โหยวเสี่ยวโม่ตั้งใจไปหอคัมภีร์ในวันรุ่งขึ้น แต่เมื่อเกิดเื่ขึ้นวันนี้ เขาเลยตั้งใจว่าจะไปตอนกลางคืนดีกว่า
่มืดค่ำ ไม่ค่อยมีศิษย์ออกมาเตร็ดเตร่ข้างนอกเท่าไร นอกเสียจากพวกลาดตระเวน ฉะนั้นโหยวเสี่ยวโม่จึงไม่เจอใครระหว่างทาง
แต่เสียดายที่โหยวเสี่ยวโม่ไม่เจอสิ่งที่้าหา แสนล้านปีมันนานเกินไป คนก็ลืมเลือนกันแล้ว ในบันทึกยิ่งไม่มีทางจดไว้แน่นอน ท้ายสุดเขาเลยได้แค่ยืมตำราภาพหญ้าทิพย์กลับไปไม่กี่เล่ม
ตกดึกโหยวเสี่ยวโม่หยิบคัมภีร์ิญญา์ขึ้นมาดู
แต่ก็ไม่สามารถจับเนื้อความอะไรได้เลย แสนล้านปี ตัวอักษรชุดหนึ่งไม่รู้เปลี่ยนไปมากเพียงใด แท้จริงคงไม่มีเค้าโครงเดิมเหลือด้วยซ้ำ
จากนั้นโหยวเสี่ยวโม่จึงเก็บคัมภีร์เข้าห้วงเวลา รอบนี้เขาไม่ได้หลอมยาแต่อย่างใด เพียงแต่นอนหลับอุตุไปตื่นหนึ่ง จนถึงตะวันขึ้นเช้ารุ่งวันถัดมา แสงสาดจากหน้าต่างเข้ามา เขาถึงสะลึมสะลือลืมตาตื่นขึ้นมา ไม่คิดว่าต้องสะดุ้งเพราะใบหน้าใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า
โครม! หน้าผากโหยวเสี่ยวโม่ชนเข้ากับใบหน้านั้นอย่างจัง
ไม่รู้ว่าใบหน้าหลิงเซียวทำมาจากเหล็กกล้าหรืออย่างไร ชนเข้าหน้าผากเขาครั้งเดียว ก็นูนเป็ก้อนซาลาเปาทันทีเลย
“ฮือออ….” โหยวเสี่ยวโม่กุมหน้าผากร้องครวญครางออกมา
แต่จำเลยกลับนั่งหัวเราะเป็บ้าเป็หลังอยู่ข้างๆ ตะวันเช้าตรู่สาดส่องบนตัวเขา เพิ่มความเปล่งประกายสดใสให้เขา จะสดใสกว่านี้หากนิสัยไม่ใช่วายร้ายเช่นนี้
“ศิษย์น้องเจ็บหรือเปล่า?” หลิงเซียวนั่งอยู่ข้างเตียงเอ่ยถามพร้อมเสียงหัวเราะ
โหยวเสี่ยวโม่พูดไม่ออก อีกครั้งที่รับรู้ถึงความร้ายกาจของหลิงเซียว เขาโอดครวญถึงขนาดนี้ น้ำตาแทบร่วงจะไม่เจ็บได้อย่างไร
แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจ เพราะเขาชนกับหน้าหลิงเซียว ทำไมอีกฝ่ายไม่เป็อะไรเลย กลับกันเขาเจ็บจนหัวโน ช่างไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย
“หน้าของท่าน ทำไมถึงแข็งเช่นนี้?” เมื่อหน้าผากรู้สึกดีขึ้น โหยวเสี่ยวโม่ก็อดไม่ได้ที่จะถาม
หลิงเซียวขยับมาด้านหน้าเขา ใบหน้าเผยรอยยิ้มแสนอบอุ่น “เ้าเป็แค่มนุษย์แสนธรรมดาจะเทียบกับข้าได้อย่างไร ถึงแม้ร่างข้าจะถูกเสกออกมาก็ตาม แต่เนื้อทุกส่วนบนตัวข้าก็แข็งกว่าหน้าผากเ้า”
“เนื้อทุกส่วนงั้นรึ?” นี่ก็เกินไปหน่อยแหละมั้ง
โหยวเสี่ยวโม่หน้าดำคร่ำเครียด หากทำความเข้าใจจะรู้ว่าหลิงเซียวนั้นช่างเดายาก
เขารู้สึกมาตลอดว่าบุคลิกยิ้มแย้มแจ่มใสนั้นเป็แค่สิ่งที่หลิงเซียวแกล้งทำ ความจริงเป็เช่นไร เขาเองก็ไม่แน่ใจ
“ศิษย์พี่หลิน วันนี้ท่านทำไมมาเช้าจัง?”
โหยวเสี่ยวโม่รีบเปลี่ยนคำถาม ไม่อยากถามคำถามแปลกประหลาดพวกนั้นต่อ เพราะคนที่จะเสียเปรียบจะเป็เขาเสียเอง
“ข้าบอกเ้าเมื่อวานว่าข้าจะหาเวลามาหาเ้า” หลิงเซียวกล่าวพร้อมลุกไปนั่งบนโต๊ะ ท่าทีไม่ทุกข์ร้อนบวกกับความสุขุมที่ถูกบีบบังคับออกมา
ทว่าสิ่งที่โหยวเสี่ยวโม่เห็นคือ วางมาดคุณชาย
“นี่มันเช้าไปหน่อยมั้ง” โหยวเสี่ยวโม่บ่นอย่างไม่พอใจ เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าหลิงเซียวเป็พวกพูดแล้วทำเลย
เพื่อที่ไม่ให้หลิงเซียวต้องรอนาน ถึงขั้นเบื่อแล้วหนีกลับไปก่อน โหยวเสี่ยวโม่จึงใช้เวลาเพียงห้านาทีก็ล้างหน้าล้างตาเสร็จ พอกลับมาถึงห้อง ไม่รู้ว่าชุดน้ำชามาวางบนโต๊ะั้แ่เมื่อไร และหลิงเซียวก็กำลังจิบชาอยู่
โหยวเสี่ยวโม่แทบสำลัก นึกไม่ถึงว่าสัตว์ประหลาดซ่อนรูปตนนี้จะจิบชาเป็ด้วย เหนือความคาดหมายของเขาจริงๆ
เมื่อเห็นเขากลับมา มือขวาหลิงเซียวที่ว่างเปล่าทันใดก็ปรากฏตำราเล่มหนึ่ง
บนตำราเขียนไว้ว่า คัมภีร์ิญญา์ฉบับแปล โหยวเสี่ยวโม่เห็นก็ตรงดิ่งเข้าไปคว้า แต่คว้าได้เพียงลม
หลิงเซียวเห็นท่าทีโหยวเสี่ยวโม่เกือบล้ม ฉีกยิ้มมุมปาก “จะรีบไปไหน เรามาคุยกันเื่เงื่อนไขก่อนดีกว่า ต้นฉบับแปลของท่านเท้าข้านั้น ทั่วดินแดนหลงเสียงมีเพียงหนึ่ง ลำพังเม็ดยาไม่กี่เม็ดของเ้าจะไล่ข้าไปส่งๆ ได้งั้นหรือ?”
โหยวเสี่ยวโม่ยืนตัวแข็งเป็หิน…