เฟิ่งชังสะอึก คิดไม่ถึงว่าบุตรสาวจะเปลี่ยนเป็คนปากคอเราะร้ายเช่นนี้ นี่ยังใช่บุตรสาวที่เห็นเขาชักสีหน้าก็สั่นเทิ้มไปทั้งตัวด้วยความหวาดกลัวอีกหรือไม่
เห็นท่าทีสะอึกของเขา เฟิ่งเฉี่ยนพูดอีกว่า “ท่านมหาเสนาบดีมีราชกิจมากมายติดพันทั้งวัน เวลาของท่านมีค่ายิ่ง หากไม่มีเื่อื่นก็เชิญกลับเถิด! ลูกอยู่ที่นี่สบายดี ท่านไม่ต้องกังวลแทนลูก!”
นี่นางกำลังไล่แขก!
เส้นเืบริเวณขมับของเฟิ่งชังเต้นตุบ ได้แต่ส่งเสียงอึกอักในลำคอ “เ้าคิดว่าข้าเป็ห่วงเ้าเช่นนั้นหรือ ตำแหน่งฮองเฮาของเ้าสั่นคลอนแล้ว ข้าจะไม่เป็ห่วงได้อย่างไร”
เฟิ่งเฉี่ยนแค่นหัวเราะเสียงเย็น “ท่านเป็ห่วง นั่นเป็เพราะท่านเป็ห่วงหมวกผ้าแพรบนศีรษะของท่านมากกว่า เป็ห่วงว่าตำแหน่งในราชสำนักของท่านจะสั่นคลอน เป็ห่วงว่าสกุลเฟิ่งจะอ่อนอำนาจในแคว้นเป่ยเยียน ท่านเคยใส่ใจที่ไหนว่าบุตรสาวของท่านจะมีชีวิตความเป็อยู่อย่างไรในวังหลวง สบายใจหรือไม่”
“เ้า...เหตุใดเ้าจึงกล้าพูดจาเยี่ยงนี้กับข้า เ้ามันลูกทรพี!” เฟิ่งชังถูกยั่วโทสะจนพูดติดๆ ขัดๆ เขาแทบจะหายใจไม่ทัน เขาเอามือกุมหน้าอกแล้วไอโขล่กขึ้นมาทันที
เฟิ่งเฉี่ยนเห็นเช่นนั้นจึงหุบปากไม่พูดอะไรเพื่อเป็การยั่วโทสะเขาอีก หากเขาเกิดโมโหจนตายจริงๆ นางคงต้องมีความผิดติดตัวอย่างใหญ่หลวง
แม้จะกล่าวว่ามหาเสนาบดีเฟิ่งทำเพื่ออำนาจของตนเอง และใช้ประโยชน์จากบุตรสาว ทว่าอย่างไรเขาก็เป็ูเาที่พึ่งพิงของนางเช่นกัน หากทำให้เขาโมโหตาย ชีวิตในวังหลวงของตนย่อมต้องเป็ไปอย่างลำบากขึ้น
พูดขึ้นมาแล้ว ความสัมพันธ์ของระหว่างพวกเขาเป็เพียงการใช้ประโยชน์ซึ่งกันและกันเท่านั้น!
เฟิ่งชังหายใจคล่องขึ้นอย่างมิง่ายดาย เขาตำหนิติเตียนอีกว่า “เ้ายิ่งขวัญกล้าใหญ่แล้ว ใครอนุญาตให้เ้ารับปากเดิมพันกับไทเฮา ในมือของพวกเรามีพระราชโองการของอดีตฮ่องเต้ ขอเพียงเ้าไม่เป็ฝ่ายยอมลาออกจากตำแหน่งฮองเฮาเอง ใครก็ไม่อาจทำอะไรเ้าได้ เวลานี้เพื่อชีวิตของนางกำนัลเพียงไม่กี่คนเ้าถึงกับนำเอาตำแหน่งฮองเฮาของตนมาเดิมพัน เ้าช่างโง่เขลา โง่เขลาที่สุด!”
เฟิ่งเฉี่ยนพูดอย่างเห็นต่าง “นางกำนัลไม่ใช่คนหรือ พวกนางเป็คนของข้า ข้าปกป้องคนของข้า ผิดตรงไหน”
เฟิ่งชังร้องฮึ “พวกนางเป็บ่าว การพลีชีพเพื่อนายเป็เื่สมควร!”
เฟิ่งเฉี่ยนหัวเราะถากถาง “ใช่สิ ความสำเร็จที่เกิดขึ้นบนกองกระดูกนับหมื่น! เพื่อให้ท่านสมปรารถนาในตำแหน่งมหาเสนาบดี ถึงกับยอมสละความสุขชั่วชีวิตของบุตรสาว นี่ก็ถือเป็เื่ถูกต้องสมควรเช่นกัน”
สีหน้าของเฟิ่งชังแข็งค้าง ราวกับปลาสำลักน้ำ
บิดาและบุตรสาวต่างเข้าสู่ห้วงคิดคำนึงของตน
ความเงียบงันที่แสนจะกระอักกระอ่วน!
เฟิ่งชังจ้องบุตรสาวตรงหน้าด้วยดวงตาคมปลาบ ในใจของเขาพลันบังเกิดความรู้สึกชื่นชมขึ้นมาอย่างน่าประหลาด เมื่อเปรียบเทียบกับนางในอดีตที่เอาแต่ก่อเื่วุ่นวาย หลังจากก่อเื่แล้วก็ตกอยู่ในสภาพหวาดกลัวลนลานทำอะไรไม่ถูก เขากลับชื่นชมนางตรงหน้าที่เป็เช่นนี้ กล้าทำกล้ารับ ไม่รู้สึกว่าตนเองต่ำต้อยด้อยค่า!
เนิ่นนาน สีหน้าของเฟิ่งชังค่อยๆ ผ่อนคลายลง เขาพูดเสียงหนัก “เื่แมวเทพ ข้าได้ให้คนไปตามหาแล้ว! หากหามาได้ทุกคนย่อมแคล้วคลาดปลอดภัย หากหาไม่พบ เ้าฟังคำข้าให้ดี ไม่ว่าไทเฮาและฮ่องเต้จะบีบคั้นเ้าอย่างไร เ้าห้ามรับปากลาออกจากตำแหน่งฮองเฮาเด็ดขาด รู้หรือไม่”
เฟิ่งเฉี่ยนเลิกคิ้ว “ไม่ต้องให้ท่านต้องเหนื่อยใจ ข้าหาแมวเทพพบแล้ว!”
“หาพบแล้ว” เฟิ่งชังประหลาดใจ “หาพบได้อย่างไรกัน”
เฟิ่งเฉี่ยนลังเลเล็กน้อย “เื่นี้ท่านไม่จำเป็ต้องถาม”
หากบอกความจริงกับเขา เขาจะต้องสงสัยในฐานะของนางเป็แน่ ยุ่งยากมากขึ้นเื่หนึ่งไม่สู้ยุ่งยากน้อยลงเื่หนึ่ง
เฟิ่งชังจ้องนางด้วยสายตากังขา เขามองนางด้วยสายตาประเมินเนิ่นนาน ในที่สุดก็ผ่อนลมหายใจยาวและพูดอย่างคิดตก “ก็ได้ เื่นี้ให้จบลงตรงนี้ชั่วคราว! แต่ยังมีอีกเื่หนึ่ง เ้าจะต้องตระหนักให้ดี หาไม่แล้วตำแหน่งฮองเฮาของเ้าคงสั่นคลอน!”
“เื่อะไร” เฟิ่งเฉี่ยนแปลกใจ
เฟิ่งชังพูดด้วยสีหน้าเป็การเป็งาน “เ้ารู้หรือไม่วันนี้มีการประลองเดินหมากล้อมที่ชุมนุมเดินหมากเทียนหยวน ะเืไปทั่วทั้งเมือง”
เฟิ่งเฉี่ยนตะลึง “อ้อ เหมือนจะได้ยินมาบ้าง”
เฟิ่งชังถามอีก “เช่นนั้นเ้ารู้หรือไม่ว่าสองฝ่ายที่เป็ประลองกันนั้นเป็ใคร”
เฟิ่งเฉี่ยนสะดุดในใจ เขาคงไม่รู้เื่ที่นางไปเดินหมากที่ชุมนุมเดินหมากเทียนหยวนแล้วกระมัง
แต่ต่อให้เขารู้แล้วอย่างไรเล่า
นางก็คือเฟิ่งเฉี่ยน เฟิ่งเฉี่ยนก็คือนาง!
ต่อให้เขาระแวงสงสัย ก็ไม่มีทางพิสูจน์ได้ว่านางมิใช่เฟิ่งเฉี่ยน
แต่นางยังคงส่ายหน้าแสร้งทำเป็ไม่รู้
เฟิ่งชังมีโทสะที่คนของตนไม่ได้ความ เขาชี้หน้านาง กล่าวว่า “เ้าหนอเ้า! มิน่าเล่าทุกคนล้วนพูดว่า ฮองเฮาของแคว้นเป่ยเยียนหน้าอกใหญ่ไร้สมอง เป็คนโง่เขลาคนหนึ่ง!”
เฟิ่งเฉี่ยนมืดแปดด้าน มุมปากกระตุก “ขอบคุณที่ท่านชื่นชม! ข้ารู้สึกพออกพอใจกับหน้าอกของข้าอยู่นะ!”
ครั้งนี้กลายเป็เฟิ่งชังบ้างที่รู้สึกมืดแปดด้าน เขาชี้หน้านางแล้วด่าทอ “เ้ายังมีกะจิตกะใจมาล้อเล่นอีก เ้ารู้หรือไม่ฮ่องเต้เกือบจะถูกสตรีนางนั้นครอบงำด้วยความลุ่มหลงแล้ว”
เฟิ่งเฉี่ยนกระพริบตาปริบๆ “สตรีคนไหน”
เฟิ่งชัง “ก็สตรีคนที่เดินหมากในชุมนุมเดินหมากเทียนหยวนวันนี้อย่างไรเล่า!”
หา...
เฟิ่งเฉี่ยนเหงื่อตก สตรีที่เดินหมากในชุมนุมเดินหมากเทียนหยวน มิใช่นางหรอกหรือ
ฮ่องเต้ถูกนางทำให้ลุ่มหลง?
นี่มันเื่อะไรกัน
เฟิ่งชังพูดอีก “วันนี้ข้าชมการเดินหมากกับฮ่องเต้ ฮ่องเต้ชื่นชมสตรีนางนั้นไม่หยุด ข้ามองออกว่าฮ่องเต้รู้สึกชื่นชมสตรีนางนั้นอย่างมาก ถึงกับเรียกได้ว่าบังเกิดความรู้สึกประทับใจ”
หา...
เฟิ่งเฉี่ยนเหงื่อตกอีกรอบ เซวียนหยวนเช่อชื่นชมนาง บังเกิดความรู้สึกประทับใจต่อนาง
นี่จะเป็ไปได้หรือ
เฟิ่งชังไม่รู้ว่านางกำลังคิดอะไรในใจ เห็นสีหน้านางยุ่งเหยิงจึงคิดว่านางเกิดความรู้สึกหวาดกลัว ดังนั้นจึงเยาะเย้ยถากถางนางอีก “รู้จักกลัวแล้วล่ะสิ หากสตรีนางนั้นมีรูปโฉมธรรมดาสามัญก็ดีไป แต่ถ้านางมีรูปโฉมงดงามแล้วยังเปี่ยมไปด้วยความรู้ความสามารถ ทั้งยังรู้ใจฝ่าา ถึงเวลานั้นเกรงว่าเ้าร้องไห้ก็ไม่ทันแล้ว!”
เฟิ่งเฉี่ยนยกมือขึ้นปาดเหงื่อ
หากบิดาของนางรู้ว่าสตรีนางนั้นที่เขายกขึ้นมาโจมตีนางก็คือตัวนางเอง ไม่รู้ว่าเขาจะรู้สึกอย่างไร
“ท่านคิดว่าฮ่องเต้รู้สึกประทับใจต่อนางจริงๆ หรือ”
ตอนนี้นางแปลกใจต่อคำถามนี้มากกว่า
“ยังจะไม่จริงได้อีกหรือ” เฟิ่งชังยืนกรานเสียงแข็ง “ฮ่องเต้พระองค์นี้ของพวกเราแม้จะยังหนุ่มแน่น ทว่ากลับมีนิสัยสุขุมหนักแน่น ไม่มักมากในสตรี นี่เป็ครั้งแรกที่ข้าเห็นเขาบังเกิดความสนใจต่อสตรีนางหนึ่งมากมายถึงเพียงนี้! เ้าไม่เห็นเขายามที่เอ่ยถึงสตรีนางนั้น ในแววตานั้นแทบจะซ่อนประกายตาที่วาววับเอาไว้ไม่ได้! หากบอกว่าเขาไม่มีความรู้สึกดีๆ ต่อสตรีนางนั้นแม้แต่น้อย ผีก็ไม่เชื่อ!”
เซวียนหยวนเช่อมีความรู้ที่ดีต่อนางจริงหรือ
กลางใจนางมีความรู้สึกอุ่นซ่านไหลบ่าเข้ามา แก้มของนางร้อนซู่
จากนั้นได้ยินเสียงของเฟิ่งชังที่ยังคงบ่นกระปอดกระแปด “เฉี่ยนเอ๋อร์ เ้าตั้งใจหน่อยเถิด! หากเ้าไม่คิดหาวิธีผูกใจฮ่องเต้ ตำแหน่งของเ้าในตำหนักในย่อมไม่มั่นคง!”
พูดแล้วเขาก็เขาก็วางกล่องไม้แดงกล่องหนึ่งลงบนโต๊ะเบื้องหน้านาง “สิ่งของในกล่องนี้เป็ของที่ข้าให้คนไปเสาะหามาอย่างพิถีพิถัน เ้าตั้งใจศึกษาให้ดี ถือว่าเป็การต่อสู้เพื่อข้าและเพื่อเ้าด้วย!”
“นี่คืออะไร” เฟิ่งเฉี่ยนรับมาอย่างประหลาดใจ นางเปิดกล่องไม้ เห็นเพียงในกล่องไม้มีตำราอยู่หลายเล่ม เล่มบนสุดนั้นเขียนว่า 《ตำราการเดินหมากอันเลื่องชื่อ》นางพลิกเปิดดูอีกหลายเล่มด้านหลัง ข้างบนเขียนว่า 《ตำราอ่านใจคน》《ละครสิบเื่》...
“ตำราหมากล้อม?” เฟิ่งเฉี่ยนประหลาดใจน้อยๆ
“ถูกต้อง มันคือตำราเดินหมาก!” ดวงตาพยัคฆ์ของเฟิ่งชังเปล่งประกาย กล่าวว่า “ฮ่องเต้ของพวกเราโปรดปรานการเดินหมากล้อม ดังนั้นจึงชื่นชมสตรีที่แตกฉานเื่การเดินหมาก เ้าจะต้องทำเื่ที่พระองค์ชอบ ตั้งใจศึกษาการเดินหมากให้ดี เช่นนี้แล้วจึงจะเรียกร้องความสนใจจากพระองค์ได้ รู้หรือไม่”
อ้อ...
เฟิ่งเฉี่ยนงงงัน ที่แท้บิดาของนางมีแผนการเช่นนี้!
เฟิ่งชังสังเกตสีหน้าท่าทางของนางแล้วกล่าวว่า “ข้ารู้ว่าสมองของเ้าไม่เฉลียวฉลาดกลัวว่าจะร่ำเรียนได้ไม่ดี เช่นนั้นเ้าใช้วิธีท่องจำเอาคงพอจะทำได้กระมัง ข้ายังได้เสาะหายอดฝีมือหลายคนมาสอนการเดินหมากให้กับเ้า เ้าท่องจำแต่ละก้าวให้แม่นยำ ยังคงใช้ได้หรอก!”