ไทเฮาหุบยิ้มเล็กน้อยก่อนตอบกลับไปเสียงเบา “ฝ่าฝืนกฎวังหลวง ลงโทษเล็กน้อย ถือว่าเป็การตักเตือนให้ผู้อื่นได้จดจำ ป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นภายหลัง”
องค์หญิงใหญ่แย้มยิ้มเอ่ยว่า “หากเป็เช่นนั้นจริง ทว่ากฎเกณฑ์ไม่มีอันใดมากไปกว่าความสัมพันธ์ของคน การลงโทษเล็กน้อยก็ไม่อาจทำให้ถึงแก่ชีวิตกระมัง”
แม่นมซูรีบแย้มยิ้มตอบกลับ “ทูลองค์หญิง กฎเหล่านี้ไม่สามารถฝ่าฝืนได้ ไม่เช่นนั้นสนมคนอื่นจะปฏิบัติตาม ส่งผลให้กฎในวังหลวงถูกทำลายไปได้เ้าค่ะ”
องค์หญิงใหญ่ยกยิ้มกวาดสายตามองใบหน้าของแม่นมซู ก่อนจะพยักหน้าพลางเอ่ยว่า “แม่นมซูกล่าวได้ถูกต้อง ข้าเองก็รู้สึกว่าไม่ควรเมตตาต่อหน้ากฎเกณฑ์ในวังหลวง หากรู้ว่าจะทำลายกฎ เช่นนั้นเื่ฮูหยินเหยียนกับซูเฟยในยามนั้น ข้าไม่ควรเห็นแก่ไทเฮา เมตตาพวกนางยกเว้นโทษโบยที่เหลือเอาเสียเลย”
หลังจากเอ่ยประโยคนี้ ไม่เพียงแต่ฮวารั่วซีที่มีสีหน้าบูดบึ้ง ไทเฮาเองก็ขมวดคิ้วเครียด แม่นมซูรู้สึกผิดอย่างยิ่ง นางจำได้ว่านางเคยเอ่ยวาจาอ้อนวอนขอความเมตตาจากองค์หญิงใหญ่มาก่อน และเอ่ยไปไม่กี่คำเท่านั้น
องค์หญิงใหญ่ยังเอ่ยอีกว่า “โทษโบยที่เหลือหม่อมฉันยังจำได้ เสด็จแม่กล่าวได้ถูกต้อง ลงโทษเล็กน้อยแต่ต้องทำตามกฎเป็การตักเตือน” หลังจากเอ่ยจบนางหันไปมองฮวารั่วซีพลางเอ่ยคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “หม่อมฉันยังจำได้ว่าซูเฟยยังมีโทษโบยเหลืออยู่อีกสิบเจ็ดครั้ง เช่นนั้นก็ลงโทษต่อให้เสร็จเถิด”
ครั้นเมื่อฮวารั่วซีได้ยินคำพูดนี้พลันคุกเข่าลงทันที พร้อมตอบรับด้วยน้ำเสียงลำบากใจ “รั่วซีขอบพระทัยองค์หญิงที่แสดงความเมตตาในวันนั้น การลงโทษขององค์หญิง รั่วซีจะจดจำไว้ ไม่กล้าลืมแม้ชั่ววินาทีเดียวเพคะ”
องค์หญิงใหญ่แย้มยิ้มพลางเอ่ยว่า “เ้าจำได้ ทว่าผู้อื่นไม่เห็น และอาจจะลืมไปแล้ว เดิมทีข้าคิดว่าเลิกรากันไปไม่ถือสา เพียงแต่เ้าดูเองสิ หญิงงามทั้งสองทำผิดกฎเช่นนี้!”
ฮวารั่วซีใตัวสั่นเทา นางมองตรงไปที่ไทเฮาด้วยสายตาอ้อนวอน
ไทเฮารู้สึกรำคาญใจเช่นกัน นางไม่้าสนใจฮวารั่วซี และกำลังคิดจะปล่อยให้องค์หญิงทำตามใจเพื่อให้นางหุบปาก ทว่าองค์หญิงใหญ่กลับแย้มยิ้มอีกครั้งและเอ่ยว่า “อืม จริงสิ ฮูหยินเหยียนและคุณหนูตระกูลเหยียนยังค้างโทษโบยอยู่หลายสิบครั้ง หม่อมฉันจะสั่งให้องครักษ์ไปรับตัวพวกนางเข้ามาในวังหลวง ลงโทษไปพร้อมกัน น่าสนุกกว่ามาก”
ในที่สุดไทเฮาก็ไม่สามารถนั่งนิ่งได้อีกต่อไป ฮวารั่วซีเป็เพียงหมากตัวหนึ่งของนาง ทว่าฮูหยินเหยียนและบุตรสาวเป็ญาติสนิททางสายเื การทุบตีพวกนางเปรียบเสมือนการตบหน้านาง เพียงแต่หากนางหยุดเสียตอนนี้ นางคงต้องอับอายไม่เป็ท่าเช่นกัน
วันนี้องค์หญิงใหญ่มาที่นี่เพื่อตั้งใจก่อเื่หรือไม่? นางคิดว่าหากนางมาก่อกวนในครั้งนี้ ไทเฮาจะยอมถอยเื่ในราชสำนัก ไทเฮามองดูองค์หญิงใหญ่ด้วยแววตาเคร่งขรึมพลางตรัสว่า “ิชิ่งสามารถช่วยแบ่งเบาภาระอายเจียได้ อายเจียรู้สึกปลาบปลื้มใจยิ่งนัก”
องค์หญิงใหญ่แย้มยิ้มเอ่ยว่า “ไทเฮากล่าวเกินไปแล้ว เื่พวกนี้ิชิ่งพบเห็นบ่อยยิ่งนัก่วัยเยาว์ เสด็จแม่ของหม่อมฉันในยามนั้นเป็ผู้ดูแลตำหนักหลัง จัดการกิจการของตำหนักหลังทุกอย่าง หม่อมฉันคอยดูอยู่ข้างๆ พอเรียนรู้มาบ้าง เพียงแต่ยามนั้นไม่เคยมีเื่เช่นนี้ ไทเฮาและเซียวกุ้ยเฟยในอดีตฮ่องเต้ปรองดองกันสมัครสมานสามัคคี ถนอมน้ำใจซึ่งกันและกัน แบ่งเบาเสด็จแม่ได้เป็อย่างดี”
สีหน้าของไทเฮาพลันเปลี่ยนไปทันที
ความหมายแฝงของคำพูดเ่าั้เมื่อครู่ก็คือเสด็จแม่ขององค์หญิงใหญ่ ฉือหยวนไทเฮาขณะที่นางมีพระชนม์ ตำหนักหลังปรองดองสามัคคี ส่วนไทเฮาไม่มีความสามารถ เป็เหตุให้เกิดเื่วุ่นวายมากมาย ไทเฮาไม่มีทางไม่เข้าใจ
นางกลัวมาตลอดว่าผู้อื่นจะเปรียบเทียบนางกับฉือหยวนไทเฮา หากเป็พระสนมเซียวกุ้ยเฟยที่มีสถานะต่ำต้อยเช่นเดียวกัน ทุกคนจะไม่จับมาเปรียบเทียบ ขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละคน ทว่าฉือหยวนไทเฮาแตกต่างออกไป ฉือหยวนไทเฮาเกิดในตระกูลขุนนางสูงศักดิ์ เป็ฮองเฮาที่พระบิดาของอดีตฮ่องเต้เป็ผู้แต่งตั้งด้วยพระองค์เอง พระนางเพียบพร้อมด้วยจารีตและคุณธรรม ไม่มีผู้ใดสามารถเทียบพระนางได้
หากมิใช่เพราะหลังพระนางให้กำเนิดองค์หญิงใหญ่แล้วพระวรกายอ่อนแอจนสิ้นพระชนม์ ไทเฮาองค์ปัจจุบันและเซียวกุ้ยเฟยไหนเลยจะมีโอกาสชิงตำแหน่งนี้ได้
เื่นี้เป็หนึ่งในเหตุผลที่องค์หญิงใหญ่ดูแคลนไทเฮามาโดยตลอด สตรีธรรมดา โบยบินเกาะบนกิ่งไม้สูงคิดว่าตนนั้นเป็หงส์ หากแต่ในสายตาของนกหงส์ตัวจริงนั้น เห็นแค่เพียงพวกนางสวมใส่อาภรณ์ที่งดงาม ทว่าภายในยังคงเป็ไก่ป่า หยาบกระด้างเหลือทน
ต่อให้ไทเฮาไม่ชอบได้ยินคำพูดพวกนี้มากเพียงใด นางก็ยังต้องฟังซึ่งเป็เื่ที่นางไม่สามารถก้าวข้ามไปได้
ความเกลียดชังปะทุอยู่ในจิตใจของนาง หลายวันที่ผ่านมาไม่ว่าจะพยายามทรมานอาลักษณ์อู๋อย่างหนักเพียงใด เขาก็ไม่ปริปากเผยข้อมูลที่เป็ประโยชน์ใดๆ เลยแม้แต่น้อย ในทางตรงกันข้ามไทเฮาเกือบจะดึงตะปูสองดอกที่องค์หญิงใหญ่ฝังอยู่ในตำหนักหลังออก
ไทเฮาไม่เชื่อว่าองค์หญิงใหญ่เป็ผู้บริสุทธิ์ หากแต่ไร้ซึ่งหลักฐานบ่งชี้ชัดไปที่นาง จึงไม่สามารถดำเนินการใดๆ ได้ ทำได้เพียงอดทนเท่านั้น
องค์หญิงใหญ่ชื่นชอบลักษณะท่าทางบึ้งตึงของไทเฮาเช่นนี้ เมื่อเห็นไทเฮาอดกลั้นและไม่กล้าบันดาลโทสะ องค์หญิงใหญ่รู้สึกมีความสุขยิ่งนัก ดูตามสถานการณ์แล้วคล้ายไทเฮายังไม่ได้ข้อมูลที่เป็ประโยชน์จากอาลักษณ์อู๋ ทำให้ไทเฮาต้องอดกลั้นเช่นนี้ต่อไป หากอาลักษณ์อู๋เปิดเผยเื่ของนางจนหมดสิ้น เกรงว่าไทเฮาไม่มีทางมีท่าทีอดกลั้นเช่นนี้ นางต้องรับสั่งให้ลงมือกับนางไปนานแล้วแน่นอน
ออกศึกต้องใช้กลยุทธ์ ยามนี้คล้ายว่านางเดิมพันถูกแล้ว ส่วนหญิงงามสองคนที่หน้าประตู องค์หญิงใหญ่ไม่สนใจทั้งสองคนนานแล้ว หากทั้งสองคนเสียชีวิต นางก็มอบให้ซ่งอี้เฉินอีกสองคน ไทเฮาไม่อาจสังหารทุกคนจนหมด หากไทเฮากระทำจริง เช่นนั้นยิ่งดี เพราะไม่เพียงทำให้ซ่งอี้เฉินต้องเสียพระเกียรติเท่านั้น ทว่ายังทำให้ไทเฮาได้ชื่อว่าเป็สตรีโเี้บ้าอำนาจอีกด้วย
เมื่อองค์หญิงใหญ่เห็นพระพักตร์ของไทเฮาบึ้งตึงมืดมน นางอารมณ์ดีมากยิ่งขึ้น ไก่ป่าก็คือไก่ป่า ต่อให้ต่อสู้ทำงานหนักมากเพียงใด ท้ายที่สุดก็เป็ตัวตนเช่นเดิม
ดุด่าจนหนำใจแล้ว ข่าวคราวก็ได้มาแล้ว องค์หญิงใหญ่คิดจะลุกขึ้นและกราบทูลลา นางยังคิดว่านางจำเป็ต้องช่วยตระกูลอู๋สักหน่อย ไม่ว่าอย่างไรตระกูลอู๋ก็อยู่กับนางมาหลายปี หากนางโเี้เกินไป เกรงว่าจะทำร้ายจิตใจผู้อื่นเอาได้
องค์หญิงใหญ่กำลังครุ่นคิด ทันใดนั้นพลันมีเสียงดังขึ้นจากนอกประตู คล้ายจะเป็เสียงร้องไห้ องค์หญิงใหญ่ได้ยินเสียงที่คุ้นเคย สีหน้านางพลันเคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อย ทุกคนเห็นนางกำนัลรีบเดินเข้ามาด้วยท่าทีลนลาน ไทเฮาทรงอารมณ์ไม่ดีจึงตรัสถามด้วยน้ำเสียงรำคาญใจ “เกิดเื่อันใดจึงได้ส่งเสียงดังถึงเพียงนี้!”
นางกำนัลคุกเข่าด้วยความหวาดกลัวและทูลอย่างระมัดระวัง “ฮ่องเต้มาถึงแล้วเพคะ”
“ในเมื่อฮ่องเต้มาแล้วก็เชิญฝ่าาเสด็จเสีย ยังส่งเสียงเอะอะอันใดอีก?” ไทเฮามองนางกำนัลตัวสั่นเทา ยิ่งเพิ่มความรำคาญใจของนางมากขึ้น
นางกำนัลมีท่าทีหวาดกลัว ทูลว่า “ฮ่องเต้มีรับสั่งให้......ทุบตีใต้เท้าเยวี่ยเซินเพคะ......”
เมื่อองค์หญิงใหญ่ได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าลำพองใจแต่เดิมพลันเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง นางรีบลุกขึ้นเดินออกไปด้านนอกทันที
ทันทีที่องค์หญิงใหญ่เดินออกไป ภาพที่เห็นคือเหยียนอู๋อวี้โอบอิงร่างซ่งอี้เฉินน้ำตาไหลอาบแก้ม ซ่งอี้เฉินกอดนางไว้ในอ้อมแขนด้วยสีหน้าเ็า
เยวี่ยเซินถูกคุมตัวแสดงสีหน้าหวาดกลัว เขายังคงะโเสียงดังว่า “องค์หญิงใหญ่ หากไม่ได้รับสั่งจากองค์หญิงใหญ่พวกเ้าตีข้าไม่ได้ องค์หญิง...... องค์หญิง......”
เหยียนอู๋อวี้ลอบถอนหายใจ บุรุษบำเรอขององค์หญิงใหญ่เหมือนกันแทบทุกคน ไม่แยกแยะสถานการณ์ พวกเขาคิดว่าเมื่อมีองค์หญิงใหญ่สนับสนุนแล้ว ผู้อื่นไม่สามารถทำอันใดพวกเขาได้ ซวี่หรงก็เป็เช่นนี้ เยวี่ยเซินก็เช่นเดียวกัน ไม่ยอมเก็บไว้เป็บทเรียน พวกเขาคงลืมไปแล้วว่า แม้แคว้นต้าเซวียนจะเป็ของแซ่ซ่ง ทว่ามิใช่ขององค์หญิงใหญ่ซ่งอีเสวี่ย หากแต่เป็ซ่งอี้เฉิน