เฟิ่งเฉี่ยนหน้ามืด บิดาของนางช่างเป็ห่วงนางดีจริง!
หากเขารู้ว่าบุตรสาวของเขาไม่เพียงแต่เดินหมากเป็ อีกทั้งฝีมือการเดินหมากอยู่ในขั้นล้ำลึก โค่นล้มนักเดินหมากระดับเก้าหกคนระเนระนาดด้วยความสามารถของนางเพียงคนเดียว ไม่รู้ว่าเขามีสีหน้าท่าทางอย่างไร
นางพลิกเปิดตำราไปเล่มที่อยู่ด้านในอีก ล้วนเป็ตำราเดินหมาก กระทั่งถึงเล่มสุดท้าย นางหยุดชะงัก สีหน้าประหลาดใจ
“เล่มนี้คืออะไรอีก 《ตำราภาพวังวสันต์》?”
นางพลิกเปิดไปสองสามหน้าด้วยความแปลกใจ นางถูกภาพอันเร่าร้อนและรายละเอียดโจ่งแจ้งบนหน้าหนังสือทำให้ใจนสะดุ้งโหยง มือนางสั่นสะท้านตำราเล่มนั้นจึงตกลงบนพื้น
เมื่อเงยหน้าขึ้นเห็นบิดาของนางหน้าแดงก่ำด้วยความรู้สึกรับไม่ไหวอยู่บ้าง
เฟิ่งเฉี่ยนกระแอมกระไอ กล่าวด้วยสีหน้ายิ้มไม่ค่อยออก “ท่านพ่อ ท่านไม่ทันระวังจึงได้รวบรวมตำราเล่มนี้มาด้วยใช่หรือไม่ แค่กๆ...รสนิยมไม่เบาเหมือนกันนี่!”
เฟิ่งชังใบหน้าบิดเบ้ เขาตำหนิติเตียนทั้งหน้าตาแดงก่ำ “พูดเหลวไหลอันใดกัน นี่เป็สิ่งที่ข้าให้คนเตรียมมาเป็พิเศษ!”
เฟิ่งเฉี่ยนมุมปากกระตุก “ให้เ้าสิ่งนี้ข้ามาทำไมกัน”
เฟิ่งชังพูดด้วยน้ำเสียงเป็การเป็งาน “ข้า้าให้เ้ามีเวลาศึกษาให้มากสักหน่อย! เ้าเป็ฮองเฮา เป็หน้าที่และความรับผิดชอบของเ้าที่จะทำให้ฝ่าาทรงพระเกษมสำราญ! หากเ้าไม่คิดหาวิธีผูกใจเขาไว้ วันๆ มัวแต่หึงหวงสตรีในตำหนักในเ่าั้ มีประโยชน์อันใดกัน”
เขาโน้มตัวลงไปหยิบตำราเล่มนั้นขึ้นมาแล้วยัดใส่มือนาง “รับไว้! ศึกษาให้ดี!”
เฟิ่งเฉี่ยนมองตำราภาพวาดในมือแล้ว หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก
มิใช่กล่าวว่าคนในยุคสมัยโบราณสงวนท่าทีอย่างยิ่งหรือ
เหตุใดบิดาของนางเช่นนี้จึงได้เปิดเผยเช่นนี้ บีบบังคับให้บุตรสาวของเขาเรียนรู้สิ่งน่าอายเหล่านี้
พลันมีเสียงคนขานขึ้นจากด้านนอกในเวลานี้เอง “ฝ่าาเสด็จ--”
เฟิ่งเฉี่ยนได้ยินเช่นนั้นมือสั่นขึ้นมาอีกครั้ง ตำราภาพวาดวังวสันต์ที่เป็เช่นเผือกร้อนในมือถึงกับตกลงบนพื้นอีกครั้ง
เหตุใดเขาจึงมาที่นี่
และยังมาถึงในเวลาเช่นนี้
ไม่ได้ จะให้เขาเห็นตำราภาพเล่มนี้ไม่ได้เด็ดขาด ์ยังรู้ว่าเขาจะมองนางอย่างไร
นางรีบโน้มกายลงไปหยิบตำราภาพนั้นขึ้นมามองซ้ายมองขวา หาสถานที่เหมาะสมในการซ่อนตำรา วินาทีก่อนที่เซวียนหยวนเช่อจะก้าวเข้ามาในตำหนักบรรทม นางรีบยัดตำราภาพวังวสันต์เข้าไปใต้เบาะของบัลลังก์หงส์ จากนั้นนั่งทับเอาไว้ แก้มนวลผ่องนั้นยังปรากฏให้เห็นรอยแดงระเรื่อ
เซวียนหยวนเช่อเดินเข้ามาในตำหนักบรรทม สายตาของเขากวาดมองมาแล้วพูดเรียบๆ ว่า “ท่านมหาเสนาบดีก็อยู่ที่นี่ด้วย”
เฟิ่งชัง “กระหม่อมถวายบังคมฝ่าาพ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่ต้องมากพิธี!” เซวียนหยวนเช่อกวาดสายตามองผ่านเขาไปยังเฟิ่งเฉี่ยนที่นั่งอยู่บนบัลลังก์หงส์ด้วยสีหน้าไม่ธรรมชาตินัก “ฮองเฮาเป็อะไรไป หน้าแดงเช่นนี้ ไม่สบายหรือไม่”
เฟิ่งเฉี่ยนโอดครวญ
ท่านน่ะสิที่ป่วยน่ะ!
“ท่านมาทำอะไรกัน มีเื่อันใดหรือไม่” นางถามขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์
เฟิ่งชังได้ยินเช่นนั้นจึงลอบถลึงตาใส่นาง ลมในอกตีขึ้นมาทันควัน!
ฝ่าาเสด็จมาถึงตำหนักของอย่างมิง่ายดาย นางยังไม่คิดหาวิธีการรั้งคนให้อยู่ต่อ กลับใช้น้ำเสียงเช่นนี้พูดจากับฝ่าา ช่างทำให้เขาโมโหแทบตายอยู่แล้ว!
“เฉี่ยนเอ๋อร์ ไฉนจึงพูดจากับฝ่าาเช่นนี้เล่า” ตำหนิบุตรสาวแล้วเขาก็หันไปอธิบายกับฮ่องเต้ “ทูลฝ่าา ฮองเฮาไม่ค่อยสบายเล็กน้อยจริงๆ จึงได้พูดจาเลอะเทอะ พระองค์โปรดอย่าถือสาพ่ะย่ะค่ะ!”
ดวงตาของเซวียนหยวนเช่อมีความเ็าพาดผ่าน สายตาตกลงบนตำราที่วางอยู่บนกล่องไม้แดง เขาหยิบขึ้นมาดู “นี่เป็ตำราเดินหมาก...”
เฟิ่งชังรีบอธิบาย “ฮองเฮารู้ว่าฝ่าาโปรดการเดินหมาก ดังนั้นจึงให้กระหม่อมหาตำราเดินหมากเหล่านี้เพื่อนำมาศึกษาเป็การเฉพาะ เห็นได้ว่าฮองเฮาเอาใจใส่พระองค์ยิ่งนักพ่ะย่ะค่ะ!”
เฟิ่งเฉี่ยนมุมปากกระตุก บิดาของช่างปั้นน้ำเป็ตัวนัก ไฉนจึงดูแล้วเหมือนชักจูงให้ไปทำเื่พรรค์นั้นเล่า
จากนั้นเห็นเซวียนหยวนเช่อมองมาทางนาง “หืม? ใช่หรือ”
เฟิ่งเฉี่ยนขึงหน้ายิ้มแห้งๆ ทว่าไม่พูดจา
เฟิ่งชังใส่สีตีไข่อีกว่า “ฮองเฮาเพิ่งจะพูดกับกระหม่อมว่า นางเห็นอกเห็นใจที่ฝ่าาทรงงานทั้งวัน พระองค์จะต้องเหน็ดเหนื่อยแน่นอน ดังนั้นจึงได้ไปเรียนวิธีการนวดน้ำมันมาจากหมอหลวงเพื่อผ่อนคลายความเหนื่อยล้าให้ฝ่าาพ่ะย่ะค่ะ!”
เฟิ่งเฉี่ยนไม่ทันได้ตั้งตัวจึงสะอึกน้ำลายของตนเอง
ท่านพ่อหนอท่านพ่อ ขุมหลุมให้บุตรสาวตนเองก็ไม่ใช่ทำกันเช่นนี้
เหตุใดท่านจึงไม่นำตัวบุตรสาวห่อแล้วใส่ลงไปในกล่องของขวัญโยนขึ้นบนแท่นบรรทมัเลยล่ะ
อ้อ ถูกต้องแล้ว ในวันที่เฟิ่งเฉี่ยนและเซวียนหยวนเช่อแต่งงานกัน ดูเหมือนเขาได้เคยทำเื่เช่นนี้มาแล้ว...
แววตาเป็ประกายเชียว!
เซวียนหยวนเช่อลอบใช้สายตาพินิจพิจารณานาง มุมปากยกขึ้นเล็กน้อยให้เห็นเป็รอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “ฮองเฮา มีเื่เช่นนี้หรือ”
เฟิ่งเฉี่ยนเม้มปากหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก ยังไม่รอให้นางตอบคำ บิดาของนางก็ตอบแทนอย่างรอไม่ไหว “ฮองเฮาขี้อาย ไม่กล้ายอมรับ! แต่กระหม่อมเป็บิดาของนาง บิดาย่อมรู้ใจบุตรสาวเป็ที่สุด ความในใจของนางกระหม่อมกระจ่างที่สุดพ่ะย่ะค่ะ”
พูดแล้วเขาส่งสายตาเพื่อส่งสัญญาณให้กับนาง “ฮองเฮา ยังไม่รีบนำวิธีการนวดน้ำมันที่เพิ่งไปร่ำเรียนมาออกมาแสดงฝีมือให้ฝ่าาทอดพระเนตรอีก”
เฟิ่งเฉี่ยนลอบเหลือกตามองบนในใจ แสดงฝีมือ? แสดงฝีมือบนศีรษะท่านน่ะสิ!
ไม่ต้องกล่าวถึงว่านางไม่เคยได้ร่ำเรียนวิธีการนวดน้ำมันมาก่อน ต่อให้เคยร่ำเรียนมา เื่อะไรนางจะต้องไปนวดให้เซวียนหยวนเช่อล่ะ
ต่อมาเฟิ่งชังพูดขึ้นอย่างรู้กาลเทศะ “อาจเป็เพราะกระหม่อมอยู่ที่นี่ด้วย ฮองเฮาจึงเขินอาย เช่นนั้นกระหม่อมไม่รบกวนฝ่าาและฮองเฮาแล้วพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมทูลลา!”
ก่อนออกไปเขายังส่งสายตาให้เฟิ่งเฉี่ยนอีกครั้ง สายตานั้นกำลังพูดว่า คว้าโอกาสครั้งนี้เอาไว้ให้ได้ อย่าทำให้เขาผิดหวัง!
เฟิ่งเฉี่ยนกุมขมับ แต่ยังคงลุกขึ้นส่งเขาออกประตูไป!
ส่งบิดาของนางออกไปอย่างมิง่ายดาย เฟิ่งเฉี่ยนหันกลับเข้ามาในตำหนักบรรทม กลับเห็นเซวียนหยวนเช่อนั่งลงบนบัลลังก์หงส์ของนางั้แ่เมื่อใดไม่รู้ ดูเหมือนเขาจะไม่คุ้นชินหรืออย่างไร เมื่อยื่นมือเข้าไปหยิบของที่ซ่อนอยู่ใต้เบาะที่นั่ง เฟิ่งเฉี่ยนรีบเข้าไปห้ามอย่างตื่นตระหนก
“อย่านะ--”
แต่นางยังคงช้าไปก้าวหนึ่ง 《ตำราภาพวังวสันต์》ตกอยู่ในมือของเซวียนหยวนเช่อเสียแล้ว และเขากำลังพลิกเปิดดูภาพในนั้น
เฟิ่งเฉี่ยนโถมกายเข้าไปคว้าตำราภาพนั้นไว้มั่นมือ นางถลึงตาใส่เขาด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ “ห้ามดูนะ!”
เซวียนหยวนเช่อเลิกคิ้ว “เหตุใดจึงดูไม่ได้”
“มันเป็ตำราธรรมดาๆ เล่มหนึ่ง ไม่มีอะไรน่าดู!” เฟิ่งเฉี่ยนออกแรงดึงตำราเล่มนั้นออกมา
เซวียนหยวนเช่อจับจ้องใบหน้าแดงก่ำของนาง ในใจกลับมีความคิดชั่วร้ายเจตนาเบี่ยงตำราภาพนั้นออกไปอีกด้านหนึ่ง ทั้งยังพูดอีกว่า “เ้าบอกเจิ้นมาก่อนว่าเนื้อหาในตำราเล่มนี้เป็อย่างไร เจิ้นจะปล่อยมือ”
ดวงตาเฉลียวฉลาดของเฟิ่งเฉี่ยนกลอกไปมา ท่ามกลางความร้อนรนนางพูดว่า “《ตำราภาพวังวสันต์》เป็ตำราที่เขียนภาพและบรรยายถึงภาพของวังหลวงในฤดูวสันต์และฤดูสารท เป็การเขียนตำราในลักษณะพรรณนาภาพจริง เป็ตำราที่วาดภาพเกี่ยวกับทิวทัศน์ ไม่มีอะไรน่าดู!”
คิดไม่ถึงว่าเซวียนหยวนเช่อจะพยักหน้าเบาๆ “ได้ยินเ้าบรรยายเช่นนี้ เจิ้นกลับรู้สึกสนใจอยู่บ้าง”
เฟิ่งเฉี่ยนหน้าดำทะมึนจนเกือบจะหยดน้ำหมึกออกมาได้ นางขบฟันแน่น “เมื่อสักครู่ท่านพูดเองแท้ๆ ว่า ขอเพียงบอกท่านว่ารายละเอียดในตำราเป็อย่างไร ท่านก็จะปล่อยมือ!”
เห็นนางถลึงตามองเขาด้วยดวงตาที่แทบจะพ่นไฟออกมาได้ เซวียนหยวนเช่อลอบยิ้มเขาตัดสินใจไม่หยอกล้อนาง จากนั้นปล่อยมือ “ก็ได้ ตำราไม่ดูแล้ว ให้เจิ้นดูว่าเ้าเรียนการนวดน้ำมันมาเป็อย่างไรบ้าง!”
พูดแล้วเขาก็เอนกายไปพิงด้านหลังแล้วปิดดวงตาทั้งคู่ลง
เฟิ่งเฉี่ยนแย่งตำราคืนมาอย่างมิง่ายดาย เพิ่งจะพรูลมหายใจโล่งอกได้ไม่เท่าใดก็มีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาอีกครา นางยิ้มเฝื่อน จนปัญญาที่นางได้แต่ปล่อยเลยตามเลย
นางนำ 《ตำราภาพวังวสันต์》ใส่เข้าไปในกล่องไม้แล้วใส่กุญแจเอาไว้ นางเดินไปด้านหลังเซวียนหยวนเช่อ ยื่นมือเรียวทั้งสองข้างกางเล็บออกมาบนหัวไหล่ของเขา ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรดี