ่งนางกำลังเดินไปหากลุ่มคนที่พูดคุยกันเมื่อครู่นี้
ฮูหยินท่านนั้นกำลังกล่าว จึงไม่สังเกตเห็นการมาของจ้าวอิ้งเสวี่ย ทว่าคนอื่นๆ กลับมองเห็น พวกนางรู้สึกได้ถึงความกดดันอันโหดร้ายรอบกายของท่านหญิงอิ้งเสวี่ย จึงร่นถอยหลังไปหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว
ท่านหญิงอิ้งเสวี่ย นาง...นางจะทำอันใด?
ในที่สุด จนกระทั่งฮูหยินท่านนั้นสังเกตเห็นจ้าวอิ้งเสวี่ยอยู่ข้างกายตัวเอง ในใจพลันสั่นสะท้าน ใบหน้าเปลี่ยนสี ยังไม่ทันได้ตอบโต้สิ่งใดมากนัก จ้าวอิ้งเสวี่ยยกมือและตบนางอย่างรวดเร็วใน่เวลาอันสั้น ประหนึ่งแสงยามฟ้าแลบ ฝ่ามือของนางกระทบลงบนใบหน้าของฮูหยินท่านนั้น จนเกิดเสียงดัง ‘เพียะ’ สนั่นก้องไปทั่วทั้งสวนยวี่ฮวาอันโล่งกว้างแห่งนี้
ชั่วขณะหนึ่ง ทุกคนต่างอึ้งงัน
ในความทรงจำของพวกนาง ท่านหญิงอิ้งเสวี่ยเป็คนอ่อนโยนและสง่างาม เป็หนึ่งในสตรีที่มีท่วงท่าอากัปกิริยางดงามที่สุดในเมืองชุ่นเทียน ทว่าเหตุการณ์ที่ตบตีต่อหน้าผู้คนมากมายครานี้...
เป็อย่างที่คิด หลังจากประสบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ นิสัยของท่านหญิงอิ้งเสวี่ยก็เปลี่ยนไปครั้งใหญ่ด้วยเช่นกันงั้นหรือ?
“การตบครั้งนี้เป็การบอกเ้าว่า หากไม่เกี่ยวข้องก็อย่ามาเอ่ยวาจาไร้สาระ” จ้าวอิ้งเสวี่ยกล่าวอย่างเ็าด้วยเสียงอันแหบแห้ง ทำให้ผู้คนที่ได้ยินรู้สึกหวาดกลัว
ฮูหยินท่านนั้นอึ้งงัน รีบคุกเข่าลงกับพื้นอย่างตื่นตระหนกหวาดกลัว “หม่อมฉันสมควรตาย หม่อมฉันจะทำตามคำสั่งสอนของท่านหญิงอย่างดี หม่อมฉัน...”
“ไป!” จ้าวอิ้งเสวี่ยขัดบทฮูหยินคนนั้น กล่าวออกไปเพียงคำเดียวอย่างเ็า สายตากวาดมองคนอื่นๆ ในเหตุการณ์ผ่านผ้าคลุมหน้าผืนบาง ทุกคนล้วนรู้สึกได้ถึงความดุร้ายในแววตาคู่นั้น “ท่านแม่ทัพหลวงยอมเสียสละเพื่อเหล่าประชาชนเมืองชุ่นเทียน ฉะนั้นไม่ใช่เื่ที่พวกเ้าจะมาพูดจากันตามใจชอบที่นี่ได้”
มือของจ้าวอิ้งเสวี่ยกำหมัดแน่น พยายามระงับโทสะ
ผู้คนในเหตุการณ์บริเวณนั้นล้วนตกตะลึง
พวกนางคิดว่าที่ท่านหญิงอิ้งเสวี่ยมีโทสะ เพราะคนอื่นพูดเื่ที่นางเสียโฉม แต่กลับนึกไม่ถึงเลยว่า จะเป็เพราะเื่ของท่านแม่ทัพหลวง?
ทุกคนก้มหน้า ไม่กล้ากล่าวสิ่งใดแม้เพียงคำเดียว
ไม่ไกลจากตรงนั้น เื่ราวทั้งหมดอยู่ในสายตาของหลีอ๋องจ้าวเยี่ยน ดวงตาเขาจับจ้องจ้าวอิ้งเสวี่ยเป็เวลานาน มิอาจรู้สึกตัว
ฉู่ชิง... คาดมิถึงว่าอิ้งเสวี่ยจะปกป้องฉู่ชิงถึงเพียงนี้ด้วย?