เฉินเนี้ยนหรานเบิกตากว้างมองเขา รู้สึกไม่เข้าใจ สองพี่น้องที่เล่นดนตรีทำจังหวะอยู่ด้านข้างเองก็รู้สึกไม่เข้าใจเช่นกัน
“ข้ารู้สึกว่า...การเต้นรำของน้องสาวคนนี้งดงามกว่าพวกเรามากเลย แล้วก็....เนื้อเพลง ข้าเองก็รู้สึก...” สองพี่น้องด้วยความที่มีนิสัยเป็คนซื่อตรงจึงแสดงความคิดของตนเองออกมาในตอนนั้น
เพียงแต่... นางยังพูดไม่ทันจบ สายตาดุร้ายของโจวอ้าวเสวียนก็ตวัดหันไปมอง
ก่อนจะโยนหนึ่งตำลึงเงินไปตรงหน้าพวกนาง “พวกเ้าสองคนชนะ”
แฝดน้องเป็คนฉลาด จึงรีบคว้าเงินตำลึงไว้ก่อนจะลากแฝดพี่เดินจากไป
เฉินเนี้ยนหรานถลึงตามองบุรุษตรงหน้าด้วยความโกรธ คนที่ถูกถลึงตาใส่เองก็ส่งสายตาท้าทายกลับไปให้นาง เชิดคางขึ้นสูง ทั้งยังมีท่าทางเย่อหยิ่ง ซึ่งทำให้เฉินเนี้ยนหรานหงุดหงิดเหลือเกิน
กลับเป็เฉินจื่อิที่อยู่ด้านข้างที่ร้อนใจแทบตาย สำหรับการปฏิบัติเฉพาะเจาะจงอย่างชัดเจนของสองคนนี้ ต้าหลางเองในตอนนี้ก็พอจะเข้าใจขึ้นมาบ้างแล้ว ดูเหมือนว่าบุรุษหนุ่มคนนี้จะปฏิบัติต่อแม่หนูหรานไม่เหมือนผู้ใดเลย
ตอนที่เขามองโจวอ้าวเสวียนอีกครั้ง ก็รู้สึกว่าคนคนนี้ จะมองอย่างไรก็รู้สึกไม่ชอบขี้หน้า ตอนที่จะเอ่ยปากพูดแทนเฉินเนี้ยนหราน เฉินจื่อิก็รีบกดมือของเขาเอาไว้
“ต้าหลาง พวกเราไปสั่งอาหารด้านนอกกัน มาตั้งนานแล้วยังไม่ได้สั่งอาหารกันเลย”
“ท่านพ่อ พวกเรา.....” ต้าหลางกำลังจะพูดว่าพวกเราสั่งอาหารกันไปแล้วไม่ใช่หรือ? ตอนที่เข้ามาคุณชายท่านนี้ก็ได้สั่งไปแล้วอย่างไร แต่ว่ามือของเฉินจื่อิกลับยกมาหยิกหลังมือเขา ทำให้ทุกคำพูดของเขาก็ถูกกลืนกลับไปจนหมด
การปล่อยให้กับทั้งสองคนอยู่ตามลำพังเช่นนี้ ต้าหลางออกมาจากห้องอาหารก็ถามแกมตำหนิเฉินจื่อิด้วยความไม่พอใจ
“ท่านพ่อ เหตุใดท่านถึงได้ทิ้งให้น้องสาวอยู่กับบุรุษคนนั้นตามลำพังล่ะขอรับ อีกอย่าง น้องสาวแต่งตัวน้อยชิ้นเช่นนั้น หากต่อไปเื่นี้เผยแพร่ออกไป น้องสาวจะออกเรือนได้อย่างไร ก่อนที่นางจะแต่งงาน ไม่ควรปล่อยให้นางอยู่กับบุรุษที่ยังไม่ออกเรือนเพียงลำพังนะขอรับ”
ต้าหลางร้อนใจมาก พูดจบก็ทำท่าจะหมุนตัวกลับไป
“โอ้ย ต้าหลางเอ๋ยต้าหลาง เ้า เ้า...กับบางคนหรือบางเื่ เ้าทำได้แค่มองดูเท่านั้น ข้าไม่อยากให้เ้ามีความคิดที่ไม่ควร มันก็นานมากแล้วนะ การกระทำของเ้า... ข้าเห็นมันหมดทุกอย่าง เ้าอย่าทำให้ข้าผิดหวังเลย”
ต้าหลางเกร็งคอ แต่สายตากลับเบือนหลบ “ท่านพ่อ ข้าไม่รู้ว่าท่านกำลังพูดถึงอะไร”
เฉินจื่อิส่ายหน้า มองต้าหลางด้วยความเห็นใจ “ต้าหลางเอ๋ย ข้าก็เคยผ่าน่วัยเยาว์มาก่อน การมองโลก ความคิดเห็นที่มีต่อตัวเอง ความคิดที่มีต่อคนอื่น ข้ารู้ทั้งหมด เ้าน่ะ มีความคิดที่ไม่พึงมี”
“บางทีเ้าอาจจะแค่ใส่ใจแม่หนูหรานมากเกินไป แต่เ้าไม่รู้สึกว่าความใส่ใจของเ้ามันเกินงามหรือ เอาล่ะ ข้าไม่พูดเื่ความคิดของเ้าแล้ว คนคนนั้น....ั้แ่ต้นเขาก็มีความสัมพันธ์อันยุ่งเหยิงที่ตัดกันไม่ขาดกับแม่หนูหรานอยู่แล้ว ให้เวลาพวกเขาได้อยู่ด้วยกันสักหน่อยเถิด”
สีหน้าของต้าหลางเดี๋ยวขาวเดี๋ยวแดง เขาฮึดฮัดอยู่ครู่หนึ่ง ถึงได้เอ่ยแย้งออกมาเสียงต่ำ “ท่านพ่อ ข้าเห็นแม่หนูหรานเป็น้องสาว แต่ว่าหากกล่าวกันตามตรง ข้าเองก็ไม่แน่ใจว่าตนเองรู้สึกอย่างไรกับนาง แค่รู้สึกว่าคำพูดที่นางพูด เื่ที่นางทำ จะทำอะไรก็ล้วนทำได้ดีไปเสียหมด แต่ความรู้สึกในแบบบุรุษที่คิดกับสตรีคนหนึ่ง ข้าไม่มีทางคิดเช่นนั้นกับนาง เพียงแต่ความรู้สึกของข้าที่มีต่อนางบางทีอาจจะมีความสัมพันธ์แบบพี่น้องมากไปหน่อย และบางทีอาจจะผสมความคิดอื่นลงไปข้างในนั้น แต่ว่า ข้าเองก็รู้ว่าข้ากับนางนั้นไม่มีทางเป็ไปได้ขอรับ”
“ท่านพ่อ ท่านคิดมากเกินไปแล้ว ข้าคิดกับแม่หนูหรานเป็เหมือนกับพี่น้อง แต่ว่า ฟังจากความคิดของท่านพ่อแล้วหมายความว่าบุรุษที่อยู่ด้านในคือคุณชายห้าคนเลวคนนั้น? เฮอะ ไม่ต้องพูดถึงที่เขาทำลายชีวิตแม่หนูหรานทั้งชีวิต ตอนนี้เขายังคิดที่จะมีความสัมพันธ์ไม่ชัดเจนกับแม่หนูหรานอยู่อีกทำไม?”
ไม่รู้ว่าพี่ชายบนโลกใบนี้ล้วนปกป้องน้องสาวเช่นนี้หรือไม่
ต้าหลางในตอนนี้กำลังปกป้องเฉินเนี้ยนหรานอยู่ ในสายตาของพี่ชาย บุรุษทั้งหมดบนโลกใบนี้ล้วนไม่เหมาะสมกับน้องสาวของตน
ถึงแม้โจวอ้าวเสวียนจะเป็คนที่ชาญฉลาด แต่ในสายตาของต้าหลางก็ยังรู้สึกว่าโจวอ้าวเสวียนไม่เหมาะสมกับเฉินเนี้ยนหรานอยู่ดี
เห็นท่าทางของต้าหลาง เฉินจื่อิก็ยิ้มด้วยความชื่นชม เขาตบบ่าลูกชาย “เฮ้อ ต้าหลางเอ๋ย เ้าคิดได้เช่นนี้ ไม่มีทางมีความคิดที่ไม่ถูกต้อง ข้าก็วางใจแล้วล่ะ เื่ของแม่หนูหรานกับคุณชายห้า พวกเราก็มองอยู่ด้านข้างเงียบๆ แล้วกัน ทั้งสองคนต่างไม่ใช่คนธรรมดา ข้าว่าความรู้สึกของพวกเขา ก็คงไม่ใช่เื่ที่คนธรรมดาอย่างพวกเราจะไปกังวลใจ”
“ปล่อยให้มันเป็ธรรมชาติเถอะ หากแม่หนูหรานสามารถดูใจกับคุณชายห้าได้จริงๆ เช่นนั้นก็เป็เื่ที่ดี ข้าว่าพวกเขาทั้งสองคนก็เหมาะสมกัน กลัวแค่ว่า...แม่หนูหรานจะแต่งเข้าจวนสกุลโจวยากน่ะสิ!”
สกุลโจวคือผู้ใด นั่นคือสกุลใหญ่ของเขตปาเจียวเชียวนะ
ขนาดในเมืองหลวง ก็ยังมีชื่อของธุรกิจพวกเขาปรากฏอยู่จนทั่ว
และสกุลโจว ได้ยินมาว่ายังมีญาติที่เป็ขุนนางอยู่ในเมืองหลวงด้วย
เมืองหลวง... คือสถานที่เช่นไร!
อย่างไรก็ไม่ใช่สิ่งที่ประชาชนคนธรรมดาอย่างพวกเขาจะคิดออกได้
ตัดภาพจากสองพ่อลูกที่อยู่ด้านนอก มาถึงสองคนที่อยู่ในห้อง
หลังจากเฉินเนี้ยนหรานมองตาโจวอ้าวเสวียนด้วยความหงุดหงิด ทันใดนั้นความคิดหนึ่งก็แล่นวาบเข้ามาในหัว ไอ๊หยา เ้าเด็กนี่กำลังหึงอย่างชัดเจนเลย ทำไมนางถึงได้มองข้ามไปว่าเขากำลังหึงอยู่ได้นะ
ดังนั้นความโกรธของนางก็หายไปอย่างไม่มีเหตุผล
นางเดินไปตรงหน้าโจวอ้าวเสวียนอย่างเชื่องช้า มือทั้งสองข้างค้ำลงกับโต๊ะ มองบุรุษตรงหน้าด้วยใบหน้าเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม
“ข้ากระหายแล้วทำเช่นไรดี?”
ประโยคที่ทั้งแ่เบา อ่อนหวานถูกนำมาเอื้อนเอ่ย ราวกับกำลังร้องขอ ทั้งยังแฝงไปด้วยความนุ่มนวลอ่อนหวาน แต่ก็มีความออดอ้อนปรากฏออกมานิดหน่อย...
ทางด้านโจวอ้าวเสวียนที่ในใจมีไฟโกรธสุมอยู่ในอก เมื่อเผชิญหน้ากับการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของนางก็ดึงสติกลับมาไม่ทัน แต่ว่า บุรุษคนนี้ก็ยังรินน้ำชาเต็มแก้วให้นางอย่างตั้งใจ ก่อนจะถอยหลังไปหนึ่งก้าว มองเสื้อผ้าน้อยชิ้นของนางด้วยความรังเกียจ
“แต่งตัวอะไรกัน รีบกลับไปเปลี่ยนเป็ชุดก่อนหน้านี้เลยนะ!” พูดถึงเื่เปลี่ยนเสื้อผ้า บุรุษคนนี้ก็เหมือนจะกัดฟันพูดออกมา
เฉินเนี้ยนหรานที่กำลังดื่มชาได้ยินประโยคนี้เข้า ก็ยิ่งมั่นใจว่าเ้าเด็กคนนี้กำลังหึงจริงๆ ด้วย!
แก้วชาบดบังรอยยิ้มบนใบหน้าของนาง ตอนที่วางแก้วลง ใบหน้าของเฉินเนี้ยนหรานก็เปลี่ยนมาจริงจัง นางกะพริบตาปริบๆ มองไปทางโจวอ้าวเสวียนด้วยความน้อยใจ “คุณชายห้า ท่านคิดว่าการร่ายรำของข้าไม่งดงามเลยสักนิดหรือ? แล้วเพลงของข้า มันไม่เข้าหูท่านขนาดนั้นเลยหรือ?”
ั์ตาใสทั้งสองข้างรื้นด้วยน้ำตา มองไปทางเขาด้วยสายตาน้อยใจแฝงความโกรธ
เพิ่งจะเต้นจบ ใบหน้าของนางจึงยังคงแดงระเรื่อ ดวงตางดงามราวภาพวาดที่เสมือนจริง
ขนตายาวกระพริบเบาๆ ทำเอาหัวใจของโจวอ้าวเสวียนสั่นคลอนและอ่อนยวบอย่างประหลาด
ไม่กล้าที่จะมองหน้าตรงๆ เขาจึงยกแก้วชาไปที่ปากแทน
“ก็..ก็ไม่ถือว่าแย่มาก เพียงแต่ ไม่ค่อยเหมาะสม....รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วกลับมากินข้าว กินข้าว...กันเถิด”
ด้วยกลัวว่าตัวเองจะหัวเราะออกมา เฉินเนี้ยนหรานจึงรีบซ่อนรอยยิ้มเอาไว้ แต่อย่างไร ความรู้สึกอยากหัวเราะนี้ก็ควบคุมได้ยากยิ่ง ไหล่ทั้งสองข้างของนางสั่นไม่หยุด
ตอนที่เงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง ก็สบตาเข้ากับดวงตากรุ่นโกรธ รวมถึงใบหน้าหล่อเหลานั้นใกล้ๆ
โจวอ้าวเสวียนเชยคางนางขึ้น ค่อยๆ เข้าใกล้ทีละนิด “เฉินเนี้ยนหราน...”
เมื่อครู่ยังแอบหัวเราะเยาะที่เ้าหมอนี่หึงได้ชัดเจนเช่นนี้ แต่ตอนนี้กลับพบว่า เ้าหมอนี่ก็เป็คนที่สามารถเขมือบนางได้ด้วย ไม่รู้ทำไม เมื่อเห็นว่าใบหน้าหล่อเหลานั้นเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ เฉินเนี้ยนหรานก็มีความคิดอยากจะหนีไปเข้าห้องน้ำเหลือเกิน! ช่างน่าขายหน้า!!!
อา นางเวลาตื่นเต้นจะปวดปัสสาวะ
“ข้าอยากจะไปเปลี่ยนเสื้อแล้ว...” เฉินเนี้ยนหรานพูดขออนุญาตเสียงอ่อน
“แม่นาง เ้าชอบแหย่คนเล่นเสียจริงนะ!”
“อ๊ะ!” เฉินเนี้ยนหรานอ้าปาก ดึงสติกลับมาไม่ทัน
“หลับตา!”
น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเอาแต่ใจแฝงไปด้วยการออกคำสั่ง ทำเอาเฉินเนี้ยนหรานใจนรีบปิดตาทันที กำมือเอาไว้แน่น กล้ามเนื้อบนใบหน้ากำลังสั่นเพราะว่าตื่นเต้นเกินไป
“อย่านะ อย่านะ ข้าไม่อยากจูบ ขอร้องล่ะ ข้าไม่อยากจูบกันทั้งๆ ที่จากกันมานานขนาดนั้นหรอกนะ!!!” ความในใจของเด็กสาวได้ถูกเปิดเผยออกมาไม่หยุด
บนใบหน้ารู้สึกเพียงแค่ความร้อนผ่าวและความจั๊กจี้
ในตอนที่นางกำลังคิดมากอยู่นั้น ริมฝีปากก็รู้สึกถึงความเย็น
แล้วก็มีเนื้อััที่เหมือนจะแข็งอยู่นิดหน่อย แต่ ก็ให้ััที่เย็นอยู่ไม่น้อย
แต่ว่า ความรู้สึกนั้น ก็แค่แนบลงมาแล้วไม่ขยับต่อ
ดูเหมือนว่า....จะไม่ค่อยเหมือนริมฝีปากอยู่นิดหน่อยนะ??
นางลืมตาขึ้นด้วยความหงุดหงิด ก็พบกับดวงตาที่โค้งจนเหมือนพระจันทร์เสี้ยว
และในมือของบางคนก็มีตุ๊กตาที่ทำจากไม้
มือของตุ๊กตาตัวนั้นวางอยู่ที่ริมฝีปากของนาง ถึงว่า นางถึงรู้สึกว่ารสชาติัันี้มันช่างไม่คุ้นเคยเลยสักนิด
ดวงตาของนางเบิกกว้างขึ้น มือทำท่าจะคว้าเอาตุ๊กตาที่อยู่ตรงริมฝีปากของตนเองออกมามอง
ทว่าโจวอ้าวเสวียนกลับโยนตุ๊กตาตัวนั้นทิ้งไป แล้วถอยหลังไปอีกหนึ่งก้าว
“ไปเรียกพวกเขามากินข้าว คุยธุรกิจกัน!”
ความโกรธที่มีมอดดับลงอีกครั้งเพราะว่าคุณชายพูดเื่การทำธุรกิจ ก็ได้... ครั้งนี้หากนับว่าตนทำธุรกิจกัน นางเหมือนจะขาดทุนจริงๆ
มารดาเอ๊ย ต่อไปจะต้องคิดบัญชีกับเขาให้ได้
เมื่อรู้สึกว่าถูกแกล้งแล้ว เฉินเนี้ยนหรานก็ถลึงตาใส่คุณชายคนนี้ด้วยความโกรธ ก่อนจะหมุนตัวไปเรียกทั้งสองพ่อลูกมากินข้าว
แต่ว่า ก่อนที่จะกินข้าว เฉินเนี้ยนหรานจะต้องไปเปลี่ยนเป็ชุดก่อนหน้านี้ก่อน
นางไม่อยากจะถูกคนมองเป็ลิงหรอกนะ โดยเฉพาะกับดวงตาบางคนที่ทิ่มแทงคนเหลือเกิน ยิ่งทำให้นางเหมือนมีหนามทิ่มอยู่ที่หลังตลอดเวลา
อาหารมื้อนี้ เฉินเนี้ยนหรานไม่รับรู้รสชาติเลยสักนิด ถึงแม้อาหารบนโต๊ะจะแพงมาก แต่นางก็ไม่รู้ว่าที่กินเข้าไปมันคืออะไร
กลับกัน อารมณ์ของคุณชายห้าเหมือนจะดีมาก
คุณชายชนแก้วกับเฉินจื่อิ ทั้งคู่ดื่มกันจนพอใจแล้วถึงหยุด
หลังจากเฉินจื่อิดื่มจนล้มพับไป เฉินเนี้ยนหรานถึงได้เริ่มกระแอมออกมา เตือนคุณชายห้าว่าควรจะคุยเื่ธุรกิจขนมไหว้พระจันทร์ได้แล้ว
“คุณชายห้า ข้าวก็กินแล้ว เหล้าก็ดื่มแล้ว ตอนนี้พวกเราควรจะ...คุยธุรกิจกันอย่างจริงจังได้แล้ว?”
โจวอ้าวเสวียนที่ดื่มเหล้าเข้าไป ถึงแม้จะไม่เมา แต่ก็ยิ่งทำให้หน้าตาเย้ายวนงดงามสะกดใจคน
บุรุษไม่ควรที่จะใช้คำว่างดงาม แต่เฉินเนี้ยนหรานกลับรู้สึกว่า เขาในตอนนี้สามารถใช้ได้แค่คำว่างดงามมาบรรยาย
โจวอ้าวเสวียนที่ดื่มเหล้าเข้าไป ดวงตาดอกท้อราวกับมีแสงระยิบระยิบเปล่งประกายสวยงาม ขนตางอนราวเส้นไหม ใบหน้าหล่อเหลาที่เดิมทีบอกได้ยากว่าเป็บุรุษหรือสตรี ในตอนนี้มีสีแดงระเรื่อแบบดอกเถาฮวา [1]
ทั้งตัวมองดูแล้วก็รู้สึกว่ามีไอร้อนระอุแผ่ออกมา รู้สึกเหมือนลูกท้อสุก ทำให้คนอยากกัดสักคำ
“ได้ ทำธุรกิจ แม่นาง เ้าชอบเจรจาธุรกิจมากสินะ” โจวอ้าวเสวียนหรี่ตาลง เหล่มองมาทางนาง
--------------
เชิงอรรถ
[1] ดอกเถาฮวา ดอกซากุระเมืองจีน