ตอนที่ 18 ก่อนวันดวล
ในห้องโถงตระกูลซ่ง
ซ่งหลานหลาง โกรธจัด และเจตนาฆ่าอันน่าสยดสยองก็แพร่กระจายไปทั่วห้องโถง ในขณะนี้ไม่มีใครกล้าพูด
“มีใครอีกในเมืองไป๋หนาน ที่สามารถครอบงำหอสมบัติได้ มันเป็ไปไม่ได้สำหรับตระกูลกู่ เป็ไปไม่ได้สำหรับตระกูลฮั่น และยิ่งเป็ไปไม่ได้สำหรับตระกูลโจว คนผู้นั้นมันคือใคร!” ซ่งหลานหลาง คำราม และเสียงคำรามดังกล่าว ดังก้องไปทั่วคฤหาสน์ตระกูลซ่ง และได้ทำให้ทุกคนในตระกูลซ่งรู้สึกหวาดกลัว
“เรามีความสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูลกู่ และตระกูลฮั่น สองตระกูลนี่ไม่มีเหตุผลที่จะจัดการกับเรา” ซ่งเจิ้นส่ายหัว
“ สิ่งที่น่าสงสัยที่สุดคือตระกูลโจว นอกเหนือจากพวกเขาแล้ว ข้าก็นึกถึงใครไม่ได้อีก อย่าลืมว่าตระกูลโจวมีนักเล่นแร่แปรธาตุระดับที่หนึ่งถึงสองคน ” ผู้าุโคนหนึ่งเตือน
โจวหลี่ และ โจวคุน เหรอ ? ” ซ่งหลานหลาง หรี่ตาของเขาลง
“ในฐานะนักเล่นแร่แปรธาตุระดับหนึ่งอย่าง โจวหลี่ และ โจวคุน แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถครอบงำหอสมบัติได้ แต่พวกเขาอาจรู้จักนักเล่นแร่แปรธาตุที่แข็งแกร่ง หรือว่าโจวเย่ ผู้ที่มีจิติญญาการต่อสู้ระดับสองที่สามารถแข็งแกร่งขึ้นได้ในระยะเวลาอันสั้น อาจจะได้รับโอสถจากนักเล่นแร่แปลธาตุระดับสูง "ผู้าุโคนอีกคนกล่าวคาดเดา
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ใบหน้าของซ่งหลานหลาง ก็เปลี่ยนไป และเขาเดาได้ว่า "เป็ไปได้ไหมที่จะเป็ผู้าุโเต้า โจวเย่อาจจะขอให้ผู้าุโเต้าช่วยเหลือ มีเพียงผู้าุโเต้าเท่านั้นที่สามารถทำให้โม่เจียง ยอมจำนนได้"
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ใบหน้าของทุกคนในห้องโถง ก็ดูน่าเกลียดยิ่งขึ้น และมีเพียงเหตุผลนี้เท่านั้นที่สมเหตุสมผล
แต่ถ้าหากเป็ผู้าุโเต้าจริงๆ ตระกูลซ่ง จะไม่สามารถเอาชนะสถาบันอัคคีได้เลย
"ยิ่งข้าคิดถึงเื่นี้มากเท่าไร ข้าก็ยิ่งรู้สึกว่าโจวเย่ น่าสงสัยที่สุด ยังมีเวลาอีกครึ่งเดือน เมื่อโจวเย่ รักษาผิดไฟให้ผู้าุโเต้าสำเร็จ เราค่อยฆ่าเขาอย่างลับๆ ต่อให้ผู้าุโเต้าจะคุ้มครองตระกูลโจวเป็เวลาสามปี หากว่าเขาไม่รู้ว่าใครเป็คนสังหารโจวเย่ ผู้าุโเต้าก็ไม่สามารถทำอะไรเราได้!" ซ่งหลานหลาง พูดอย่างชั่วร้าย
-
เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า และยังเหลือเวลาอีกสามวันก่อนที่โจวเย่ จะดวลกับซ่งเทียน
ซ่งเทียน อัจฉริยะอันดับหนึ่งของตระกูลซ่ง ใช้เวลาหนึ่งเดือนในการฝึกฝน ไม่รู้ว่าสามารถก้าวเข้าสู่ระดับที่หนึ่งของอาณาจักรนักยุทธ์ ได้หรือไม่?
จิติญญาการต่อสู้ขยะระดับสองของโจวเย่ ที่สามารถเลื่อนระดับถึงสองระดับอย่างน่าประหลาดใจภายในไม่กี่วัน หลายวันมานี้ไม่รู้ว่าฐานการบ่มเพาะของโจวเย่สามารถเลื่อนระดับได้อีกหรือไม่?
ทุกคนในเมืองไป๋หนานในตอนนี้ต่างคาดเดาและตั้งตารอ
ในลานบ้านของโจวเย่
โจวเย่กำลังพูดคุยกับหงเยว่ และตอนนี้ ด้วยความช่วยเหลือของผงิญญาสามสีและเคล็ดวิชาร่างกายปีศาจที่โจวเย่ได้ให้หงเยว่ฝึกฝน ทำให้ฐานการฝึกฝนของหงเยว่ได้เลื่อนระดับจากระดับที่สี่ของอาณาจักรปราณยุทธ์ ไปยังระดับที่เจ็ดของอาณาจักรปราณยุทธ์ภายในครึ่งเดือนอย่างน่าประหลาดใจ ความเร็วของการฝึกฝนนี้ เร็วกว่าโจวเย่เกือบสองเท่า โจวเย่เองในขณะนี้ แปลกใจมากและไม่สามารถค้นพบอะไรในตัวของหงเยว่ได้เลย
“นายน้อย เหลือเวลาอีกสามวัน ท่านมั่นใจหรือไม่ ? ด้วยพร์ของซ่งเทียน บางทีเขาอาจจะทะลวงผ่านอาณาจักรนักยุทธ์แล้ว ” หงเยว่ มองไปที่โจวเย่แล้วถามด้วยรอยยิ้ม
โจวเย่ ยิ้มอย่างผ่อนคลายและกล่าวว่า "หงเยว่ เ้าไม่เชื่อใจนายน้อยของเ้ารึ ?"
เมื่อมองไปที่หงเยว่อีกครั้ง โจวเยก็ พูดอีกครั้ง "หงเยว่ เ้าเลื่อนระดับสามระดับภายในครึ่งเดือน ช่างเป็พร์ที่น่ากลัวมาก"
หงเยว่ ยิ้มแย้มแล้วกล่าวว่า "หงเยว่เชื่อในตัวนายน้อย และสิ่งที่ทำให้หงเยว่แข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็วนั้นเป็เพราะเคล็ดวิชาของนายน้อย นายน้อย หงเยว่ยากถามท่านว่าทำไมขณะบ่มเพาะด้วยเคล็ดวิชาที่ท่านมอบให้ ความหนาวเย็นที่รุนแรงมากถึงได้ปะทุขึ้นในร่างกายของข้าตลอดเวลา"
"ความหนาวเย็นเหรอ?" โจวเย่ขมวดคิ้วอย่างสงสัย หงเยว่ เ้ายื่นแขนมา ข้าขอตรวจดูหน่อย
หลังจากตรวจสอบเส้นลมปราณ โจวเย่ก็ไม่ได้พบอะไรที่ผิดปกติเลย ในความทรงจำของเทพปีศาจ เขาไม่เคยรับรู้ถึงการบ่มเพราะเคล็ดวิชาร่างกายปีศาจแล้วเกิดความหนาวเย็นเลย
"ดูเหมือนว่าต้นกำเนิดของหงเยว่ที่แท้จริงแล้วจะไม่ธรรมดาเลย" โจวเย่แอบพูดในใจ
"พี่ใหญ่ท่านกำลังทำอะไรอยู่!” ในเวลานี้ เสียงเรียกของโจวเซียว ดังมาจากทางเข้าลานบ้านของโจวเย่
โจวเย่ มองไปดู้ต้นทางของเสียง และโจวเซียวก็เดินเข้ามา
โจวเซียว เมื่อเห็นทั้งสองอยู่ด้วยกันและเห็นว่า โจวเย่กำลังจับมือของหงเยว่อยู่ เขาก็ะเิความยินดีในใจ ในความนึกคิดของเขา เขาคิดว่าโจวเย่ได้ลืมกู่หยิงไปแล้ว และโจวเย่ได้แอบมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ่งบางอย่างกับหงเยว่
ขณะนี้โจวเซียว ยกนิ้วหัวแม่มือให้โจวเย่ และโจวเย่ ได้ผงะไปชั่วขณะ และหลังจากที่เขาเข้าใจ เขาก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้
หงเยว่ ดูเหมือนจะเข้าใจความหมาย ใบหน้าที่สวยงามของเธอแดงก่ำ และเธอก็ก้มศีรษะลงอย่างเขินอาย
"เ้าน้องชายตัวแสบ มีอะไรเหรอ?” โจวเย่ถาม
“ข้าแค่เข้ามาดูหน่อย เหลือเวลาอีกสามวันสำหรับการดวลระหว่างพี่ใหญ่กับซ่งเทียน ข้ากังวลว่าพี่ใหญ่จะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา” โจวเซียวยิ้ม
“ถ้าซ่งเทียนทะลวงผ่านอาณาจักรนักยุทธ์ ข้าอาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา” โจวเย่ยักไหล่และยิ้ม แต่เขาไม่ได้กังวล
โจวเซียวขมวดคิ้ว เขามีความกังวลเล็กน้อยและถามอย่างรวดเร็วว่า "พี่ใหญ่ ฐานการบ่มเพาะปัจจุบันของท่านอยู่ระดับไหนแล้ว ?"
“ระดับที่แปดของอาณาจักรปราณยุทธ์ ” โจวเย่ ตอบกลับอย่างรวดเร็ว
"ระดับที่แปดเหรอ? เพิ่มอีกหนึ่งระดับในครึ่งเดือนเหรอ?” โจวเซียวตกตะลึงด้วยความใ เขาไม่อยากจะเชื่อเลย ความเร็วนี้น่ากลัวเกินไปหรือเปล่า?
นี่ยังใช่ผู้ที่มีพร์จิติญญาการต่อสู้ระดับที่สองเหรอ?
โจวเซียว พูดอย่างตื่นเต้น "เยี่ยมมาก! พี่ใหญ่ ท่านเป็อัจฉริยะจริงๆ! ท่านเก่งกว่ากู่หยิงมาก แม้ว่าท่านจะเอาชนะซ่งเทียนได้หรือไม่ มันก็ไม่สำคัญ ด้วยความสามารถของท่าน ไม่ช้าก็เร็วท่านจะเหนือกว่าเขา! ไม่น่าแปลกใจเลยที่ท่านไม่อยากไปที่สถาบันอัคคี" พี่ใหญ่พัฒนาได้เร็วขนาดนี้ คราวนี้คงไม่มีไครกล้าพูดอะไรอีก โจวเซียวแอบพูดในใจ เขาไม่มีความสุขเมื่อมีคนดูถูกโจวเย่
“นายน้อยเป็อัจฉริยะ” หงเยว่กล่าว ชื่นชมเช่นกัน
หลังจากพูดคุยสั้นๆ ไม่กี่นาทีโจวเซียวก็จากไป ดูเหมือนว่าจะไปบอกข่าวดีแก่โจวเฟิง