ได้เห็นท่านอ๋องหนิงครั้งแรก รุ่ยหลานและชิวหลู่บ่าวทั้งสองคนนี้ไม่เคยเห็นฉากใหญ่โตเช่นดังกล่าวมาก่อน ต่างต้องตกตะลึงจนแผ่นหลังต้องมีเหงื่อร้อนไหลซึมออกมา หรือแม้แต่หัวหน้าจงซึ่งเจออะไรมามากก็ยังรู้สึกกลัวไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปมอง
ชื่อเสียงข้างนอกของท่านอ๋องหนิงมีความโหดร้ายลามกและมีความหยาบคาย เนื่องจากนำทัพทหารสู้ศึกา ในตัวของเขาเหมือนมีไอแห่งความเป็ปรปักษ์ เสียงของเขาต่ำแถมยังดังสนั่น จนทำให้ใจของผู้คนต่างสั่นะเื ไม่ว่าจะเป็เพราะตำแหน่งที่กดข่มผู้อื่นหรือเป็เพราะความเก่งกาจของเขาเอง ซึ่งทั้งหมดนี้ต่างก็ทำให้ผู้คนไม่กล้ามองเขาโดยตรง
แม้ท่านอ๋องหนิงจะรับรู้อยู่ว่าคนที่เขาออกมาเจอเป็สตรีลูกผู้ดี ถึงกระนั้นกลับยังกอดสนมผู้งดงาม อีกทั้งมือที่ไม่อยู่นิ่งของเขายังลูบเอวและหน้าอกของนาง ทำให้ผู้หญิงคนนั้นหัวเราะออกมาด้วยความออดอ้อน ช่างไม่มีความยับยั้งชั่งใจเสียเลย ทัศนคติที่ทำให้รู้สึกว่าไม่ให้ความสำคัญต่อผู้อื่นถูกแสดงออกมาอย่างโจ่งแจ้ง
ดังนั้นถ้าคุณหนูคนอื่นๆ ได้เผชิญหน้ากับท่านอ๋องหนิงคงต้องละอายใจ หวาดกลัว และถอยหนีกลับไปอย่างแน่นอน ถึงแม้จะเป็ผู้ชายก็เถอะ พวกเขาคงจะรู้สึกละอายใจเสียแล้ว
แต่ฉินหยีหนิงกลับยืนนิ่ง ราวกับว่านางไม่เห็นสิ่งที่ท่านอ๋องหนิงกำลังกระทำ นางคำนับเขาอย่างสุภาพ
“ท่านอ๋องหนิงทรงพระเจริญหมื่นๆ ปี หม่อมฉันฉินหยีหนิง เป็บุตรสาวคนเดียวของอัครมหาเสนาบดีฉิน ตอนนี้หม่อมฉันได้รับ่ต่อในการดูแลกิจการจ้าวหยุนซือ ในฐานะที่เป็เ้าของจ้าวหยุนซือ จึงมาเข้าเฝ้าท่านอ๋องหนิงเพื่อมาพูดคุยเื่แม่นางสกุลถางเ้าค่ะ”
“ความกล้าของเ้าไม่น้อยเลย” ท่านอ๋องหนิงหัวเราะ “เปิ่นหวางนึกว่ามหาเสนาบดีฉินเลี้ยงบุตรสาวออกมาให้มีความรักสนุก หลงรักในตัวเปิ่นหวางที่มีความกล้าหาญชาญชัย ถึงได้มาขอเข้าพบเปิ่นหวางเป็พิเศษเสียอีก”
หลังประโยคดังกล่าวถูกเอ่ยจบ ก็ทำให้หญิงสาวผู้งดงามซึ่งอยู่ในอ้อมกอดของท่านอ๋องหนิงเปล่งเสียงหัวเราะออกมา
ชิวหลู่กับรุ่ยหลานได้แต่ปิดปากเงียบ ก้มศีรษะด้วยไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรถึงจะดี
หัวหน้าจงมีเหงื่อเย็นๆ ไหลออกมาแล้ว เขารู้สึกเสียใจว่าทำไมเอาฉินหยีหนิงมาหาท่านอ๋องหนิงเพื่อขอคนกลับมา นึกไม่ถึงเลยว่าคุณหนูจะโดนท่านอ๋องหนิงดูถูกเหยียดหยามกันต่อหน้าถึงเพียงนี้
คิ้วของฉินหยีหนิงไม่ได้ขมวดเข้าหากันแต่อย่างใด นางยังทำเหมือนไม่ได้ยินในสิ่งที่ท่านอ๋องหนิงพูดเช่นเคย ก่อนพูดว่า “ท่านอ๋องหนิงมีความกล้าหาญชาญชัยนั้นเป็ความจริง อีกทั้งยังมีชื่อเสียงโด่งดังกว้างไกล หม่อมฉันเคยใช้ชีวิตอยู่ในชนบท ก็มักจะได้ยินคนพูดถึงความกล้าหาญของท่านอ๋องหนิงที่นำกองทัพไปต่อต้านต้าโจว ซึ่งน่าชื่นชมจริงๆ เ้าค่ะ”
ท่านอ๋องหนิงไม่คิดเลยว่าเด็กผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ใหรือกลัวตน แต่กลับสวมหมวกสูงให้ตัวเอง ซึ่งทำให้นางมีความน่าสนใจมากขึ้น แม้ว่าในอ้อมแขนของเขากอดสนมผู้มีรูปลักษณ์สวยงามอยู่ แต่เขาก็เอนออกไปข้างหน้า และหัวเราะฮ่าๆ พลางเอ่ยขึ้น
“พูดได้ดี! เปิ่นหวางไม่ชอบกลุ่มรุ่นหลังของต้าโจวที่ชอบการแย่งชิงบัลลังก์ ภายใต้ร่มธงของการโค่นล้มทรราช ตนเองกลับทำในสิ่งที่เลวร้ายอย่างไม่น่าให้อภัย”
ฉินหยีหนิงก็หัวเราะ
รุ่ยหลาน ชิวหลู่และหัวหน้าจงต่างก็โล่งอกในทันที
ในขณะที่ทุกคนต่างคิดว่าฉินหยีหนิงจะยังคงสวมหมวกสูงนี้อีก ฉินหยีหนิงกลับหันไปมองและเอ่ยต่อ “แต่ท่านอ๋องหนิงก็รู้ว่า หากแม่นางสกุลถางยังอยู่ในมือของท่านอ๋องหนิง ชื่อเสียงของท่านอ๋องหนิงก็จะถูกทำลายด้วยเหตุการณ์นี้นะเ้าคะ”
ชั่วอึดใจก่อน บรรยากาศเริ่มมีความผ่อนคลายลงเล็กน้อย แต่ด้วยคำพูดเดียวกลับทำให้บรรยากาศถูกขึงเกลียวขึ้นอีกครั้ง
ท่านอ๋องหนิงคิ้วหนาและมีหนวดเคราเต็มใบหน้า ดูเหมือนเขาตัวสั่นด้วยความโกรธ เขาะโก้องคำรามด้วยความหงุดหงิด “ช่างกล้านัก!”
หัวหน้าจงใจนตัวสั่น เหงื่อเย็นไหลออกมา ขาของบ่าวทั้งสองก็อ่อนยวบลงแล้วด้วย
ฉินหยีหนิงหัวเราะเบาๆ อย่างไม่สะทกสะท้าน “ถ้าหากไม่มีความกล้า วันนี้หม่อมฉันก็คงไม่กล้ามาเฝ้าท่านอ๋องหรอกเ้าค่ะ ท่านอ๋องเป็คนฉลาดและเข้าใจสถานการณ์ดี แน่นอนว่าเข้าใจในสถานการณ์ปัจจุบันของต้าเยี่ยนได้ดีเชียว กล่าวกันว่าต้าเยี่ยนสู้รบไม่เคยแพ้พ่าย ช่างเป็คำกล่าวที่โอ้อวดอย่างแท้จริง ครั้งหนึ่งหม่อมฉันเคยพยายามดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอดในเมืองชายแดนของเหลียงเฉิงและเมืองใหญ่ใกล้เคียงนั้น ถึงได้รู้ว่ามีเก้าในสิบห้องล้วนว่างเปล่า และความอดอยากมีอยู่เกือบทุกที่ ขุนนางผู้สูงศักดิ์ในเมืองหลวงที่คอยปกป้องเพียงตารางเดียวนั้น เหมือนกบที่อยู่ในก้นบ่อไม่รู้ว่าคนข้างนอกต้องทนทุกข์ยากเพียงใด ตามประสบการณ์และไหวพริบของท่านอ๋องแล้ว หรือท่านมองไม่ออกว่าต้องมีสักวันในอนาคตที่ต้าเยี่ยนจะถูกทำลายอย่างแน่นอนเ้าคะ?”
ประโยคนั้น ทำให้หัวหน้าจงรู้สึกอ่อนระทวยไปทั้งตัว เขาคุกเข่าลงมาแล้ว
ท่านอ๋องหนิงมีสีหน้าเคร่งขรึมและจ้องมองฉินหยีหนิงด้วยใบหน้าถมึงทึง “เ้าผู้หญิงคนนี้นี่ ช่างกล้าจริงๆ นึกไม่ถึงว่าจะกล้าสาปแช่งต้าเยี่ยนของข้า เ้าเชื่อหรือไม่ เปิ่นหวางสามารถทำให้กระดูกของเ้าแตกเป็หมื่นชิ้น โดยไม่ต้องรายงานบิดาของเ้า”
เห็นความโกรธของท่านอ๋องหนิง หัวใจของฉินหยีหนิงก็สั่นะเื
แต่เื่มันมาถึงเพียงนี้แล้ว ลูกธนูที่อยู่บนแล่งจะไม่ปล่อยก็ไม่ได้ นางคุกเข่าโค้งคำนับและเอ่ยขึ้น “ท่านอ๋องโมโหเพราะหม่อมฉันพูดความจริงหรือ อีกทั้งสิ่งที่หม่อมฉันพูดนี้ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะใส่ร้ายแคว้นต้าเยี่ยนของหม่อมฉันนะเ้าคะ ในอนาคตวันใดวันหนึ่งถ้าแคว้นต้าเยี่ยนถูกทำลาย ถึงแม้ว่าหม่อมฉันเป็หญิง ก็จะไม่โลภจนกลัวตาย ที่หม่อมฉันพูดสิ่งเหล่านี้ ก็เพื่อท่านอ๋องนะเ้าคะ”
ดวงตาของฉินหยีหนิงส่องประกายราวกับดวงดาว “ในใจของท่านอ๋องก็เข้าใจว่าในอนาคตต้องมีวันหนึ่งที่ทหารจะเข้าพิชิตกำแพงเมือง ั้แ่สมัยโบราณถ้าฮ่องเต้ทำในสิ่งที่ไม่เหมาะสมบ้างและมีปีศาจผู้หญิงที่อยู่รอบตัวพระองค์ ต่างก็มีจุดจบดั่งต๋าจี่และไท่เจิน และที่ยากที่จะป้องกันมากที่สุดก็คืออนาคตของหวงโฮ่วเหนียงเนียง วันนี้ศาลถังได้ตัดสินว่าขุนนางสกุลถางเป็อาชญากรที่พยายามฆ่าหวงโฮ่ว วันหนึ่งในอนาคตก็อาจจะมีวีรบุรุษที่เสียชีวิตเพราะกำจัดปีศาจหวงโฮ่ว ในวันนั้นมันจะต้องเป็แผ่นดินอื่น ถึงตอนนั้นท่านอ๋องหนิงจะอยู่ได้อย่างไรเ้าคะ?”
นางก้มศีรษะและหยุดพูดเมื่อประโยคดังกล่าวจบลง
สิ่งที่นางอยากโน้มน้าวได้บอกออกไปทั้งหมดแล้ว คงต้องรอดูท่าว่าท่านอ๋องหนิงจะตัดสินใจอย่างไรแล้วล่ะ
จะสำเร็จหรือไม่สำเร็จ นางได้พยายามอย่างถึงที่สุดแล้ว
ขณะเดียวกัน ท่านอ๋องหนิงได้นำคำพูดที่ฉินหยีหนิงเอ่ยเมื่อสักครู่นี้ไปครุ่นคิดอย่างรอบคอบอยู่หลายครั้ง
ทุกถ้อยคำของฉินหยีหนิง มันมีความหมายแจ่มแจ้งในประโยคชัดเจน
ในอนาคตหากมีวันหนึ่งที่ทหารของราชวงศ์โจวเข้ามาพิชิตเมือง ด้วยความอ่อนแอไร้ความสามารถของฮ่องเต้ จะหาแพะรับบาปซึ่งนำภัยพิบัติมาสู่แคว้น หวงโฮ่วผู้อ่อนหวานที่ครั้งหนึ่งพระองค์เคยหลงใหลนั้นจะเป็ตัวเลือกแรก
หวงโฮ่วถูกกล่าวหาเช่นนี้ จะต้องได้รับโทษปะาชีวิตอย่างแน่นอน ครอบครัวสกุลฉาวก็จะกลายเป็ขุนนางที่มีโทษด้วย และไม่มีวันที่จะกลับมายิ่งใหญ่เหมือนเดิมได้อีก
และยิ่งกว่านั้นถ้ามีวันนั้นจริงๆ ไม่แน่ราชวงศ์ต้าเยี่ยนก็คงไม่มีอีกแล้ว เหมือนกับที่ฉินหยีหนิงได้พูดไว้ ตอนนั้นคงจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง จะต้องมีสิ่งใหม่ๆ เกิดขึ้นมาทั้งหมด
ท่านอ๋องหนิงในฐานะที่เป็เชื้อพระวงศ์ ตอนนั้นหากอยากจะมีชีวิตที่สงบสบาย ก็คงไม่ได้ง่ายเหมือนเช่นวันนี้อย่างแน่นอน
หากเขายังเก็บลูกสาวสกุลถางนี้ไว้ข้างๆ กาย สตรีชนชั้นสูงที่ตอนนี้ทำอะไรเขาไม่ได้ แต่ในอนาคตล่ะ?
ท่านอ๋องหนิงเข้าใจในเหตุผลนี้มาโดยตลอด
แต่สิ่งที่เขานึกไม่ถึงก็คือ มีผู้หญิงคนหนึ่งที่นอกจากจะมองการณ์ได้ไกลมากแล้ว ยังมีความกล้าหาญมาก นางกล้านำเื่อุกอาจมาเปิดโปงต่อหน้าเขา อีกอย่างนางไม่ได้ทำเพื่อตนเอง แต่ทำเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น
ดูเหมือนว่า เด็กสาวคนนี้ไม่ได้เป็เพียงแจกันดอกไม้ที่ว่างเปล่าเสียแล้ว แต่เป็แจกันซ่อนผ้าไหมที่สวยงาม เป็ผู้หญิงที่มีสติปัญญาเฉลียวฉลาดและมีความกล้าหาญ
ท่านอ๋องหนิงมองไปที่ฉินหยีหนิง ั์ตามีความชื่นชมส่องประกายออกมา
แต่ท่านอ๋องหนิงไม่ได้พูดอะไร ทำให้หัวใจของคนที่อยู่ในห้องนั้นเหมือนถูกแขวนขึ้น
ในกำมือของฉินหยีหนิงมีเหงื่อบางๆ ออกมาชั้นหนึ่ง
นางรับรู้ได้ว่า ท่านอ๋องหนิงใช้สายตาซึ่งเป็ดั่งมีดกำลังกรีดตัวของนางมาโดยตลอด เสมือนว่าได้กรีดเนื้อออกมาเป็ชั้นๆ
ใช่ว่านางไม่กลัว แต่ในเมื่อได้ตัดสินใจแล้วว่าจะช่วยคน ย่อมไม่สามารถถอนตัวได้
เป็ครู่ใหญ่ ท่านอ๋องหนิงถึงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเ็า “แม่นางสกุลถางอยู่ในมือของเปิ่นหวางจริงๆ หากเ้าพานางกลับไป คิดว่าจะจัดการอย่างไรกับนาง? นำไปคืนให้ที่คุมประพฤติหรือ?”
ในใจของฉินหยีหนิงรู้สึกดีใจ ท่านอ๋องหนิงพูดเช่นนั้น ก็แสดงว่ามีความหวังแล้ว
นางครุ่นคิดและเอ่ยขึ้น “เื่นี้เป็เื่ใหญ่โต หม่อมฉันไม่ได้คิดว่าจะส่งแม่นางสกุลถางไปที่คุมประพฤติอีกแล้ว หากว่าท่านอ๋องจะคืนนางมาให้หม่อมฉัน หม่อมฉันอยากจะให้นางมาอยู่เคียงข้าง เป็บ่าวให้กับหม่อมฉัน ส่วนกับที่คุมประพฤติจะเจรจาอย่างไรนั้น หม่อมฉันคิดว่าเพราะเื่ของท่านอ๋องทำให้สั่นะเืใกันหมดแล้ว พวกเขาก็คงไม่กล้าทำอะไร เพียงแค่ท่านอ๋องคืนนางมาให้หม่อมฉันเท่านั้นก็พอเ้าค่ะ”
อยู่ข้างนอก แน่นอนว่าจะต้องถูกฉาวไท่ซือจับตามอง แม้ว่าจะช่วยออกมาแล้ว อนาคตอาจจะสูญเสียเด็กสาวผู้นั้นไปอีก หากอยู่ข้างๆ นาง อย่างน้อยนางก็เป็ลูกสาวของมหาเสนาบดี คนพวกนั้นจะไม่หวั่นเกรงเชียวหรือ
ท่านอ๋องหนิงเมื่อได้ยินคำตอบ ก็หัวเราะดังก้องออกมา
หัวเราะเสียงลั่นจนเศษฝุ่นที่อยู่บนเสาเกือบจะร่วงลงมาแล้ว
เขาตบก้นงอนสวยของสนมสาวในอ้อมแขน
หญิงสาวผู้งดงามรับรู้ มองท่านอ๋องหนิงด้วยท่าทางตุ้งติ้ง ก่อนบิดเอวราวงูน้ำเข้าไปในห้องโถงด้านหลัง
หลังจากนั้นไม่นาน ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าอันสับสนดังมาจากระยะไกลและกำลังเข้ามาถึงใกล้ๆ เมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นบ่าวคนเดิมกำลังเดินเคียงข้างเด็กสาวตัวเล็กๆ เลี้ยวผ่านมาทางฉากไม้แกะสลักเข้ามายังเบื้องหน้า
แม่ชีน้อยคนนั้นมีรูปร่างเล็กมาก ใบหน้ารูปผิงกั่ว มีดวงตากลมโต เป็เด็กสาวน่ารักมากผู้หนึ่ง สวมเสื้อคลุมอย่างหลวมๆ เหมือนกับเด็กน้อยขโมยเสื้อผ้าของผู้ใหญ่มาสวมใส่อย่างไรอย่างนั้น
เมื่อท่านอ๋องหนิงเห็นแม่ชีน้อยเดินเข้ามาก็ยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น “เิเจี่ยร์ คำพูดเมื่อสักครู่นี้เ้าได้ยินทั้งหมดแล้วใช่หรือไม่?”
แม่ชีน้อยหันศีรษะไปมองฉินหยีหนิง ยิ้มหวานออกมา แก้มทั้งสองมีลักยิ้มปรากฏชัดเจน ช่างน่ารักน่ามอง “ข้าได้ยินหมดแล้ว ขอบพระคุณพี่สาวที่มีน้ำใจ”
ท่านอ๋องหนิงเอ่ยขึ้น “ถ้าอย่างนั้นเ้ายอมที่จะเป็บ่าวให้พี่สาวท่านนี้หรือ?”
แม่ชีน้อยตัวเล็กผงกศีรษะ “พี่ฉินเป็คนที่เอื้ออาทร ตอนนี้หม่อมฉันตัวคนเดียว ไม่สามารถเป็คุณหนูเหมือนเมื่อก่อนได้อีกแล้ว แน่นอนว่าหม่อมฉันได้ยอมรับความจริงนี้แล้ว จะกลับวัดลัทธิเต๋าก็ไม่ได้ ไปที่คุมประพฤติก็ไม่ได้ แน่นอนว่าหม่อมฉันยินดีที่จะไปกับพี่ฉิน นางเป็เ้านายของหม่อมฉัน จะภักดีและรับใช้เพื่อเป็การตอบแทนบุญคุณที่ช่วยชีวิตหม่อมฉันในวันนี้เ้าค่ะ ”
ท่านอ๋องหนิงผงกศีรษะ น้ำเสียงอ่อนโยนเปลี่ยนเป็คนละคน “คุณหนูฉิน นี่คือแม่นางสกุลถางที่ถูกศาลถังตัดสิน เปิ่นหวางเห็นความจริงใจของเ้า อีกทั้งยังมีความกล้าหาญมีสติปัญญาเฉลียวฉลาดเช่นนี้ คิดว่าเ้าน่าจะสามารถดูแลปกป้องนางได้ดี ยกนางให้เ้า เปิ่นหวางก็สบายใจแล้ว”
พูดจบก็ส่งยิ้มให้แม่ชีน้อยอย่างอ่อนโยน
แม่ชีน้อย คือถางเิ นางยิ้มคืนด้วยและคำนับอย่างงดงาม
นางคุกเข่าและคำนับอย่างนุ่มนวลต่อท่านอ๋องหนิง “เิเจี่ยร์ขอบพระคุณท่านอ๋องที่ให้การคุ้มครองในหลายวันมานี้ ท่านอ๋องทำเพื่อหม่อมฉัน จนต้องโดนตำหนิจนเสียชื่อเสียง หม่อมฉันไม่มีอะไรจะตอบแทนท่านได้เ้าค่ะ”
ท่านอ๋องหนิงยิ้ม “บิดาของเ้ามีพระคุณต่อเปิ่นหวาง เปิ่นหวางเพียงแค่ยกมือช่วยก็เท่านั้นเอง อีกอย่างถึงไม่มีเื่ของเ้า ชื่อเสียงในทางเสียหายของเปิ่นหวางจะน้อยลงหรือ? เ้าไปเถิด” เขาพูดพลางโบกมือ
ถางเิจึงลุกขึ้นยืน นางหรี่ตา รอยยิ้มยังประดับบนใบหนาพลางเดินไปข้างๆ ฉินหยีหนิงและคำนับแสดงความเคารพพร้อมเอ่ยเรียก “คุณหนู”
ฉินหยีหนิง หัวหน้าจง และรุ่ยหลานกับชิวหลู่ ต่างก็ตกตะลึงนิ่งงัน
เื่ราวเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ทำให้พวกเขาไม่สามารถตอบสนองได้ในเวลาอันสั้น
ในความคิดของฉินหยีหนิง เื่นี้ควรจะเป็สาวสวยผู้งดงามตกระกำลำบาก ถูกท่านอ๋องหนิงจับตัวมาเหยียบย่ำในจวน
ฉินหยีหนิงกับถางเิมีอายุเท่ากัน นางคาดเดาไว้ก่อนแล้วว่าถางเิก็น่าจะคล้ายๆ กับตน
นึกไม่ถึง ในความเป็จริงแล้ว ถางเิเป็เด็กสาวตัวเล็กๆ ที่น่ารักมาก ดูเหมือนว่าสิ่งที่ตนคิดไว้ว่าสาวสวยผู้งดงามตกระกำลำบากนั้นไม่เหมือนกันเลยแม้แต่น้อย
และสิ่งที่คิดไว้ว่าโดนเหยียบย่ำนั้นยิ่งไร้สาระสิ้นดี ท่านอ๋องไม่ได้เป็โรคจิตกินเด็กเสียหน่อย อีกทั้งฟังดูแล้วก็เหมือนจะมีความเกี่ยวข้องกับศาลถัง
ใช่แล้ว ส่งถางเิให้ไปอยู่ในที่คุมประพฤติหรือว่าจ้าวหยุนซือต่างก็ไม่เหมาะสมทั้งนั้น
ข้างนอกคนเยอะตาก็มาก แล้วถ้าเกิดว่าฉาวไท่ซืออยากทำร้ายนางขึ้นมา โอกาสที่จะทำอะไรกับนางมีเยอะมากเสียด้วยสิ ตามอุปนิสัยของฉาวไท่ซือแล้ว มีหรือที่เขาจะปล่อยคนในครอบครัวของนักโทษที่เคยวางยาพิษกับบุตรสาวของตน? แน่นอนว่าต้องฆ่าทั้งหมดให้ได้
คนอย่างท่านอ๋องหนิงจับคนมาอยู่ในจวนของตน ไม่ใช่เป็การปล้น แต่เป็การปกป้องหรอกหรือ!