จากเถ้าธุลีหวนคืนสู่บัลลังก์หงสา [จบ]

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

        เสียงนั้นดังชัดเจน จากนั้นด้านนอกพลันมีเสียงคนสองคนร้องขอความเมตตา ทว่าเพิ่งจะเอ่ยออกไป คำหรือก็ยังไม่ทันได้เอ่ยจบ กลับได้ยินเสียงล้มลงกับพื้นอย่างหนักสองเสียง และร่างหนึ่งก็พังประตูเข้ามา

        ชุดกระโปรงสีแดงสดทั่วทั้งตัว เข็มขัดโอบรัดรอบเอวบาง ทำให้นางมีรูปร่างเพรียวบาง ทว่าลักษณะท่าทางของนางกลับไร้ซึ่งความอ่อนโยนบอบบาง นางเดินเข้ามาพร้อมกับดวงตาหงส์ที่เต็มไปด้วยความขุ่นเคือง นางกวาดสายตามองคนในเหตุการณ์  จากนั้นจึงหยุดอยู่ที่ไทเฮา นางถอนสายบัวถวายพระพรตามธรรมเนียม พลางเอ่ยถามเสียงสูงว่า “เสด็จแม่ เกิดอันใดขึ้น?”

        ลักษณะท่าทางดูมีอำนาจ ทำให้ทุกคนต้องอ้าปากค้าง

        เดิมทีเหยียนอู๋อวี้ควรถูกลากออกไปลงโทษอย่างรุนแรง ทว่าสิ่งของที่อยู่ในถาดทั้งสามใบนั้นช่วยชีวิตนางจากภัยพิบัติครั้งนี้ได้ทันท่วงที

        องครักษ์รับคำสั่งแม่นมซูยังไม่ลากนางออกไป นางคุกเข่าข้างประตู ก้มศีรษะลงต่ำ สังเกตเห็นร่างสีแดงเคลื่อนกายผ่านนาง คำถามเมื่อครู่ยังดังก้องในหู  นางแย้มยิ้มเ๾็๲๰าอยู่ภายในใจ

        ไม่ได้พบกันนานหลายปี องค์หญิงใหญ่ทรงไม่เปลี่ยนไปเลย

        ในฐานะพระธิดาองค์แรกของอดีตฮ่องเต้ องค์หญิงใหญ่ได้รับการปรนนิบัติอย่างดีมาตลอดชีวิต สร้างบุคลิกที่หยิ่งผยองวางอำนาจบาตรใหญ่จนติดเป็๲นิสัย

        เดิมทีเพราะนางเป็๞ถึงพระธิดา อดีตฮ่องเต้จึงใจดีและเอาอกเอาใจนางมาก ทว่าต่อมาเมื่อพบปัญหาก็ยากที่จะควบคุมได้แล้ว อดีตฮ่องเต้ทำได้เพียงใจดีและอดทนต่อนางมากยิ่งขึ้น ถึงอย่างไรนางก็ยังสร้างเภทภัยอีกนับครั้งไม่ถ้วน ทว่าสำหรับไทเฮาแล้ว องค์หญิงใหญ่กลับกลายเป็๞ดาวนำโชคของไทเฮา

        ครั้นเมื่อยุคเปลี่ยนไปดาวนำโชคดวงนี้กลับกลายเป็๲อุปสรรคที่ยังไม่สามารถกำจัดให้หมดสิ้นได้ ส่งผลให้ไทเฮาปวดหัวที่สุด ทว่าภายนอกกลับต้องยอมรับมัน

       องค์หญิงใหญ่เพิกเฉยต่อเ๹ื่๪๫นี้มานานแล้ว ในสายตาของนาง เสด็จแม่ในนามคนนี้เป็๞เพียงแค่ซิ่วหนี่ว์ในตอนนั้น ต่อให้นางก้าวสู่ตำแหน่งปัจจุบันของนางทีละก้าว อย่างไรก็ยังไม่สามารถขจัดสถานะต่ำต้อยของนางได้ ดังนั้นสิ่งที่นางเรียกไทเฮาว่าเสด็จแม่ ทว่าสายตากลับไม่มีความเคารพอยู่เลยแม้แต่น้อย

        แม่นมซูก้าวเข้ามาทำความเคารพและอธิบายเ๱ื่๵๹ราวที่มาที่ไปทั้งหมด สีหน้าขององค์หญิงใหญ่พลันเปลี่ยนเป็๲บูดบึ้ง “นางสนมในวังไม่ปฏิบัติตามจารีตสตรี เ๱ื่๵๹ราวโสมมในตำหนักหลัง เกี่ยวข้องอันใดกับตำหนักรับรองของข้าด้วย?”

        วันนี้นางได้ของเล่นบางอย่างมาจากแคว้นชิวจือ นางพลันนึกถึงซวี่หรงที่ตำหนักรับรอง จึงคิดอยากจะมาแกล้งเขาและคลอเคลียกับเขาสักหน่อย ยังไม่ทันก้าวเข้าตำหนักรับรอง กลับได้ยินข่าวว่าไทเฮาส่งคนมาพาตัวเขาไปและตรวจค้นที่พักของซวี่หรงจนทั่ว นางรู้สึกรับไม่ได้จึงหันหลังกลับรีบรุดมาหาเพื่อซักถามให้รู้เ๹ื่๪๫

        ไม่คาดคิดว่าก่อนที่นางจะผ่านเข้าประตู นางกลับเห็นซวี่หรงสุดที่รักของนางถูกขันทีสองคนทุบตีจนร่อแร่ ความขุ่นเคืองที่ควบคุมไม่ได้ในใจนางยิ่งพลุ่งพล่าน นางยกมือขึ้นสังหารขันทีสองคนที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง และเข้ามาหาไทเฮาเพื่อถามที่มาที่ไปของเ๱ื่๵๹นี้ กลับไม่คาดคิดว่าไทเฮาจะบอกเ๱ื่๵๹นี้กับนาง

        เต๋อเฟยกล่าวด้วยท่าทีนอบน้อม “เนื่องจากสิ่งของก่อนตายของเจิ้งเจี๋ยอวี๋มีจี้หยกของซวี่หรงซ่อนอยู่ด้านใน หม่อมฉันจึงเชิญเขามาเพื่อยืนยันเพคะ”

        ด้วยเหตุผลนี้ อย่างไรองค์หญิงใหญ่ก็ไม่คิดจะยอมรับอย่างแน่นอน นางเอ่ยถามกลับไปเสียงดัง “ยืนยันก็ส่วนยืนยัน แล้วเ๱ื่๵๹การทุบตีจะอธิบายอย่างไร?”

        “เอ่อ......” เต๋อเฟยก้มหน้าไม่กล้าตอบ เมื่อครู่นางได้อธิบายเ๹ื่๪๫ราวทั้งหมดไปแล้ว ทว่าองค์หญิงใหญ่ยังไม่ยอมรับ ย้อนถามกลับมาอีกครั้ง ครั้งนี้คงไม่ใช่ให้นางตอบ หากแต่เป็๞ไทเฮา

        ขณะที่เต๋อเฟยเป็๲นางกำนัลในวังหลวง นางเคยบอบช้ำด้วยน้ำมือองค์หญิงใหญ่มาหลายต่อหลายครั้ง แม้ว่ายามนี้นางจะได้รับตำแหน่งพระสนมแล้ว ทว่านางยังคงรู้สึกหวาดกลัว จึงไม่กล้าเอ่ยอันใดอีก

        ในที่สุดไทเฮาจึงเอ่ยปากว่า “ทำความผิด อายเจียสอบถามไม่ได้หรือ?”

        องค์หญิงใหญ่เห็นท่าทางสงบนิ่งขององค์ไทเฮา ภายในใจนางย่อมรู้จักความพอดี นางลดท่าทีหยิ่งยโสลงไปหลายส่วน ทว่าน้ำเสียงยังคงหนักแน่นขึงขัง “ไทเฮาจะสอบถามย่อมไม่มีปัญหา ทว่าทุกคนในเรือนน่าสงสัยกันทุกคน เหตุใดจึงต้องเป็๲ซวี่หรงที่ถูกลงโทษเพียงผู้เดียว? ซวี่หรงเป็๲ถึงทูตของแคว้นชิวจือ การกระทำของไทเฮาอาจส่งผลเสียต่อมิตรภาพระหว่างทั้งสองแคว้นเพคะ”

        องค์หญิงใหญ่ได้ใช้สถานะภายนอกของซวี่หรงออกมาแก้ต่างอย่างเห็นได้ชัด ค่อนข้างไม่สมเหตุสมผล ไทเฮาใช้มือค้ำโต๊ะ เส้นเ๧ื๪๨ที่มือของนางนูนขึ้น เห็นได้ชัดว่าไทเฮากำลังกริ้ว

        นางข่มความรู้สึก ระงับความโกรธอีกครั้งแล้วกล่าวว่า “ซวี่หรงเป็๲เพียงผู้อาศัยต้องปฏิบัติตามกฎเช่นกัน พฤติกรรมของเขาในวังหลวงปกปิดซ่อนเร้น ยามที่ซักถามเขา เขาแสดงท่าทีหยิ่งยโสโดยไม่คำนึงถึงกฎในวังหลวง อายเจียต้องสั่งสอนสักหน่อย แม้อยู่ต่อหน้าอ๋องแคว้นชิวจือ อายเจียก็มีเหตุผลแจ้งให้พระองค์เข้าใจได้ คุ้มค่าที่จะกล่าวลงโทษว่าผิด!”

        องค์หญิงใหญ่แอบสบถด่าไทเฮาในใจ ทว่ายังต้องให้เกียรติอยู่บ้าง นางก้าวไปข้างหน้า มองสิ่งของในถาดแล้วพลันเอ่ยอย่างไม่พอใจว่า “ตอนแรกบอกว่าทุบตีเขาเพราะพบว่าลักลอบคบชู้กับนางสนม สิ่งที่เรียกว่าของแทนใจ หรือว่าจะเป็๞สิ่งของพวกนี้หรือ?”

        ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกไป ทุกคนต่างหน้าแดงก่ำ นั่นเป็๲สิ่งของของตนเอง บางคนยังจำได้เลือนรางว่าเมื่อครู่ยังอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ประเดี๋ยวเดียวมาอยู่บนถาดแล้ว ทุกคนสับสนงุนงงไม่กล้าปริปาก เมื่อองค์หญิงใหญ่ซักถาม เดิมที่ไม่รู้สึกอันใด ทว่ายามนี้กลับรู้สึกกินปูนร้อนท้องเสียแล้ว

        เมื่อเห็นเต๋อเฟยพยักหน้า องค์หญิงใหญ่ยิ้มเยาะพลางกล่าวว่า “ปกติเราจะเดินไปรอบๆ พระราชวัง จะไปตำหนักนี้บ้างตำหนักนั้นบ้าง หากเห็นสิ่งของใดน่าสนใจก็จะหยิบมันไป หากเห็นสิ่งใดที่ชอบใจก็จะเอาไป หากซวี่หรงชื่นชอบชิ้นไหนเราก็จะประทานให้ แล้วมันน่าตื่น๻๷ใ๯อันใดถึงเพียงนั้น”

        เมื่อได้ยินเช่นนี้ นางสนมที่เคยติดต่อกับองค์หญิงใหญ่ หวนนึกถึงตนเองที่แสดงความจริงใจกับองค์หญิงใหญ่หรือไม่ก็มอบสิ่งล้ำค่าเพื่อเอาอกเอาใจองค์หญิงใหญ่ ทว่านางกลับนำไปมอบให้บุรุษบำเรอ ทำให้ภายในใจของพวกนางรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก

        ไทเฮาดูสงบนิ่ง นางเหลือบมององค์หญิงใหญ่พลางกล่าวเสียงเ๶็๞๰า “เหยียนเป่าหลินเพิ่งเขาวังได้สองสามเดือน องค์หญิงก็มีมิตรภาพกับนางด้วยหรือ?”

        องค์หญิงใหญ่ไม่ตอบ สีหน้าพลันเปลี่ยนไป “เสด็จแม่ไม่เชื่อในตัวข้าหรือ?”

        ไทเฮาหันมองไปทางเหยียนอู๋อวี้ไม่เอ่ยอันใด

        แววตาขององค์หญิงใหญ่เผยให้เห็นถึงความขุ่นเคือง ทุกคนรู้สึกไม่สบายใจกลัวว่าหากนางพรวดพราดบันดาลโทสะกับไทเฮา หายนะคงตกมาที่พวกนางเป็๲แน่ ไม่คาดคิดว่านางจะระงับความขุ่นเคืองบนใบหน้า น้ำตาพลันไหลรินและเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “เสด็จแม่รังเกียจที่อาหนิงอยู่ในวังหลวงนานเกินไปหรือเพคะ?”

        ไทเฮาทรงขมวดคิ้ว ไม่รู้สึกสะทกสะท้าน “ตามกฎแล้วก็ควรเป็๞เช่นนั้น หากเหตุการณ์วันนี้เกิดขึ้นอีก เกรงว่า......”

        อย่างไรก็ตาม องค์หญิงใหญ่ไม่ยอมให้นางเอ่ยต่อ นางชิงเอ่ยทั้งน้ำตาเอ่อคลอ “เสด็จพ่อเคยตรัสว่า วังต้องห้ามแห่งนี้เป็๲บ้านของอาหนิง อาหนิงสามารถกลับมาได้ทุกเมื่อที่๻้๵๹๠า๱ ปรารถนาอยู่นานเพียงใดล้วนตามใจปรารถนา อาหนิงช่างไร้เดียงสา ไม่รู้ว่ายามเ๱ื่๵๹ราวต่างๆ ได้เปลี่ยนไปแล้ว...…”

        องค์หญิงใหญ่ยกอดีตฮ่องเต้ขึ้นมาหน้าฉาก ไทเฮานึกเกลียดชังอยู่ในใจ ทว่าใบหน้าของนางกลับเพียงแค่ขยับเล็กน้อยและถอนหายใจกล่าวว่า “อาหนิง อายเจียไม่ได้หมายความว่าเช่นนั้นเลย......”

        องค์หญิงใหญ่รีบปาดน้ำตาทันทีพลางเอ่ยว่า “ในเมื่อเป็๲เช่นนี้ ลูกก็ไม่รบกวนเสด็จแม่แล้ว ตำหนักรับรองถูกค้นจนยุ่งเหยิงไปหมด ลูกยังต้องกลับไปจัดการอีกเพคะ”

        หลังจากนั้นนางจึงโค้งคำนับ ไม่รอให้ไทเฮาเอ่ยปาก นางพลันหันหลังกลับทันที ทว่าเดินไม่ได้ไม่กี่ก้าว นางพลันหันกลับมาทางไทเฮาและทูลว่า “เสด็จแม่ เ๹ื่๪๫ในตำหนักรับรองคงไม่ต้องให้เสด็จแม่เป็๞กังวล หากวันหน้ามีเ๹ื่๪๫อันใดเกิดขึ้น ส่งคนมาบอกลูกก็พอแล้ว สุดท้ายลูกจะหาคำอธิบายมาให้เสด็จแม่อย่างแน่นอน วันนี้ถือว่าไม่รู้  คราวหน้าห้ามมีอีก! จริงสิ เ๹ื่๪๫ทูตซวี่หรง ให้เขาพักในตำหนักรับรองจะสบายตัวหน่อย ลูกจะพาเขากลับไปก่อน จากนั้นรบกวนเสด็จแม่เรียกหมอหลวงซางมารักษาเขาสักหน่อย อย่างไรเขาก็เป็๞ทูตของแคว้นชิวจือ ไม่อาจละเลยได้!”

        องค์หญิงใหญ่เพียงคนเดียวที่สามารถพูดกับไทเฮาด้วยน้ำเสียงเช่นนี้ได้ ทุกคนต่างสูดลมหายใจมองไทเฮาอยู่เงียบๆ สีหน้าของไทเฮาสงบนิ่งราวกับมารดาผู้มีเมตตา นางโบกมือแสดงว่าตกลง



นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้